กระเป๋า Bottega Veneta Mirror Grade ราคาและข้อควรรู้

สวัสดีค่าเพื่อนๆ สายแฟชั่นทุกคนนน! วันนี้เราไม่ได้จะมาป้ายยาของแท้ราคาสี่ห้าหกหลักอะไรนะจ๊ะ แต่จะมาเม้าท์มอยเรื่องกระเป๋าที่กำลังเป็นที่พูดถึงในกลุ่มคนที่อยากได้ความสวยงาม ในราคาที่เข้าถึงง่าย นั่นก็คือ กระเป๋า Bottega Veneta Mirror Grade นั่นเอง! ใครที่กำลังฝันถึงกระเป๋าลายสานสุดเก๋ แต่สู้ราคาจริงไม่ไหว มาดูกันว่าเกรดมิลเลอร์มันคืออะไร มีราคาเท่าไหร่ และมีข้อควรรู้อะไรบ้าง ก่อนที่จะเสียทรัพย์กันไป ตามมาเลยจ้า!

1. เจ้ากระเป๋า Bottega Veneta Mirror Grade นี่มันคืออะไรกันนะ?

เอาล่ะ มาทำความเข้าใจกันก่อนว่าคำว่า "Mirror Grade" หรือ "เกรดมิลเลอร์" เนี่ยมันหมายถึงอะไรในวงการกระเป๋า (ที่ไม่ใช่ของแท้!) ง่ายๆ เลยคือมันเป็นกระเป๋าที่พยายามทำออกมาให้ เหมือนของแท้ให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ ตั้งแต่เรื่องของวัสดุอย่างหนัง ลายสาน Intrecciato อันเป็นเอกลักษณ์ของ Bottega Veneta, ดีไซน์, ขนาด, น้ำหนัก, ไปจนถึงรายละเอียดเล็กๆ น้อยๆ อย่างอะไหล่ หรือการปั๊มโลโก้ (ถ้ามี) คือถ้าไม่เอาของแท้มาวางเทียบกันแบบจุดต่อจุด บางทีก็แยกด้วยตาเปล่ายากเลยนะจ๊ะ เจ้า Bottega Veneta เนี่ยเป็นแบรนด์หรูจากอิตาลี ที่ดังมากๆ เรื่องงานหนังและการสานที่ประณีต ใครที่ได้เห็นก็รู้เลยว่าแพงจริงอะไรจริง แต่พอเป็นเกรดมิลเลอร์ปุ๊บ ราคามันก็... อะนะ เข้าถึงง่ายขึ้นเยอะ!

กลุ่มคนที่เหมาะกับกระเป๋าเกรดนี้ก็ชัดเจนเลยค่ะ คือคนที่ ชื่นชอบในดีไซน์และความสวยงามของ Bottega Veneta แต่ยังไม่พร้อม หรือไม่อยากลงทุนกับกระเป๋าของแท้ที่ราคาโหดเอาเรื่อง อยากได้ฟีลลิ่งการถือกระเป๋าแบรนด์ดัง ไปถ่ายรูปสวยๆ อวดเพื่อน หรือแค่ใช้ในชีวิตประจำวันแบบไม่ต้องกลัวน้องเป๋าจะช้ำมากนักนั่นเองจ้า

2. ช่วงราคาในตลาดไทยเป็นยังไงบ้าง?

มาถึงเรื่องที่ทุกคนอยากรู้! ราคาของกระเป๋า Bottega Veneta เกรดมิลเลอร์ในตลาดไทยเนี่ย มีความหลากหลายมากๆๆๆๆ เลยจ้า บอกเป็นตัวเลขเป๊ะๆ ยากมาก เพราะมันขึ้นอยู่กับหลายปัจจัยสุดๆ เช่น รุ่นกระเป๋า ขนาด คุณภาพของหนังและอะไหล่ และที่สำคัญคือ "แหล่งที่มา" และ "แม่ค้า" ที่เราไปซื้อด้วย

ส่วนใหญ่แล้วเราจะเจอคำศัพท์ที่แบ่งเกรดกระเป๋าพวกนี้กันไปอีก เช่น เกรด A, เกรด AAA, เกรด Mirror, เกรด Super Mirror หรือแม้แต่ที่เคลมว่าเป็น "งาน Original" ซึ่งแต่ละเกรดราคาก็จะดีดขึ้นไปเรื่อยๆ จ้า สำหรับ เกรดมิลเลอร์ เนี่ย ส่วนใหญ่ราคาจะอยู่ที่ประมาณ หลักพันปลายๆ ไปจนถึงหลักหมื่นต้นๆ เลยนะ (ประมาณ ฿5,000 - ฿15,000 หรืออาจจะสูงกว่านั้นสำหรับรุ่นฮิตๆ หรือเกรดที่เคลมว่าดีสุดๆ) รุ่นฮิตๆ อย่าง Jodie, Cassette, Pouch ก็จะมีคนหาเยอะ ราคาก็อาจจะแรงกว่ารุ่นอื่นๆ นิดหน่อย

แหล่งที่เราจะเจอพวกนี้ก็หนีไม่พ้น โลกออนไลน์ จ้ะ ทั้งบนแพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซใหญ่ๆ อย่าง Shopee หรือ Lazada ที่มีร้านค้าแฝงตัวขายอยู่ (ต้องใช้คีย์เวิร์ดค้นหาดีๆ นะจ๊ะ) หรือตามกลุ่มซื้อขายใน Facebook, Instagram, และเว็บไซต์เฉพาะทางต่างๆ อันนี้ไม่มีเปรียบเทียบกับ Central, Big C หรือ Power Buy แน่นอน เพราะของแบบนี้เค้าไม่ได้วางขายในห้างสรรพสินค้าจ้ะ ส่วนเรื่องส่วนต่างอัตราแลกเปลี่ยนกับราคาเมืองนอกก็ไม่ต้องไปคิดถึงเลย เพราะมันคนละตลาดกันเลยนั่นแหละ!

3. เทียบราคากับสินค้าประเภทเดียวกันแล้วคุ้มไหม?

ถ้าจะให้เทียบราคา Bottega Veneta เกรดมิลเลอร์ กับกระเป๋า "ของแท้" อันนี้คือคนละเรื่องเลยนะจ๊ะ ราคาของแท้ Bottega Veneta นี่คือหลักหมื่นปลายๆ ไปจนถึงหลายแสนบาทเลยทีเดียว เทียบกันแล้วเกรดมิลเลอร์นี่คือ ราคาถูกกว่าหลายเท่ามากๆ จ้ะ

แต่ถ้าจะให้เทียบกับ "กระเป๋าเกรดอื่นๆ ที่ไม่ใช่ของแท้" ด้วยกันเอง หรือเทียบกับกระเป๋า "แบรนด์แฟชั่นอื่นๆ ที่ทำดีไซน์คล้ายๆ ลายสาน" แต่อาจจะไม่ใช่แบรนด์ไฮเอนด์จ๋าๆ เนี่ย ราคาก็จะแตกต่างกันไปอีกนะ เกรดมิลเลอร์จะราคาสูงกว่าพวกเกรดทั่วไป เกรด AAA อย่างเห็นได้ชัด เพราะเค้าเคลมว่าใช้วัสดุดีกว่า งานเนี๊ยบกว่า รายละเอียดใกล้เคียงของแท้มากกว่า ถามว่าคุ้มไหม? อันนี้ขึ้นอยู่กับว่าเราให้ความสำคัญกับอะไร ถ้าอยากได้ความเหมือนของแท้มากๆ ในงบที่ไม่บานปลาย การลงทุนกับเกรดมิลเลอร์ที่ราคาหลักพันปลายๆ ถึงหมื่นต้นๆ ก็อาจจะถือว่า คุ้มค่าในแง่ของความเหมือน เมื่อเทียบกับเกรดที่ถูกกว่านี้มากๆ แต่แน่นอนว่าความทนทานหรือคุณภาพเทียบเท่าของแท้เป๊ะๆ น่ะ... คิดดีๆ นะจ๊ะ

4. ซื้อแล้วได้อะไรมาบ้างนะ?

เวลาซื้อกระเป๋า Bottega Veneta เกรดมิลเลอร์เนี่ย สิ่งที่ได้มาก็จะพยายามทำให้เหมือนของแท้แหละจ้า ส่วนใหญ่ที่เค้าจะให้มาด้วยก็จะมี:

• ตัวกระเป๋า: แน่นอนว่าต้องมี! ต้องเช็คสภาพดีๆ นะจ๊ะว่ามีตำหนิมั้ย หนังเป็นยังไง ลายสานเนี๊ยบหรือเปล่า
• ถุงผ้า (Dust Bag): มักจะมีถุงผ้าที่ปั๊มโลโก้เหมือนของแท้มาให้ด้วย
• กล่อง (Box): บางร้าน บางเกรดอาจจะมีกล่องสีเขียวอันเป็นเอกลักษณ์ของ Bottega มาให้ด้วย
• การ์ดต่างๆ (Cards): อาจจะมีพวกการ์ดเล็กๆ ที่พยายามทำให้เหมือนการ์ดจากช็อปมาให้
• ใบเสร็จ (Receipt): อันนี้ส่วนใหญ่จะเป็นใบเสร็จปลอมที่ทำขึ้นมานะจ๊ะ ไม่ใช่ใบเสร็จจริงจากช็อป!

ส่วนเรื่อง ค่าจัดส่ง ส่วนใหญ่แล้วถ้าซื้อออนไลน์ก็จะมีค่าส่งนะจ๊ะ ยกเว้นร้านค้าจะจัดโปรฯ ส่งฟรี แต่ถ้าเป็นแม่ค้าบางคนอาจจะนัดรับก็ได้ อันนี้ต้องตกลงกันอีกที

ที่สำคัญมากๆ คือเรื่อง การรับประกัน (Warranty) อันนี้บอกเลยว่า อย่าไปคาดหวังมาก! กระเป๋าเกรดมิลเลอร์ส่วนใหญ่จะ ไม่มีการรับประกันอย่างเป็นทางการ เหมือนของแท้นะจ๊ะ การเปลี่ยน คืน หรือซ่อม จะขึ้นอยู่กับนโยบายของร้านค้าหรือผู้ขายแต่ละรายเลย บางร้านอาจจะมีให้เปลี่ยนได้ถ้าสินค้ามีปัญหาตอนได้รับภายใน 1-2 วัน แต่ถ้าใช้ไปแล้วมีปัญหา ส่วนใหญ่คือต้องทำใจ หรือลองหาช่องทางซ่อมกระเป๋าตามร้านทั่วไปดูนะ นี่เป็นข้อที่คนไทยต้องคิดดีๆ เพราะเราค่อนข้างให้ความสำคัญกับการรับประกันเนอะ

ส่วนของแถมอื่นๆ เช่น พวงกุญแจ หรือคูปองต่างๆ อันนี้ไม่ค่อยมีหรอกจ้า เน้นที่ตัวกระเป๋าและอุปกรณ์พื้นฐานที่พยายามทำให้เหมือนของแท้ก็พอ!

5. มีช่วงไหนน่าซื้อเป็นพิเศษไหม?

ถึงแม้จะไม่ใช่สินค้าจากช็อปใหญ่ๆ ที่มีโปรโมชั่นตายตัว แต่ในโลกออนไลน์ที่ขายกระเป๋าเกรดมิลเลอร์เนี่ย ช่วง เทศกาลช้อปปิ้งใหญ่ๆ ก็อาจจะมีโอกาสเจอดีลดีๆ ได้เหมือนกันนะจ๊ะ อย่างช่วง 11.11, 12.12 หรือแม้กระทั่งช่วง สงกรานต์ หรือปีใหม่ไทย ที่แม่ค้าบางคนอาจจะจัดโปรโมชั่นลดราคา เคลียร์สต็อก หรือมีของแถมเล็กๆ น้อยๆ ให้

นอกจากนี้ การติดตามร้านค้าหรือผู้ขายที่เราสนใจไว้ ก็อาจจะทำให้เราเห็นโปรโมชั่นพิเศษที่เค้าจัดขึ้นเองได้นะ บางทีอาจจะเป็นโปรโมชั่นลดราคาเมื่อซื้อ 2 ใบขึ้นไป หรือโปรโมชั่นเฉพาะลูกค้าเก่า อันนี้ต้องหมั่นเข้าไปส่อง เข้าไปเช็คหน้าร้าน หรือติดตามผ่านโซเชียลมีเดียของเค้าเอาเองเลยจ้า สรุปคือถ้าไม่ได้รีบมาก การรอช่วงโปรโมชั่นก็อาจจะช่วยประหยัดเงินในกระเป๋าไปได้บ้างนะเออ

6. รีวิวและฟีดแบ็กจากผู้ใช้ในไทยเป็นยังไงบ้างนะ?

จากที่ลองไปส่องๆ ตามเว็บบอร์ด (เก่าๆ หน่อยอย่าง Pantip ที่เคยมีคุยกันเรื่องนี้) หรือตามกลุ่มต่างๆ ในโซเชียลเนี่ย ฟีดแบ็กเกี่ยวกับกระเป๋า Bottega Veneta เกรดมิลเลอร์จากผู้ใช้ในไทยก็มีหลากหลายนะจ๊ะ หลักๆ ที่คนพูดถึงกันก็คือ:

• ความเหมือน: หลายคนพอใจในระดับความเหมือนที่เกรดมิลเลอร์ทำได้ บางรุ่น บางร้าน คือทำได้เนี๊ยบมากๆ จนเพื่อนที่ไม่ได้ดูดีๆ อาจจะแยกไม่ออก
• คุณภาพหนัง: เกรดมิลเลอร์มักจะใช้หนังที่ดีกว่าเกรดล่างๆ ทำให้สัมผัสใกล้เคียงของแท้มากขึ้น มีความนุ่ม หรือมีความเป็นทรงตามรุ่นนั้นๆ
• ความทนทาน: อันนี้แล้วแต่ดวงและแล้วแต่ร้านเลยจ้า บางคนบอกว่าใช้ได้นาน คุ้มราคา แต่บางคนก็เจอปัญหาเรื่องอะไหล่ลอก หนังถลอก หรือทรงเสียไว อันนี้เป็นความเสี่ยงที่ต้องยอมรับเมื่อซื้อของเกรดนี้
• ราคา: จุดเด่นเลยคือราคาที่ถูกกว่าของแท้หลายเท่า ทำให้คนเข้าถึงดีไซน์สวยๆ ของ Bottega Veneta ได้ง่ายขึ้น
• การใช้งาน: ส่วนใหญ่ฟังก์ชันการใช้งานจะทำมาเหมือนของแท้ ใส่ของได้ตามขนาดรุ่นนั้นๆ แต่ต้องระวังเรื่องความทนทานในการใช้งานหนักๆ นะจ๊ะ

สรุปคือ คนไทยที่ซื้อเกรดมิลเลอร์ส่วนใหญ่จะเน้นเรื่อง ความเหมือน และ ราคาที่จับต้องได้ แต่ก็ต้องทำใจเรื่องความทนทานและการรับประกันที่อาจจะไม่เหมือนของแท้เนอะ

7. แล้วจะไปหาซื้อได้ที่ไหนล่ะทีนี้?

ช่องทางหลักๆ ในการหากระเป๋า Bottega Veneta เกรดมิลเลอร์ในไทยก็คือ:

• แพลตฟอร์มออนไลน์ขนาดใหญ่: เช่น Shopee และ Lazada ถึงแม้จะไม่ใช่ร้านค้า Official แต่ก็มีผู้ขายรายย่อยจำนวนมากที่ขายกระเป๋าเกรดนี้อยู่ ข้อดีคือมีตัวเลือกเยอะ เปรียบเทียบราคาได้ง่าย มีระบบการจ่ายเงินที่ค่อนข้างปลอดภัย แต่ข้อควรระวังคือต้อง เลือกผู้ขายที่น่าเชื่อถือ ดูจากรีวิว คะแนนร้าน และจำนวนผู้ติดตามให้ดีๆ
• กลุ่มซื้อขายใน Social Media: โดยเฉพาะใน Facebook และ Instagram จะมีกลุ่มหรือร้านค้าที่ขายกระเป๋าเกรดมิลเลอร์โดยเฉพาะเลย ข้อดีคือมักจะมีรูปภาพ วิดีโอ หรือรีวิวจากลูกค้าให้ดูค่อนข้างเยอะ สามารถพูดคุยสอบถามกับผู้ขายได้โดยตรง แต่ก็ต้องระวังเรื่องมิจฉาชีพด้วยนะจ๊ะ ควรเช็คเครดิต หรือนัดรับถ้าเป็นไปได้
• เว็บไซต์เฉพาะทาง: มีเว็บไซต์จำนวนไม่น้อยที่รวบรวมและจำหน่ายกระเป๋าแบรนด์เนมเกรดมิลเลอร์โดยเฉพาะ ข้อดีคือมีสินค้าให้เลือกเยอะมาก และอาจจะมีเกรดคุณภาพสูงให้เลือกหลากหลาย แต่ข้อควรระวังคือต้องเช็คความน่าเชื่อถือของเว็บไซต์ให้ดีมากๆ ก่อนทำการสั่งซื้อ

จำไว้นะจ๊ะว่านี่ไม่ใช่สินค้าที่วางขายทั่วไปในร้านค้าปลีกหรือห้างสรรพสินค้าอย่างเป็นทางการ เพราะฉะนั้นแหล่งซื้อหลักๆ คือออนไลน์และโซเชียลมีเดียนั่นเองจ้า

8. สรุปแล้วน่าซื้อไหม? เหมาะกับใคร?

มาถึงบทสรุปแล้วจ้า! ถามว่ากระเป๋า Bottega Veneta Mirror Grade น่าซื้อไหม? ถ้าคุณเป็นคนที่ ชื่นชอบดีไซน์ของ Bottega Veneta มากๆ แต่ มีงบประมาณจำกัด หรือ ไม่อยากจ่ายเงินจำนวนมหาศาลเพื่อกระเป๋าหนึ่งใบ และ เข้าใจยอมรับได้ว่านี่ไม่ใช่ของแท้ รวมถึง ยอมรับความเสี่ยงเรื่องความทนทานและการรับประกันที่อาจจะไม่มี ล่ะก็... มันก็เป็นตัวเลือกที่น่าสนใจมากๆ เลยนะจ๊ะ!

มันเหมาะกับคนที่ต้องการ ความสวยงาม และ ฟีลลิ่งการใช้กระเป๋าแบรนด์หรู ในราคาที่เข้าถึงง่ายมากๆ แต่ไม่ได้ต้องการคุณค่าในแง่ของการลงทุน การรับประกันยาวๆ หรือความทนทานระดับที่ใช้ได้เป็นสิบๆ ปีแบบของแท้

ถ้าถามว่าควรซื้อเกรดมิลเลอร์เลยไหม หรือไปเล่นเกรดที่ถูกกว่า? อันนี้ก็ขึ้นอยู่กับงบที่เราตั้งไว้และความคาดหวังในเรื่องความเหมือนเลยจ้า ถ้าอยากได้ความเหมือนมากๆ เนี๊ยบๆ หนังดีๆ กลิ่นหนังใกล้เคียงของแท้ เกรดมิลเลอร์หรือ Super Mirror ก็อาจจะตอบโจทย์ แต่ถ้าแค่อยากได้ทรงคล้ายๆ ใช้ขำๆ เกรดล่างๆ ราคาก็จะถูกลงไปอีก

สิ่งที่สำคัญที่สุดก่อนตัดสินใจซื้อกระเป๋าเกรดมิลเลอร์คือ ศึกษาข้อมูลให้ดีมากๆ เลือกร้านค้าหรือผู้ขายที่น่าเชื่อถือ อ่านรีวิวเยอะๆ และถ้าเป็นไปได้ให้ ขอดูรูปภาพหรือวิดีโอของสินค้าจริง ก่อนตัดสินใจโอนเงินนะจ๊ะ จะได้ลดความเสี่ยงที่จะได้ของไม่ตรงปก หรือมีปัญหาตามมานั่นเองจ้า

หวังว่าบทความนี้จะเป็นประโยชน์กับเพื่อนๆ ที่กำลังเล็งๆ กระเป๋า Bottega Veneta Mirror Grade อยู่ไม่มากก็น้อยนะจ๊ะ ขอให้ทุกคนได้กระเป๋าที่ถูกใจ ในราคาที่สบายกระเป๋าจ้า! บ๊ายบายยย!

วิดีโอที่เกี่ยวข้อง

• Bottega Veneta 8 Cards Wallet : อีกหนึ่ง Must have item สำหรับ ...
• Bottega Veneta Dust Bag โดนใจ 🖤✨
• พาเปิดถุง และ รีวิว BOTTEGA VENETA CASSETTE BELTBAG ...
• แกะกล่องกระเป๋า Flap Wallet จาก Bottega Veneta
• ตรวจกระเป๋าสตางค์ โบเตก้าทำยังไงให้ถูกต้อง?