Seiko MM300 Green Limited Edition ราคาล่าสุด! นาฬิกาดำน้ำที่นักสะสมตามหา

สวัสดีสายนาฬิกาทุกคนนน! วันนี้เราจะมาเจาะลึกนาฬิกาดำน้ำในตำนานที่ทำเอาหลายคนใจละลาย แถมยังเป็นรุ่นลิมิเต็ดที่นักสะสมตามหากันให้ควั่ก นั่นก็คือเจ้า Seiko MM300 Green Limited Edition นั่นเองจ้า! ใครที่กำลังเล็งๆ หรืออยากรู้ว่าทำไมเจ้านาฬิกาเรือนนี้มันถึงฮอตปรอทแตก ตามมาดูกันเลย!

1. เจ้านาฬิกาเรือนนี้มันคืออะไรกันนะ?

เอาล่ะ มาทำความรู้จักกับพระเอกของเราก่อนเลย Seiko MM300 Green Limited Edition ชื่อเต็มๆ ของเค้าคือ Seiko Prospex Marinemaster Professional Diver 300M Limited Edition ซึ่งมีหลายรหัสต่อท้าย depending on the exact green version (เช่น SLA019, SBDX021, SLA047, SBDX043 หรือแม้แต่รุ่นพิเศษในไทยอย่าง SLA068 Hanuman). พูดง่ายๆ มันคือนาฬิกาดำน้ำระดับโปรฯ จากแบรนด์ Seiko ที่ประเทศญี่ปุ่น ซึ่ง Seiko เนี่ย เค้ามีชื่อเสียงเรื่องนาฬิกาดำน้ำมาอย่างยาวนานมากๆ ตั้งแต่ปี 1968 นู่นเลยนะ. เจ้า MM300 (ย่อมาจาก Marinemaster 300M) ถือเป็นรุ่นท็อปๆ ในไลน์ Diver ของ Seiko Prospex เลยก็ว่าได้ ด้วยคุณสมบัติที่ กันน้ำลึกถึง 300 เมตร ตามมาตรฐานนาฬิกาดำน้ำแบบมืออาชีพ (Professional Diver).

ส่วน "Green Limited Edition" นี่แหละคือความพิเศษ! สีเขียวของหน้าปัดและขอบเบเซล (bezel) ได้แรงบันดาลใจมาจากป่าสีเขียวชอุ่มบนเกาะ Yakushima ในญี่ปุ่น ซึ่งเป็นแหล่งดำน้ำที่สวยงาม. ความลิมิเต็ดนี่แหละที่ทำให้นักสะสมทั่วโลกตามหา เพราะผลิตมาจำนวนจำกัดมากๆ ในแต่ละรุ่นย่อยสีเขียว เช่น SLA019/SBDX021 ผลิต 1,968 เรือนทั่วโลก (ฉลองครบรอบ 50 ปีนาฬิกาดำน้ำปี 1968) ส่วน SLA047/SBDX043 ผลิต 3,000 เรือน (ฉลองครบรอบ 140 ปี Seiko) และ SLA068 Hanuman ผลิต 500 เรือนสำหรับประเทศไทยเท่านั้น. เหมาะสุดๆ สำหรับคนที่อยากได้นาฬิกาดำน้ำคุณภาพสูง ดีไซน์สวยสะดุดตา แถมยังมีเรื่องราวและคุณค่าในการสะสมอีกด้วยจ้า.

2. ราคาในตลาดไทยเป็นยังไงบ้าง?

มาถึงเรื่องที่ทำให้หลายคนตาลุกวาว (หรือตาค้าง?) นั่นก็คือ "ราคา" นั่นเอง! สำหรับ Seiko MM300 Green Limited Edition เนื่องจากเป็นรุ่นที่ผลิตจำนวนจำกัดและส่วนใหญ่เป็นรุ่นที่ออกมาแล้ว ทำให้ ราคาในตลาดมือสองหรือตลาดนักสะสม จะมีการปรับขึ้นลงตามความหายากและสภาพของนาฬิกาจ้า.

รุ่นที่คนรู้จักเยอะๆ อย่าง SLA019/SBDX021 หรือ SLA047/SBDX043 เนี่ย ตอนออกมาใหม่ๆ ราคาก็อยู่ที่ราวๆ สามพันกว่าเหรียญสหรัฐฯ หรือประมาณแสนนิดๆ. แต่พอเป็นรุ่นลิมิเต็ดแล้ว ราคาก็จะขยับขึ้นไปอีก! ในตลาดไทยเอง ราคาล่าสุดที่เห็นตามร้านค้าออนไลน์หรือกลุ่มซื้อขายนาฬิกา อาจมีตั้งแต่ หนึ่งแสนบาทปลายๆ ไปจนถึงสองแสนบาทต้นๆ (฿) หรืออาจจะสูงกว่านั้นอีก ขึ้นอยู่กับว่าได้รุ่นไหน สภาพดีแค่ไหน และมีอุปกรณ์ครบถ้วนหรือเปล่า. อย่างรุ่น SLA047J ใน Shopee บางทีเห็นตั้งราคาไว้ที่ ฿116,800 ก็มีนะ. ส่วนรุ่นพิเศษสำหรับประเทศไทยอย่าง SLA068 Hanuman ที่ผลิตแค่ 500 เรือน ก็เป็นที่ต้องการมากเช่นกัน.

ลองไปส่องดูตามแพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซใหญ่ๆ อย่าง Lazada หรือ Shopee อาจจะเจอร้านที่นำเข้ามาขาย หรือเป็นผู้ขายรายย่อยนำมาปล่อยต่อ. นอกจากนี้ กลุ่มซื้อขายนาฬิกาใน Facebook หรือ เว็บไซต์สำหรับซื้อขายนาฬิกามือสองโดยเฉพาะ ก็เป็นแหล่งที่น่าจะเจอเจ้า MM300 Green ได้บ่อยกว่าตามห้างสรรพสินค้าทั่วไปอย่าง Central, Big C, The Mall เพราะเค้าเน้นขายรุ่นปัจจุบันมากกว่า. ส่วนร้านอุปกรณ์ไอทีอย่าง JIB, Banana IT, Power Buy นี่ลืมไปได้เลย เค้าไม่ได้ขายนาฬิกาน้า!

3. แล้วเทียบกับรุ่นอื่นล่ะ ราคาโอเคมั้ย?

ถ้าให้เทียบราคากับนาฬิกาดำน้ำในระดับเดียวกันจากแบรนด์อื่นๆ เนี่ย เจ้า Seiko MM300 Green Limited Edition ถือว่าอยู่ในกลุ่มราคาระดับกลางค่อนไปทางสูงเลยนะ. ราคาสูงกว่านาฬิกาดำน้ำ Seiko รุ่นทั่วไปอย่าง Sumo หรือ Turtle อยู่พอสมควร แต่ก็ยังถูกกว่านาฬิกาดำน้ำจากแบรนด์หรูสัญชาติสวิสหลายๆ แบรนด์อย่าง Omega Seamaster หรือ Rolex Submariner อยู่มาก (แน่นอนว่าระดับและกลไกก็ต่างกัน).

เมื่อเทียบกับ MM300 รุ่นปกติสีดำ (เช่น SBDX017 หรือ SLA021/SBDX023) ราคาตอนออกมาใหม่ๆ ของรุ่น Limited Green จะสูงกว่าเล็กน้อย. แต่ในตลาดมือสองตอนนี้ เนื่องจากเป็นรุ่นลิมิเต็ดที่เลิกผลิตไปแล้ว ทำให้ ราคาของรุ่น Green Limited Edition อาจจะสูงกว่า MM300 รุ่นปกติมือสอง เพราะมีเรื่องของความหายากและคุณค่าในการสะสมเข้ามาเกี่ยวข้องด้วย. อย่าง MM300 รุ่นปกติ (SBDX017) มือสองอาจจะเจอราคาต่ำกว่าแสนบาทได้บ้าง. สรุปคือ ถ้ามองในแง่ของนาฬิกาเครื่องมือดำน้ำ รุ่นปกติอาจจะคุ้มค่ากว่า แต่ถ้ามองในแง่ของ นาฬิกาสำหรับสะสม รุ่น Green Limited Edition เนี่ย แหละคือตัวที่น่าสนใจกว่ามากๆ จ้า!

4. ซื้อแล้วได้อะไรมาบ้างนะ?

เวลาซื้อ Seiko MM300 Green Limited Edition โดยเฉพาะในตลาดมือสอง สิ่งที่ควรจะได้มาแบบครบๆ (ที่นักสะสมเค้าเรียกกันว่า Full Set) จะมีประมาณนี้:

• ตัวนาฬิกา: แน่นอนว่าต้องมีตัวเรือน สภาพดี ไม่มีรอยหนัก หรือถ้ามีก็ต้องรับได้ตามราคา
• สายนาฬิกา: โดยทั่วไปแล้ว MM300 จะมาพร้อม สายสแตนเลส คุณภาพดี พร้อมระบบปรับขยายสำหรับการดำน้ำ. ที่พิเศษสำหรับรุ่น Green Limited Edition คือมักจะมี สายยางซิลิโคนสีเขียว แถมมาให้อีกเส้นด้วย.
• กล่อง: ต้องเป็นกล่องนาฬิกา Seiko Prospex ตรงรุ่น ส่วนใหญ่จะเป็นกล่องสีดำหรือสีพิเศษสำหรับรุ่น Limited.
• ใบรับประกัน: สำคัญมากๆ สำหรับนาฬิกามือสอง! เช็คดูว่ามีใบรับประกันจากศูนย์ Seiko หรือจากร้านที่ซื้อมาแต่แรกหรือไม่ แต่ส่วนใหญ่ถ้าเป็นมือสอง ประกันศูนย์อาจจะหมดไปแล้วนะ.
• คู่มือการใช้งาน: มีติดมาด้วยก็จะดี
• ป้ายแท็ก (Hang Tag): ป้ายราคา ป้ายรุ่นต่างๆ ที่ติดมากับนาฬิกาตอนเป็นของใหม่.
• เอกสารอื่นๆ: ใบลงทะเบียนนาฬิกา (ถ้ามี), ใบเสร็จ (ถ้าเจ้าของเก่ายังเก็บไว้).

ส่วนเรื่อง ค่าจัดส่ง ถ้าซื้อออนไลน์ส่วนใหญ่จะมีค่าส่งนะ หรือบางร้านอาจจะมีโปรโมชั่นส่งฟรีให้ก็ต้องลองเช็คดู. เรื่อง การรับประกัน อย่างที่บอกว่ามือสองส่วนใหญ่ประกันศูนย์จะหมดแล้ว แต่อาจจะมีประกันจากร้านที่ขายเล็กน้อย ก็ต้องสอบถามเงื่อนไขให้ชัดเจนนะจ๊ะ.

5. มีช่วงไหนน่าซื้อเป็นพิเศษมั้ย?

สำหรับนาฬิกา Limited Edition ที่ส่วนใหญ่อยู่ในตลาดมือสองแบบนี้ ช่วงเวลาโปรโมชั่นใหญ่ๆ ตามแพลตฟอร์มออนไลน์อาจจะไม่ได้มีผลโดยตรงเท่าไหร่ เพราะราคาจะขึ้นอยู่กับ กลไกตลาด ความต้องการของนักสะสม และสภาพของนาฬิกา มากกว่า.

อย่างไรก็ตาม บางทีร้านค้าที่นำมาขายใน Lazada หรือ Shopee อาจจะมีร่วมโปรโมชั่นของแพลตฟอร์มบ้าง เช่น ส่วนลดจากการใช้โค้ดต่างๆ ในช่วง Double Digit Sale (11.11, 12.12) หรือช่วงเทศกาลสำคัญอย่าง สงกรานต์ หรือ ปีใหม่. แต่ส่วนลดที่ได้อาจจะไม่มากมายเท่าสินค้าทั่วไปนะจ๊ะ.

คำแนะนำคือ ถ้าอยากได้จริงๆ หมั่นเช็คราคาจากหลายๆ แหล่ง และถ้าเจอสภาพที่ถูกใจ ในราคาที่รับได้ ก็จัดเลยจะดีกว่าไปรอโปรโมชั่นที่อาจจะไม่ได้มีสำหรับสินค้านักสะสมแบบนี้โดยตรงนะจ๊ะ.

6. คนไทยใช้แล้วรู้สึกยังไงกันบ้างนะ?

จากที่ส่องๆ ดูตามเว็บบอร์ดนาฬิกา หรือกลุ่มคนรักนาฬิกาในไทยเนี่ย เจ้า Seiko MM300 Green Limited Edition ถือเป็นนาฬิกาที่ ถูกอกถูกใจนักสะสมชาวไทย หลายคนเลยนะ จุดที่เค้าปลื้มปริ่มกันก็คือ:

• สีเขียวสวยสะกดใจ: สีเขียวของหน้าปัดและขอบเบเซลทำออกมาได้สวยมากๆ มีความลึก เล่นแสงได้ดี ทำให้ดูมีมิติ.
• งานผลิตเนี้ยบในราคาที่เอื้อมถึง: แม้จะไม่ใช่นาฬิกาสวิสราคาหลายแสน แต่ MM300 ได้รับคำชมเรื่อง คุณภาพงานผลิต (Finish) ที่ดีมากๆ โดยเฉพาะการขัดตัวเรือนแบบ Zaratsu ที่เงาวับคมกริบ.
• เครื่อง Caliber 8L35 ที่เชื่อถือได้: เครื่องอัตโนมัตินี้ถือเป็นเครื่องระดับสูงของ Seiko ที่อยู่ในนาฬิการะดับ Marinemaster และยังเป็นพื้นฐานของเครื่อง Grand Seiko บางรุ่นด้วย. แม้ความเที่ยงตรงอาจจะไม่เท่า Grand Seiko เป๊ะๆ แต่ก็เป็นเครื่องที่ทนทานและไว้ใจได้.
• ความหายากและคุณค่าในการสะสม: การที่เป็นรุ่น Limited Edition ทำให้รู้สึกพิเศษ และมีมูลค่าเพิ่มขึ้นในอนาคตสำหรับนักสะสม.
• ความรู้สึกหนักแน่นบนข้อมือ: ตัวเรือนขนาด 44.3 มม. และความหนา 15.4 มม. ทำให้รู้สึกถึงความแข็งแรง ทนทาน เป็นเครื่องมือจริงๆ. แม้จะดูใหญ่ แต่หลายคนบอกว่าใส่สบายกว่าที่คิด.

แต่ก็มีบางมุมที่อาจจะถูกพูดถึงบ้าง เช่น ขนาดที่ค่อนข้างใหญ่และหนา อาจจะไม่เหมาะกับคนข้อมือเล็กมากๆ หรือเรื่องบานพับสายที่มีระบบขยายสำหรับการดำน้ำที่บางคนรู้สึกว่ายังไม่แข็งแรงเท่าที่ควร. และที่สำคัญคือ เป็นกลไกแบบ Monocoque Case ที่เปิดฝาหลังจากด้านบน ทำให้การเซอร์วิสต้องทำผ่านด้านหน้า ซึ่งต้องใช้ช่างที่มีความชำนาญเฉพาะ.

7. แล้วจะไปหาซื้อได้ที่ไหนล่ะทีนี้?

เนื่องจากเป็นนาฬิกา Limited Edition ที่ส่วนใหญ่เลิกผลิตไปแล้ว ช่องทางหลักในการตามหาเจ้า Seiko MM300 Green Limited Edition ก็จะเน้นไปที่ตลาดรอง หรือตลาดนาฬิกามือสองนะจ๊ะ:

• กลุ่มซื้อขายนาฬิกาใน Facebook: เป็นแหล่งที่ใหญ่ที่สุดและหมุนเวียนเร็วที่สุดเลยก็ว่าได้ มีกลุ่มคนรักนาฬิกา Seiko หรือกลุ่มซื้อขายนาฬิกามือสองโดยเฉพาะเยอะมากๆ. ข้อดีคือเจอผู้ขายโดยตรง คุยง่าย บางทีได้ราคาดี แต่ก็ต้องระวังเรื่องความน่าเชื่อถือของผู้ขายด้วยนะ! พยายามนัดเจอเพื่อเช็คสภาพนาฬิกาก่อนจ่ายเงินจะปลอดภัยที่สุดจ้า.
• เว็บไซต์ซื้อขายนาฬิกามือสอง: มีเว็บไซต์ของไทยและต่างประเทศที่เน้นการซื้อขายนาฬิกามือสองโดยเฉพาะ บางเว็บอาจมีระบบตรวจสอบนาฬิกาก่อนส่งให้ผู้ซื้อ ทำให้มั่นใจได้ระดับหนึ่ง.
• ร้านค้าออนไลน์บน Shopee/Lazada: อย่างที่บอกว่าบางร้านนำเข้ามาขาย หรือเป็นร้านนาฬิกาโดยตรงที่มีหน้าร้านอยู่แล้วและนำมาลงขายออนไลน์ด้วย. ข้อดีคือมีระบบแพลตฟอร์มรองรับเรื่องการชำระเงิน แต่ก็ต้องเลือกร้านที่น่าเชื่อถือ มีรีวิวดีๆ นะ.
• ร้านนาฬิกามือสองโดยเฉพาะ: ในกรุงเทพฯ หรือตามหัวเมืองใหญ่ๆ มีร้านที่รับซื้อขายแลกเปลี่ยนนาฬิกามือสองอยู่บ้าง. ข้อดีคือได้เห็น ได้ลองนาฬิกาของจริงก่อนตัดสินใจซื้อ และอาจจะมีการรับประกันจากร้านให้ด้วย แต่ราคาก็อาจจะสูงกว่าซื้อจากผู้ใช้ด้วยกันเองเล็กน้อย.

ส่วนช่องทางอย่างร้านค้าตัวแทนจำหน่ายอย่างเป็นทางการของ Seiko ในห้างสรรพสินค้า ปัจจุบันเค้าจะขายรุ่นปัจจุบันเป็นหลัก รุ่น Limited ที่ออกมาหลายปีแล้วอาจจะไม่มีแล้วนะจ๊ะ.

8. สรุปแล้วน่าซื้อไหม? เหมาะกับใคร?

มาถึงโค้งสุดท้ายแล้วจ้า สรุปว่าเจ้า Seiko MM300 Green Limited Edition ยังน่าซื้ออยู่ไหมในปีนี้? ถ้าคุณเป็นคนที่:

• เป็นนักสะสมนาฬิกา Seiko ตัวยง หรือชื่นชอบนาฬิกาดำน้ำที่มีเรื่องราว
• หลงใหลในสีเขียว ของหน้าปัดและขอบเบเซล ที่ได้แรงบันดาลใจมาจากธรรมชาติ
• ต้องการนาฬิกาดำน้ำคุณภาพระดับโปรฯ งานผลิตเนี้ยบในระดับราคาที่ยังพอเอื้อมถึง (สำหรับตลาด Limited)
• มองหานาฬิกาที่มีคุณค่าในการสะสม และมีโอกาสที่ราคาจะปรับขึ้นในอนาคต

คำตอบคือ น่าซื้อมากๆ เลยจ้า! มันเป็นนาฬิกาที่ผสมผสานระหว่างความเป็นเครื่องมือดำน้ำชั้นยอด กับความพิเศษของ Limited Edition ที่ทำให้ไม่เหมือนใคร. งานผลิตอยู่ในระดับที่น่าทึ่งสำหรับราคานี้ (เมื่อเทียบกับแบรนด์อื่นใน Segment เดียวกัน).

ส่วนจะเลือกรุ่นย่อยสีเขียวรุ่นไหน (SLA019, SLA047, SLA068 ฯลฯ) ก็ขึ้นอยู่กับงบประมาณและความชอบส่วนตัวเลย เพราะแต่ละรุ่นก็มีจำนวนการผลิตและรายละเอียดปลีกย่อยที่แตกต่างกันไป.

แต่ถ้าคุณแค่อยากได้นาฬิกาดำน้ำ Seiko คุณภาพดี ไม่ได้เน้นเรื่อง Limited หรือการสะสมขนาดนั้น อาจจะลองดู MM300 รุ่นปกติ (ถ้ายังมีของในตลาด) หรือนาฬิกาดำน้ำรุ่นอื่นๆ ในไลน์ Prospex ที่ราคาเป็นมิตรกว่านี้ก็ได้. แต่ถ้าใจมันรักสีเขียว และพร้อมเปย์เพื่อความลิมิเต็ดแล้วล่ะก็ เจ้า MM300 Green Limited Edition เนี่ย บอกเลยว่า โคตรน่าโดน! แต่เช็คสภาพและแหล่งให้ดีก่อนตัดสินใจนะจ๊ะ ขอให้ได้นาฬิกาที่ถูกใจทุกคนจ้า!

วิดีโอที่เกี่ยวข้อง

• ยกป่าทั้งผืนมาไว้ใจกลางเมืองที่ Seiko Pop-up ณ CENTRAL at ...
• SEIKO (THAILAND) Official | SEIKO PROSPEX DIVER’S 300M ...
• SEIKO (THAILAND) Official | ร่วมปิดตำนานจิตวิญญาณของนัก ...
• SEIKO (THAILAND) Official | ครั้งแรกของนิทรรศการ บอกเล่า ...
• SEIKO (THAILAND) Official | ‘สยาม’ แผ่นดินทองอันรุ่มรวย ที่ถูก ...