logo

Juvederm Filler ราคา โปรแกรมฉีดปรับรูปหน้า

user avatar
จิราวรรณ มงคลธรรม·06/27/2025 09:53
点赞
Juvederm Filler ราคา โปรแกรมฉีดปรับรูปหน้า

สวัสดีค่าสาวๆ หนุ่มๆ ผู้ใฝ่ฝันอยากมีใบหน้าเป๊ะปัง ไม่ต้องพึ่งแอปอีกต่อไป! วันนี้เราจะมาเม้าท์มอยเรื่องของ Filler ตัวท็อป ตัวดังระดับโลก นั่นก็คือ Juvederm นั่นเองค่า ใครที่กำลังเล็งๆ อยากฉีดฟิลเลอร์ปรับรูปหน้า เติมเต็มความปังให้ใบหน้าดูอิ่มฟู ดูเด็ก หน้าไม่โทรมเหมือนอดนอนมาเป็นเดือน ต้องมาอ่านบทความนี้เลยนะจ๊ะ เพราะเราจะมาเจาะลึกเรื่องราคาและโปรแกรมฉีดปรับรูปหน้าให้ฟังแบบหมดเปลือก พร้อมเคล็ดลับช้อป เอ้ย! เลือกฉีดให้คุ้มค่า ปลอดภัย ได้หน้าสวยสมใจแน่นอนค่า ลุย!

1. Juvederm Filler มันคืออะไรกันนะ?

มาเริ่มกันที่ว่าเจ้า Juvederm เนี่ยมันคืออะไร? พูดง่ายๆ มันก็คือ สารเติมเต็ม (Filler) ชนิดหนึ่งที่ผลิตจาก Hyaluronic Acid (HA) ซึ่งเป็นสารที่มีอยู่ตามธรรมชาติในร่างกายของเรานี่แหละจ้า หน้าที่หลักๆ ของมันคือช่วยเติมเต็มปริมาตรให้ผิวที่ยุบตัวลงตามวัย หรือจากปัจจัยอื่นๆ ทำให้ผิวดูอิ่มฟู เรียบเนียนขึ้น ลดเลือนริ้วรอยร่องลึกต่างๆ แถมยังช่วยปรับรูปหน้าให้ได้สัดส่วนที่สวยงามขึ้นด้วยนะ ส่วนแบรนด์ Juvederm เนี่ยเค้าเป็นแบรนด์ดังระดับโลก มาจากประเทศอเมริกา ผลิตโดยบริษัท Allergan ซึ่งเป็นบริษัทใหญ่ที่ผลิตผลิตภัณฑ์ความงามทางการแพทย์มานาน และได้รับความนิยมและยอมรับจากแพทย์ทั่วโลก รวมถึงในประเทศไทยด้วย

Juvederm มีหลายรุ่นมากๆ แต่ละรุ่นก็มีคุณสมบัติและเหมาะกับการฉีดในบริเวณที่แตกต่างกันไป เช่น รุ่นที่เนื้อแข็งหน่อยก็เหมาะกับการเติมเต็มที่ต้องการความเป็นทรงและยกกระชับ เช่น คาง ขมับ หรือแก้มตอบ ส่วนรุ่นที่เนื้อนิ่มละเอียดก็เหมาะกับบริเวณที่ผิวบาง หรือต้องการความเรียบเนียนเป็นธรรมชาติ เช่น ใต้ตา ปาก หรือริ้วรอยตื้นๆ


2. ราคาในตลาดไทยเป็นยังไงบ้าง? (เรื่องเงินเรื่องใหญ่!)

มาถึงเรื่องสำคัญที่สุดที่ทุกคนอยากรู้! ราคาของฟิลเลอร์ Juvederm ในประเทศไทยเนี่ย ไม่มีราคาตายตัวเป๊ะๆ นะจ๊ะ มันจะแตกต่างกันไปในแต่ละคลินิก ขึ้นอยู่กับปัจจัยหลายอย่าง ทั้งชื่อเสียงและความน่าเชื่อถือของคลินิก ประสบการณ์ของแพทย์ และที่สำคัญคือ รุ่นของ Juvederm ที่เลือกใช้ และ ปริมาณ (CC) ที่ฉีด ด้วย

โดยทั่วไป ราคา Juvederm ต่อ 1 CC ในคลินิกมาตรฐานในไทยจะอยู่ในช่วงประมาณ หลักหมื่นบาทต่อ CC ซึ่งแต่ละรุ่นราคาก็จะไม่เท่ากันนะ จากข้อมูลที่หามาได้เนี่ย บางรุ่นราคาเริ่มต้นประมาณ 7,000-10,000 บาทต่อ CC ในโปรโมชั่น แต่บางรุ่นที่เป็นรุ่นใหม่ หรือมีคุณสมบัติพิเศษ ราคาก็อาจจะสูงขึ้นไปถึง 12,000-18,000 บาทต่อ CC หรือมากกว่านั้นก็มี

ยกตัวอย่างรุ่นฮิตๆ เช่น Juvederm Voluma ที่เน้นยกกระชับและเติมเต็ม ราคาต่อ CC ก็จะประมาณ 12,000 - 20,000 บาท ส่วนรุ่น Volite ที่เน้นเรื่อง Skin Booster เพิ่มความชุ่มชื้นผิว ก็อาจจะราคาประมาณ 10,000 - 14,000 บาท รุ่นอื่นๆ เช่น Volift หรือ Volbella ก็มีราคาแตกต่างกันไปตามคุณสมบัติและความเข้มข้น

สำคัญมากๆ เลยนะจ๊ะ! การซื้อฟิลเลอร์ตามแพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซทั่วไปอย่าง Lazada, Shopee หรือร้านค้าออนไลน์ที่ไม่น่าเชื่อถือเป็น อันตรายถึงชีวิต เพราะมีความเสี่ยงสูงมากที่จะเจอของปลอม ไม่ได้มาตรฐาน ซึ่งถ้าฉีดเข้าไปแล้วอาจเกิดผลข้างเคียงร้ายแรงได้ ฟิลเลอร์ Juvederm ของแท้ที่นำเข้าอย่างถูกต้องในประเทศไทย จะต้องมีสติกเกอร์และรายละเอียดต่างๆ ที่สามารถตรวจสอบกับบริษัทผู้ผลิตได้ และต้องฉีดโดยแพทย์ในคลินิกหรือโรงพยาบาลที่ได้มาตรฐานเท่านั้นนะจ๊ะ!


3. เปรียบเทียบราคากับยี่ห้ออื่นเป็นยังไงบ้าง?

ในตลาดฟิลเลอร์บ้านเราเนี่ย ไม่ได้มีแค่ Juvederm นะ ยังมียี่ห้ออื่นๆ ที่นิยมไม่แพ้กัน เช่น Restylane จากสวีเดน, Belotero จากสวิตเซอร์แลนด์ หรือ Neuramis จากเกาหลี แต่ละยี่ห้อก็มีจุดเด่น มีรุ่นย่อยๆ ที่คุณสมบัติต่างกันไป ทำให้ราคาก็แตกต่างกันด้วยนะ

ถ้าเทียบกับ Juvederm เนี่ย Restylane ก็ถือเป็นคู่แข่งตัวฉกาจ คุณภาพดีพอกัน ราคาต่อ CC ก็จะอยู่ในช่วงใกล้เคียงกัน อาจจะมีรุ่นที่ถูกกว่าหรือแพงกว่า Juvederm บางรุ่น ขึ้นอยู่กับเทคโนโลยีและคุณสมบัติ ส่วนฟิลเลอร์เกาหลีอย่าง Neuramis ก็จะมีราคาที่เข้าถึงง่ายกว่า Juvederm และ Restylane อย่างเห็นได้ชัด แต่อย่าเพิ่งตัดสินใจแค่เรื่องราคานะจ๊ะ เพราะฟิลเลอร์แต่ละยี่ห้อ แต่ละรุ่นเนี่ย เค้าทำมาเพื่อแก้ปัญหาและฉีดในบริเวณที่ต่างกัน แถมระยะเวลาที่อยู่ได้ก็ไม่เท่ากันอีกด้วย

สรุปง่ายๆ คือ Juvederm เป็นฟิลเลอร์กลุ่มพรีเมียม คุณภาพดี ได้มาตรฐานระดับโลก ราคาก็สมเหตุสมผลกับคุณภาพและผลลัพธ์ที่ค่อนข้างยาวนานกว่าฟิลเลอร์บางยี่ห้อ แต่ถ้าอยากประหยัดงบลงมาหน่อย ก็มียี่ห้ออื่นที่คุณภาพดีรองลงมาให้เลือกนะ แต่ต้องปรึกษาแพทย์ก่อนเสมอว่ายี่ห้อไหน รุ่นไหน ที่เหมาะกับปัญหาและบริเวณที่เราต้องการแก้ไขจริงๆ จ้า


4. ฉีดฟิลเลอร์แล้วได้อะไรกลับบ้านบ้างนะ?

อันนี้ไม่เหมือนซื้อของออนไลน์ที่ได้กล่อง ได้ของแถมกลับบ้านเป็นชิ้นเป็นอันนะจ๊ะ การฉีดฟิลเลอร์เนี่ย สิ่งที่เราได้รับหลักๆ เลยคือ ตัวผลิตภัณฑ์ฟิลเลอร์ Juvederm ของแท้ ที่ใช้ฉีด, ค่าหัตถการและฝีมือของคุณหมอ ผู้เชี่ยวชาญที่ประเมินและฉีดให้เรา, และ บริการของคลินิก ตั้งแต่ให้คำปรึกษา การดูแลก่อนและหลังฉีด.

โดยราคาที่เราจ่ายไปมักจะคิดเป็น ราคาต่อ 1 CC หรืออาจจะมีเป็น ราคาแบบโปรแกรมปรับรูปหน้า ที่รวมฟิลเลอร์หลาย CC หรือรวมกับหัตถการอื่นๆ ไว้ด้วย บางคลินิกอาจจะมีแถมยาชาแบบทาให้ก่อนฉีด หรือมีการประคบเย็นให้ระหว่างทำ เพื่อลดความเจ็บปวด เพราะ Juvederm ส่วนใหญ่มีส่วนผสมของยาชา Lidocaine อยู่แล้วด้วย หลังฉีดอาจจะมีชุดยา หรือครีมบำรุงเล็กๆ น้อยๆ ให้กลับไปดูแลตัวเองที่บ้านนะ

ส่วนเรื่อง ประกัน อันนี้ไม่ใช่ประกันสินค้าอิเล็กทรอนิกส์นะจ๊ะ แต่ถ้าเป็นคลินิกที่ได้มาตรฐาน เค้าจะมีการรับประกันว่าใช้ฟิลเลอร์แท้ สามารถตรวจสอบได้ และหากมีปัญหาหลังฉีดที่เกิดจากตัวผลิตภัณฑ์หรือหัตถการของคลินิก เค้าก็จะดูแลแก้ไขให้จ้า สิ่งสำคัญคือต้องเลือกคลินิกที่น่าเชื่อถือ มีแพทย์ที่มีประสบการณ์มากๆ นะจ๊ะ


5. มีช่วงไหนน่าไปสอย เอ้ย! น่าไปฉีดเป็นพิเศษมั้ย?

ถามว่ามีช่วงโปรโมชั่นเหมือนช้อปปิ้งออนไลน์ 11.11 หรือ 12.12 ไหม? คลินิกความงามเค้าก็มีโปรโมชั่นเหมือนกันนะจ๊ะ แต่ส่วนใหญ่จะเป็นโปรโมชั่นที่คลินิกจัดขึ้นเอง ไม่ได้ผูกกับแพลตฟอร์มช้อปปิ้งโดยตรง

คลินิกเสริมความงามมักจะมีโปรโมชั่นลดราคาฟิลเลอร์ หรือจัดเป็นแพ็กเกจราคาพิเศษในช่วง เทศกาลต่างๆ เช่น ปีใหม่ สงกรานต์ หรือช่วงครบรอบของคลินิกเอง บางทีก็จะมีโปรโมชั่นสำหรับลูกค้าใหม่ หรือโปรโมชั่นเฉพาะบางรุ่น บางบริเวณที่ฉีดด้วยนะจ๊ะ

ดังนั้น ถ้ากำลังเล็งๆ อยากฉีด Juvederm อยู่ล่ะก็ แนะนำให้ ติดตามโปรโมชั่นของคลินิกที่เราสนใจอย่างใกล้ชิด ทางเว็บไซต์ เฟซบุ๊ก หรือไลน์ของคลินิกต่างๆ เลยจ้า บางทีอาจจะได้เจอดีลดีๆ ในราคาที่ยิ้มได้นะ แต่อย่าเห็นแก่ของถูกมากจนเกินไป จนละเลยเรื่องความปลอดภัย และความน่าเชื่อถือของคลินิกนะจ๊ะ!


6. คนไทยฉีด Juvederm แล้วรู้สึกยังไงกันบ้างนะ?

จากที่ลองส่องๆ ดูรีวิวของคนไทยที่ฉีด Juvederm เนี่ย เสียงตอบรับส่วนใหญ่ค่อนข้างดีเลยนะจ๊ะ จุดที่คนไทยปลื้มปริ่มกันมากๆ ก็คือ:

  • ผลลัพธ์ดูเป็นธรรมชาติ: หลายคนบอกว่า Juvederm ฉีดแล้วดูเนียนไปกับผิว ไม่เป็นก้อน ทำให้หน้าดูอิ่มฟูแบบไม่ได้ดูโป๊ะ
  • ช่วยยกกระชับ ปรับรูปหน้าได้จริง: โดยเฉพาะรุ่นที่เนื้อแข็งหน่อย ช่วยเรื่องการยกกระชับแก้ม เหนียง ทำให้กรอบหน้าชัดขึ้น หน้าดูเรียววีเชฟขึ้นได้
  • อยู่ได้นาน: Juvederm หลายๆ รุ่นมีอายุการใช้งานค่อนข้างยาวนาน อยู่ได้เป็นปี หรือบางรุ่นก็ถึง 2 ปี ทำให้ไม่ต้องมาเติมบ่อยๆ ถือว่าคุ้มค่ากับการลงทุน
  • มีความน่าเชื่อถือ ปลอดภัย: การที่เป็นแบรนด์ดังระดับโลก ได้รับรองมาตรฐาน ทำให้คนไทยหลายคนมั่นใจในความปลอดภัยของผลิตภัณฑ์

แต่ก็มีบางส่วนที่อาจจะรู้สึกว่าราคาสูงไปหน่อย เมื่อเทียบกับฟิลเลอร์ยี่ห้ออื่นในท้องตลาด หรือบางคนอาจจะมีรอยช้ำ บวมแดงเล็กน้อยหลังฉีด ซึ่งเป็นเรื่องปกติที่เกิดขึ้นได้และจะค่อยๆ หายไปเอง สิ่งสำคัญที่ทุกคนย้ำเลยคือ ต้องเลือกคลินิกที่ดีและคุณหมอที่มีประสบการณ์จริงๆ เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่สวยงามและปลอดภัยที่สุดนะจ๊ะ


7. แล้วจะไปหาฉีด Juvederm ได้ที่ไหนที่ชัวร์ๆ ล่ะ?

ย้ำอีกครั้งแบบชัดๆ เลยนะจ๊ะว่า การฉีดฟิลเลอร์เป็นหัตถการทางการแพทย์ ที่ต้องทำโดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญในสถานพยาบาลที่ได้มาตรฐานเท่านั้น! ดังนั้น ช่องทางที่แนะนำให้ไปฉีด Juvederm ที่ปลอดภัยและมั่นใจได้ก็คือ:

  • คลินิกเสริมความงามที่ได้รับมาตรฐาน: เลือกคลินิกที่มีใบอนุญาตประกอบกิจการถูกต้อง มีชื่อเสียงที่ดี และที่สำคัญคือต้องมีแพทย์ที่มีประสบการณ์ในการฉีดฟิลเลอร์โดยเฉพาะ ก่อนตัดสินใจ ให้เข้าไปปรึกษาคุณหมอที่คลินิกก่อน เพื่อให้คุณหมอประเมินปัญหา แนะนำรุ่นฟิลเลอร์ที่เหมาะสม และอธิบายขั้นตอนต่างๆ ให้เราเข้าใจนะจ๊ะ
  • โรงพยาบาลที่มีแผนกผิวหนังหรือความงาม: โรงพยาบาลก็เป็นอีกทางเลือกที่มั่นใจได้ในเรื่องมาตรฐานและความปลอดภัย แต่ราคาก็อาจจะสูงกว่าคลินิกบ้าง

โปรดระวัง! อย่าหลงเชื่อการขายฟิลเลอร์ตามออนไลน์ หรือการฉีดฟิลเลอร์ในสถานที่ที่ไม่ใช่คลินิก เช่น คอนโด ร้านเสริมสวย หรือกับบุคคลที่ไม่ใช่แพทย์เด็ดขาด! เพราะเสี่ยงมากที่จะเจอฟิลเลอร์ปลอม ไม่ได้มาตรฐาน หรือโดนฉีดโดยผู้ที่ไม่มีความรู้ความชำนาญ ซึ่งอาจทำให้เกิดผลข้างเคียงร้ายแรงจนถึงขั้นตาบอด หรือเนื้อตายได้เลยนะจ๊ะ! จำไว้ว่าความสวยต้องมาพร้อมกับความปลอดภัยนะจ๊ะ!


8. สรุปแล้ว Juvederm น่าฉีดไหม? เหมาะกับใคร?

มาถึงบทสรุปแล้วจ้า! ถามว่า Juvederm น่าฉีดไหม? ถ้าคุณเป็นคนที่:

  • ต้องการเติมเต็มริ้วรอยร่องลึก หรือปรับรูปหน้า ที่ต้องการผลลัพธ์ที่ดูเป็นธรรมชาติ
  • มองหาฟิลเลอร์ที่มีคุณภาพสูง ได้มาตรฐานสากล และมีความปลอดภัย
  • อยากให้ผลลัพธ์อยู่ได้นานๆ ไม่ต้องมาเติมบ่อยๆ
  • มีงบประมาณที่พร้อมลงทุนเพื่อความสวย ที่มั่นใจได้ในคุณภาพ

Juvederm ถือเป็นตัวเลือกที่ น่าสนใจมากๆ และคุ้มค่ากับการลงทุน เลยจ้า เพราะเป็นฟิลเลอร์แบรนด์พรีเมียมที่ได้รับการยอมรับทั่วโลก ให้ผลลัพธ์ที่ดีและค่อนข้างยาวนาน.

ส่วนจะเลือกรุ่นไหน หรือต้องใช้กี่ CC อันนี้ ต้องให้คุณหมอผู้เชี่ยวชาญประเมินให้เท่านั้นนะจ๊ะ เพราะแต่ละคนมีปัญหาและโครงสร้างใบหน้าที่แตกต่างกัน คุณหมอจะช่วยแนะนำรุ่นฟิลเลอร์ที่เหมาะสมกับบริเวณที่ต้องการฉีด และประเมินปริมาณที่ต้องใช้เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่สวยงาม เป็นธรรมชาติ และเข้ากับใบหน้าของเรามากที่สุดจ้า

จำไว้ว่าการฉีดฟิลเลอร์คือการลงทุนเพื่อความสวยและความมั่นใจ เลือกสิ่งที่ดีที่สุดและปลอดภัยที่สุดให้กับตัวเองนะจ๊ะ! ขอให้ทุกคนได้ใบหน้าที่สวยเป๊ะปังสมใจค่า บ๊ายบายยย!

วิดีโอที่เกี่ยวข้อง

บทความล่าสุดดูเพิ่มเติม

สวัสดีจ้าทุกคนนน! วันนี้เราจะมาเม้าท์มอยเรื่องกีต้าร์โปร่งในฝันของใครหลายๆ คน นั่นก็คือ Martin OOO-15M กีต้าร์โปร่งเสียงอุ่นที่เค้าว่ากันว่าน่าสะสมสุดๆ ใครที่กำลังเล็งๆ หากีต้าร์ดีๆ สักตัวที่ให้เสียงละมุนๆ ฟีลวินเทจๆ มามุงทางนี้เลยจ้า เพราะ
ราคา Martin OOO-15M กีต้าร์โปร่ง เสียงอุ่น น่าสะสมไหม?
สวัสดีครับพี่น้องชาวรถกระบะทุกท่านนน! วันนี้ผมจะพามาเจาะลึกรถคู่ใจสายแบก สายลุย ที่คนไทยคุ้นเคยกันดี นั่นก็คือ Toyota Hilux Vigo ตอนเดียวมือสอง นั่นเอง! ใครที่กำลังมองหากระบะไว้ใช้งาน บรรทุกของ ทำมาหากิน หรือจะเอาไปแต่งหล่อก็แล้วแต่สไตล์ มา
ราคา Toyota Vigo ตอนเดียว มือสอง รุ่นไหนน่าซื้อที่สุด?
สวัสดีจ้าพี่น้องชาวรถกระบะ รถตู้ทุกท่านนน! วันนี้เราจะมาคุยกันเรื่องยางคู่ใจที่หลายคนกำลังมองหา นั่นก็คือยางเบอร์ 205R16C นั่นเอง! ใครใช้รถปิคอัพขนของ หรือรถตู้รับส่งผู้โดยสารเป็นหลัก แล้วกำลังคิดว่าจะเปลี่ยนยางใหม่ หรือสงสัยว่ายางเบอร์นี้ม
ราคายาง 205R16C ยางสำหรับรถกระบะ/รถตู้ รุ่นไหนดี?

บทความที่แนะนำ