logo

รีวิวสอบ TOEIC 2020: ข้อสอบเปลี่ยนไปไหม? เตรียมตัวยังไงให้ได้คะแนนสูง [ประสบการณ์ตรง]

user avatar
รัฐพล จิตต์มั่นคง·07/08/2025 15:21
点赞
รีวิวสอบ TOEIC 2020: ข้อสอบเปลี่ยนไปไหม? เตรียมตัวยังไงให้ได้คะแนนสูง [ประสบการณ์ตรง]

ใครที่เคยสอบ TOEIC เมื่อนานมาแล้ว หรือกำลังจะสอบครั้งแรกในปี 2020 แล้วมีคำถามในใจว่า "ข้อสอบ TOEIC มันเปลี่ยนไปแล้วจริงดิ?" หรือ "ต้องเตรียมตัวแบบไหนถึงจะคว้าคะแนนสูงๆ ได้?" วันนี้เรามีประสบการณ์ตรงมาแชร์ให้ฟังแบบหมดเปลือก ทั้งเจาะลึกข้อสอบที่เจอจริง เคล็ดลับการเตรียมตัวฉบับคนงบน้อยแต่ได้คะแนนดี มีทั้งเรื่องชวนปวดหัวและเรื่องที่ทำให้ยิ้มออก จะเป็นยังไงบ้าง ตามไปดูกันเลย!


1. ภาพรวมของข้อสอบ TOEIC ในปี 2020: ยังเป็น TOEIC ที่เรารู้จักไหม?

จริงๆ แล้วรูปแบบข้อสอบ TOEIC ไม่ได้มีการเปลี่ยนแปลงแบบพลิกฟ้าพลิกแผ่นดินอะไรในปี 2020 นะคะ รูปแบบที่ใช้สอบกันในปีนี้ก็คือ "New TOEIC" ที่ปรับมาตั้งแต่ช่วงปี 2016 นั่นแหละค่ะ ใครที่เคยสอบ New TOEIC มาก่อน ก็สบายใจได้เลย ส่วนใครที่เคยสอบ TOEIC แบบเก๊าเก่าเมื่อหลายปีก่อน อาจจะต้องปรับตัวนิดหน่อยค่ะ

เป้าหมายของข้อสอบ: วัดทักษะการสื่อสารภาษาอังกฤษเชิงธุรกิจในชีวิตประจำวันและการทำงาน

คะแนนเต็ม: 990 คะแนน (แบ่งเป็น Listening 495, Reading 495)

จุดที่ New TOEIC ต่างจากแบบเก่า (สำหรับคนที่ไม่เคยสอบ New TOEIC มาก่อน):

  • พาร์ท Listening มีรูปแบบคำถามที่ซับซ้อนขึ้น เช่น บทสนทนาสั้นๆ มี 3 คน
  • พาร์ท Reading เพิ่มคำถามที่วัดความเข้าใจแบบภาพรวมของบทความ และเพิ่มคำถามที่ให้เติมประโยคในช่องว่างของบทความ
  • จำนวนข้อในแต่ละพาร์ทย่อยมีการปรับเปลี่ยนไปบ้าง

2. โครงสร้างข้อสอบ TOEIC 2020: มีอะไรให้เจอในห้องสอบบ้าง?

ข้อสอบ TOEIC มี 2 พาร์ทหลักๆ ค่ะ รวมทั้งหมด 200 ข้อ ใช้เวลาสอบประมาณ 2 ชั่วโมงเป๊ะๆ (ไม่รวมเวลาทำเรื่องเข้าสอบนะ)

พาร์ท Listening Comprehension (ฟัง) - 100 ข้อ, 45 นาที

  • Part 1: Photographs (6 ข้อ): ฟังบทบรรยายสั้นๆ แล้วเลือกภาพที่ตรงที่สุด
  • Part 2: Question-Response (25 ข้อ): ฟังคำถาม แล้วเลือกคำตอบที่เหมาะสมที่สุดจาก 3 ตัวเลือก
  • Part 3: Conversations (32 ข้อ): ฟังบทสนทนาสั้นๆ ระหว่าง 2-3 คน แล้วตอบคำถาม 3 ข้อต่อ 1 บทสนทนา (รวม 10 บทสนทนา) จุดนี้แหละที่มี 3 คนเพิ่มเข้ามา!
  • Part 4: Talks (30 ข้อ): ฟัง Talk สั้นๆ (เช่น ประกาศ, บรรยาย) แล้วตอบคำถาม 3 ข้อต่อ 1 Talk (รวม 10 Talks)

พาร์ท Reading Comprehension (อ่าน) - 100 ข้อ, 75 นาที

  • Part 5: Incomplete Sentences (30 ข้อ): เติมคำศัพท์/ไวยากรณ์ลงในช่องว่างให้ประโยคสมบูรณ์
  • Part 6: Text Completion (16 ข้อ): อ่านบทความสั้นๆ แล้วเติมคำศัพท์/ไวยากรณ์/ประโยค ลงในช่องว่าง 4 ข้อต่อ 1 บทความ (รวม 4 บทความ) อันนี้คือส่วนที่มีให้เติมประโยคในช่องว่าง!
  • Part 7: Single Passages (29 ข้อ): อ่านบทความเดี่ยวๆ แล้วตอบคำถาม (บทความเดียวตอบ 2-4 ข้อ)
  • Part 7: Multiple Passages (25 ข้อ): อ่านบทความ 2-3 บทความที่เชื่อมโยงกัน แล้วตอบคำถาม (มี 5 ชุด ชุดละ 5 ข้อ) ส่วนนี้คือวัดความเข้าใจแบบภาพรวมหลายๆ จุด!

3. ประสบการณ์จริงในสนามสอบ 2020: เจออะไรบ้าง?

ตอนที่ไปสอบในปี 2020 บอกเลยว่าบรรยากาศก็ยังตึงเครียดเหมือนเดิม เพิ่มเติมคือมาตรการโควิด! 😂 แต่เรื่องข้อสอบนี่สิ...

พาร์ท Listening:

  • เสียงชัดเจนดี ไม่มีปัญหาอะไร
  • Part 1 รูปภาพก็ยังเป็นเรื่องทั่วไปในชีวิตประจำวัน/ออฟฟิศ
  • Part 2 ก็ต้องฟังดีๆ เพราะบางทีคำตอบมันหลอกๆ
  • Part 3 บทสนทนา 3 คนมาจริง! ต้องตั้งสติดีๆ ว่าใครพูดอะไร
  • Part 4 พวกประกาศหรือข่าวสั้นๆ ก็มาตามคาด ต้องจับใจความสำคัญให้ไว

พาร์ท Reading:

  • Part 5 ยังคงเป็นตัวเก็บคะแนน ถ้าแม่นศัพท์และไวยากรณ์คือสบาย
  • Part 6 ไอ้ที่ให้เติมประโยคในช่องว่างนี่แหละตัวปราบเซียน ต้องอ่านทั้งบทความถึงจะเข้าใจว่าประโยคไหนควรอยู่ตรงไหน
  • Part 7 Single Passage ก็เน้นอ่านจับใจความปกติ
  • Part 7 Multiple Passages นี่สิ เวลาไม่พอกันตาย! ต้องอ่านหลายๆ อย่างเชื่อมโยงกัน เช่น อีเมล + ตารางนัดหมาย หรือ ใบเสร็จ + โฆษณา ต้องไวและแม่นยำสุดๆ

4. ใช้งานง่ายไหม? & บริหารเวลายังไงให้รอด!

ตัวข้อสอบไม่ได้ซับซ้อนในแง่รูปแบบคำถามมากนักค่ะ แต่ที่ยากคือ "การบริหารเวลา" โดยเฉพาะพาร์ท Reading ที่ข้อสอบยาวขึ้น ต้องอ่านเยอะขึ้น แต่เวลาก็ยังเท่าเดิม!

เทคนิคส่วนตัวคือ:

  • พาร์ท Reading ต้องทำ Part 5 และ Part 6 ให้ไวที่สุดเท่าที่จะทำได้ เพราะเป็นข้อสั้นๆ เก็บให้หมด อย่าเสียเวลานานเกินไปในแต่ละข้อ
  • เหลือเวลาเท่าไหร่เอาไปลงที่ Part 7 ให้หมด โดยเริ่มจาก Single Passages ก่อน แล้วค่อยไปลุย Multiple Passages
  • ถ้าเวลาจะหมดจริงๆ Part 7 Multiple Passages อาจจะต้องใช้เทคนิคอ่านคำถามก่อนแล้วค่อยไปหาคำตอบในบทความ เพื่อประหยัดเวลา

5. ค่าใช้จ่าย & ความคุ้มค่า: ลงทุนสอบ TOEIC คุ้มไหม?

ค่าสมัครสอบ TOEIC ในปี 2020 อยู่ที่ประมาณ 1,800 บาท (อาจมีการเปลี่ยนแปลงเล็กน้อยตามศูนย์สอบนะคะ)

ส่วนค่าเตรียมตัวก็แล้วแต่คนเลยค่ะ จะซื้อหนังสือมาอ่านเอง เล่มละไม่กี่ร้อย หรือจะไปลงคอร์สเรียนก็มีตั้งแต่หลักพันยันหลักหมื่น

ความคุ้มค่า: ถ้าต้องการใช้คะแนน TOEIC เพื่อสมัครงาน ปรับเงินเดือน เรียนต่อ หรือจบการศึกษา บอกเลยว่า คุ้มมากค่ะ! เพราะหลายๆ ที่ยังใช้คะแนนนี้เป็นเกณฑ์อยู่ การลงทุนสอบ TOEIC ถือเป็นการลงทุนเพื่ออนาคตค่ะ


6. สรุปข้อดี-ข้อเสีย (จากประสบการณ์ตรง)

ข้อดี:

  • เป็นข้อสอบที่วัดทักษะภาษาอังกฤษเชิงธุรกิจโดยเฉพาะ เหมาะกับการนำไปใช้ในสายงานออฟฟิศ
  • รูปแบบข้อสอบค่อนข้างคงที่ เตรียมตัวได้ไม่ยากถ้ามีแนวทางที่ถูกต้อง
  • คะแนนเป็นที่ยอมรับในวงกว้าง ทั้งในและต่างประเทศ
  • วัดทักษะการฟังและการอ่านเป็นหลัก ไม่ต้องกังวลเรื่องพูดหรือเขียน (สำหรับบางคนถือเป็นข้อดี!)

ข้อเสีย:

  • เวลาในการทำพาร์ท Reading น้อยมาก! ต้องบริหารเวลาเก่งๆ
  • ข้อสอบอาจจะดูน่าเบื่อไปหน่อย เพราะเนื้อหาค่อนข้างเป็นทางการ เกี่ยวกับธุรกิจ งาน การเงิน
  • ถ้าอยากได้คะแนนสูงๆ ต้องฝึกเยอะมากๆ โดยเฉพาะ Part 7 Reading
  • ค่าสมัครสอบค่อนข้างสูง ถ้าสอบหลายครั้งอาจจะเปลืองหน่อย

7. เหมาะกับใคร & คำแนะนำในการเตรียมตัว

TOEIC เหมาะกับ:

  • นักศึกษาที่กำลังจะจบและต้องใช้คะแนนยื่นสมัครงาน
  • คนทำงานที่ต้องการอัปเกรดตำแหน่ง หรือย้ายงาน
  • คนที่ต้องการวัดระดับภาษาอังกฤษเพื่อดูพัฒนาการของตัวเอง

คำแนะนำในการเตรียมตัวให้ได้คะแนนสูง:

  • ทำความเข้าใจรูปแบบข้อสอบ New TOEIC ให้เป๊ะ! อันนี้สำคัญมาก
  • ฝึกทำข้อสอบเก่าเยอะๆ ยิ่งเยอะยิ่งดี จะได้คุ้นเคยกับแนวคำถามและบริหารเวลาได้
  • เน้นศัพท์ TOEIC โดยเฉพาะ พวกศัพท์ธุรกิจ ศัพท์ออฟฟิศ ออกบ่อยมาก
  • ฝึกฟังหลากหลายสำเนียง เพราะในข้อสอบมีหลายสำเนียง ทั้งอเมริกัน อังกฤษ ออสเตรเลีย
  • บริหารเวลาตอนทำพาร์ท Reading ให้ดีที่สุด! หาเทคนิคที่เหมาะกับตัวเอง
  • พักผ่อนให้เพียงพอ ก่อนวันสอบสำคัญมาก!

8. แหล่งเตรียมตัว & ช่องทางการสมัครสอบ

แหล่งเตรียมตัว:

  • หนังสือเตรียมสอบ TOEIC: มีให้เลือกเยอะมาก ทั้งของไทยและต่างประเทศ ลองเลือกเล่มที่อัปเดตและมีแบบฝึกหัดเยอะๆ
  • แอปพลิเคชัน/เว็บไซต์: หลายแอปมีแบบฝึกหัดและข้อสอบจำลองให้ทำฟรีหรือเสียเงิน
  • คอร์สเรียนออนไลน์/สถาบันสอนภาษา: ถ้าอยากได้ผู้ช่วยคอยแนะนำและชี้จุดที่ต้องพัฒนา
  • YouTube: มีช่องที่สอนเทคนิคและทำข้อสอบ TOEIC เยอะแยะเลยค่ะ

ช่องทางการสมัครสอบ:

  • ส่วนใหญ่ต้องสมัครผ่านศูนย์สอบ TOEIC โดยตรง ซึ่งในไทยก็คือศูนย์ฯ ที่กรุงเทพฯ และเชียงใหม่ สามารถโทรศัพท์ไปจองวันสอบ หรือบางทีอาจจะมีช่องทางออนไลน์ให้จองค่ะ ลองเช็คกับศูนย์สอบโดยตรงอีกทีนะคะ

9. บทสรุป: TOEIC 2020 เป็นยังไง? ควรสอบไหม?

สรุปแล้วข้อสอบ TOEIC ในปี 2020 ก็ยังคงเป็นรูปแบบ New TOEIC ที่ใช้มาตั้งแต่ปี 2016 ค่ะ ไม่ได้มีอะไรเปลี่ยนไปมากนัก

ถ้าถามว่า "ควรสอบไหม?" คำตอบคือ "ควร ถ้าคุณมีเป้าหมายที่ต้องใช้คะแนนนี้!" การเตรียมตัวที่ดีและมีวินัย จะช่วยให้คุณได้คะแนนตามเป้าหมายได้อย่างแน่นอน

อยากให้ทุกคนที่กำลังจะสอบ TOEIC ในปีไหนก็ตาม สู้ๆ นะคะ! เตรียมตัวให้พร้อม แล้วไปปล่อยของในห้องสอบให้เต็มที่! ใครมีประสบการณ์สอบ TOEIC ปี 2020 หรือปีก่อนหน้า มาแชร์กันได้เลยนะคะ!


วิดีโอที่เกี่ยวข้อง

บทความล่าสุดดูเพิ่มเติม

โอ้โห! วันนี้จะพาไปวาร์ปย้อนยุคกันที่ สวนคุณปู่ Life Museum แหม แค่ชื่อก็กินขาดแล้วป่ะ! หลายคนอาจจะเคยได้ยินชื่อนี้แว่วๆ โดยเฉพาะสายเที่ยว สายคาเฟ่ที่ชอบวิวปังๆ แต่สงสัยกันไหมว่าที่นี่มันมีอะไรดีนอกจากวิวสวยๆ? เป็นแค่ร้านอาหารธรรมดา หรือเป็
รีวิว สวนคุณปู่ สถานที่ท่องเที่ยว/ร้านอาหาร บรรยากาศย้อนยุค
โอ้โห! วันนี้จะมารีวิวซีรีส์ที่แค่ชื่อก็กินขาด แถมยังเป็นกระแสอยู่ช่วงหนึ่งในบ้านเราด้วยนะ กับเรื่อง "Clickbait" ที่เคลมว่าเป็นแนวสืบสวน หักมุม พลิกล็อก ชวนติดหนึบสุดๆ คำถามคาใจคือ...มันจริงเด๊ะ? แล้วมันจะทำให้เราอดหลับอดนอนดูยันเช้าเหมือนท
รีวิว Clickbait: ซีรีส์/ภาพยนตร์แนวสืบสวน หักมุม พลิกล็อก ชวนติดหนึบไหม?
หนีเมืองกรุงไปพักใจริมน้ำ! วันนี้เราจะพาไปส่อง "บ้านเรือ โฮมสเตย์: ที่พักบรรยากาศดีริมน้ำ สไตล์บ้านๆ [ใส่จังหวัด/ที่ตั้ง] น่าไปพักไหม?" ที่พักที่ได้ยินชื่อแล้วต่อมอยากพักผ่อนริมน้ำก็พุ่งกระฉูด! หลายคนอาจจะสงสัยว่า เอ๊ะ...พักบ้านเรือ มันจะโค
รีวิว บ้านเรือ โฮมสเตย์: ที่พักบรรยากาศดีริมน้ำ สไตล์บ้านๆ [ใส่จังหวัด/ที่ตั้ง] น่าไปพักไหม?

บทความที่แนะนำ