รีวิว Hada Labo สีฟ้า: โลชั่นบำรุงผิว ชุ่มชื้น อิ่มน้ำ ใช้แล้วหน้าใสขึ้นจริงไหม?


โอ้โห! ใครๆ ก็บอกว่า "น้ำตบ" มันดีอย่างนั้นอย่างนี้ โดยเฉพาะแบรนด์ในตำนานจากญี่ปุ่นอย่าง Hada Labo ที่มีหลายสี หลายสูตรจนเลือกไม่ถูก วันนี้เราขอมาเจาะลึกกับน้องขวดสีฟ้า ที่เขาว่าช่วยเรื่องหน้ามัน เป็นสิว แถมยังทำให้หน้าใสขึ้นจริงไหม? ใช้แล้วจะอิ่มน้ำเหมือนดื่มน้ำวันละ 8 แก้วจริงหรือเปล่า? มาค่ะ! ตามมาดูกันแบบไม่กั๊ก ไม่มีอวย มีแต่ประสบการณ์ตรงแบบบ้านๆ นี่แหละ!
1. ภาพรวมผลิตภัณฑ์: สรุปให้ไว เจ้า Hada Labo สีฟ้าคืออะไร?
ตัวที่เราจะมารีวิวกันวันนี้คือ Hada Labo Blemish & Oil Control Hydrating Lotion หรือที่หลายคนเรียกติดปากว่า "ฮาดะ ลาโบะ ขวดสีเขียว" นั่นเองค่ะ (อ้าว ไหงชื่อเรียกสีฟ้า แต่ขวดสีเขียว? อย่าเพิ่งงงค่ะซิส บางทีคนไทยเรียกตามสีฉลากสีฟ้าๆ ที่ติดบนขวดสีเขียวใสๆ นั่นแหละ!)
แบรนด์: Hada Labo (ฮาดะ ลาโบะ)
รุ่น: Blemish & Oil Control Hydrating Lotion (บางทีเรียกสูตรสีเขียว)
ช่วงราคา: หลักร้อยกลางๆ หาซื้อได้ตั้งแต่ร้อยกว่าบาท (ขวดเล็ก 30ml) ไปจนถึง 400-500 บาท (ขวดใหญ่ 170ml) แล้วแต่โปรโมชั่น
ตำแหน่งในตลาด: น้ำตบสำหรับคนผิวมัน เป็นสิวง่าย เน้นเรื่องควบคุมความมันและเติมน้ำให้ผิว คนวัยรุ่น วัยทำงาน หรือคนที่อยู่ในสภาพอากาศร้อนๆ แบบบ้านเราน่าจะเลิฟ
จุดเด่นที่เคลมมา:
- ช่วยเรื่องสิวและควบคุมความมัน: มีส่วนผสมจากธรรมชาติอย่าง Hatomugi, Houttuynia Cordata และ Chamomile
- เติมความชุ่มชื้นให้ผิว: มี Hyaluronic Acid ช่วยให้ผิวอิ่มน้ำ ดูสุขภาพดี
- เนื้อบางเบา ซึมง่าย: ไม่เหนอะหนะ เหมาะกับอากาศเมืองไทย
- สูตรอ่อนโยน: ไม่มีแอลกอฮอล์ น้ำมันแร่ น้ำหอม และสี
2. ดีไซน์ & รูปลักษณ์ภายนอก: ขวดเรียบง่าย แต่คุ้นตา!
ตัวขวดมาในโทนสีเขียวใสๆ เห็นเนื้อผลิตภัณฑ์ข้างในชัดเจน พร้อมฉลากสีฟ้า (นี่ไงที่มาของชื่อเรียกสีฟ้า!) ดีไซน์เรียบง่าย มินิมอลสไตล์ญี่ปุ่น วัสดุเป็นพลาสติก น้ำหนักเบา ถือจับถนัดมือ
ขนาด: มีหลายขนาดให้เลือก ตั้งแต่ขวดจิ๋ว 30ml พกพาสะดวก ไปจนถึงขวดใหญ่ 170ml ใช้คุ้มๆ
อุปกรณ์ในกล่อง: ส่วนใหญ่ซื้อแบบขวดก็มีแค่ตัวผลิตภัณฑ์เลยจ้า ไม่มีอะไรหวือหวา ไม่ต้องกลัวงง ไม่มีคู่มือภาษาญี่ปุ่นล้วนแบบสมัยก่อนแล้วนะ!
3. ประสบการณ์ในการใช้งานฟังก์ชันหลัก: ตบแล้วเป็นไง? มันหายมั้ย?
ตอนเทออกมาจากขวด เนื้อโลชั่นจะเป็นน้ำใสๆ เหลวๆ แทบจะเหมือนน้ำเปล่าเลยค่ะ ไม่มีกลิ่นฉุน (เพราะเขาเคลมว่าไม่มีน้ำหอมไง) เวลาใช้ก็เทใส่มือประมาณเหรียญบาท แล้วก็ตบเบาๆ ทั่วหน้า อันนี้แหละคือฟีลลิ่งน้ำตบที่แท้ทรู! มันจะซึมเข้าผิวไวมาก หายวับไปเลย ไม่ทิ้งความเหนอะหนะไว้เลยแม้แต่น้อย เหมาะกับคนที่ไม่ชอบความรู้สึกหนักๆ หรือเหนียวๆ บนผิวมากๆ โดยเฉพาะช่วงหน้าร้อน ตบปุ๊บสบายผิวปั๊บ!
เรื่องความชุ่มชื้น บอกเลยว่าน้องทำได้ดี ผิวดูอิ่มน้ำขึ้นจริง ไม่แห้งกร้าน แต่ไม่ได้ทำให้หน้ามันเพิ่มนะ เหมือนเป็นการเติมน้ำให้ผิวสมดุลมากกว่า
ส่วนเรื่องควบคุมความมันและสิว อันนี้แหละคำถามยอดฮิต! จากที่ลองใช้มาระยะหนึ่ง รู้สึกว่าหน้ามันน้อยลงนะ แต่ไม่ได้หายมันไปเลยทั้งวัน อาจจะช่วยยืดเวลาความมันออกไปได้สัก 2-3 ชั่วโมง อันนี้ก็ขึ้นอยู่กับสภาพอากาศ กิจกรรมที่ทำ แล้วก็สกินแคร์ตัวอื่นที่ใช้ร่วมด้วย ส่วนเรื่องสิว... สิวอักเสบเม็ดใหญ่ๆ อาจจะต้องใช้ยารักษาสิวควบคู่ไปด้วย แต่น้องช่วยเรื่องสิวผด หรือสิวเล็กๆ น้อยๆ ได้ดีอยู่ เหมือนช่วยปลอบประโลมผิว ลดการอักเสบได้บ้าง คือใช้แล้วสิวอาจจะไม่ได้หายวับไปเลย แต่รู้สึกว่าผิวโดยรวมแข็งแรงขึ้น สิวน่าจะขึ้นยากขึ้นถ้าใช้ต่อเนื่อง
4. ประสบการณ์การใช้งาน & ความง่ายในการใช้: ใครๆ ก็ใช้ได้!
ใช้ง่ายมากกกก ก.ไก่ล้านตัว! แค่เทลงฝ่ามือแล้วตบๆ บนหน้าเป็นอันจบ ไม่ต้องมีเทคนิคอะไรซับซ้อน มือใหม่หัดใช้น้ำตบก็สบายมาก เนื้อเขาเบาจริง ซึมไว ไม่ต้องรอนานให้เสียเวลาแต่งหน้าตอนเช้า
รองรับภาษาไทยมั้ย?: ฉลากและรายละเอียดที่ขายในไทยแน่นอนว่ามีภาษาไทย ไม่ต้องกลัวอ่านไม่ออกแล้วหิ้วผิดสูตรเหมือนเมื่อก่อน
5. แบตเตอรี่ / พลังงาน / ความคุ้มค่าในระยะยาว: ใช้ได้นาน คุ้มเงินในกระเป๋า!
อันนี้เป็นผลิตภัณฑ์บำรุงผิว ไม่ต้องใช้แบตเตอรี่หรือพลังงานอะไรค่ะ 🤣 แต่ถ้าพูดถึงความคุ้มค่า บอกเลยว่า คุ้ม!
ขวดใหญ่ 170ml ใช้ได้นานหลายเดือนเลยค่ะ เพราะแต่ละครั้งใช้แค่นิดเดียว ราคาหลักร้อย หารออกมาต่อวันที่ใช้ถือว่าถูกมากๆ เมื่อเทียบกับคุณภาพที่ได้ ยิ่งถ้าซื้อช่วงมีโปรโมชั่น 1 แถม 1 หรือลดราคาตามร้าน Watsons, Boots, Konvy หรือในแอปส้ม แอปฟ้า คือยิ่งคุ้มไปอีก!
6. สรุปข้อดีข้อเสีย: มุมดีก็มี มุมที่ต้องคิดดูก็มา!
ข้อดี:
- ชุ่มชื้นดีมาก: เติมน้ำให้ผิวได้ดี ทำให้ผิวดูอิ่มฟู
- เนื้อบางเบา ซึมไว: ไม่เหนอะหนะ เหมาะกับอากาศร้อนๆ บ้านเราสุดๆ
- ช่วยควบคุมความมัน: ทำให้หน้ามันน้อยลงกว่าเดิม
- อ่อนโยน: ไม่มีสารที่ก่อการระคายเคืองง่ายๆ อย่างแอลกอฮอล์ น้ำหอม สี น้ำมันแร่
- ราคาเข้าถึงง่าย: นักเรียน นักศึกษา วัยทำงาน ซื้อได้สบายๆ
ข้อเสีย:
- อาจไม่เห็นผลชัดเรื่องสิวมาก: ถ้าเป็นสิวอักเสบหนักๆ อาจจะต้องพึ่งตัวยาอื่นช่วย
- คุมมันได้ไม่ตลอดวัน: อาจจะต้องซับหน้าระหว่างวันบ้าง
- ไม่ได้ช่วยเรื่องความกระจ่างใสโดยตรง: สูตรนี้เน้นเรื่องสิวและความมัน ถ้าอยากได้หน้าใส ต้องไปสูตรสีน้ำเงิน (Premium Whitening)
- เนื้อเหลวเกินไปหน่อยสำหรับบางคน: คนที่ชอบน้ำตบเนื้อหนืดๆ อาจจะไม่ถูกใจ
7. เหมาะกับใคร & คำแนะนำในการซื้อ: ใครควรตำ?
เหมาะกับ:
- คนผิวมัน ผิวผสม: ช่วยบาลานซ์ผิว ลดความมันส่วนเกิน
- คนที่เป็นสิวง่าย มีสิวผด: ช่วยปลอบประโลมผิว ลดโอกาสการเกิดสิว
- คนที่มองหาน้ำตบเนื้อบางเบา: ไม่ชอบความเหนอะหนะ
- นักเรียน นักศึกษา หรือคนที่มีงบจำกัด: ราคาเป็นมิตรกับกระเป๋า
- คนที่เพิ่งเริ่มใช้น้ำตบ: ใช้ง่าย ไม่ยุ่งยาก
ควรซื้อเลยไหม?: ถ้าคุณมีปัญหาผิวมัน เป็นสิวง่าย และอยากได้น้ำตบที่ช่วยเติมความชุ่มชื้นแบบบางเบา ในราคาไม่แรง ตำเลยค่ะ! แต่ถ้าไม่ได้มีปัญหาสิวหรือหน้ามันมาก แต่อยากได้เรื่องความกระจ่างใส หรือลดริ้วรอย อาจจะต้องลองดูสูตรอื่นของ Hada Labo แทน
รอช่วงโปรโมชั่นดีกว่าไหม?: ถ้าไม่รีบ รอโปรฯ คุ้มกว่าเยอะ! Hada Labo เป็นแบรนด์ที่จัดโปรบ่อยมาก ทั้งลดราคา แถมสินค้า หรือซื้อชิ้นที่สอง 1 บาท ตามร้านค้าออนไลน์และร้านขายยาทั่วไป
8. เปรียบเทียบกับสินค้าคล้ายๆ กัน (จาก Hada Labo เอง): เลือกสียังไงดีนะ?
Hada Labo มีน้ำตบหลายสีมาก จนบางทีงง ขอเทียบสูตรยอดฮิตอื่นๆ ที่คนชอบสับสนกับสีฟ้า (เขียว) นี้ละกัน:
- Hada Labo สีขาว (Hydrating): สูตรดั้งเดิม เน้นเติมความชุ่มชื้นอย่างเดียว ไม่มีส่วนผสมช่วยเรื่องสิวหรือความกระจ่างใส เหมาะกับทุกสภาพผิวที่ต้องการน้ำ
- Hada Labo สีน้ำเงิน (Premium Whitening): สูตรนี้แหละที่เน้นเรื่องความกระจ่างใส ลดจุดด่างดำ รอยสิว เนื้ออาจจะไม่ได้บางเบาเท่าสีฟ้า (เขียว) เหมาะกับคนที่อยากหน้าใสขึ้น แต่ไม่ได้มีปัญหาสิวหรือความมันหนักๆ
สรุปคือ ถ้าเน้นเรื่องสิวกับความมัน + ชุ่มชื้นแบบบางเบา ➡️ สีฟ้า (เขียว)
ถ้าเน้นความชุ่มชื้นอย่างเดียว ➡️ สีขาว
ถ้าเน้นความกระจ่างใส ลดรอยสิว ➡️ สีน้ำเงิน
9. บริการหลังการขายและช่องทางการซื้อ: หาซื้อง่ายกว่าเดินตลาด!
Hada Labo เป็นแบรนด์ใหญ่ มีตัวแทนจำหน่ายในไทย เพราะฉะนั้นเรื่องการรับประกัน หรือการบริการหลังการขายค่อนข้างไว้ใจได้ค่ะ หาซื้อได้ตามร้าน Drugstore ชั้นนำทั่วไป ไม่ว่าจะเป็น Watsons, Boots, Eveandboy, Beautrium หรือแม้แต่ใน 7-11 (สำหรับขวดเล็ก)
ช่องทางออนไลน์นี่ตัวดีเลยค่ะ มีเพียบ ทั้ง Lazada, Shopee, JD Central ราคาในออนไลน์บางทีถูกกว่าหน้าร้านอีกนะ ยิ่งถ้ามีโค้ดส่วนลด หรือโปรโมชั่นส่งฟรี บอกเลยว่าคุ้มสองต่อสามต่อ!
การจัดส่งก็ไวทันใจค่ะ ถ้าอยู่ในกรุงเทพฯ บางทีวันเดียวก็ได้ของแล้ว ไม่ต้องรอนานเหมือนสั่งจากต่างประเทศ
10. บทสรุปและคำแนะนำในการซื้อ: ฟันธง! ซื้อไม่ซื้อ?
สำหรับ Hada Labo Blemish & Oil Control Hydrating Lotion (สีฟ้า/เขียว) นี้ ถ้าให้ฟันธงจากประสบการณ์ที่ใช้มาและข้อมูลทั้งหมดที่รวบรวมมา ขอแนะนำว่า ควรมีติดบ้านสำหรับคนผิวมัน เป็นสิวง่าย!
น้องเป็นเหมือนฮีโร่ที่ช่วยบาลานซ์ผิวที่กำลังสับสนระหว่างความมันกับความขาดน้ำได้ดี เติมความชุ่มชื้นให้ผิวแบบไม่ทำให้เหนอะหนะ แถมยังช่วยปลอบประโลมสิว ลดโอกาสการเกิดสิวใหม่ๆ ได้ด้วย อาจจะไม่ได้ทำให้หน้าใสปิ๊งในชั่วข้ามคืน หรือรักษาสิวหนักๆ ให้หายได้เด็ดขาด แต่เป็นตัวช่วยเสริมที่ดีมากๆ ที่ทำให้ผิวโดยรวมแข็งแรงขึ้น สุขภาพดีขึ้นในราคาที่จับต้องได้
คำแนะนำสำหรับคนงบน้อย: ลองซื้อขวดเล็ก 30ml มาใช้ก่อนได้ค่ะ ราคาแค่ร้อยกว่าบาท มีขายตาม 7-11 หรือร้านสะดวกซื้อทั่วไป ถ้าใช้แล้วถูกใจค่อยขยับไปขวดใหญ่ตอนมีโปรโมชั่น
คำแนะนำสำหรับคนใช้ร่วมกับยาสิว: ตัวนี้อ่อนโยน ไม่มีแอลกอฮอล์ ไม่น่าจะรบกวนการทำงานของยาสิว สามารถใช้ร่วมกันได้ดีค่ะ
สรุปแล้ว ถ้าคุณกำลังหาน้ำตบดีๆ สักตัว ที่ช่วยเรื่องผิวมัน เป็นสิว แถมยังเติมน้ำให้ผิวแบบไม่หนักหน้า ในราคาที่ใครๆ ก็เข้าถึงได้ Hada Labo สีฟ้า (เขียว) ตัวนี้คือตัวเลือกที่น่าสนใจมากๆ ค่ะ ลองดูแล้วคุณอาจจะติดใจเหมือนเราก็ได้นะ!
วิดีโอที่เกี่ยวข้อง
แนะนำสำหรับคุณ
ราคาไวน์ Penfolds Bin 2 อัปเดตล่าสุด หาซื้อได้ที่ไหน? พร้อมรีวิวรสชาติ
ราคาเหรียญ Lumi (LUMI) บน Bitkub อัปเดตล่าสุด วิเคราะห์แนวโน้ม
ราคา Vespa ปี 2018 มือสอง ล่าสุด 2025 รุ่นไหนน่าเล่น สภาพดีดูยังไง?
ราคา รองเท้า Nike Air Force 1 รุ่นยอดนิยม อัปเดตล่าสุดปี 2568
ราคา ไอศกรีม Paddle Pop ล่าสุด 2025: รสชาติยอดนิยม หาซื้อได้ที่ไหน?
ราคา กาแฟสำเร็จรูป แบบ 30 ซอง ยี่ห้อไหนคุ้มค่า เหมาะกับใคร?