รีวิว Nike Flex Experience 8 รองเท้าวิ่ง ใส่สบาย น้ำหนักเบา


สวัสดีค่าทุกคนนน! วันนี้จะมารีวิวรองเท้าวิ่งที่ได้ยินเสียงลือเสียงเล่าอ้างว่า "ใส่สบาย น้ำหนักเบา" อย่าง Nike Flex Experience 8 ใครกำลังมองหารองเท้าคู่ใจไว้ออกกำลังกายเบาๆ หรือใส่เดินเล่นชิลล์ๆ อยู่ล่ะก็ ปักหมุดรอเลยจ้า เพราะเราจะมาแกะกล่องลองใส่ให้ดูกันแบบหมดเปลือก! ไม่ต้องกลัวผิดหวัง หรือซื้อมาแล้วไม่ตรงปก งานนี้มีแต่เรื่องจริง ไม่มีอวยแน่นอน!
ภาพรวมสินค้า: เจาะลึก Nike Flex Experience 8 รุ่นนี้ดียังไง?
มาทำความรู้จักเจ้า Nike Flex Experience 8 กันหน่อยว่าน้องมีที่มาที่ไปยังไง เหมาะกับใครบ้าง.
แบรนด์: Nike
รุ่น: Flex Experience RN 8 (บางทีก็เรียกสั้นๆ ว่า Experience 8)
ปีที่วางขาย: เปิดตัวช่วงปลายปี 2018
ช่วงราคา: ราคาเปิดตัวน่าจะอยู่ที่ประมาณสองพันปลายๆ - สามพันต้นๆ บาท แต่ตอนนี้หาราคากำลังดีได้เพียบ บางร้านเจอโปรเด็ดๆ เหลือพันกว่าบาทก็มีนะ!,
ตำแหน่งสินค้า: รุ่นเริ่มต้น (Entry-Level) เหมาะสำหรับนักวิ่งมือใหม่ หรือคนที่เน้นใส่ออกกำลังกายเบาๆ ในยิม หรือเดินเล่นสบายๆ ไม่เน้นวิ่งไกลเวอร์วัง,
จุดเด่นเบาๆ แต่โดนใจ:
- น้ำหนักเบาหวิว: ใส่นานๆ ไม่เมื่อยเท้า,
- ความยืดหยุ่นสูง: พื้นรองเท้างอตามรูปเท้าได้ดี รู้สึกเป็นธรรมชาติ,,
- ใส่สบาย: ระบายอากาศดี เหมาะกับอากาศบ้านเรา,
- ดีไซน์สวย: ใส่เที่ยวก็ได้ ใส่ออกกำลังกายก็ดูดี,,
ดีไซน์ & รูปลักษณ์ภายนอก: น้อยแต่มาก เรียบแต่โก้!
ดีไซน์ของ Flex Experience 8 บอกเลยว่ามินิมอลมาก! มาในโทนสีเรียบๆ แต่ดูสปอร์ต จะสีดำ เทา หรือมีแซมสีสันเล็กน้อยก็สวยหมด, วัสดุหลักเป็นผ้าตาข่าย (Mesh) ที่ช่วยเรื่องการระบายอากาศนี่แหละ จุดเด่นเลย,
ขนาดและน้ำหนัก: ตัวนี้ขึ้นชื่อเรื่องน้ำหนักเบาเลย บางรีวิวบอกหนักแค่ประมาณ 230 กรัม, เบาสบายเหมือนไม่ได้ใส่! ต้องลองเองถึงจะรู้ ส่วนขนาด ถ้าตามรีวิวฝรั่งบางคนบอกว่าอาจจะรู้สึกเล็กกว่า Nike รุ่นอื่นๆ นิดนึง ใครเท้าอวบ หรือชอบใส่สบายๆ เผื่อไซส์ครึ่งเบอร์ก็ดีนะ
สีที่มีให้เลือก: มีหลายสีเลย ทั้งโทนเข้ม โทนสว่าง ลองเลือกที่ชอบ ที่เข้ากับชุดออกกำลังกาย หรือชุดเที่ยวของเราได้เลย,
อุปกรณ์เสริมในกล่อง: ก็มาแบบเรียบง่ายตามสไตล์รองเท้าทั่วไป มีตัวรองเท้า คู่มือเล็กๆ น้อยๆ กล่องรองเท้าจบ ครบ พร้อมลุย!
ประสบการณ์ใช้งานฟังก์ชันหลัก: วิ่งเบาๆ พอได้ วิ่งหนักๆ อาจมีหวิว
สำหรับ Flex Experience 8 เค้าออกแบบมาให้เน้นความยืดหยุ่นและความเบาสบาย ซึ่งเหมาะกับการวิ่งเบาๆ หรือใส่ออกกำลังกายในยิมมากกว่า,
ความรู้สึกตอนวิ่ง: ด้วยความที่พื้นรองเท้ามีความยืดหยุ่นสูง ทำให้รู้สึกเหมือนวิ่งเท้าเปล่า (Barefoot feeling) แต่! สำหรับคนที่วิ่งระยะไกลๆ หรือต้องการการรองรับแรงกระแทกเยอะๆ ตัวนี้อาจจะยังไม่ตอบโจทย์เท่าไหร่, บางคนวิ่งเกิน 5 กิโลเมตร อาจจะเริ่มรู้สึกถึงแรงกระแทกที่หัวเข่าได้ พื้นรองเท้าชั้นกลางก็ค่อนข้างบางเมื่อเทียบกับรองเท้าวิ่งตัวท็อปรุ่นอื่นๆ
ความยืดหยุ่นของพื้น: อันนี้ให้เต็มสิบไม่หัก! งอได้ตามรูปเท้า เคลื่อนไหวสะดวกมากๆ,,
การยึดเกาะ: พื้นรองเท้าชั้นนอกมีร่องยางช่วยในการยึดเกาะพอสมควร ใช้กับพื้นถนนเรียบๆ หรือพื้นยิมได้ไม่มีปัญหา
ประสบการณ์ใช้งาน & ความง่ายในการใช้: ใส่ง่าย สบายเท้า
เรื่องความง่ายในการใช้งานนี่ต้องยกให้เค้าเลย แค่สวมเข้าไปก็พร้อมออกไปลุยแล้ว ไม่ต้องปรับนู่นนี่เยอะแยะ
ใช้ง่ายแค่ไหน: ง่ายมาก! มีห่วงดึงส้นเท้ามาให้ด้วย ทำให้ใส่ได้สะดวกขึ้นเยอะ ตัวผ้าตาข่ายก็นุ่ม ยืดหยุ่น โอบกระชับเท้าได้ดี
ความสบาย: อันนี้เด่นสุดๆ เลย น้ำหนักเบามาก ใส่แล้วไม่รู้สึกถ่วงเท้าเลย, ผ้าตาข่ายก็ช่วยให้เท้าไม่อับชื้น ระบายอากาศดีเยี่ยม เหมาะกับอากาศร้อนชื้นแบบบ้านเราสุดๆ แต่บางคนอาจจะรู้สึกว่าช่วงหน้าเท้าแคบไปนิด หรือลิ้นรองเท้ากดหลังเท้า ต้องลองใส่เองดีที่สุด
ความทนทาน & ความคุ้มค่าในระยะยาว: สมราคา ไม่เน้นโหด
เนื่องจากเป็นรองเท้าวิ่งรุ่นเริ่มต้น วัสดุอาจจะไม่ได้พรีเมียมเท่ารุ่นแพงๆ ความทนทานก็อาจจะไม่เหมาะกับการวิ่งหนักๆ หรือใช้ทุกวันแบบสมบุกสมบันเป็นปีๆ
ความทนทาน: บางรีวิวบอกว่าพื้นรองเท้าอาจจะสึกเร็วถ้าใช้สำหรับวิ่งหนักๆ หรือระยะไกลบ่อยๆ ไม่ได้ออกแบบมาให้วิ่งได้หลายร้อยกิโลเมตรเหมือนพวกรองเท้าวิ่ง Performance จ๋าๆ
ความคุ้มค่า: ถ้ามองว่าเป็นรองเท้าวิ่งสำหรับมือใหม่ ใส่ออกกำลังกายเบาๆ หรือใส่เดินเล่น ด้วยราคาที่ไม่สูงมากนัก ถือว่าคุ้มค่ากับฟังก์ชันที่ได้นะ แต่อย่าคาดหวังความทนทานระดับวิ่งมาราธอนบ่อยๆ
ข้อดี-ข้อเสีย: ชั่งน้ำหนักก่อนตัดสินใจ
มาดูข้อดีข้อเสียกันแบบตรงไปตรงมา ไม่มีอวยจ้า
ข้อดีสุดปัง:
- น้ำหนักเบามาก: ใส่นานแค่ไหนก็สบายเท้า,
- ยืดหยุ่นดีเยี่ยม: เคลื่อนไหวเป็นธรรมชาติ,,
- ระบายอากาศเลิศ: ใส่แล้วเท้าไม่ร้อน ไม่เหม็นอับ,
- ราคาเข้าถึงง่าย: เป็นมิตรกับเงินในกระเป๋า,,
- ดีไซน์สวย: ใส่ได้หลายโอกาส,,
ข้อเสียที่อาจทำให้ลังเล:
- การรองรับแรงกระแทกน้อย: ไม่เหมาะกับการวิ่งระยะไกล หรือคนน้ำหนักเยอะ,
- ขาด Support เท้า: โดยเฉพาะช่วงอุ้งเท้า อาจจะไม่เหมาะกับคนที่มีปัญหาเท้าแบน หรือต้องการ Support พิเศษ,,
- ความทนทานปานกลาง: อาจจะสึกเร็วถ้าใช้หนัก
- บางคนรู้สึกหน้าเท้าแคบ/ลิ้นรองเท้ากด: ต้องลองไซส์ดีๆ
เหมาะกับใคร & คำแนะนำในการซื้อ: ซื้อเลยดีไหม หรือรอโปรดี?
จากที่ลองใช้และศึกษาข้อมูลมา Nike Flex Experience 8 เหมาะกับคนกลุ่มนี้เลยค่ะ
เหมาะกับ:
- นักวิ่งมือใหม่: ที่เพิ่งเริ่มวิ่ง ยังไม่เน้นทำความเร็ว หรือระยะทางไกลๆ
- คนที่เน้นออกกำลังกายในยิม: ใส่เดินบนลู่ วิ่งเบาๆ เล่นเวท คาร์ดิโอต่างๆ
- คนที่หารองเท้าใส่เดินเล่นลำลอง: เน้นความสบายและดีไซน์
- นักเรียน/นักศึกษา: ที่ต้องการรองเท้ากีฬาคู่เดียวใส่ได้หลายกิจกรรม ราคาไม่แรง
สถานการณ์แนะนำ: ใส่วิ่งสวนสาธารณะระยะสั้นๆ (ไม่เกิน 5-10 กม.), ใส่เข้าคลาสออกกำลังกาย, ใส่เดินช้อปปิ้งช่วงเทศกาล หรือใส่ไปเที่ยวแบบต้องเดินเยอะๆ
ควรซื้อเลยไหม?: ถ้าคุณเข้าข่ายกลุ่มคนที่เหมาะกับรองเท้าคู่นี้ และเจอราคาดีๆ ช่วงโปรโมชั่น เช่น ช่วง Payday, Mid-Year Sale, 11.11 ในแพลตฟอร์มออนไลน์ต่างๆ, จัดเลยค่ะ คุ้ม! แต่ถ้าต้องซื้อราคาเต็ม อาจจะลองดูรุ่นอื่นในงบใกล้เคียงกันเพื่อเปรียบเทียบก่อนก็ได้นะ
บริการหลังการขายและช่องทางการซื้อ: ช้อปออนไลน์ง่ายกว่าเยอะ!
สมัยนี้ช้อปออนไลน์สะดวกสบายสุดๆ โดยเฉพาะรองเท้า Nike Flex Experience 8 รุ่นนี้ หาซื้อได้ง่ายตามแพลตฟอร์ม E-commerce ดังๆ เพียบเลยจ้า,
การรับประกัน: โดยทั่วไปสินค้า Nike ของแท้ที่ซื้อจากตัวแทนจำหน่ายอย่างเป็นทางการ หรือร้านค้าที่น่าเชื่อถือ มักจะมีการรับประกันคุณภาพอยู่แล้ว หากมีปัญหาจากการผลิต ลองสอบถามเงื่อนไขกับร้านค้าที่ซื้ออีกทีนะ
ช่องทางการซื้อออนไลน์: Shopee, Lazada คือแหล่งหลักเลย, นอกจากนี้ก็มีร้านค้าออนไลน์อย่างเป็นทางการของ Nike หรือร้านตัวแทนจำหน่ายอื่นๆ ให้เลือกซื้ออีกเพียบ ลองเช็คหลายๆ ที่เพื่อเทียบราคาและโปรโมชั่นนะ,
โปรโมชั่นและส่วนลด: แพลตฟอร์มออนไลน์ชอบมีโปรโมชั่นลดราคา, โค้ดส่วนลด, หรือ Cash Back อยู่เรื่อยๆ, ลองติดตามช่วงเทศกาลสำคัญๆ ของไทย เช่น สงกรานต์ ปีใหม่ หรือช่วงจัดแคมเปญใหญ่ๆ ของแพลตฟอร์ม รับรองได้ราคาดีงามแน่นอน
การผ่อนชำระ: หลายๆ ร้านใน Shopee, Lazada มีตัวเลือกผ่อนชำระ 0% ด้วยนะ ถูกใจคนอยากได้ของแต่ยังไม่อยากจ่ายเต็มก้อน
การจัดส่ง: โดยทั่วไปการจัดส่งรวดเร็วทันใจ ถ้าอยู่ในกรุงเทพฯ หรือปริมณฑล วันสองวันก็ได้ของแล้ว บางร้านส่งฟรีด้วยนะ!,
บทสรุปและคำแนะนำในการซื้อ: สบายจริง เบาจริง แค่เลือกให้ตรงกับการใช้งาน!
สรุปแล้ว Nike Flex Experience 8 เป็นรองเท้าวิ่งที่เด่นเรื่อง ความเบาสบาย และ ความยืดหยุ่น ในราคาที่เป็นมิตร,, เหมาะมากๆ สำหรับใครที่กำลังมองหารองเท้าคู่แรกสำหรับเริ่มต้นออกกำลังกาย,, วิ่งเบาๆ ในระยะสั้นๆ,, หรือเน้นใส่เดินเล่นในชีวิตประจำวัน
ถ้าคุณเป็นคนที่ไม่เน้นวิ่งหนัก วิ่งไกล หรือมีปัญหาเรื่องเท้าที่ต้องการ Support เยอะๆ รุ่นนี้ถือเป็นตัวเลือกที่น่าสนใจและคุ้มค่ากับราคามากๆ ค่ะ แต่ถ้าเป็นสายวิ่งจริงจัง วิ่งมาราธอน หรือมีน้ำหนักตัวค่อนข้างเยอะ อาจจะต้องมองหารองเท้าที่มีการรองรับแรงกระแทกและ Support ที่ดีกว่านี้หน่อยนะ,
คำแนะนำสุดท้ายคือ ลองเช็คราคาตามช่องทางออนไลน์ต่างๆ ช่วงที่มีโปรโมชั่น จะได้ราคาที่ดีที่สุด และอย่าลืมเผื่อไซส์ครึ่งเบอร์ถ้าไม่แน่ใจ หรือชอบใส่สบายๆ นะคะ!
วิดีโอที่เกี่ยวข้อง
- รองเท้าวิ่ง NIKE ที่ดีที่สุดสำหรับนักกีฬา
- Nike Flex Experience Rn 8 Long Term Review | Is this Nike's ...
- คู่เดียวจบมีมั้ย?? การเลือกรองเท้า Nike สำหรับมือใหม่หัดวิ่ง จนถึง ...
- รีวิว Nike Revolution 7: รองเท้าวิ่งที่ไม่ควรพลาด
- กด ก่อนราคาสูงขึ้นเยอะกว่านี้ รองเท้าวิ่งเหมาะกับนักวิ่งมือใหม่มากๆครั...
แนะนำสำหรับคุณ
ราคา Honda จักรยานยนต์ รุ่นยอดนิยม 2025: สเปก ราคา และโปรโมชั่นล่าสุดครบทุกรุ่น
ราคา Samsung Galaxy A9 (2018) ล่าสุด 2025: ยังน่าใช้ทำงานหรือเล่นโซเชียลอยู่ไหม?
ราคา สุนัขพันธุ์เบลเยียม มาลินอยส์ อัปเดตล่าสุด พร้อมวิธีเลือกซื้อ
ราคา กองทุน KF-GTECH (กรุงศรีโกลบอลเทคโนโลยีอิควิตี้) อัปเดตล่าสุดปี 2568
แนะนำ หูฟังตัดเสียงรบกวน ราคาถูก คุณภาพดี ฟังเพลง ทำงาน
ราคา Amoxicillin/Clavulanic Acid ยาปฏิชีวนะ ข้อควรระวังในการใช้