ราคา Audio Interface Focusrite Scarlet รุ่นยอดนิยม สำหรับทำเพลง งบเท่าไหร่ดี?


สวัสดีค่าทุกคนนน! วันนี้เราจะมาเม้าท์มอยเรื่องอุปกรณ์ทำเพลงที่ฮอตฮิตติดชาร์จมากๆ สำหรับสายทำเพลง ทั้งมือใหม่มือเก๋า นั่นก็คือ Audio Interface Focusrite Scarlett ซีรีส์ยอดนิยมของเรานั่นเอง! ใครที่กำลังฝันอยากมีโฮมสตูดิโอเล็กๆ เป็นของตัวเอง แต่อุปกรณ์อัดเสียงมันช่างละลานตาไปหมด ไม่รู้จะเริ่มที่ตรงไหนดี มาค่ะ มาฟังทางนี้ เพราะเราจะพาไปเจาะลึกกันว่าเจ้ากล่องแดงๆ ตัวนี้มันดียังไง แล้วถ้าอยากได้มาไว้ในครอบครอง ต้องเตรียมงบไว้เท่าไหร่ดีในตลาดบ้านเรา! เตรียมเงินในกระเป๋าไว้ให้พร้อม แล้วไปลุยกันเลย!
1. เจ้ากล่องแดงนี้มันคืออะไรกันนะ?
เอาล่ะค่ะ เริ่มที่ตัวเอกของเราก่อนเลย Focusrite Scarlett เนี่ย มันคือ Audio Interface ค่ะ พูดง่ายๆ มันก็คืออุปกรณ์ที่ช่วยเชื่อมต่อระหว่างเครื่องดนตรี, ไมโครโฟน หรือแหล่งเสียงอื่นๆ ของเรา เข้ากับคอมพิวเตอร์ เพื่อบันทึกเสียงนั่นเองค่ะ คิดภาพว่าถ้าเราเสียบไมค์ร้องเพลง หรือเสียบกีตาร์เข้าคอมพ์ตรงๆ เสียงมันก็อาจจะไม่ดีเท่าที่ควร หรืออาจจะมีเสียงซ่า เสียงรบกวนต่างๆ นานา เจ้า Audio Interface นี่แหละค่ะ จะมาช่วยแปลงสัญญาณเสียงอะนาล็อกให้เป็นดิจิทัลคุณภาพสูง เพื่อให้คอมพิวเตอร์เข้าใจและบันทึกได้แบบคมชัด เก็บรายละเอียดครบถ้วน เหมือนมีห้องอัดเสียงย่อมๆ อยู่ที่บ้านเลยค่ะ
กลุ่มผู้ใช้ที่เหมาะกับเจ้า Scarlett เนี่ย บอกเลยว่าหลากหลายมากค่ะ ตั้งแต่ นักดนตรี นักร้อง นักแต่งเพลง ที่อยากอัดเดโม่ หรือทำเพลงเอง Podcaster ที่ต้องการเสียงพูดชัดๆ ใสๆ เกมเมอร์ หรือ Streamer ที่อยากให้เสียงในไลฟ์ปังกว่าเดิม ไปจนถึงคนที่อยากเริ่มทำ โฮมสตูดิโอ คุณภาพดีในงบที่เข้าถึงง่ายค่ะ
ส่วนประวัติแบรนด์ Focusrite นี่ก็ไม่ธรรมดานะคะ เป็นแบรนด์เก่าแก่จากประเทศอังกฤษ ที่มีชื่อเสียงมานานในวงการโปรออดิโอ เค้าทำอุปกรณ์สตูดิโอระดับเทพๆ มาเยอะแยะมากมาย ซึ่งเจ้า Scarlett เนี่ย ก็ได้รับเทคโนโลยีและคุณภาพเสียงจากรุ่นพี่โปรๆ เหล่านั้นมาอยู่ในร่างเล็กๆ ราคาเป็นมิตร ทำให้ใครๆ ก็สัมผัสคุณภาพเสียงระดับสตูดิโอได้ค่ะ
2. ราคาในตลาดไทยเป็นยังไงบ้าง?
มาถึงเรื่องที่ทุกคนอยากรู้แล้ว! ราคาของ Focusrite Scarlett ในตลาดไทย บอกเลยว่ามีหลายรุ่น หลายราคาให้เลือกตามความต้องการและงบประมาณเลยค่ะ รุ่นยอดนิยมที่คนพูดถึงกันเยอะๆ ก็จะมี:
- Scarlett Solo: รุ่นเล็กสุด มี 1 ช่องสำหรับไมค์ (XLR) และ 1 ช่องสำหรับเครื่องดนตรี (Inst/Line) เหมาะกับ Singer-songwriter หรือคนที่อัดเสียงทีละอย่างเป็นหลัก ราคาเริ่มต้นที่ประมาณ ฿5,xxx - ฿6,xxx บาท สำหรับ Gen 4 รุ่นล่าสุด
- Scarlett 2i2: รุ่นยอดฮิตตลอดกาล มี 2 ช่องที่เสียบได้ทั้งไมค์และเครื่องดนตรี เหมาะกับคนที่อัดเสียงร้องพร้อมกีตาร์ หรืออัดสองชิ้นพร้อมกัน ราคาเริ่มต้นที่ประมาณ ฿8,xxx - ฿9,xxx บาท สำหรับ Gen 4
- Scarlett 4i4: รุ่นใหญ่ขึ้นมาหน่อย มี 4 Inputs (2 combo, 2 line) และ 4 Outputs เหมาะกับคนที่ต้องการเชื่อมต่ออุปกรณ์เยอะขึ้น เช่น อัดเสียงร้อง กีตาร์ และคีย์บอร์ดพร้อมกัน หรือใช้กับมอนิเตอร์หลายคู่ ราคาเริ่มต้นที่ประมาณ ฿11,xxx - ฿12,xxx บาท สำหรับ Gen 4
ราคานี้เป็นราคาคร่าวๆ จากร้านค้าออนไลน์และร้านขายอุปกรณ์ดนตรี/โปรออดิโอในไทยนะคะ เช่น Music Space, ProPlugin, Music Arms, Audiocity, SoundDD นอกจากนี้ก็มีขายในแพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซใหญ่ๆ อย่าง Lazada และ Shopee ด้วยค่ะ
สำหรับร้านไอทีอย่าง JIB, Banana IT, Power Buy เนี่ย ปกติเค้าจะเน้นอุปกรณ์คอมพิวเตอร์หรือแกดเจ็ตทั่วไป อาจจะยังไม่มี Focusrite Scarlett เข้ามาขายนะคะ ต้องไปดูตามร้านเฉพาะทางจริงๆ ค่ะ
เรื่องส่วนต่างราคากับต่างประเทศก็อาจจะมีบ้างเล็กน้อยค่ะ แต่โดยรวมแล้วราคาในไทยก็ถือว่าสมเหตุสมผล และมักจะมีโปรโมชั่น หรือของแถมต่างๆ ที่ทำให้รู้สึกว่าคุ้มค่าค่ะ
3. แล้วเทียบกับแบรนด์อื่นล่ะ ราคาโอเคมั้ย?
ถ้าให้เปรียบเทียบราคากับ Audio Interface แบรนด์อื่นๆ ในตลาดที่มีสเปกใกล้เคียงกัน เช่น Behringer, PreSonus, Audient, M-Audio เนี่ย Focusrite Scarlett ถือว่าอยู่ในช่วงราคาที่เป็นมิตรกับงบประมาณมากๆ ค่ะ
บางแบรนด์อาจจะมีราคาเริ่มต้นที่ถูกกว่า Scarlett เล็กน้อย แต่ถ้าพิจารณาจาก คุณภาพปรีไมค์ ที่เป็นจุดเด่นของ Focusrite (ที่ได้เทคโนโลยีมาจากรุ่นใหญ่ราคาแพง) รวมถึงความเสถียรของ Driver และซอฟต์แวร์ที่แถมมา Scarlett ก็ถือว่าให้ความคุ้มค่าที่น่าสนใจมากๆ ค่ะ เหมือนได้คุณภาพเสียงระดับโปรในราคาที่จับต้องได้ ไม่ได้เน้นความหรูหราฟู่ฟ่าเว่อร์วัง แต่เน้นที่คุณภาพเสียงและความน่าเชื่อถือในการใช้งานระยะยาวค่ะ
4. ซื้อแล้วได้อะไรมาบ้างนะ?
เวลาซื้อ Focusrite Scarlett รุ่นใหม่ๆ ส่วนใหญ่ไม่ได้มาแค่ตัวกล่องแดงๆ อย่างเดียวนะคะ! เค้ามักจะมี Software Bundle เจ๋งๆ แถมมาให้ด้วยค่ะ อันนี้แหละคือข้อดีมากๆ สำหรับคนทำเพลงมือใหม่ เพราะไม่ต้องไปหาซื้อโปรแกรมทำเพลง (DAW) หรือปลั๊กอินเอฟเฟกต์ต่างๆ เพิ่ม เค้าจัดมาให้แล้วค่ะ อย่างรุ่น Gen 4 ก็จะมีพวก Ableton Live Lite, Pro Tools Artist (3-Month Subscription), Hitmaker Expansion ที่รวมปลั๊กอินดีๆ เพียบ ช่วยให้เราเริ่มต้นทำเพลง มิกซ์เสียง มาสเตอร์ริ่งได้เลยค่ะ
ส่วนเรื่อง ค่าจัดส่ง ถ้าซื้อจากร้านค้าในไทยหลายๆ ร้านก็มีบริการจัดส่งฟรีทั่วประเทศนะคะ หรือถ้าซื้อจาก Lazada / Shopee ก็จะมีโปรโมชั่นส่งฟรี หรือใช้โค้ดส่วนลดค่าส่งได้ค่ะ
ที่คนไทยให้ความสำคัญมากๆ เลยก็คือ การรับประกัน ค่ะ! Focusrite Scarlett ที่ซื้อจากตัวแทนจำหน่ายในไทยมักจะมีการรับประกันศูนย์อย่างน้อย 1-2 ปี หรือบางร้านอาจจะให้ถึง 3 ปีเลยก็มีค่ะ อันนี้สบายใจได้เลย ถ้ามีปัญหาอะไรก็เคลมได้ตามเงื่อนไขค่ะ และส่วนใหญ่ร้านที่ขายเค้าก็จะมีบริการหลังการขาย ให้คำปรึกษา แนะนำการใช้งานต่างๆ ด้วยนะคะ
นอกจากนี้ บางทีร้านค้าก็จะมี ของแถม เล็กๆ น้อยๆ ให้ด้วยนะคะ เช่น สาย USB, หรือถ้าซื้อแบบ Bundle ที่เป็นชุด Studio ก็จะมีไมค์และหูฟังมาให้พร้อมใช้งานเลยค่ะ ต้องลองสอบถามหรือดูรายละเอียดของแต่ละร้านดูค่ะ
5. มีช่วงไหนน่าซื้อเป็นพิเศษมั้ย?
แน่นอนว่าถ้าอยากได้ของดีราคาโดน ช่วง โปรโมชั่น นี่แหละคือเวลาทองเลยจ้า! ในไทยเรามีเทศกาลลดราคาเยอะมากค่ะ
- ช่วง Double Digit Sale: อย่าง 11.11, 12.12 เนี่ย Lazada กับ Shopee เค้าจัดหนักจัดเต็มตลอดปี ร้านค้า Official หรือร้านใหญ่ๆ บนแพลตฟอร์มพวกนี้ก็มักจะเข้าร่วมด้วย มีทั้งส่วนลดราคาตัวสินค้าเอง หรือโค้ดส่วนลดเพิ่มเติม คุ้มมากๆ ค่ะ
- เทศกาลไทย: เช่น สงกรานต์, ปีใหม่ บางร้านก็อาจจะมีโปรโมชั่นพิเศษออกมาค่ะ
- โปรโมชั่นของร้านค้าเอง: ร้านขายอุปกรณ์ดนตรี หรือโปรออดิโอชั้นนำในไทย ก็มักจะมีโปรโมชั่นของตัวเองออกมาเรื่อยๆ ค่ะ ทั้งลดราคา ผ่อน 0% หรือแถมของเพิ่ม ต้องหมั่นติดตามข่าวสารจากหน้าร้าน หรือเพจโซเชียลของร้านที่เราสนใจค่ะ
สรุปคือ ถ้าไม่รีบมากๆ การ รอช่วงโปรโมชั่น เนี่ย มีโอกาสได้ Focusrite Scarlett ในราคาที่ดีมากๆ หรือได้ของแถมจุใจแน่นอนค่ะ
6. รีวิวและฟีดแบ็กจากผู้ใช้ในไทยเป็นยังไงกันบ้างนะ?
จากที่ลองไปส่องๆ ดูตามเว็บบอร์ดหรือกลุ่มคนทำเพลงในไทย เสียงตอบรับส่วนใหญ่เกี่ยวกับ Focusrite Scarlett ถือว่าดีมากๆ เลยค่ะ จุดที่คนไทยชอบและพูดถึงบ่อยๆ คือ:
- คุณภาพเสียงดีเกินราคา: หลายคนประทับใจกับคุณภาพเสียงที่ได้จากปรีไมค์ของ Focusrite ค่ะ ให้เสียงที่ชัด ใส เก็บรายละเอียดได้ดี
- ใช้งานง่าย ไม่ยุ่งยาก: เหมาะกับมือใหม่มากๆ ค่ะ เสียบแล้วใช้งานได้เลย ไม่ต้องตั้งค่าอะไรซับซ้อน
- ความเสถียรของ Driver: อันนี้สำคัญมาก! Focusrite ขึ้นชื่อเรื่อง Driver ที่เสถียร ใช้งานกับโปรแกรมทำเพลงต่างๆ ได้ดี ไม่ค่อยมีปัญหาจุกจิก
- ดีไซน์สวยงาม ขนาดกะทัดรัด: ตัวกล่องสีแดงดูโดดเด่น น่าใช้ วางบนโต๊ะทำงานแล้วดูโปรขึ้นมาทันที แถมขนาดไม่ใหญ่มาก พกพาสะดวกค่ะ
- คุ้มค่ากับเงินที่จ่าย: เมื่อรวมคุณภาพเสียง ความง่ายในการใช้งาน ซอฟต์แวร์ที่แถม และการรับประกัน ถือว่า Focusrite Scarlett ให้ความคุ้มค่าที่น่าพอใจในงบประมาณระดับเริ่มต้นถึงระดับกลางค่ะ
นอกจากนี้ในรุ่น Gen 4 ยังมีฟีเจอร์ใหม่ๆ ที่หลายคนชอบ เช่น Auto Gain ช่วยตั้งค่า Gain ให้เหมาะสมอัตโนมัติ และ Clip Safe ช่วยป้องกันเสียงแตกเวลาอัด ทำให้การอัดเสียงง่ายและสะดวกขึ้นไปอีกค่ะ
7. ช่องทางการซื้อที่แนะนำ
ถ้าตัดสินใจแล้วว่าจะจัดเจ้ากล่องแดง Focusrite Scarlett มาไว้ในครอบครองล่ะก็ มีหลายช่องทางให้เลือกซื้อเลยค่ะ:
- ร้านตัวแทนจำหน่ายอย่างเป็นทางการ: เช่น Music Space, ProPlugin, Music Arms, Audiocity, SoundDD ข้อดีคือมั่นใจได้ว่าเป็นของแท้ มีการรับประกันศูนย์ และมีผู้เชี่ยวชาญให้คำแนะนำค่ะ บางร้านมีหน้าร้านให้เข้าไปลองจับลองเล่นได้ด้วยนะคะ
- แพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซใหญ่ในไทย: อย่าง Lazada และ Shopee ข้อดีคือสะดวกมากๆ ค่ะ สั่งซื้อได้ 24 ชั่วโมง มีตัวเลือกเยอะ เปรียบเทียบราคาได้ง่าย มีระบบการจ่ายเงินที่หลากหลาย ทั้งโอนเงิน บัตรเครดิต หรือเก็บเงินปลายทาง และบางทีมีโค้ดส่วนลดหรือโปรโมชั่นส่งฟรีที่ดีมากๆ ควรเลือกร้านที่เป็น Official Store หรือร้านค้าที่มีรีวิวดีๆ น่าเชื่อถือนะคะ
อย่างที่บอกไปค่ะ ร้านค้าปลีกอุปกรณ์ไอทีทั่วไปอย่าง JIB หรือ Banana IT อาจจะยังไม่ใช่ช่องทางหลักในการหาซื้อ Audio Interface แบบนี้ค่ะ
8. สรุปหรือคำแนะนำเรื่องราคา
มาถึงบทสรุปกันแล้วค่ะ! Focusrite Scarlett ซีรีส์ยอดนิยม ถือเป็น Audio Interface ที่ คุ้มค่าน่าลงทุนมากๆ สำหรับคนที่อยากเริ่มต้นหรืออัพเกรดคุณภาพการบันทึกเสียง โดยเฉพาะในงบประมาณที่ไม่สูงมาก
สำหรับใครที่:
- มีงบประมาณจำกัด แต่อยากได้คุณภาพเสียงที่ดีสำหรับการทำเพลง Podcasting หรือ Streaming
- เป็นมือใหม่ ที่ต้องการอุปกรณ์ที่ใช้งานง่าย ไม่ซับซ้อน
- ต้องการความเสถียร และ Driver ที่เข้ากันได้ดีกับโปรแกรมทำเพลงต่างๆ
- มองหา Software Bundle ดีๆ มาช่วยในการทำงานเพลง
เจ้ากล่องแดง Scarlett นี่แหละคือคำตอบค่ะ!
ถ้าเป็น Singer-songwriter หรืออัดเสียงทีละชิ้นเป็นหลัก Scarlett Solo ก็เพียงพอแล้วค่ะ แต่ถ้าอยากอัดเสียงร้องคู่กับกีตาร์ หรืออัดสอง Input พร้อมกันบ่อยๆ Scarlett 2i2 จะตอบโจทย์มากกว่า ส่วนใครที่ต้องการเชื่อมต่ออุปกรณ์เยอะขึ้น หรือทำเพลงที่ซับซ้อนขึ้น Scarlett 4i4 ก็เป็นตัวเลือกที่ยืดหยุ่นกว่าค่ะ
ส่วนตัวมองว่า ในช่วงราคาเดียวกัน Focusrite Scarlett ให้คุณภาพเสียงและความน่าเชื่อถือที่โดดเด่นกว่าหลายๆ แบรนด์ในตลาดค่ะ การลงทุนกับ Scarlett ถือเป็นการลงทุนที่คุ้มค่า ได้อุปกรณ์ที่ไว้ใจได้ ใช้ทำเพลงได้ยาวๆ เลยค่ะ
หวังว่าข้อมูลนี้จะเป็นประโยชน์ในการตัดสินใจเลือกซื้อ Focusrite Scarlett ของทุกคนนะคะ ขอให้มีความสุขกับการทำเพลงค่ะ!
วิดีโอที่เกี่ยวข้อง
- แนะนำ 5 Audio Interface ยอดฮิต ที่จะให้คุณทำเพลงได้ในงบแค่ 6 ...
- Class A 202 : Audio Interface ที่ได้รับความนิยมอันดับต้นๆ ...
- Top 5 Audio Interface ราคาประหยัดที่ดีที่สุดในปี 2021
- Top 11 ออดิโออินเตอร์เฟส ไม่เกิน 10000.- รุ่นไหนจะเป็น No.1 รุ่น ...
- รีวิวออดิโออินเตอร์เฟส Focusrite Scarlett 4th รุ่นใหม่ล่าสุด ดีไซน์ใหม่ ...
แนะนำสำหรับคุณ
โปรเจคเตอร์ Epson EB-X31: ราคาล่าสุด ปี 2568 สเปกเด่นและรีวิวการใช้งาน
ราคา Agel UMI ผลิตภัณฑ์อาหารเสริมบำรุงสุขภาพ ดีจริงไหม หาซื้อได้ที่ไหน
ปูนขาวโรยสนาม ราคาล่าสุด ซื้อที่ไหนได้บ้าง? ประโยชน์คืออะไร?
กระเป๋า/น้ำหอม Marc Jacobs ราคาล่าสุดปี 2025: รุ่นไหนฮิต?
แบตเตอรี่ 100Ah ราคาล่าสุดปี 2025: ยี่ห้อไหนดี?
ราคาไม้กันสั่น Moza Mini-MI สำหรับสมาร์ทโฟน รุ่นนี้ดีไหม