รีวิว Adidas Pure Bounce รองเท้าวิ่ง/ลำลอง นุ่มเด้ง ใส่สบาย คุ้มค่ากับเงินที่จ่ายไหม?


เอ้อระเหยลอยชายไปเจอรองเท้าใหม่แกะกล่อง... ไม่ใช่สิ! วันนี้จะมารีวิวรองเท้าที่ฮิตมาพักใหญ่ แต่ก็ยังมีคนถามถึงอยู่เรื่อยๆ นั่นก็คือ Adidas Pure Bounce นั่นเอง! เห็นเขาว่ากันว่านุ่มเด้ง ใส่สบาย จะวิ่งก็ดี จะเดินเล่นชิลๆ ก็ได้ แต่ที่สำคัญคือ คุ้มค่ากับเงินที่ต้องจ่ายไปไหม? วันนี้เราจะมาเจาะลึกแบบไม่มีกั๊ก สไตล์บ้านๆ ตามแบบฉบับเราเอง พร้อมแล้วก็ไปดูกันเลย!
1. ภาพรวมของสินค้า: รู้จัก Pure Bounce กันหน่อย
แบรนด์: Adidas
รุ่น: Pure Bounce (หรือบางทีก็เจอชื่อ Purebounce Street, Purebounce+ แล้วแต่ปีและดีไซน์ย่อยๆ นะ)
ปีที่วางขาย: มีหลายเวอร์ชันออกมาเรื่อยๆ ตั้งแต่ปี 2018 เป็นต้นมา
ช่วงราคาขาย: อยู่ที่ประมาณ 2,xxx - 4,xxx บาท แล้วแต่โปรโมชั่นและรุ่นย่อย
การวางตำแหน่งสินค้า: เป็นรองเท้าวิ่ง/ลำลองในกลุ่มที่เน้นความสบาย ใช้โฟม Bounce เป็นตัวชูโรง เหมาะกับคนที่ไม่ใช่นักวิ่งสาย Performance จ๋า แต่เน้นใส่ได้หลายโอกาส ใส่วิ่งออกกำลังกายเบาๆ ได้ ใส่เดินเที่ยวก็ได้
สรุปจุดเด่นหลักๆ:
- พื้น Bounce นุ่มเด้ง: ชื่อก็บอกอยู่แล้วว่า Bounce!
- ใส่สบาย: หลายคนคอนเฟิร์มว่าใส่สบายมาก
- ดีไซน์เรียบๆ แต่ดูดี: เหมาะกับใส่ได้หลายลุค
- เป็นได้ทั้งรองเท้าวิ่งและรองเท้าลำลอง: คู่เดียวจบ ครบ!
2. ดีไซน์ & รูปลักษณ์ภายนอก: เรียบๆ แต่โดนใจวัยรุ่น (และวัยไม่รุ่น!)
หน้าตาของ Pure Bounce เนี่ย จะมาแนวเรียบๆ มินิมอลหน่อยๆ ส่วนใหญ่จะใช้วัสดุผ้า Knit หรือผ้าตาข่าย (Mesh) ที่ระบายอากาศได้ดี ทรงรองเท้าจะดูเพรียวๆ ไม่เทอะทะมาก ใส่แล้วดูคล่องตัว
การออกแบบ: ทรงค่อนข้างมาตรฐาน ไม่หวือหวามาก แต่ก็ไม่เชย มีความเป็น Adidas ที่ทุกคนคุ้นเคย
วัสดุที่ใช้: อัปเปอร์ส่วนมากเป็นผ้า Knit หรือ Mesh ยืดหยุ่นได้ดี โอบรับเท้า ส่วนพื้น Midsole เป็นโฟม Bounce และ Outsole เป็นยาง
ขนาดและน้ำหนัก: น้ำหนักกลางๆ ไม่เบาหวิวเท่ารองเท้าวิ่งตัวท็อป แต่ก็ไม่หนักจนเป็นภาระ
สีที่มีให้เลือก: มีให้เลือกหลากหลายสี ทั้งสีคลาสสิกอย่าง ขาว ดำ เทา และสีสันสดใสอื่นๆ แล้วแต่คอลเลกชัน
ความสะดวกในการพกพา: พับใส่กระเป๋าเดินทางไปเที่ยวก็พอไหว เพราะตัวผ้านุ่มพับได้ แต่ฐานพื้นอาจจะยังมีความหนาอยู่บ้าง
อุปกรณ์เสริมในกล่อง: ปกติก็จะมีแค่ตัวรองเท้า กับกล่อง Adidas นั่นแหละจ้า คู่มืออะไรก็คงไม่มีให้ (ใครจะอ่าน!)
3. ประสบการณ์ในการใช้งานฟังก์ชันหลัก: เด้งจริงไม่จกตา!
หัวใจหลักของรุ่นนี้อยู่ที่ โฟม Bounce ใต้พื้นนี่แหละ! ตอนลองใส่ก้าวแรกจะรู้สึกได้เลยว่ามันมีความนุ่มและเด้งๆ แต่ไม่ได้ยวบยาบเหมือน Boost บางรุ่น ให้ฟีลที่มั่นคงกว่าหน่อย
ลองเอาไปวิ่งเบาๆ จ็อกกิ้งในสวน หรือวิ่งบนลู่ ก็รู้สึกว่าช่วยรองรับแรงกระแทกได้ดี รู้สึกถึงแรงส่งกลับนิดๆ เวลาออกตัวหรือก้าวไปข้างหน้า เหมาะกับการวิ่งที่ไม่หนักมาก ไม่เน้นทำความเร็วแบบเข้าเส้นชัยโอลิมปิก
ส่วนใหญ่คนจะชอบเอามาใส่เดินมากกว่า เพราะมันให้ความสบาย ไม่เมื่อยเท้าง่ายๆ จะใส่ไปเดินห้างทั้งวัน เดินตลาดนัด หรือใส่เดินทางไปเที่ยว ก็เอาอยู่.
4. ประสบการณ์การใช้งาน & ความง่ายในการใช้: ใส่สบายเหมือนใส่ถุงเท้า!
เรื่องความสบายต้องยกให้เลย ตัวผ้าอัปเปอร์มันยืดหยุ่น โอบรับเท้าได้ดี บางรุ่นทำเป็นแบบ Bootie Construction ที่เหมือนใส่ถุงเท้า ทำให้สวมง่าย ถอดง่าย
ใช้ง่ายมั้ย: ง่ายมาก! ไม่ต้องปรับตัวอะไรเยอะ แค่เลือกรองเท้าให้ถูกไซส์
ระบบซอฟต์แวร์: ไม่มีจ้า รองเท้าล้วนๆ ไม่มีซอฟต์แวร์ให้ปวดหัว
เสียงดังมั้ย ร้อนเร็วมั้ย: ตอนเดินปกติเสียงไม่ดังนะ ส่วนเรื่องความร้อน อันนี้แล้วแต่วัสดุอัปเปอร์ ถ้าเป็นผ้า Knit หรือ Mesh ส่วนใหญ่จะระบายอากาศได้ดี ไม่ค่อยร้อนเท้า
สบายเวลาถือ/สวมใส่: สบายเลยทีเดียว
รองรับภาษาไทยมั้ย: รองเท้าจ้า ไม่มีภาษาให้รองรับ!
5. แบตเตอรี่ / พลังงาน / ความคุ้มค่าในระยะยาว: คู่เดียวใช้ได้นานแค่ไหน?
อันนี้เป็นรองเท้า ไม่มีแบตเตอรี่ ไม่มีชาร์จจ้า! แต่มาคุยเรื่องความทนทานและคุ้มค่ากันดีกว่า.
ค่าใช้จ่ายระยะยาว: ไม่มีค่าใช้จ่ายจุกจิกนอกจากค่ารองเท้าตอนซื้อ
การบำรุงรักษา: ทำความสะอาดง่าย ใช้ผ้าชุบน้ำสบู่อ่อนๆ เช็ด หรือจะซักก็ได้ (แต่ควรตากในที่ร่ม)
ความทนทาน: พื้นยาง Outsole ค่อนข้างทนทานต่อการเสียดสี โฟม Bounce เองก็ขึ้นชื่อเรื่องความทนทานใช้ได้ ถ้าใช้งานทั่วไป ใส่เดินเล่น วิ่งเบาๆ ไม่ได้วิ่งหนักทุกวัน ก็ใช้ได้นานเป็นปีๆ เลย.
วิเคราะห์ความคุ้มค่า: ในช่วงราคา 2-4 พันบาท ถือว่าคุ้มค่ามากๆ ถ้ามองหารองเท้าคู่เดียวที่ใส่ได้หลากหลาย ทั้งออกกำลังกายเบาๆ และใส่เดินในชีวิตประจำวัน เพราะได้ความสบายและดีไซน์ที่ดูดี ในราคาที่เข้าถึงง่ายกว่าพวกรุ่นท็อปๆ อย่าง Ultraboost.
6. ข้อดี-ข้อเสีย: มีรักก็มีเกลียด!
ข้อดี:
- พื้นนุ่มเด้ง ใส่สบายมาก: นี่คือจุดขายหลัก!
- เป็นรองเท้าแบบ All-around: ใส่ได้ทั้งวิ่งและเดิน ตอบโจทย์คนชอบความคุ้มค่า
- ราคาเข้าถึงง่าย: เมื่อเทียบกับเทคโนโลยี Bounce ที่ได้
- ดีไซน์เรียบๆ แมทช์ชุดง่าย: ใส่กับกางเกงยีนส์ก็ได้ กางเกงวอร์มก็ดี
- ระบายอากาศดี: อัปเปอร์ผ้าช่วยให้เท้าไม่ค่อยอับ
ข้อเสีย:
- ไม่เหมาะกับวิ่งหนัก/วิ่งไกล: ถ้าเป็นนักวิ่งสาย Performance อาจจะรู้สึกว่า Performance ไม่สุดเท่าไหร่
- อาจจะรู้สึกไม่มั่นคงสำหรับบางคน: ด้วยความที่เน้นนุ่ม บางคนอาจจะรู้สึกโคลงเคลงนิดๆ โดยเฉพาะคนเท้าแบน
- ดีไซน์เรียบไปหน่อย: ถ้าชอบรองเท้าดีไซน์ล้ำๆ หวือหวา อาจจะไม่ใช่แนว
- รุ่นย่อยเยอะ ชื่อคล้ายกัน: อาจจะงงเวลาเลือกซื้อนิดหน่อย
7. เหมาะกับใคร & คำแนะนำในการซื้อ: ซื้อเลยดีไหม?
เหมาะกับใคร:
- นักศึกษา พนักงานออฟฟิศ ที่หารองเท้าคู่เดียวใส่ไปเรียน/ทำงาน และแวะยิมตอนเย็น
- คนที่เพิ่งเริ่มออกกำลังกาย หรือวิ่งเบาๆ เน้นความสบาย
- คนที่มองหารองเท้าลำลองใส่เดินเที่ยว เน้นนุ่มสบายเท้า
- คนที่อยากได้รองเท้า Adidas ที่มีเทคโนโลยีรองรับแรงกระแทกดีๆ ในงบที่ไม่สูงมาก
เหมาะกับการใช้งานแบบไหน:
- ใส่ออกกำลังกายในยิม
- วิ่งจ็อกกิ้งระยะสั้นๆ (ไม่เกิน 5-10 กม.)
- ใส่เดินในชีวิตประจำวัน เดินห้าง เดินตลาด
- ใส่เดินทางท่องเที่ยว
ควรซื้อเลยไหม? หรือรอช่วงโปรโมชั่นจะดีกว่า?: ถ้าเจอราคาดีๆ ช่วงโปรโมชั่น 2-3 พันบาท จัดได้เลยคุ้ม! แต่ถ้าไม่ใช่ช่วงโปรฯ ราคาเต็มอาจจะสูงนิดนึง ลองเปรียบเทียบกับรุ่นอื่นดู ถ้าเน้นความคุ้มค่าแบบ All-around Pure Bounce คือตัวเลือกที่น่าสนใจมากๆ.
8. เปรียบเทียบกับสินค้าคล้ายๆ กัน (ถ้ามี): มวยถูกคู่ หรือไม่ถูกโฉลก?
ถ้าจะเทียบกับพี่น้องในค่าย Adidas ที่ใช้โฟมคนละแบบ ก็มี:
- Adidas Ultraboost: ตัวท็อป ใช้โฟม Boost ซึ่งจะนุ่มและเด้งกว่า Bounce แต่ราคาก็สูงกว่าพอสมควร ถ้าเน้นวิ่งจริงจัง Performance ดีกว่า Ultraboost อาจจะตอบโจทย์กว่า แต่ถ้าเน้นสบายและราคาเป็นมิตร Pure Bounce ก็ไม่ได้แย่กว่าแบบก้าวกระโดดสำหรับคนใช้งานทั่วไป
- Adidas Alphabounce: เป็นอีกรุ่นที่ใช้โฟม Bounce เหมือนกัน บางคนบอกว่า Alphabounce จะมีความมั่นคงกว่าเล็กน้อย ดีไซน์อาจจะแตกต่างกันไป แล้วแต่คนชอบ
เทียบกับแบรนด์อื่นในราคาใกล้เคียง: ก็มีตัวเลือกเยอะแยะไปหมด ทั้ง Nike, Skechers, New Balance ฯลฯ ซึ่งแต่ละแบรนด์ก็มีเทคโนโลยีโฟมของตัวเอง การเปรียบเทียบต้องดูเป็นรุ่นๆ ไป แต่ Pure Bounce ก็ถือเป็นตัวเลือกที่แข็งแกร่งในกลุ่มรองเท้าวิ่ง/ลำลองราคาระดับกลาง.
9. บริการหลังการขายและช่องทางการซื้อ: ซื้อที่ไหนดี โปรฯ เพียบไหม?
ถ้าซื้อจากร้านค้าทางการของ Adidas หรือร้านค้า Authorized Dealer ก็จะมีการรับประกันตามมาตรฐานของแบรนด์ ซึ่งโดยทั่วไปรองเท้าจะรับประกันความชำรุดจากการผลิต ไม่ได้รับประกันเรื่องความทนทานจากการใช้งานนะจ๊ะ.
ช่องทางการซื้อยอดฮิต:
- ร้าน Adidas อย่างเป็นทางการ: ทั้งหน้าร้านและเว็บไซต์/แอปพลิเคชันของ Adidas เอง อันนี้ชัวร์สุด ได้ของแท้แน่นอน มักจะมีโปรโมชั่นตามเทศกาลต่างๆ
- Marketplace ออนไลน์: Lazada, Shopee ก็มีร้านค้าทางการของ Adidas หรือร้านตัวแทนจำหน่ายเยอะแยะ ช่วงแคมเปญใหญ่ๆ อย่าง 11.11, 12.12 หรือช่วงสงกรานต์ ปีใหม่ มักจะมีโค้ดส่วนลดเพียบ! มีโปรฯ ผ่อน 0% ด้วยนะ แล้วแต่ร้าน ค่าจัดส่งก็แล้วแต่โปรฯ บางทีก็ส่งฟรี
- ร้าน Multi-brand / ห้างสรรพสินค้า: Supersports, JD Sports ฯลฯ ก็มี Pure Bounce วางขายเช่นกัน ช่วงเซลล์ปลายปี มักจะมีลดราคาหนักๆ
คำแนะนำ: ถ้าไม่รีบ ลองรอช่วงโปรโมชั่นใหญ่ๆ ใน Lazada หรือ Shopee จะได้ราคาดีสุดๆ พร้อมโค้ดส่วนลดและเงินคืน แถมยังผ่อนได้อีก!
10. บทสรุปและคำแนะนำในการซื้อ: ฟันธง!
เอาล่ะ สรุปแบบฟันธงเลยนะ!
ถ้าคุณกำลังมองหารองเท้า "คู่เดียวจบ" ที่สามารถใส่ไปได้ทุกที่ ตั้งแต่เดินตลาด ยันเข้ายิม เน้นความ นุ่ม เด้ง ใส่สบาย เป็นหลัก และมีงบประมาณในช่วง 2,xxx - 4,xxx บาท Adidas Pure Bounce คือตัวเลือกที่โคตรน่าสนใจและคุ้มค่ามากๆ!
เหมาะสำหรับ: คนที่เพิ่งเริ่มต้นวิ่ง, คนที่เน้นวิ่งเพื่อสุขภาพแบบเบาๆ, คนที่หารองเท้าลำลองที่ใส่สบายสุดๆ
ไม่เหมาะกับ: นักวิ่งสายจริงจังที่ต้องการ Performance สูงสุด หรือคนที่มีปัญหาเกี่ยวกับเท้ามากๆ และต้องการรองเท้าที่มี Support เฉพาะทางเป็นพิเศษ
ถ้าเจอราคาดีๆ ช่วงโปรโมชั่นใน Lazada หรือ Shopee แนะนำให้ซื้อเลย! รับรองว่าได้รองเท้าคู่ใจที่ใส่สบาย นุ่มเด้ง คุ้มค่ากับเงินที่จ่ายไปแน่นอนจ้า!
วิดีโอที่เกี่ยวข้อง
แนะนำสำหรับคุณ
รีวิว La Roche-Posay Toleriane Caring Wash เจลล้างหน้าอ่อนโยนสำหรับผิวแพ้ง่าย
รีวิว มาส์กหน้าเกาหลี สูตรโยเกิร์ต/นมเปรี้ยว ผิวใสจริงไหม?
รีวิวซีรีส์/ภาพยนตร์ Departures: เรื่องราวเกี่ยวกับการเดินทางและการจากลา ซึ้งกินใจไหม?
รีวิว Microsoft Surface Go: แท็บเล็ต 2-in-1 พกพาสะดวก ทำงาน เรียน เหมาะกับนักเรียนไหม?
รีวิว Skechers GOwalk Max รองเท้าลำลอง ใส่เดินสบาย เหมาะทุกวัย
รีวิว Altered Carbon Season 2: ซีรีส์ไซไฟสุดล้ำ ปรัชญาหนักๆ สนุกเท่าภาคแรกไหม?