logo

รีวิว Hult International Business School เรียนบริหารที่นี่เป็นอย่างไร?

user avatar
รัตนา ธรรมสถิตย์·07/08/2025 11:50
点赞
รีวิว Hult International Business School เรียนบริหารที่นี่เป็นอย่างไร?

สวัสดีค่าเพื่อนๆ ชาวโซเชียลที่กำลังมองหาที่เรียนต่อบริหารอินเตอร์ หรืออยากอัปสกิลให้ปังระดับโลก! วันนี้เมจะพาทุกคนมาเจาะลึกสถาบันที่ขึ้นชื่อเรื่อง Business แบบตัวจริงเสียงจริง กับ Hult International Business School นั่นเองค่ะ! หลายคนอาจจะเคยเห็นโฆษณาผ่านตา หรือได้ยินชื่อมาบ้าง แต่สงสัยไหมคะว่า เรียนที่นี่เป็นยังไง? คุ้มค่ากับที่ลงทุนไปไหม? จะได้ประสบการณ์แบบไหนกลับมา? ไม่ต้องเกาหัวให้ยุ่งค่ะ! เมรวบรวมข้อมูลมาให้แบบจัดเต็ม สไตล์ภาษาบ้านๆ เข้าถึงง่าย มีทั้งเรื่องน่ารู้ เรื่องต้องระวัง พร้อมแล้วไปดูกันเลย!


1. ภาพรวม Hult International Business School: โรงเรียนธุรกิจที่ไม่ได้มีดีแค่ชื่อ!

ถ้าพูดถึง Hult ต้องบอกว่าเป็นสถาบันสาย Business ที่ไม่ธรรมดา เพราะเขาเป็น โรงเรียนธุรกิจเอกชนระดับโลก ที่ก่อตั้งมาตั้งแต่ปี 1964 นู่นนน (แก๊เก่าเหมือนกันนะเนี่ย!) จุดเด่นที่ทำให้หลายคนตาลุกวาวคือ เขามี แคมปัสกระจายอยู่ทั่วโลกถึง 6 แห่งในหัวเมืองใหญ่ ที่เป็นศูนย์กลางทางธุรกิจตัวท็อป ไม่ว่าจะเป็น Boston, San Francisco, London, Dubai, New York City, และ Shanghai แถมยังมีแคมปัสที่ Ashridge ในอังกฤษสำหรับหลักสูตรผู้บริหารอีกด้วยนะ

ตำแหน่งในวงการศึกษา: เป็นสถาบันที่เน้นด้านบริหารธุรกิจโดยเฉพาะ ตั้งแต่ระดับปริญญาตรี โท และ MBA ไปจนถึงหลักสูตรสำหรับผู้บริหาร เหมาะกับคนที่อยากเรียนบริหารแบบเข้มข้น จบไว (หลักสูตรปริญญาโท/MBA ส่วนใหญ่แค่ 1 ปี!) และอยากได้ประสบการณ์แบบอินเตอร์ฯ ของจริง

จุดเด่นที่เคลมว่าปังจริง:

  • Triple Accreditation! ได้รับการรับรองคุณภาพระดับโลกจาก 3 สถาบันหลัก (AACSB, EQUIS, AMBA) การันตีว่าหลักสูตรได้มาตรฐานสากลสุดๆ ซึ่งมีแค่ 1% ของโรงเรียนธุรกิจทั่วโลกเท่านั้นที่ทำได้นะ!
  • Global Campus Rotation: อันนี้คือทีเด็ด! เราสามารถเลือกหมุนไปเรียนตามแคมปัสต่างๆ ได้สูงสุดถึง 5 ครั้งในระหว่างหลักสูตร! ใครอยากสัมผัสบรรยากาศธุรกิจที่บอสตัน ลอนดอน ดูไบ หรือเซี่ยงไฮ้ ก็จัดไปเลยจ้าาา
  • เน้นปฏิบัติ ไม่เน้นทฤษฎีจ๋า: หลักสูตรของ Hult จะเน้นการเรียนรู้ผ่านโปรเจกต์จริง ทำงานกับบริษัทชั้นนำ ได้ลงมือแก้ปัญหาทางธุรกิจจริงๆ
  • สังคมอินเตอร์ฯ ของแทร่: นักเรียนมาจากหลากหลายชาติพันธุ์มากกกก บางแคมปัสมีนักเรียนต่างชาติถึง 90.5%! ได้เพื่อน ได้คอนเนกชันรอบโลกแน่นอน
  • จบไว ได้งานเร็ว: หลักสูตรปริญญาโท/MBA ส่วนใหญ่ใช้เวลาแค่ 1 ปี และมีอัตราการจ้างงานหลังเรียนจบที่ค่อนข้างสูง (มีข้อมูลเก่าปี 2021 บอกว่าสูงถึง 96% หลังเรียนจบ 4 เดือน)

2. แคมปัสและบรรยากาศ: เหมือนโรงแรมหรือโรงเรียนกันนะ?

อันนี้แอบคล้ายการรีวิวดีไซน์สินค้าเลยค่ะ เพราะแคมปัสของ Hult เนี่ยมีหลายที่ และแต่ละที่ก็มีสไตล์ของตัวเอง แต่รวมๆ แล้วที่อ่านรีวิวมา เขาบอกว่าแคมปัสดู ทันสมัย สะอาด ปลอดภัยสูง บรรยากาศบางทีก็รู้สึกเหมือนเดินเข้าล็อบบี้โรงแรมหรูๆ หรือเป็นพื้นที่ที่นักธุรกิจมานั่งคุยงานกันมากกว่าฟีลแบบมหาวิทยาลัยที่มีสนามหญ้ากว้างๆ เหมือนบ้านเรา

ขนาด: แคมปัสส่วนใหญ่มักจะเป็นอาคารเรียนหลักๆ ตั้งอยู่ในย่านธุรกิจสำคัญ ไม่ได้มีพื้นที่กว้างขวางแบบ University ทั่วไป

วัสดุ/การออกแบบ: เน้นความโมเดิร์น ฟังก์ชันการใช้งานครบครัน มีห้อง Study Room เยอะ มีพื้นที่ให้นักศึกษามานั่ง Hang Out หรือทำงานร่วมกัน

ความสะดวก: ด้วยความที่อยู่ในเมืองใหญ่ เดินทางง่าย อยู่ใกล้บริษัทใหญ่ๆ ทำให้มีโอกาสได้สัมผัสบรรยากาศธุรกิจจริงๆ และสะดวกในการเดินทางไปทำโปรเจกต์หรือฝึกงาน

สิ่งอำนวยความสะดวก: มีหอพักนักศึกษาของตัวเอง (สำหรับบางแคมปัส) มีโรงอาหาร หรือร้านขายอาหารเล็กๆ ในอาคาร ห้องเรียนดูดี ทันสมัย


3. ประสบการณ์เรียนจริง: เรียนบริหารแบบสับๆ เน้นทำ!

มาถึงหัวใจหลักของการรีวิว นั่นคือเรื่อง หลักสูตรและการเรียนการสอน ค่ะ! Hult เขาเคลมว่าเน้นการเรียนรู้แบบลงมือทำ (Learning by Doing) ซึ่งเท่าที่หาข้อมูลมาก็ตรงอยู่นะคะ

ฟังก์ชันหลัก (การเรียน):

  • หลักสูตรเข้มข้น: เน้นเนื้อหาที่ทันสมัย ปรับเปลี่ยนให้เข้ากับโลกธุรกิจที่เปลี่ยนแปลงตลอดเวลา
  • โปรเจกต์จริง: ได้ทำ Business Project กับบริษัทชั้นนำจริงๆ ไม่ใช่แค่เคสในหนังสือ อันนี้แหละที่จะได้ประสบการณ์แน่นๆ
  • คณาจารย์: หลายท่านเป็นผู้เชี่ยวชาญในอุตสาหกรรมโดยตรง หรือเป็นอาจารย์จากมหาวิทยาลัยดังๆ มาสอน
  • ความหลากหลายในห้องเรียน: บรรยากาศการเรียนคึกคักมาก เพราะเพื่อนร่วมชั้นมาจากทั่วโลก ได้แลกเปลี่ยนมุมมอง เรียนรู้วัฒนธรรมที่แตกต่าง ทำให้เปิดโลกสุดๆ
  • ขนาดชั้นเรียน: ค่อนข้างเล็ก (บางข้อมูลบอกไม่เกิน 60 คน หรืออัตราส่วนนักศึกษาต่ออาจารย์ 20:1) ทำให้อาจารย์ดูแลได้ทั่วถึง และนักศึกษามีส่วนร่วมในคลาสได้เยอะ
  • ไม่ต้องทำวิทยานิพนธ์: สำหรับบางหลักสูตรปริญญาโท สามารถเลือกทำโปรเจกต์ธุรกิจแทนได้ เหมาะกับคนที่ไม่ถนัดงานวิชาการจ๋าๆ

ตัวอย่างสถานการณ์จริง: ลองนึกภาพว่าได้นั่งเรียนในห้องกับเพื่อนที่มาจากอเมริกา ยุโรป เอเชีย แอฟริกา แล้วอาจารย์ที่ปรึกษาโปรเจกต์คือ CEO ของบริษัทดัง การได้คุย ได้ brainstorming กับคนที่มีแบ็กกราวนด์ต่างกันเยอะๆ แบบนี้แหละ ที่หาไม่ได้ง่ายๆ ในห้องเรียนแบบเดิมๆ ค่ะ


4. ประสบการณ์การใช้งาน & ความง่ายในการใช้: เรียนง่าย ใช้ชีวิตคล่องไหม?

ถ้าเทียบกับสินค้าก็เหมือนถามว่าเครื่องใช้ไฟฟ้านี้กดปุ่มง่ายไหม? ใช้แล้วงงหรือเปล่า? สำหรับ Hult ก็คือ การใช้ชีวิตและการปรับตัวกับการเรียน ค่ะ

ใช้ง่ายไหม?:

  • การสมัครเรียน: อาจจะดูมีหลายขั้นตอนนิดหน่อย ทั้งกรอกใบสมัคร, ยื่นเอกสาร (Transcript, ใบจบ), ผลสอบภาษา (TOEFL/IELTS), ผลสอบ GMAT/GRE (บางสาขา), Personal Statement, จดหมายแนะนำ, เอกสารการเงิน แต่ก็มีเอเจนซี่ในไทยคอยช่วยอำนวยความสะดวกให้ฟรีอยู่ค่ะ
  • ระบบของโรงเรียน: เท่าที่อ่านรีวิว ส่วนใหญ่บอกว่าระบบต่างๆ ค่อนข้างดี ทันสมัย มีแอปหรือแพลตฟอร์มรองรับการเรียนการสอน
  • การปรับตัว: ด้วยความที่สังคมนานาชาติสูงมากๆ การปรับตัวเข้ากับเพื่อนต่างชาติอาจจะต้องใช้เวลาและเปิดใจมากๆ ค่ะ แต่ถ้าปรับได้คือได้คอนเนกชันและประสบการณ์ชีวิตที่ประเมินค่าไม่ได้เลย
  • ภาษา: แน่นอนว่าใช้ภาษาอังกฤษเป็นหลัก แต่ในสภาพแวดล้อมที่มีคนหลากหลายชาติสำเนียงก็จะมีหลากหลายตามไปด้วย ทำให้เราคุ้นเคยกับภาษาอังกฤษในรูปแบบต่างๆ

โดยรวมแล้ว ถ้าเตรียมตัวเรื่องภาษาและเปิดใจเรื่องความหลากหลาย การใช้ชีวิตและการเรียนที่ Hult ก็ไม่น่าจะยากเกินไปค่ะ


5. ค่าเทอม & ความคุ้มค่าในระยะยาว: ลงทุนเยอะ คืนทุนไวไหม?

มาถึงเรื่องเงินๆ ทองๆ ที่หลายคนกังวลใจ! ค่าเทอมของ Hult เนี่ย จัดว่าสูงเอาเรื่อง ค่ะ! ลองดูคร่าวๆ นะคะ (ตัวเลขอาจมีการเปลี่ยนแปลงได้)

  • ปริญญาโท: ประมาณ $49,800 USD
  • MBA: ประมาณ $79,800 USD
  • ปริญญาตรี: ประมาณ $30,000 USD ต่อปี (ข้อมูลเก่า)

แต่! เขาก็มี ทุนการศึกษา ให้พิจารณาหลายแบบนะคะ ทั้งทุนเรียนดี ทุนสนับสนุนต่างๆ รวมถึงส่วนลดถ้าจ่ายมัดจำเร็ว และถ้าเรียนแบบ Dual Degree อาจมีส่วนลดหรือทุนสำหรับปริญญาใบที่สองด้วย

ความคุ้มค่าระยะยาว: การเรียนที่ Hult คือการลงทุนก้อนใหญ่แน่นอนค่ะ แต่ถ้ามองถึงสิ่งที่ได้กลับมา

  • คอนเนกชันระดับโลก: เพื่อน อาจารย์ จากหลากหลายวงการและประเทศ นี่คือขุมทรัพย์ทางธุรกิจในอนาคตเลยนะ!
  • ประสบการณ์ทำงานจริง: การได้ทำโปรเจกต์กับบริษัทดังๆ ถือเป็น Portfolio ชั้นดีหลังเรียนจบ
  • โอกาสในการทำงาน: มีข้อมูลว่าอัตราการจ้างงานสูง และหลายคนได้ทำงานในต่างประเทศหลังเรียนจบ รวมถึงโอกาสในการได้ Work Visa (เช่น OPT ที่อเมริกา) สำหรับศิษย์เก่าด้วย

วิเคราะห์ความคุ้มค่า: ถ้าเทียบกับค่าเทอม อาจจะมีมหาวิทยาลัยอื่นที่ถูกกว่าและมีชื่อเสียงในไทยมากกว่า แต่ถ้าเป้าหมายคือประสบการณ์ระดับโลก การทำงานในสภาพแวดล้อมที่หลากหลาย และคอนเนกชันอินเตอร์ฯ Hult ก็เป็นตัวเลือกที่น่าสนใจค่ะ อยู่ที่ว่าเราให้คุณค่ากับอะไรมากกว่า


6. สรุปข้อดี-ข้อเสีย: ชั่งน้ำหนักก่อนตัดสินใจ!

มาดูกันแบบตรงไปตรงมา ทั้งด้านที่ปังสุดๆ และด้านที่อาจจะต้องคิดเยอะหน่อยค่ะ

ข้อดี (ที่คนไทยน่าจะชอบ):

  • ได้ไปเรียนหลายประเทศ! ด้วยโปรแกรม Global Campus Rotation ใครชอบเที่ยว ชอบเปลี่ยนบรรยากาศคือฟินแน่นอน
  • จบไว ได้ปริญญาโท/MBA ใน 1 ปี! ประหยัดเวลา ไม่ต้องลากยาว
  • หลักสูตรเน้นใช้งานจริง: ได้ลงมือทำโปรเจกต์กับบริษัทชั้นนำ ได้ประสบการณ์แน่นๆ
  • สังคมเพื่อนต่างชาติแน่นปึ้ก: ได้ฝึกภาษา ได้แลกเปลี่ยนวัฒนธรรม ได้คอนเนกชันรอบโลก
  • ได้รับการรับรองระดับโลก (Triple Crown): มั่นใจได้เรื่องคุณภาพหลักสูตร

ข้อเสีย (ที่อาจทำให้ลังเลใจ):

  • ค่าเทอมสูงมากกกก: อันนี้เป็นปัจจัยหลักที่ต้องพิจารณาดีๆ
  • ไม่ได้เป็น "University": ในมุมมองของคนไทยหรือบางบริษัทในไทยที่อาจไม่คุ้นเคยกับ Business School โดยเฉพาะ อาจจะยังมีคำถามเรื่องชื่อเสียงเมื่อเทียบกับมหาวิทยาลัยดังๆ ทั่วไป
  • แคมปัสขนาดเล็ก: ไม่ได้มีพื้นที่กว้างขวาง หรือกิจกรรมนอกหลักสูตรหลากหลายเท่ามหาวิทยาลัยใหญ่ๆ
  • การปรับตัวกับเพื่อนต่างชาติ: ถ้าไม่เปิดใจมากๆ อาจจะรู้สึกโดดเดี่ยวได้
  • ความแน่นอนในการได้งานหลังจบ: แม้สถาบันจะบอกว่าอัตราจ้างงานสูง แต่ก็ขึ้นอยู่กับหลายปัจจัย โดยเฉพาะถ้าหวังทำงานที่ต่างประเทศ อาจจะต้องแข่งขันสูงมาก

7. เหมาะกับใคร & คำแนะนำในการสมัคร: ใครควรพุ่งตัวไป Hult?

จากข้อมูลทั้งหมด สรุปได้ว่า Hult เหมาะกับ:

  • นักศึกษาที่อยากได้ปริญญาโท/MBA แบบ จบไว และเน้น ประสบการณ์จริง
  • คนที่อยากทำงานใน สภาพแวดล้อมนานาชาติ และสร้าง คอนเนกชันระดับโลก
  • คนที่มองหา หลักสูตรที่ยืดหยุ่น และอยากมีโอกาส ย้ายไปเรียนในเมืองธุรกิจต่างๆ ทั่วโลก
  • คนที่ค่อนข้าง มีงบประมาณ สำหรับการศึกษา หรือสามารถขอทุนสนับสนุนได้

สถานการณ์ไหนที่ Hult ตอบโจทย์: ถ้าคุณเป็นฟรีแลนซ์ เจ้าของธุรกิจรุ่นใหม่ หรือคนที่ทำงานในบริษัทที่ต้องติดต่อกับต่างประเทศบ่อยๆ การเรียนที่ Hult จะช่วยเปิดมุมมองและเพิ่มโอกาสทางธุรกิจให้คุณได้เยอะมากค่ะ

ควรสมัครเลยไหม?: ถ้าคุณมีเป้าหมายตรงกับสิ่งที่ Hult นำเสนอ และพร้อมลงทุน การสมัครแต่เนิ่นๆ ก็มีโอกาสได้รับทุนการศึกษาหรือส่วนลดค่าเรียนนะคะ ลองติดต่อเอเจนซี่ที่เป็นตัวแทนอย่างเป็นทางการในไทยเพื่อขอข้อมูลและปรึกษาดูได้เลยค่ะ


8. เปรียบเทียบกับสถาบันอื่น (เลือกใส่ก็ได้): แล้ว Hult ต่างจากที่อื่นยังไง?

ถ้าให้เทียบกับ Business School หรือมหาวิทยาลัยอื่นๆ ที่มีหลักสูตร Business ในต่างประเทศ Hult จะโดดเด่นตรงที่ ความยืดหยุ่นในการย้ายแคมปัส และ การเน้นหลักสูตรแบบลงมือทำ มากกว่าสถาบันที่เน้นทฤษฎีมากๆ ค่ะ ในขณะที่มหาวิทยาลัยใหญ่ๆ อาจจะมีชื่อเสียงที่เป็นที่รู้จักในวงกว้างมากกว่า มีคณะหลากหลายกว่า มีกิจกรรมนักศึกษาให้เลือกเยอะกว่า แต่ Hult ก็จะเน้นเฉพาะทางด้าน Business และสร้างสภาพแวดล้อมที่จำลองโลกธุรกิจจริงๆ มาให้สัมผัสค่ะ.


9. การรับสมัครและบริการ (ฉบับย่อ): สมัครยังไง? ใครช่วยได้บ้าง?

การสมัครเรียนที่ Hult ส่วนใหญ่ทำผ่านระบบออนไลน์ หรือจะยื่นเอกสารผ่านเอเจนซี่ที่เป็นตัวแทนอย่างเป็นทางการในไทยก็ได้ค่ะ เอเจนซี่เหล่านี้มักจะให้คำปรึกษาฟรี ช่วยเตรียมเอกสาร กรอกใบสมัคร และนัดหมายต่างๆ ให้

บริการหลังการสมัคร: เท่าที่ทราบ Hult มีทีมงานคอยดูแลนักศึกษาต่างชาติ มี Career Service ช่วยเรื่องการหางานและการฝึกงาน และแน่นอนว่ามีเครือข่ายศิษย์เก่าที่แข็งแกร่งทั่วโลก

โปรโมชั่น/ส่วนลด: ลองสอบถามข้อมูลกับเอเจนซี่หรือทางสถาบันโดยตรงนะคะ เพราะอาจมีทุนการศึกษาหรือส่วนลดค่าเรียนสำหรับผู้ที่สมัครเร็ว หรือมีผลการเรียนดี


10. บทสรุปและคำแนะนำสุดท้าย: ตกลงแล้ว Hult ดีไหม?

เอาเป็นว่า ถ้าอ่านมาถึงตรงนี้แล้วรู้สึกว่า "นี่แหละ! สิ่งที่เราตามหา!" คืออยากได้ประสบการณ์เรียนบริหารที่เน้นปฏิบัติจริง อยากไปเปิดโลกที่ต่างประเทศหลายๆ เมือง อยากสร้างคอนเนกชันกับคนทั่วโลก แบบจบไวๆ ภายใน 1 ปี (หรือ 1.5 ปี ได้ 2 ปริญญาไปเลย!) และ พร้อมลงทุนกับค่าใช้จ่ายที่ค่อนข้างสูง เมก็ขอแนะนำว่า Hult International Business School เป็นตัวเลือกที่น่าสนใจมากค่ะ

แต่ถ้าคุณยังกังวลเรื่องค่าใช้จ่ายมากๆ หรือเน้นชื่อเสียงสถาบันที่เป็นที่รู้จักในไทยเป็นหลัก หรืออยากเรียนในมหาวิทยาลัยใหญ่ที่มีกิจกรรมหลากหลาย อาจจะต้องลองเปรียบเทียบกับสถาบันอื่นๆ ดูให้รอบคอบก่อนนะคะ

คำแนะนำเฉพาะ:

  • สำหรับคนงบน้อย: ลองดูเรื่องทุนการศึกษาให้ละเอียด และเปรียบเทียบค่าใช้จ่ายโดยรวม (ค่าเทอม ค่าครองชีพ) กับเมืองอื่นๆ หรือสถาบันอื่นๆ ด้วยนะคะ
  • สำหรับคนที่เน้นชื่อเสียงในไทย: ลองศึกษาดูว่าบริษัทที่คุณเล็งไว้รู้จักหรือให้คุณค่ากับ Hult มากน้อยแค่ไหน ลองปรึกษาศิษย์เก่าชาวไทยของ Hult ดูก็ได้ค่ะ
  • สำหรับคนที่ชอบทำกิจกรรม: Hult อาจจะไม่ได้มีชมรมหรือกิจกรรมหลากหลายเท่ามหาวิทยาลัยทั่วไปนะคะ เน้นที่การเรียนและกิจกรรมที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจเป็นหลัก

หวังว่ารีวิวนี้จะเป็นประโยชน์ในการตัดสินใจนะคะ! ใครมีประสบการณ์เรียนที่ Hult หรือมีคำถามเพิ่มเติม มาแชร์กันได้ในคอมเมนต์เลยนะ อยากอ่านมากๆ ค่ะ!

วิดีโอที่เกี่ยวข้อง

บทความล่าสุดดูเพิ่มเติม

โอ้โห! วันนี้จะพาไปวาร์ปย้อนยุคกันที่ สวนคุณปู่ Life Museum แหม แค่ชื่อก็กินขาดแล้วป่ะ! หลายคนอาจจะเคยได้ยินชื่อนี้แว่วๆ โดยเฉพาะสายเที่ยว สายคาเฟ่ที่ชอบวิวปังๆ แต่สงสัยกันไหมว่าที่นี่มันมีอะไรดีนอกจากวิวสวยๆ? เป็นแค่ร้านอาหารธรรมดา หรือเป็
รีวิว สวนคุณปู่ สถานที่ท่องเที่ยว/ร้านอาหาร บรรยากาศย้อนยุค
โอ้โห! วันนี้จะมารีวิวซีรีส์ที่แค่ชื่อก็กินขาด แถมยังเป็นกระแสอยู่ช่วงหนึ่งในบ้านเราด้วยนะ กับเรื่อง "Clickbait" ที่เคลมว่าเป็นแนวสืบสวน หักมุม พลิกล็อก ชวนติดหนึบสุดๆ คำถามคาใจคือ...มันจริงเด๊ะ? แล้วมันจะทำให้เราอดหลับอดนอนดูยันเช้าเหมือนท
รีวิว Clickbait: ซีรีส์/ภาพยนตร์แนวสืบสวน หักมุม พลิกล็อก ชวนติดหนึบไหม?
หนีเมืองกรุงไปพักใจริมน้ำ! วันนี้เราจะพาไปส่อง "บ้านเรือ โฮมสเตย์: ที่พักบรรยากาศดีริมน้ำ สไตล์บ้านๆ [ใส่จังหวัด/ที่ตั้ง] น่าไปพักไหม?" ที่พักที่ได้ยินชื่อแล้วต่อมอยากพักผ่อนริมน้ำก็พุ่งกระฉูด! หลายคนอาจจะสงสัยว่า เอ๊ะ...พักบ้านเรือ มันจะโค
รีวิว บ้านเรือ โฮมสเตย์: ที่พักบรรยากาศดีริมน้ำ สไตล์บ้านๆ [ใส่จังหวัด/ที่ตั้ง] น่าไปพักไหม?

บทความที่แนะนำ