รีวิวรองพื้น Dior Capture Totale ปกปิดเรียบเนียน ผิวดูอ่อนเยาว์


ผิวหน้าไม่ปังทำไงดีคะซิส! ไหนจะรอยสิว รอยดำ รอยแดง แถมอายุเลข 3 นำหน้า ริ้วรอยเล็กๆ ก็เริ่มมาทักทาย มองหากระจกแทบไม่ได้! 😭 แต่พอได้ยินกิตติศัพท์ของ รองพื้น Dior Capture Totale Super Potent Serum Foundation ตัวนี้ว่านอกจากจะปกปิดเนียนกริบแล้ว ยังบำรุงให้ผิวดูเด็กขึ้นอีกด้วย... หูผึ่งเลยค่ะ! ไหนๆ ก็ไหนๆ แล้ว เลยขอลองจัดมารีวิวให้ดูกันไปเลยแบบไม่กั๊ก ว่าน้องเค้าจึ้งจริงมั้ย? เหมาะกับผิวคนไทยในอากาศเมืองไทยรึเปล่า? เตรียมตัวให้พร้อมแล้วไปดูกันเลยค่า!
1. ภาพรวมผลิตภัณฑ์: รู้จักน้องรองพื้น Dior Capture Totale กันหน่อย
ถ้าพูดถึง Dior ก็ต้องนึกถึงความหรูหรา พรีเมียม ตัวนี้เค้าอยู่ในไลน์ Capture Totale ซึ่งเป็นกลุ่มสกินแคร์เน้นเรื่องการลดเลือนริ้วรอยและฟื้นบำรุงผิวให้อ่อนเยาว์ ดังนั้น รองพื้นตัวนี้เลยไม่ใช่แค่เมคอัพ แต่เค้าพกพาสกินแคร์มาในตัวด้วยนั่นเองค่ะ!
แบรนด์: Dior (ดิออร์)
ชื่อเต็ม: Dior Capture Totale Super Potent Serum Foundation
ปีที่วางขาย: เป็นรุ่นที่อัปเดตมาจากไลน์ Capture Totale เดิม คาดว่าเปิดตัวประมาณปลายปี 2020 หรือต้นปี 2021 ค่ะ
ช่วงราคา: ประมาณ 3,100 - 3,350 บาท (ราคาเคาน์เตอร์หรือใน Sephora ไทย)
ตำแหน่งในตลาด: เป็นรองพื้นระดับ High-end ที่ผสานพลังสกินแคร์ เหมาะกับคนที่มองหารองพื้นที่ให้การปกปิดพร้อมบำรุงผิวไปในตัว โดยเฉพาะผู้ที่กังวลเรื่องริ้วรอยและสัญญาณแห่งวัย
จุดเด่นที่เคลมมาเน้นๆ:
- ปกปิดเนียนกริบ แต่ยังดูเป็นธรรมชาติ
- ผิวดูกระจ่างใส เปล่งประกาย ไม่แมตต์จนดูแห้ง
- ช่วยบำรุงผิว ให้ดูกระชับ ลดเลือนริ้วรอย และจุดด่างดำเมื่อใช้ต่อเนื่อง
- เนื้อบางเบา สบายผิว ไม่รู้สึกโบกหนักๆ
- ติดทนนานตลอดวัน
2. ดีไซน์ & รูปลักษณ์ภายนอก: สวยหรูดูแพง!
ขวดรองพื้นมาในขวดแก้วสีใส มองเห็นเนื้อรองพื้นด้านใน ตัวขวดมีความโค้งมน จับถนัดมือ ฝาสีเงินเงาวาว มีโลโก้ Dior อยู่ด้านบน ดูหรูหราตามสไตล์ดิออร์เป๊ะๆ ค่ะ ขนาด 30 ml มาพร้อมหัวปั๊ม ใช้งานง่าย ควบคุมปริมาณรองพื้นได้ดี
วัสดุ: ขวดแก้วคุณภาพดี แข็งแรง ดูแพง
ขนาดและน้ำหนัก: ขนาดมาตรฐานรองพื้นทั่วไป พกพาสะดวก (แต่ต้องระวังแตกนิดนึงนะคะเป็นขวดแก้ว)
สีที่มีให้เลือก: มีหลายเฉดสีให้เลือกพอสมควร (ประมาณ 13 เฉดสี) ครอบคลุมทั้ง undertone โทนชมพู, โทนเหลือง, และโทนกลางๆ แต่บางเบอร์อาจจะหายากหน่อยในบางช่องทาง
อุปกรณ์เสริมในกล่อง: ปกติจะมีแค่ตัวรองพื้นค่ะ อาจจะมีคู่มือเล็กๆ น้อยๆ
3. ประสบการณ์ในการใช้งานฟังก์ชันหลัก: ปกปิดได้ใจ ผิวดูอิ่มฟู!
วันไหนรีบๆ แค่ลงสกินแคร์แล้วต่อด้วยตัวนี้ บอกเลยว่าผิวดูดีขึ้นทันตา! เนื้อรองพื้นเค้าเป็นกึ่งเซรั่ม กึ่งลิควิด ไม่ได้เหลวเป็นน้ำ แต่ก็ไม่ข้นจนเกินไป เกลี่ยง่ายมากค่ะ จะใช้มือ ฟองน้ำ หรือแปรงก็ได้หมด ส่วนตัวชอบใช้ฟองน้ำชุบน้ำหมาดๆ แตะๆ เกลี่ยๆ ได้ฟินิชที่เนียนเป็นธรรมชาติสุดๆ
การปกปิด: ให้การปกปิดแบบ Medium Coverage หรือปกปิดปานกลาง สามารถบิ้วเพิ่มได้ตรงจุดที่ต้องการ เช่น รอยสิว รอยแดงต่างๆ แต่ถ้าใครมีรอยหนักๆ อาจจะต้องใช้คอนซีลเลอร์ช่วยนิดนึงนะคะ
ฟินิช: เป็นแบบ Luminous Radiant Finish หรือผิวดูเปล่งปลั่ง กระจ่างใส เล่นแสงสวยมากๆ ไม่ใช่สายแมตต์คุมมันจ๋าๆ นะคะ แต่ก็ไม่ได้ทำให้หน้าดูมันเยิ้ม
ความรู้สึกบนผิว: เบาสบายผิวมากกกก แทบเหมือนไม่ได้ทาอะไรเลย ไม่หนักหน้า ไม่อุดตัน รู้สึกได้เลยว่าผิวดูชุ่มชื้น ไม่แห้งระหว่างวัน
ลองใช้ในวันที่ต้องออกไปเจอแดดเมืองไทยทั้งวัน เหงื่อออกก็มีบ้าง แต่รองพื้นยังติดทนดีค่ะ ไม่เป็นคราบ ไม่ตกร่อง แถมพอยิ่งเวลาผ่านไป ผิวยิ่งดูฉ่ำๆ โกลว์ๆ เหมือนผิวดีมาตั้งแต่เกิด อันนี้ชอบมาก!
4. ประสบการณ์การใช้งาน & ความง่ายในการใช้: แค่เขย่าแล้วทา สบายมาก!
ใช้ง่ายสุดๆ ค่ะ แค่ "เขย่าขวดก่อนใช้" อันนี้สำคัญมากนะ เพราะเค้ามีส่วนผสมของสกินแคร์และเม็ดสีที่อาจจะแยกชั้นกันได้ จากนั้นก็ปั๊มออกมาทาได้เลยค่ะ
ความง่ายในการใช้: มือใหม่ก็ใช้ได้สบายมากค่ะ เกลี่ยง่าย ไม่ต้องใช้เทคนิคเยอะก็ได้ผิวสวย ไม่ต้องเรียนรู้อะไรซับซ้อนเลย
ความรู้สึกอื่นๆ: เนื้อรองพื้นเนียน ลื่น เกลี่ยง่าย ไม่เหนอะหนะผิวเลยค่ะ สบายผิวตลอดวัน
5. ติดทนนาน & ความคุ้มค่าในระยะยาว: แพงแต่ครบ จบที่ผิวสวย!
เรื่องความติดทน ตัวนี้ทำได้ดีเลยค่ะ ติดทนตลอดวัน ไม่หลุด ไม่เป็นคราบ แม้จะเจออากาศร้อนๆ เหงื่อออกบ้างก็ยังโอเคค่ะ มีดรอปลงเล็กน้อยช่วงบ่ายๆ แต่ไม่ได้ทำให้หน้าหมองนะคะ แค่ความโกลว์อาจจะลดลงนิดหน่อย
ในแง่ของความคุ้มค่า ด้วยราคาที่ค่อนข้างสูง (สามพันต้นๆ) ถ้ามองแค่ว่าเป็นรองพื้นอย่างเดียว อาจจะรู้สึกว่าแพง แต่ถ้ามองว่าเค้าเป็นทั้งรองพื้นและสกินแคร์บำรุงผิวไปในตัว แถมยังช่วยเรื่องริ้วรอยและความกระชับของผิวได้จริง (ตามที่แบรนด์เคลมและมีผลทดสอบมา) ก็ถือว่าเป็นการลงทุนที่คุ้มค่ากับผิวในระยะยาวค่ะ ขวดนึงใช้ได้นานหลายเดือนเลย
เมื่อเทียบกับรองพื้น High-end อื่นๆ ที่ราคาใกล้เคียงกัน ตัวนี้มีจุดเด่นตรงที่เป็นลูกครึ่งสกินแคร์นี่แหละค่ะ
6. ข้อดี-ข้อเสีย: มีอะไรที่ต้องรู้บ้าง?
มาสรุปแบบชัดๆ ฟันธงกันไปเลยค่ะ!
ข้อดีที่คนไทยน่าจะเลิฟ:
- ผิวสวยดูเป็นธรรมชาติ: ได้ฟินิชแบบ Healthy Glow ผิวดูอิ่มน้ำ ไม่หลอกตา
- บำรุงผิวไปในตัว: ใช้แล้วรู้สึกว่าผิวดีขึ้นจริงๆ ไม่ใช่แค่ตอนทา
- เนื้อบางเบา สบายผิว: เหมาะกับอากาศเมืองไทย ไม่หนักหน้า
- ติดทนนาน: ไม่ต้องกลัวรองพื้นไหลเยิ้มระหว่างวัน
- แพ็คเกจหรูหรา: วางบนโต๊ะเครื่องแป้งแล้วรู้สึกเป็นเจ้าหญิง!
ข้อเสียที่อาจทำให้ลังเล:
- ราคาสูง: เป็นรองพื้น High-end ที่ต้องลงทุนนิดนึง
- อาจไม่เหมาะกับผิวมันมากๆ: เนื่องจากเน้นความโกลว์ อาจจะต้องใช้แป้งคุมมันช่วยหน่อย
- การปกปิดปานกลาง: ใครที่ต้องการปกปิดสูงสุดๆ อาจจะต้องพึ่งคอนซีลเลอร์
- เฉดสีอาจจะยังมีไม่ครบทุก undertone เป๊ะๆ: แนะนำให้ไปลองที่เคาน์เตอร์ก่อนซื้อ
7. เหมาะกับใคร & คำแนะนำในการซื้อ: ซื้อเลยดีไหมนะ?
จากที่ลองใช้และดูข้อมูลมา ตัวนี้เหมาะกับ:
- คนที่มีผิวแห้ง - ผิวธรรมดา: จะได้ความชุ่มชื้นและฟินิชฉ่ำๆ สวยมาก
- คนที่กังวลเรื่องริ้วรอยและสัญญาณแห่งวัย: อยากได้รองพื้นที่ช่วยบำรุงและแก้ไขปัญหาผิวไปพร้อมๆ กัน
- คนที่ชอบผิวดูสุขภาพดี เปล่งประกาย: ไม่ชอบรองพื้นแมตต์ๆ ที่ดูหนา
- คนที่พร้อมลงทุนกับรองพื้นคุณภาพดี: เข้าใจว่าราคามาพร้อมกับเทคโนโลยีและส่วนผสมบำรุงผิว
ควรซื้อเลยไหม? ถ้าคุณมีคุณสมบัติตรงตามข้างบน แล้วกำลังมองหารองพื้นที่ตอบโจทย์เรื่องผิวดูอ่อนเยาว์ ปกปิดเนียนเป็นธรรมชาติ พร้อมบำรุงในตัว ตัวนี้คือคำตอบค่ะ! น่าลงทุนมากๆ
แต่ถ้าเพิ่งเริ่มลองใช้ หรือมีงบจำกัด อาจจะลองดูขนาดทดลอง หรือรอช่วงโปรโมชั่นตามช่องทางออนไลน์หรือห้างสรรพสินค้าช่วงเทศกาลต่างๆ จะได้ราคาดีขึ้นค่ะ
8. เปรียบเทียบกับสินค้าคล้ายๆ กัน: เลือกตัวไหนดีในไลน์ Dior?
ในไลน์รองพื้นของ Dior เอง ก็มีหลายตัวน่าสนใจ เช่น:
- Dior Forever Foundation (Matte / Skin Glow): เป็นรองพื้นยอดฮิตที่เน้นความติดทน มีทั้งสูตรแมตต์และสูตรโกลว์ ราคาเป็นมิตรกว่า Capture Totale เหมาะกับคนที่เน้นเรื่องความติดทนเป็นพิเศษ
- Dior Backstage Face & Body Foundation: เนื้อบางเบามากๆ ให้ฟินิชแบบงานผิวสุดๆ ราคาเข้าถึงง่าย เหมาะกับวันที่ต้องการลุคสบายๆ เป็นธรรมชาติมากๆ
- Dior Prestige Le Micro-Fluide Teint de Rose Foundation: ตัวนี้ราคาสูงที่สุดในไลน์รองพื้นดิออร์ เน้นส่วนผสมบำรุงจากกุหลาบ เหมาะกับคนที่ต้องการการบำรุงขั้นสุดและความหรูหรา
ถ้าเทียบกันแล้ว Capture Totale Super Potent Serum Foundation จะอยู่ตรงกลางระหว่าง Forever กับ Prestige ค่ะ คือได้ความติดทนและฟินิชสวยแบบ Forever แต่เพิ่มการบำรุงผิวแบบจัดเต็มเข้ามาด้วย เหมาะกับคนที่ต้องการรองพื้นที่ดูแลผิวไปพร้อมๆ กันจริงๆ
9. บริการหลังการขายและช่องทางการซื้อ: ซื้อที่ไหนได้บ้าง?
สามารถหาซื้อรองพื้น Dior Capture Totale Super Potent Serum Foundation ได้หลายช่องทางค่ะ
- เคาน์เตอร์ Dior ในห้างสรรพสินค้าชั้นนำ: สะดวกที่สุดคือการไปลองสีและเนื้อสัมผัสจริงที่เคาน์เตอร์ค่ะ มีผู้เชี่ยวชาญคอยให้คำแนะนำ
- ร้าน Sephora ทั้งออนไลน์และหน้าร้าน: มีให้เลือกหลายเฉดสี และมักจะมีโปรโมชั่นน่าสนใจ
- เว็บไซต์อย่างเป็นทางการของ Dior ประเทศไทย: สั่งซื้อออนไลน์ได้โดยตรง มั่นใจว่าเป็นของแท้
- ร้านค้า Official ในแพลตฟอร์ม E-commerce ดังๆ (Lazada, Shopee): มักจะมีโปรโมชั่นลดราคา, โค้ดส่วนลด, ส่วนลดจากบัตรเครดิต, หรือโปรโมชั่นผ่อนชำระ 0% อยู่บ่อยๆ บางร้านอาจมีของแถมหรือจัดส่งฟรีด้วยค่ะ ข้อควรระวังคือต้องเลือกร้านที่เป็น Official หรือร้านที่น่าเชื่อถือนะคะ
เรื่องการรับประกันสินค้า เครื่องสำอางส่วนใหญ่จะไม่มีการรับประกันแบบเครื่องใช้ไฟฟ้าค่ะ แต่ถ้าซื้อจากเคาน์เตอร์หรือช่องทาง Official หากสินค้ามีปัญหาก็สามารถติดต่อเพื่อสอบถามหรือเปลี่ยนสินค้าได้ตามนโยบายของแต่ละที่ค่ะ
10. บทสรุปและคำแนะนำในการซื้อ: ฟันธง! ซื้อหรือไม่ซื้อดี?
หลังจากที่ได้ลองใช้และรีวิวมาทั้งหมด ขอฟันธงตรงนี้เลยว่า Dior Capture Totale Super Potent Serum Foundation เป็นรองพื้นที่น่าลงทุนมากค่ะ! โดยเฉพาะถ้าคุณเป็นคนที่มีปัญหาผิวเรื่องริ้วรอย หรือเริ่มมีสัญญาณแห่งวัย และต้องการรองพื้นที่ช่วยให้ผิวดูอ่อนเยาว์ขึ้น พร้อมได้ผิวที่ดูสวยเนียน เป็นธรรมชาติ เปล่งประกายสุขภาพดี ตัวนี้คือตอบโจทย์สุดๆ
เหมาะสำหรับ: ผู้ที่มองหารองพื้น High-end คุณภาพดี ที่ผสานสกินแคร์ ลดเลือนริ้วรอย และให้ผิวดูสวยเป็นธรรมชาติ เหมาะกับผิวแห้งถึงผิวธรรมดา
คำแนะนำเพิ่มเติม:
- ถ้าไม่แน่ใจเรื่องเฉดสี แนะนำให้ไปลองที่เคาน์เตอร์ก่อนตัดสินใจซื้อ
- ถ้างบประมาณจำกัด ลองรอช่วงโปรโมชั่นตาม E-commerce Platform หรือในห้างสรรพสินค้า จะได้ราคาที่ดีขึ้นมากค่ะ
บอกเลยว่าลงทุนกับผิวไม่ผิดหวังค่ะ! ลองแล้วจะรู้ว่าผิวสวยแบบที่ไม่ต้องพยายามมากมันเป็นยังไง 😊
วิดีโอที่เกี่ยวข้อง
แนะนำสำหรับคุณ
รีวิว Sudocrem: ครีมสารพัดประโยชน์ แก้ผื่นผ้าอ้อม สิว และปัญหาผิวต่างๆ
รีวิว Collagen by Watsons Trouble Free: ผลิตภัณฑ์ดูแลผิวเป็นสิว ลดการอุดตัน ได้ผลจริงหรือ?
รีวิว Park Origin ทองหล่อ: คอนโดหรูใจกลางเมือง ชีวิตดี๊ดีสมราคาไหม?
Garmin GDR E530 รีวิวกล้องติดรถยนต์: ชัด ทน อุ่นใจทุกการเดินทางไหม?
รีวิว iPhone 13 ปี 2025: คุ้มค่าน่าซื้อไหม?
รีวิว Adare Garden Pool Villas Pattaya: พูลวิลล่าส่วนตัว บรรยากาศดีจริงไหม?