ติดตั้ง รางน้ำ เมทัลชีท ราคาเท่าไหร่? ข้อดีข้อเสียที่ควรรู้ ก่อนตัดสินใจ

สวัสดีคร้าบพี่น้องงงง! วันนี้เราจะมาเม้าท์มอยเรื่องใกล้ตัวคนไทยที่เจอฝนตกหนักเกือบครึ่งปี นั่นก็คือเรื่อง "รางน้ำฝนเมทัลชีท" นั่นเอง! ใครที่กำลังคิดจะติดรางน้ำให้บ้าน หรือกำลังชั่งใจอยู่ว่าจะใช้วัสดุแบบไหนดี มาฟังทางนี้เลย เพราะเราจะมาตีแผ่ทุกซอกทุกมุม ทั้งราคา ข้อดี ข้อเสีย แบบเข้าใจง่าย สไตล์กันเอง พร้อมแล้วก็ไปลุยกันเล้ยยย!

1. เจ้า รางน้ำเมทัลชีท เนี่ย มันคืออะไรกันนะ?

เอาล่ะ เริ่มต้นด้วยคำถามเบสิกๆ เลยว่า รางน้ำเมทัลชีทคืออะไร? พูดง่ายๆ มันก็คือรางน้ำฝนที่ทำมาจาก แผ่นเหล็กเคลือบสารป้องกันสนิม แล้วนำมาพับขึ้นรูปเป็นรางสำหรับรองรับน้ำฝนจากหลังคาบ้านเรานั่นเอง. ถามว่าทำไมต้องใช้เมทัลชีท? เพราะแผ่นเมทัลชีทที่เราคุ้นเคยกันดีในการทำหลังคานั่นแหละ เค้าก็เอามาทำรางน้ำได้ด้วย! วัสดุนี้เค้าขึ้นชื่อเรื่องความแข็งแรง ทนทานพอสมควร แถมยังน้ำหนักเบา ติดตั้งง่ายกว่ารางน้ำสมัยก่อนๆ เยอะ. เหมาะมากๆ สำหรับบ้านยุคใหม่ที่ใช้หลังคาเมทัลชีทอยู่แล้ว หรือบ้านที่อยากได้รางน้ำที่ดูโมเดิร์นหน่อยๆ ไม่เหมือนรางสังกะสีแบบเก่ากึ๊ก.

2. ราคาในตลาดไทยเป็นยังไงบ้าง? แพงไหมเนี่ย?

มาถึงเรื่องที่หลายคนอยากรู้ใจจะขาด! เรื่องราคาของรางน้ำเมทัลชีทในไทยเนี่ย ต้องบอกว่ามีหลายเรตหลายราคาเลยจ้า ขึ้นอยู่กับหลายปัจจัยมากๆ ทั้ง ความหนาของแผ่นเมทัลชีท (ยิ่งหนายิ่งแพงเป็นธรรมดา), ขนาดของรางน้ำ (เช่น 5 นิ้ว หรือ 6 นิ้ว), ยี่ห้อ และที่สำคัญสุดๆ คือ ค่าแรงติดตั้ง ด้วย.

จากที่ลองส่องๆ ดูตามแหล่งต่างๆ เนี่ย ราคาเฉพาะตัวรางน้ำเมทัลชีทแบบสำเร็จรูปที่ขายตามออนไลน์ อย่าง Lazada หรือ Shopee จะอยู่ประมาณ 200-400 บาทต่อเมตร อันนี้คือราคาตัวรางเพียวๆ ยังไม่รวมอุปกรณ์เสริมอื่นๆ และค่าติดตั้งนะ.

แต่ถ้าเป็นราคา พร้อมติดตั้ง ล่ะ? อันนี้จะโดดขึ้นมาหน่อย เพราะต้องรวมค่าแรงช่าง ค่าอุปกรณ์พวกตะขอ ตัวยึด ข้อต่อต่างๆ ด้วย. ราคาพร้อมติดตั้งจะอยู่ประมาณ 800 - 1,500 บาทต่อเมตร โดยประมาณนะ. บางทีร้านหรือผู้รับเหมาอาจจะมีราคาเหมาเป็นโปรเจกต์ไปเลย ถ้าปริมาณเยอะๆ อาจจะได้ราคาที่ถูกลงกว่านี้ก็ได้.

เทียบกับค่าแรงติดตั้งรางน้ำวัสดุอื่น อย่างไวนิล บางทีเริ่มต้นที่ 700 บาทต่อเมตร. ก็ถือว่าเมทัลชีทไม่ได้หนีกันมาก แต่ก็ไม่ได้ถูกที่สุดในตลาดนะจ๊ะ

3. แล้วถ้าเทียบกับรางน้ำแบบอื่นล่ะ คุ้มไหม?

โอเค มาดูการเปรียบเทียบกับคู่แข่งในตลาดกันบ้าง! รางน้ำฝนที่คนไทยนิยมใช้กันหลักๆ ก็มี 3 แบบ คือ สังกะสี, ไวนิล (uPVC), แล้วก็ สแตนเลส.

• รางน้ำสังกะสี: ตัวนี้ราคาถูกสุดในบรรดาโลหะด้วยกัน ประมาณ 200-400 บาทต่อเมตร. ข้อดีคือหาซื้อง่าย ช่างบ้านๆ ทั่วไปก็ติดได้ แต่ข้อเสียคือ เป็นสนิมง่ายมากกกก อายุใช้งานสั้นกว่าเพื่อน แล้วก็ไม่ค่อยสวยเท่าไหร่.
• รางน้ำไวนิล: ตัวนี้เป็นพลาสติกผสมพิเศษ ราคาจะอยู่ประมาณ 500-1,000 บาทต่อเมตรพร้อมติดตั้ง. ข้อดีคือ ไม่เป็นสนิมเลย น้ำหนักเบา ติดตั้งง่าย มีสีให้เลือกเยอะ แถมเวลาฝนตกเสียงจะไม่ดังเท่าโลหะ. แต่บางทีอาจจะมีปัญหาเรื่องการบิดตัวถ้าติดตั้งไม่ดี.
• รางน้ำสแตนเลส: ตัวท็อปสุด แข็งแรง ทนทาน ไม่ค่อยเป็นสนิม (ถ้าใช้เกรดดีๆ อย่าง 304) ราคาค่อนข้างสูง อาจจะเริ่มต้นที่ 500-900 บาทต่อเมตร หรือไปถึงหลักพันก็มี. ข้อเสียคือราคาสูงกว่าเพื่อน และมีปัญหาเรื่องรอยเชื่อมที่อาจจะรั่วได้ถ้าช่างไม่เก่งจริง.

แล้วเมทัลชีทล่ะอยู่ตรงไหน? รางน้ำเมทัลชีทเนี่ย ราคาจะอยู่ระหว่างสังกะสีกับสแตนเลส (แพงกว่าสังกะสี แต่ถูกกว่าสแตนเลสในบางกรณี) ความทนทานดีกว่าสังกะสีเยอะเพราะมีสารเคลือบกันสนิม แต่ก็ยังอาจมีปัญหาเรื่องสนิมที่รอยเชื่อมได้เหมือนกัน. ถ้าเทียบกับไวนิล เมทัลชีทจะแข็งแรงกว่า ทนแดดทนฝนได้ดี แต่เสียงดังกว่าเวลาฝนตก.

สรุปคือ ถ้าเน้นความแข็งแรง ทนทานในระดับที่โอเค แถมยังดูโมเดิร์น รางน้ำเมทัลชีทก็เป็นตัวเลือกที่น่าสนใจ อยู่กลางๆ ระหว่างความถูกแต่เปราะอย่างสังกะสี กับความแพงแต่ทนสุดๆ อย่างสแตนเลส

4. ซื้อแล้วได้อะไรมาบ้าง? มีประกันไหมเนี่ย?

เวลาเราซื้อรางน้ำเมทัลชีทเนี่ย ถ้าซื้อเฉพาะตัวรางเปล่าๆ จากร้านวัสดุ หรือออนไลน์ ก็จะได้แค่ตัวรางมาเป็นท่อนๆ ตามความยาวที่เราต้องการ. แต่ถ้าจ้างช่างพร้อมติดตั้ง ส่วนใหญ่เค้าจะรวมค่าอุปกรณ์ต่างๆ มาให้ด้วย ซึ่งก็จะมี:

• ตัวรางน้ำ: แน่นอนว่าต้องมีอยู่แล้ว
• ตะขอรับรางน้ำ: ตัวนี้สำคัญมาก! เป็นตัวยึดรางน้ำเข้ากับเชิงชายหรือโครงหลังคา ควรติดตั้งถี่ๆ หน่อย (ประมาณ 0.5 - 1.5 เมตรต่อชิ้น) เพื่อไม่ให้รางตกท้องช้าง.
• ข้อต่อ/มุม: สำหรับเชื่อมรางน้ำให้เป็นผืนเดียวกันตามรูปทรงของชายคาบ้าน
• ฝาปิดหัว/ท้าย: สำหรับปิดปลายรางน้ำไม่ให้น้ำไหลออก
• ท่อน้ำลง: สำหรับให้น้ำไหลจากรางน้ำลงสู่พื้นหรือบ่อพัก
• อุปกรณ์ยึดท่อ: ตัวรัดท่อน้ำลงเข้ากับผนังบ้าน
• อุปกรณ์เสริมอื่นๆ: เช่น ตะแกรงกันใบไม้ (อันนี้ดีมาก ช่วยลดการอุดตัน), โซ่ระบายน้ำ (ถ้าไม่อยากต่อท่อลงพื้น).

ส่วนเรื่อง การรับประกัน เนี่ย ถ้าซื้อตัวรางเปล่าๆ ก็จะเป็นประกันตัววัสดุจากผู้ผลิต (ถ้ามี) แต่ถ้าจ้างช่างพร้อมติดตั้ง ส่วนใหญ่การรับประกันจะอยู่ที่ตัวงานติดตั้ง จากผู้รับเหมาหรือบริษัทที่เราจ้างนะจ๊ะ. ลองสอบถามเค้าดูว่ารับประกันกี่ปี ครอบคลุมอะไรบ้าง เช่น รอยรั่ว การบิดตัว หรือการหลุดร่วง คนไทยเราเน้นเรื่องประกันเป็นพิเศษ เพราะถ้ามีปัญหามันจุกจิกจริงๆ.

เรื่อง ค่าขนส่ง ถ้าซื้อออนไลน์ส่วนใหญ่ก็มีค่าส่งนะจ๊ะ ยกเว้นร้านจะมีโปรส่งฟรี ส่วนถ้าจ้างช่างพร้อมติดตั้ง ส่วนใหญ่ค่าขนส่งวัสดุจะรวมอยู่ในค่าติดตั้งแล้วจ้า.

5. มีช่วงไหนน่าซื้อเป็นพิเศษไหม? มีโปรโมชั่นอะไรรออยู่รึเปล่า?

จริงๆ แล้วรางน้ำเมทัลชีทเนี่ย ไม่ใช่สินค้าแฟชั่นจ๋าแบบพวกมือถือหรือเสื้อผ้านะจ๊ะ ที่จะมีโปรลดราคาบ่อยๆ ช่วงเทศกาล แต่! ใช่ว่าจะไม่มีโอกาสได้ของถูกลงเลยนะ

ถ้าซื้อตัวรางเปล่าๆ ตามแพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซใหญ่ๆ อย่าง Lazada หรือ Shopee เนี่ย บางทีร้านค้าวัสดุก่อสร้างที่มาเปิดร้านในนั้น อาจจะมีจัดโปรโมชั่นลดราคาบ้าง โดยเฉพาะในช่วง Double Digit Sale ยอดฮิต เช่น 11.11, 12.12 หรือช่วงต้นปี กลางปี ก็ต้องคอยเข้าไปส่อง เข้าไปเก็บโค้ดส่วนลด หรือใช้โค้ดส่งฟรีเอา อันนี้ก็ช่วยเซฟเงินไปได้เยอะอยู่.

ส่วนถ้าจ้างช่างพร้อมติดตั้ง อันนี้โปรโมชั่นอาจจะไม่ชัดเจนเท่าซื้อสินค้าสำเร็จรูป แต่บางบริษัทรับติดตั้ง หรือผู้รับเหมา อาจจะมีจัดโปรโมชั่นในช่วง ฤดูฝน เพื่อกระตุ้นยอดขาย หรือบางทีถ้าติดตั้งพร้อมกับงานอื่นๆ เช่น ติดตั้งหลังคาใหม่ หรือต่อเติมบ้าน บางทีผู้รับเหมาอาจจะให้ราคาพิเศษได้.

สรุปง่ายๆ คือ ถ้าอยากได้รางน้ำเมทัลชีทในราคาที่คุ้มค่า หมั่นเช็คราคาและโปรโมชั่นตามร้านวัสดุ หรือผู้รับเหมาในช่วงเวลาต่างๆ โดยเฉพาะช่วงหน้าฝน หรือช่วงที่มีโปรโมชั่นใหญ่ๆ ของแพลตฟอร์มออนไลน์ อาจจะได้เจอดีลดีๆ ก็เป็นได้!

6. คนไทยที่เคยใช้ เค้าว่าไงกันบ้าง? มีปัญหาอะไรไหม?

จากที่ลองไปอ่านรีวิว หรือฟังจากคนรู้จักที่เคยใช้รางน้ำเมทัลชีทเนี่ย ฟีดแบ็กส่วนใหญ่ก็มีทั้งดีและที่ต้องปรับปรุงนะจ๊ะ

ข้อดีที่คนไทยชอบ:

• แข็งแรง ทนทาน: หลายคนบอกว่ามันดูแข็งแรงกว่ารางสังกะสีเยอะ ทนแดดทนฝนได้ดี.
• ติดตั้งง่าย: ถ้าเป็นแบบสำเร็จรูปจากโรงงาน การติดตั้งจะไม่ยุ่งยากเท่ารางสแตนเลสที่ต้องเชื่อมหน้างาน.
• ดูโมเดิร์น: เข้ากับบ้านหลังคาเมทัลชีทได้ดีกว่ารางแบบเก่าๆ.

ข้อเสียที่เจอกันบ่อย:

• เสียงดังเวลาฝนตก: อันนี้เป็นปัญหาคลาสสิกของวัสดุโลหะเลย เวลาเม็ดฝนกระทบรางน้ำเมทัลชีท เสียงจะค่อนข้างดัง อาจจะน่ารำคาญสำหรับบางคน.
• อาจมีปัญหาเรื่องสนิมที่รอยเชื่อม: ถึงแม้ตัวแผ่นจะเคลือบกันสนิมมาแล้ว แต่ตรงรอยตัด รอยพับ หรือรอยต่อ อาจจะเกิดสนิมขึ้นได้ถ้าช่างทำไม่ดี หรือไม่มีการเก็บรายละเอียดที่ดีพอ.
• น้ำขัง/ระบายไม่ทัน: บางทีถ้าช่างติดตั้งไม่ได้ปรับระดับความลาดเอียงของรางน้ำให้เหมาะสม หรือรูระบายน้ำเล็กเกินไป อาจจะทำให้น้ำขังในราง หรือระบายไม่ทันเวลาฝนตกหนักได้.
• อุดตันง่าย: เหมือนรางน้ำทุกประเภท ถ้ามีใบไม้ กิ่งไม้ หรือสิ่งสกปรกไปอุดตัน ก็ทำให้น้ำล้นได้.

สรุปคือ ถ้าจะใช้รางน้ำเมทัลชีท ต้องเลือกช่างที่มีประสบการณ์หน่อย และคอยดูแลทำความสะอาดรางน้ำอย่างสม่ำเสมอ ก็จะช่วยลดปัญหาต่างๆ ที่อาจจะเกิดขึ้นได้จ้า

7. แล้วจะไปหาซื้อ/หาช่างติดตั้งได้ที่ไหนล่ะ?

ช่องทางการซื้อหรือหาช่างติดตั้งรางน้ำเมทัลชีทในไทยก็มีหลายทางนะจ๊ะ เลือกที่สะดวกและมั่นใจได้เลย:

• ร้านค้าวัสดุก่อสร้างขนาดใหญ่/ร้านเหล็ก: พวก Global House, ไทวัสดุ หรือร้านขายเหล็กใกล้บ้าน มักจะมีรางน้ำเมทัลชีทแบบพับสำเร็จขาย หรือบางทีก็มีบริการพับตามแบบที่เราต้องการ. ข้อดีคือเห็นของจริง เปรียบเทียบราคาได้ แต่ส่วนใหญ่จะเป็นราคาเฉพาะวัสดุ ไม่รวมติดตั้งนะจ๊ะ
• แพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซ (Shopee, Lazada): สะดวกสบาย สั่งออนไลน์ได้ มีร้านค้าวัสดุมาลงขายเยอะ มีตัวเลือกหลากหลาย เปรียบเทียบราคาได้ง่าย และบางทีมีโปรโมชั่นส่งฟรี หรือโค้ดส่วนลด. แต่ต้องดูรายละเอียดสินค้าดีๆ และเลือกร้านที่น่าเชื่อถือนะ
• ผู้รับเหมา/ช่างติดตั้งรางน้ำโดยเฉพาะ: ถ้าอยากได้แบบเบ็ดเสร็จ ติดตั้งให้เรียบร้อย ก็จ้างช่างไปเลย ส่วนใหญ่เค้าจะคิดราคาเหมาเป็นเมตรพร้อมติดตั้ง. ข้อดีคือเค้ามีความเชี่ยวชาญ ติดตั้งได้มาตรฐาน (ถ้าเลือกช่างดีๆ นะ!) แถมมีประกันงานติดตั้งให้ด้วย. หาได้ตามเว็บไซต์ของผู้รับเหมา หรือสอบถามจากคนรู้จักที่เคยใช้บริการ.

เลือกช่องทางที่สะดวกและตรงกับความต้องการของเราได้เลยจ้า

8. สรุปแล้วน่าซื้อไหม? เหมาะกับใครกันนะ?

มาถึงช่วงสรุปแล้ว! ถามว่า รางน้ำเมทัลชีทน่าซื้อไหม? ถ้าคุณกำลังมองหารางน้ำฝนที่ แข็งแรงทนทานกว่าสังกะสี, ราคาไม่แรงเท่าสแตนเลส, และ เข้ากับบ้านสไตล์โมเดิร์น หรือบ้านที่ใช้หลังคาเมทัลชีทอยู่แล้ว ก็บอกเลยว่า น่าสนใจมากๆ เลยจ้า! มันเป็นตัวเลือกที่อยู่ตรงกลางๆ ระหว่างความประหยัดกับความทนทาน

เหมาะกับใคร? ก็เหมาะกับคนที่:

• มีงบประมาณระดับกลางๆ
• ต้องการรางน้ำที่แข็งแรง ทนทานพอสมควร
• ชอบดีไซน์ที่ดูเรียบๆ โมเดิร์น
• บ้านใช้หลังคาเมทัลชีทอยู่แล้ว

แต่ถ้าคุณซีเรียสเรื่อง เสียงดังเวลาฝนตกมากๆ หรือต้องการรางน้ำที่ ไม่เป็นสนิมเลยแม้แต่นิดเดียว แถมมีงบเยอะหน่อย อาจจะต้องมองไปที่รางน้ำไวนิล (เรื่องเสียง) หรือรางน้ำสแตนเลส (เรื่องความทนทานและไม่เป็นสนิม).

การตัดสินใจว่าจะเลือกรางน้ำเมทัลชีท หรือวัสดุอื่นๆ ก็ขึ้นอยู่กับความต้องการและงบประมาณของคุณเลยจ้า หวังว่าข้อมูลที่เม้าท์มอยกันมาวันนี้จะเป็นประโยชน์ในการตัดสินใจนะทุกคน! ขอให้บ้านไร้ปัญหาน้ำฝนกวนใจกันถ้วนหน้านะจ๊ะ! บ๊ายบายยย!

วิดีโอที่เกี่ยวข้อง

• เปรียบเทียบรางน้ำฝน: วัสดุและคุณสมบัติ
• รางน้ำเมตรละกี่บาท/ค่าแรงคิดยังไง?..คลิปนี้มีคำตอบ!!
• หลังคาเมทัลชีท vs หลังคาไวนิล ข้อดีข้อเสีย #แสงทองการช่าง #รับ ...
• 5 ข้อเสียของลอนสแนปล็อคที่ควรรู้ก่อนใช้งาน
• รางน้ำฝน 5 ประเภท เลือกใช้ยังไงให้เหมาะกับการใช้งาน