BullVPN ราคาแพ็คเกจ: VPN สำหรับดูหนัง เล่นเกม คุ้มค่าไหม ราคาเท่าไหร่?

สวัสดีค่าทุกคนนน! วันนี้เราจะมาเม้าท์มอยเรื่องตัวช่วยสุดปังสำหรับชาวเน็ตอย่าง BullVPN กัน ใครที่ชอบดูหนัง เล่นเกม หรือท่องโลกอินเทอร์เน็ตแบบไร้ขีดจำกัด แล้วสงสัยว่าเจ้านี่มันดียังไง ราคาเท่าไหร่ แล้วจะคุ้มค่ากับเงินในกระเป๋าตังค์เราไหม มาค่ะ! มาฟังทางนี้ให้ไวเลยจ้า เพราะเราจะมาตีแผ่เรื่อง BullVPN แบบหมดเปลือก ไม่มีกั๊ก เตรียมตัวเตรียมใจให้พร้อม แล้วไปดูกันเล้ย!

1. BullVPN คืออะไร มีดีตรงไหน?

เอาล่ะค่ะ มาทำความรู้จักกับพระเอกของเราในวันนี้กันก่อน BullVPN เนี่ย เป็นบริการ VPN (Virtual Private Network) สัญชาติไทยแท้ๆ ที่เค้าพัฒนามาเพื่อตอบโจทย์คนไทยโดยเฉพาะเลยนะ! หน้าที่หลักๆ ของมันก็คือการสร้างเครือข่ายส่วนตัวเสมือนขึ้นมา ทำให้เราสามารถท่องโลกอินเทอร์เน็ตได้อย่างเป็นอิสระมากขึ้น เหมือนมีอุโมงค์ลับพาเราทะลุทะลวงข้อจำกัดต่างๆ ไปได้เลย

แล้วใครบ้างล่ะที่เหมาะกับ BullVPN? บอกเลยว่าหลากหลายมากจ้า ตั้งแต่คนที่ชอบ ดูหนังออนไลน์ แล้วเจอเว็บที่อยากดูแต่เข้าไม่ได้ หรือดูแล้วกระตุกเหลือเกิน ไปจนถึงเหล่า เกมเมอร์ ที่ประสบปัญหาแลค ปิงพุ่ง เล่นแล้วหัวร้อน BullVPN เค้าเคลมว่าช่วยลดอาการพวกนี้ได้นะ นอกจากนี้ยังเหมาะกับคนที่ต้องการ ซ่อน IP Address ของตัวเองเพื่อความปลอดภัยและความเป็นส่วนตัวเวลาใช้งานอินเทอร์เน็ตสาธารณะ หรือเวลาเข้าเว็บไซต์ต่างๆ. เป็นแบรนด์ไทยที่อยู่มานานและมีผู้ใช้งานพอสมควรเลยนะ,.

2. ราคา BullVPN ในไทยเท่าไหร่กันนะ?

มาถึงช่วงที่ทุกคนรอคอย! เรื่องของ "ราคา" นั่นเอง สำหรับ BullVPN เค้าไม่ได้มีขายตามร้านค้าทั่วไปเหมือนพวกสินค้าไอทีนะจ๊ะ แต่เป็นการสมัครสมาชิกบนเว็บไซต์ของเค้าโดยตรง ซึ่งราคาก็จะแตกต่างกันไปตามระยะเวลาที่เราสมัคร มีตั้งแต่แบบสั้นๆ ไปจนถึงแบบยาวๆ เลยจ้า (ราคาอาจมีการเปลี่ยนแปลง เช็คล่าสุดได้ที่เว็บไซต์ BullVPN โดยตรงนะ)

• แบบ 7 วัน: อันนี้เหมาะสำหรับคนที่อยากลองใช้ดูก่อน หรือต้องการใช้แค่ช่วงสั้นๆ ราคาจะเบาๆ เลยจ้า
• แบบ 1 เดือน: สำหรับคนที่อยากใช้ต่อเนื่องหน่อย หรือมีโปรเจกต์ที่ต้องใช้ VPN เป็นพิเศษ ราคาประมาณ 249 บาท (หรือ 7.79 USD),
• แบบ 3 เดือน: เริ่มคุ้มขึ้นมาอีกนิด ราคาประมาณ 649 บาท (หรือ 20.49 USD)
• แบบ 6 เดือน: ครึ่งปีไปเลยจ้า ราคาประมาณ 1,149 บาท (หรือ 36.00 USD) เริ่มเห็นส่วนลดเมื่อเทียบกับรายเดือนแล้วนะ,
• แบบ 1 ปี: ยอดฮิตเลย ราคาประมาณ 1,999 บาท (หรือ 62.00 USD) อันนี้ยิ่งสมัครนาน ยิ่งคุ้มเยอะ! ตกเดือนละไม่กี่บาทเอง,
• แบบ 2 ปี: คุ้มสุดพลัง! ถ้าใช้ยาวๆ แนะนำเลย

จะเห็นว่ายิ่งสมัครแพ็คเกจที่ระยะเวลายาวขึ้น ราคาก็ยิ่งถูกลงต่อเดือนนะ เหมือนซื้อยกโหลแล้วได้ลดราคาอะไรแบบนั้นเลยจ้า ส่วนเรื่องส่วนต่างอัตราแลกเปลี่ยนระหว่างราคาสกุลเงินบาทกับดอลลาร์สหรัฐฯ ก็มีบ้างตามค่าเงินช่วงนั้นๆ นะจ๊ะ

3. เปรียบเทียบราคากับเจ้าอื่นเป็นไงบ้าง?

ในตลาด VPN เนี่ย ก็มีผู้ให้บริการหลายเจ้ามากๆ เลยนะ ทั้งแบรนด์ไทยและแบรนด์ต่างประเทศ ถ้าเทียบกับแบรนด์ต่างประเทศดังๆ บางเจ้าที่ราคาอาจจะสูงกว่า BullVPN พอสมควรเลยนะ แต่ฟังก์ชันหรือจำนวนเซิร์ฟเวอร์อาจจะเยอะกว่าด้วย อันนี้ก็แล้วแต่ความต้องการเลยจ้า

สำหรับ BullVPN ด้วยความที่เป็นแบรนด์ไทย ราคาเค้าก็ค่อนข้างเป็นมิตรกับคนไทยนะ เมื่อเทียบกับฟังก์ชันที่ให้มา ทั้งเรื่องเซิร์ฟเวอร์ในไทยและต่างประเทศที่มีให้เลือกใช้กว่า 300 เซิร์ฟเวอร์ใน 49 ประเทศ, รองรับหลากหลายอุปกรณ์, ถือว่า คุ้มค่า อยู่ในกลุ่มราคาที่เข้าถึงง่ายเลยล่ะ ถ้าไม่ได้ต้องการฟังก์ชันที่แอดวานซ์มากๆ หรือต้องการเชื่อมต่อพร้อมกันหลายสิบอุปกรณ์ BullVPN ถือเป็นตัวเลือกที่น่าสนใจในราคาที่ไม่แรงเลยจ้า

4. สมัครแล้วได้อะไรบ้าง มีของแถมไหม?

เวลาสมัคร BullVPN เนี่ย สิ่งที่เราจะได้หลักๆ เลยก็คือ สิทธิ์ในการใช้งาน VPN ตามระยะเวลาแพ็คเกจที่เราเลือก, โดยส่วนใหญ่แพ็คเกจมาตรฐานจะสามารถ เชื่อมต่อพร้อมกันได้ 4 อุปกรณ์, ถ้าอยากเชื่อมต่อมากกว่านั้น ก็สามารถซื้อบริการเสริม Add Connections เพิ่มได้สูงสุดถึง 20 การเชื่อมต่อพร้อมกันเลยนะ

เรื่องบริการอื่นๆ ที่รวมมาก็มี เซิร์ฟเวอร์ให้เลือกหลากหลาย ทั้งในไทยและต่างประเทศกว่า 49 ประเทศ, มี ฝ่ายสนับสนุนลูกค้า ที่เป็นคนไทย ติดต่อสอบถามได้สะดวก, ส่วนเรื่องค่าขนส่ง อันนี้เป็นบริการออนไลน์ ก็ไม่มีค่าขนส่งนะจ๊ะ ได้รับสิทธิ์ใช้งานทันทีหลังชำระเงินเลย

สำหรับ ของแถม หรือ โปรโมชั่น พิเศษต่างๆ เนี่ย BullVPN เค้าก็มีจัดอยู่เรื่อยๆ นะ อย่างที่เห็นเร็วๆ นี้ก็มีโปรโมชั่นช่วงสงกรานต์ที่ลดราคาแพ็คเกจต่างๆ หรือโปรโมชั่นฉลองครบรอบที่แถมวันใช้งานเพิ่ม หรือบางทีสมัครแพ็คเกจยาวๆ อาจจะได้ของพรีเมียมอย่างเสื้อยืด BullVPN ด้วยนะ อันนี้ต้องคอยติดตามหน้าเว็บไซต์หรือโซเชียลมีเดียของเค้าดีๆ เลยจ้า

ส่วนเรื่อง การรับประกัน หรือ คืนเงิน ถ้ามีปัญหาจากการใช้งานที่เกิดจากระบบของบริษัท BullVPN เค้าก็มีนโยบายคืนเงินอยู่เหมือนกันนะ แต่ก็มีเงื่อนไขอยู่ ควรศึกษารายละเอียดก่อนสมัครนะจ๊ะ,

5. ช่วงไหนน่าซื้อ BullVPN ที่สุด?

ถ้าถามว่าช่วงไหนน่าสมัคร BullVPN ที่สุด บอกเลยว่าต้องเป็น ช่วงที่มีโปรโมชั่น นั่นแหละจ้า! BullVPN เค้ามักจะมีโปรโมชั่นลดราคาหรือแถมวันใช้งานเพิ่มอยู่เป็นระยะๆ โดยเฉพาะในช่วง เทศกาลสำคัญๆ หรือ ช่วงโปรโมชั่นใหญ่ๆ อย่างช่วงสงกรานต์ หรือช่วงฉลองครบรอบของแบรนด์ หรือบางทีก็มีโค้ดส่วนลดพิเศษปล่อยออกมาตามช่องทางต่างๆ,

การสมัครสมาชิกบนเว็บไซต์ BullVPN โดยตรงเป็นช่องทางหลัก, แนะนำให้เข้าไปเช็คหน้าเว็บไซต์ของเค้าบ่อยๆ หรือติดตามเพจโซเชียลมีเดียของ BullVPN ไว้ก็ดีนะ จะได้ไม่พลาดโปรโมชั่นดีๆ ที่จะช่วยให้เราสมัครได้ในราคาที่คุ้มค่าขึ้นไปอีกจ้า!

6. คนไทยใช้ BullVPN แล้วรู้สึกยังไงบ้างนะ?

จากเสียงผู้ใช้งานคนไทยหลายๆ คน เท่าที่ไปส่องๆ ดูตามรีวิว, จุดที่ BullVPN ได้ใจคนไทยไปเต็มๆ เลยก็คือ:

• ใช้งานง่าย ไม่ยุ่งยาก: หลายคนบอกว่าติดตั้งง่าย สมัครเสร็จเข้าสู่ระบบ กดเชื่อมต่อก็ใช้ได้เลย ไม่ซับซ้อน เหมาะกับคนที่ไม่เก่งเรื่องเทคนิคเท่าไหร่,
• มีเซิร์ฟเวอร์ไทย: อันนี้สำคัญมากๆ สำหรับบางคนที่ต้องการมุดเข้ามาดูเนื้อหาในประเทศไทย เวลาไปอยู่ต่างประเทศ หรือต้องการความเร็วในการเชื่อมต่อกับเซิร์ฟเวอร์ในประเทศ
• ช่วยเรื่องดูหนัง ฟังเพลง: หลายรีวิวบอกว่าช่วยให้ดู Netflix, YouTube หรือสตรีมมิ่งอื่นๆ ได้ลื่นขึ้น ไม่ค่อยกระตุก,
• ลดปิง แก้แลคเกมได้: เกมเมอร์หลายคนใช้แล้วบอกว่าช่วยลดอาการแลค ปิงน้อยลง ทำให้เล่นเกมออนไลน์ได้สนุกขึ้น โดยเฉพาะการเชื่อมต่อไปเซิร์ฟเวอร์เกมในต่างประเทศ,
• ราคาจับต้องได้: เมื่อเทียบกับ VPN แบรนด์ต่างประเทศ BullVPN ราคาเป็นมิตรกับคนไทยมากกว่า

แต่ก็มีบางส่วนที่อาจจะคอมเมนต์เรื่องความเร็วที่อาจจะดรอปลงบ้างเมื่อเชื่อมต่อเซิร์ฟเวอร์ที่อยู่ไกลมากๆ หรือบางทีการเชื่อมต่ออาจจะไม่เสถียรเท่าบางแบรนด์ใหญ่ๆ ระดับโลก แต่โดยรวมแล้วสำหรับราคาและฟังก์ชันที่ได้ ถือว่าผู้ใช้คนไทยส่วนใหญ่พอใจและมองว่าคุ้มค่าอยู่นะ

7. จะซื้อ BullVPN ได้จากช่องทางไหนบ้าง?

สำหรับ BullVPN ช่องทางการซื้อหลักๆ และเป็นทางการที่สุดก็คือ เว็บไซต์ของ BullVPN เองเลยจ้า (www.bullvpn.com),. การสมัครผ่านเว็บไซต์โดยตรงมีข้อดีคือ:

• ได้แพ็คเกจและราคาที่เป็นปัจจุบันที่สุด: โปรโมชั่นต่างๆ ก็จะอัปเดตบนเว็บไซต์เป็นหลัก,
• ระบบการชำระเงินหลากหลาย: รองรับทั้ง QR Code, บัตรเครดิต/เดบิต, PayPal และอื่นๆ สะดวกมากๆ
• ได้รับการสนับสนุนโดยตรงจากผู้ให้บริการ: หากมีปัญหาหรือข้อสงสัย สามารถติดต่อฝ่าย Support ของ BullVPN ได้เลย,

ส่วนแพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซใหญ่ๆ อย่าง Lazada หรือ Shopee อาจจะมีผู้ค้ารายย่อยนำมาขายบ้าง แต่เพื่อความมั่นใจและสิทธิ์ต่างๆ ที่ควรจะได้รับ แนะนำให้ซื้อผ่านเว็บไซต์ทางการของ BullVPN จะดีที่สุดนะจ๊ะ ไม่มีหน้าร้านตามห้างร้านไอทีอย่าง JIB, Banana IT, Power Buy นะจ๊ะ เพราะนี่เป็นบริการออนไลน์เนอะ

8. สรุปแล้ว BullVPN คุ้มค่าน่าซื้อไหม? เหมาะกับใคร?

มาถึงบทสรุปส่งท้ายกันแล้ว! ถามว่า BullVPN คุ้มค่าน่าซื้อไหม? ถ้าคุณเป็นคนที่ เน้นใช้งานทั่วไป ไม่ว่าจะเป็น ดูหนัง ฟังเพลง เล่นเกม หรือเข้าเว็บไซต์ที่โดนบล็อก แล้วมองหา VPN ที่ ราคาไม่แรง ใช้งานง่าย มีเซิร์ฟเวอร์ไทย และมีฝ่าย Support คนไทยที่สื่อสารกันรู้เรื่อง BullVPN ถือว่า คุ้มค่าน่าซื้อมากๆ เลยจ้า!

เหมาะมากๆ สำหรับ:

• คนชอบดูหนัง ฟังเพลง: ที่ต้องการเข้าถึงเนื้อหาจากต่างประเทศ หรือแก้ปัญหาดูแล้วกระตุก
• เกมเมอร์: ที่ต้องการลดปิง ลดแลคในการเล่นเกมออนไลน์
• คนที่ต้องการความเป็นส่วนตัวออนไลน์: ซ่อน IP Address เวลาใช้งานอินเทอร์เน็ตสาธารณะ
• คนที่เดินทางบ่อย: ต้องการมุดเข้ามาใช้งานแอปฯ หรือดูเนื้อหาในไทยตอนอยู่ต่างประเทศ

ถ้าเทียบกับราคาและสิ่งที่ BullVPN ให้มา ถือว่าเป็น VPN สัญชาติไทยที่ตอบโจทย์คนไทยได้ดีเลยทีเดียว ส่วนจะเลือกแพ็คเกจแบบ 1 เดือน, 1 ปี หรือ 2 ปี ก็ขึ้นอยู่กับระยะเวลาการใช้งานและความคุ้มค่าที่คุณมองหา ยิ่งสมัครนาน ยิ่งถูกลงต่อเดือนจ้า ถ้าใช้ยาวๆ จัดแพ็คเกจรายปีหรือ 2 ปีไปเลย คุ้มสุด! ไม่ต้องมาคอยต่ออายุบ่อยๆ ด้วยนะ

หวังว่าบทความนี้จะเป็นประโยชน์กับทุกคนที่กำลังชั่งใจว่าจะสมัคร BullVPN ดีไหมนะจ๊ะ ขอให้ทุกคนท่องโลกอินเทอร์เน็ตได้อย่างสนุกสนาน ปลอดภัย และไร้ขีดจำกัดจ้า! บ๊ายบายยย!

วิดีโอที่เกี่ยวข้อง

• รีวิว VPN ที่ดีที่สุดที่ประทับใจที่สุด
• BullVPN: ท่องโลกออนไลน์อย่างปลอดภัย
• แนะนำโปรแกรม VPN ที่ดีที่สุดในไทย BullVPN มุดเว็บต่างประเทศ ...
• VPN ฟรี! แนะนำที่ดีที่สุดสำหรับการเดินทางไปจีน
• BullVPN คืออะไร? สมัครง่ายโหลดก็ง่าย ใช้ก็ง่ายอีก ทำยังไงมาดูกัน ...