ยังน่าซื้อไหม? Samsung J7 Core ราคาปี 2568 พร้อมสเปกที่ควรรู้


สวัสดีจ้าทุกคนนน! วันนี้เราจะมาเม้าท์มอยเรื่องสมาร์ทโฟนในตำนานอีกหนึ่งรุ่นที่หลายคนยังคิดถึง นั่นก็คือ Samsung Galaxy J7 Core นั่นเอง! ใช่แล้ว ฟังไม่ผิดจ้า ปี 2568 แล้ว ยังมีคนถามถึงรุ่นนี้อยู่เลย! ถ้าใครกำลังลังเลว่าเจ้า J7 Core ตัวนี้ยังน่าสอยมาใช้เป็นเครื่องสำรอง หรือให้ลูกหลานใช้เรียนออนไลน์อยู่ไหม มาฟังทางนี้เลย เพราะเราจะมาแกะสเปก เจาะราคา (ตามสภาพกาลเวลา) ให้ฟังกันแบบเข้าใจง่ายๆ แถมด้วยทริคช้อปให้ได้ของดีราคาโดน จะเป็นยังไง ไปดูกันเลย!
1. เจ้า Samsung J7 Core นี่มันคือใคร มาจากไหน?
เอาล่ะ ขอเกริ่นก่อนว่าเจ้า Samsung Galaxy J7 Core เนี่ย เค้าจัดว่าเป็นหนึ่งในสมาชิกตระกูล Galaxy J Series อันโด่งดังในอดีตจากแบรนด์ยักษ์ใหญ่อย่าง Samsung ที่มาจากประเทศเกาหลีใต้ ซึ่งเป็นแบรนด์ที่คนไทยคุ้นเคยกันดีมากๆ เรียกว่าเดินไปไหนก็ต้องเจอคนใช้มือถือ Samsung อ่ะเนอะ เจ้า J7 Core เปิดตัวมาตั้งแต่ปี 2017 โน่นเลยนะ จัดว่าเป็นรุ่นน้องเล็กๆ ในตระกูล J7 แต่สเปกถือว่าครบเครื่องในยุคนั้นๆ เลยแหละ เค้าออกแบบมาสำหรับคนที่ต้องการสมาร์ทโฟนที่ใช้งานพื้นฐานได้ดี กล้องสวยพอประมาณ และที่สำคัญคือ ราคาไม่แรง เหมาะกับนักเรียน นักศึกษา หรือคนที่มีงบประมาณจำกัด หรืออยากได้เครื่องสำรองไว้ใช้งานนั่นเอง
ฟังก์ชันเด่นๆ ของเค้าคือหน้าจอแบบ Super AMOLED ขนาด 5.5 นิ้ว ที่ให้สีสันสดใสสวยงาม มีกล้องหลัง 13 ล้านพิกเซล กล้องหน้า 5 ล้านพิกเซล พร้อมแฟลช LED ทั้งหน้าและหลัง ถ่ายรูปในที่แสงน้อยได้ดีเลยในสมัยนั้น ที่สำคัญคือรองรับ 2 ซิม และเพิ่ม MicroSD Card ได้ด้วยนะ สมัยเปิดตัวใหม่ๆ นี่คือเป็นตัวเลือกที่น่าสนใจมากๆ เลยแหละ
2. ราคาปี 2568 ในตลาดไทยเป็นยังไงบ้าง?
มาถึงเรื่องราคาที่ทุกคนอยากรู้! ในปี 2568 นี้ Samsung Galaxy J7 Core ไม่ได้มีขายแบบมือหนึ่งตามร้านทั่วไปแล้วนะจ๊ะ เพราะเป็นรุ่นเก่ามากๆ แล้ว ตลาดหลักของเค้าตอนนี้คือ ตลาดมือสอง ล้วนๆ เลย! ราคาจะขึ้นอยู่กับสภาพเครื่อง อุปกรณ์ที่มาพร้อมกล่อง และแหล่งที่ซื้อด้วย
จากการสำรวจคร่าวๆ ในตลาดออนไลน์ยอดฮิตของไทยอย่าง Shopee และ Lazada ในช่วงเดือนกรกฎาคม 2568 เนี่ย ราคาของ Samsung J7 Core มือสอง อยู่ในช่วงประมาณ หลักร้อยปลายๆ ไปจนถึงสองพันกว่าบาท (฿) เลยนะ บางเครื่องสภาพดีๆ หน่อย มีกล่องมีอุปกรณ์ครบๆ ก็อาจจะราคาสูงขึ้นมาหน่อย แต่ส่วนใหญ่จะเจอราคาพันกว่าบาทต้นๆ หรือต่ำกว่าพันบาทถ้าสภาพมีตำหนิบ้าง ลองใช้คีย์เวิร์ดค้นหาว่า "Samsung J7 Core มือสอง" ดูนะ จะเจอเพียบเลย
ส่วนร้านค้าไอทีใหญ่ๆ อย่าง JIB, Banana IT, Power Buy เนี่ย เค้าจะเน้นขายมือถือรุ่นใหม่ๆ เป็นหลัก รุ่นเก๋าขนาดนี้คงไม่มีวางขายแล้วจ้า ต้องไปงมหาตามร้านมือสองเล็กๆ หรือตามแพลตฟอร์มออนไลน์นี่แหละง่ายสุด
3. เทียบราคากับคนอื่นแล้วเป็นไงบ้าง?
ถ้าให้เทียบราคา Samsung J7 Core มือสอง ในปี 2568 กับสมาร์ทโฟนรุ่นอื่นๆ ในตลาดปัจจุบัน ไม่ว่าจะเป็นรุ่นใหม่ๆ ระดับเริ่มต้น หรือแม้แต่มือถือแบรนด์จีนราคาประหยัดเนี่ย ต้องบอกว่า J7 Core ราคาถูกกว่ามากๆ เลยจ้า! รุ่นใหม่ๆ ที่สเปกพอๆ กัน (หรือดีกว่าเล็กน้อยตามยุคสมัย) ในตลาดมือหนึ่งตอนนี้ก็ยังต้องมีงบขั้นต่ำหลายพันบาทอยู่ดี
ดังนั้น ถ้ามองในแง่ของ "ราคา" อย่างเดียว J7 Core มือสองคือตัวเลือกที่ คุ้มค่าสุดๆ สำหรับคนที่ต้องการแค่สมาร์ทโฟนพื้นฐานมากๆ เน้นโทรเข้า-ออก เล่นโซเชียล ดู YouTube ได้นิดหน่อย ไม่ได้เน้นเล่นเกมหนักๆ หรือใช้แอปพลิเคชันซับซ้อน เค้าเกิดมาเพื่อเป็นเครื่องสำรอง หรือเป็นมือถือเครื่องแรกให้เด็กๆ ใช้ในงบที่สบายกระเป๋าจริงๆ จ้า
4. ซื้อแล้วจะได้อะไรมาบ้างนะ?
อันนี้สำคัญมากสำหรับสินค้ามือสอง! เวลาสอย Samsung J7 Core มือสอง มาเนี่ย สิ่งที่คาดว่าจะได้หลักๆ ก็คือ ตัวเครื่อง นั่นแหละจ้า อุปกรณ์อื่นๆ อาจจะได้ครบหรือไม่ครบก็ได้ แล้วแต่ผู้ขายเลยนะ สิ่งที่ต้องเช็คให้ดีมากๆ คือ:
- ตัวเครื่อง: สภาพเป็นยังไง มีรอยแตก รอยบุบมากน้อยแค่ไหน หน้าจอเป็นยังไง (บางเครื่องอาจจะเปลี่ยนจอมาแล้ว) ปุ่มกดต่างๆ ยังใช้งานได้ดีมั้ย
- แบตเตอรี่: แบตเตอรี่เสื่อมหรือยัง เก็บไฟได้นานแค่ไหน รุ่นเก่าขนาดนี้แบตอาจจะไม่อึดเหมือนเดิมแล้วนะ บางทีอาจจะต้องเตรียมงบเปลี่ยนแบตไว้ด้วย
- ที่ชาร์จ: บางเครื่องอาจจะมีที่ชาร์จของแท้มาให้ บางเครื่องอาจจะเป็นที่ชาร์จเทียบ หรืออาจจะไม่มีมาให้เลยก็มีนะ
- กล่อง/คู่มือ: ถ้าได้กล่องกับคู่มือมาด้วยถือว่าโชคดีมากๆ ส่วนใหญ่จะมาแต่ตัวเครื่องเปล่าๆ หรือมีแค่ที่ชาร์จกับกล่องเล็กๆ น้อยๆ
- หูฟัง: แทบจะไม่มีทางได้หูฟังของแท้มาด้วยแล้วจ้า
เรื่อง การรับประกัน เนี่ย ต้องบอกตามตรงว่า ไม่มีประกันศูนย์ แล้วแน่นอนจ้า ถ้าซื้อกับร้านค้าออนไลน์บางร้าน เค้าอาจจะมี ประกันร้าน ให้สั้นๆ เช่น 7 วัน หรือ 1 เดือน ก็ต้องสอบถามเงื่อนไขให้ละเอียดนะ ส่วนถ้าซื้อกับผู้ใช้โดยตรง ส่วนใหญ่จะไม่มีประกันอะไรเลย ต้องตรวจเช็คสภาพให้ดีก่อนจ่ายเงินนะจ๊ะ
ส่วนเรื่อง ค่าจัดส่ง ถ้าซื้อออนไลน์ส่วนใหญ่ก็จะมีค่าส่งนะจ๊ะ นอกจากร้านจะจัดโปรโมชั่นส่งฟรี หรือใช้โค้ดส่วนลดค่าส่งของแพลตฟอร์มนั้นๆ ก็ต้องลองดูเงื่อนไขดีๆ จ้า
5. มีช่วงไหนน่าสอยเป็นพิเศษมั้ย?
ถึงจะเป็นมือถือเก่า แต่ถ้าอยากได้ราคาดีๆ ช่วง โปรโมชั่นใหญ่ๆ นี่แหละคือโอกาสทองเลยจ้า! แม้ J7 Core จะเป็นมือสอง แต่ร้านค้าบนแพลตฟอร์มออนไลน์อย่าง Shopee และ Lazada มักจะมีโปรโมชั่นลดราคา หรือมีโค้ดส่วนลดพิเศษในช่วงเทศกาลสำคัญๆ ของไทย หรือช่วง Double Digit Sale ยอดฮิต เช่น สงกรานต์, ปีใหม่, 11.11, 12.12 ช่วงนี้แหละที่เราอาจจะเจอผู้ขายเอามือถือมือสองสภาพดีๆ มาลดราคา หรือมีโปรโมชั่นพิเศษให้ ก็ต้องหมั่นเข้าไปส่อง เข้าไปกดใส่ตะกร้าไว้ก่อนนะจ๊ะ
ส่วนร้านค้าทางการของ Samsung เองใน Lazada หรือ Shopee เนี่ย เค้าก็จะเน้นขายรุ่นใหม่ๆ อยู่แล้ว อาจจะไม่มีโปรโมชั่นสำหรับ J7 Core โดยตรง แต่บางทีอาจจะมีโปรโมชั่นสำหรับอุปกรณ์เสริมอื่นๆ ที่ใช้ร่วมกันได้บ้าง (อันนี้ต้องเช็คสเปกดีๆ นะว่าใช้ด้วยกันได้มั้ย) สรุปคือถ้าอยากได้ J7 Core มือสองราคาดีๆ ต้องเล็งช่วงโปรโมชั่นของแพลตฟอร์มออนไลน์นี่แหละเวิร์คสุดจ้า
6. คนไทยใช้แล้วเค้าว่ายังไงกันบ้างนะ?
จากที่ลองไปแอบส่องๆ ดูตามรีวิว หรือกระทู้เก่าๆ ใน Pantip เกี่ยวกับ Samsung J7 Core เนี่ย ส่วนใหญ่คนไทยที่เคยใช้ก็ให้ฟีดแบ็กไปในทางที่ดีนะ ในมุมของมือถือราคาระดับนี้ในยุคนั้นๆ จุดที่คนไทยมักจะพูดถึงและชอบก็คือ:
- หน้าจอสวย: หน้าจอ Super AMOLED ทำให้สีสันสดใส ดูหนัง ดูรูปได้เพลินตาดี
- กล้องใช้ได้: กล้องหลัง 13 ล้านพิกเซล ถ่ายรูปออกมาโอเคเลยสำหรับมือถือราคานี้ในยุคนั้น โดยเฉพาะในที่แสงเพียงพอ กล้องหน้าก็มีแฟลชด้วย เซลฟี่ได้อยู่
- ใช้งานพื้นฐานลื่นไหล: เล่นโซเชียล ดู YouTube หรือใช้งานแอปทั่วไปได้ ไม่มีปัญหาอะไร (ในยุคที่เค้ายังใหม่ๆ นะ ปี 2568 อาจจะต้องทำใจเรื่องความหน่วงบ้าง)
- แบตเตอรี่อึดพอตัว: แบต 3000 mAh ถือว่าใช้งานได้นานพอสมควรในยุคนั้น (แต่ถ้าเป็นเครื่องมือสอง แบตอาจจะเสื่อมไปตามสภาพนะจ๊ะ)
- ราคาคุ้มค่า (มือสอง): เมื่อเทียบกับราคาในตลาดมือสองตอนนี้ ถือว่าได้มือถือแบรนด์ดีๆ ในราคาที่เข้าถึงง่ายมากๆ
แต่ก็มีบางคนที่เจอปัญหาบ้างเหมือนกัน เช่น เครื่องชอบรีสตาร์ทเอง (เป็นบางเครื่องนะ) หรือหน่วยความจำเครื่องน้อยไปหน่อย (16GB) สรุปแล้วสำหรับคนไทยที่ใช้ J7 Core ในยุคที่เค้ายังใหม่ๆ ส่วนใหญ่จะพอใจกับ ความคุ้มค่า และ การใช้งานพื้นฐานที่ตอบโจทย์ จ้า
7. แล้วจะไปหาซื้อเจ้า J7 Core ได้ที่ไหนดีล่ะ?
อย่างที่บอกไปว่ารุ่นนี้ต้องพึ่งพาตลาดมือสองเป็นหลักนะจ๊ะ ช่องทางแนะนำในการไปตามล่าหา Samsung J7 Core ในปี 2568 ก็คือ:
- แพลตฟอร์มออนไลน์ยอดนิยม: Shopee และ Lazada คือแหล่งรวมใหญ่เลยจ้า มีผู้ขายทั้งร้านค้าและผู้ใช้ทั่วไปเอามาลงขายเพียบ ข้อดีคือมีตัวเลือกเยอะ ราคาหลากหลาย เปรียบเทียบง่าย มีระบบการชำระเงินที่ค่อนข้างปลอดภัย แต่ข้อเสียคือไม่เห็นของจริง ต้องอาศัยการดูรูป อ่านรายละเอียด และสอบถามผู้ขายให้เยอะๆ
- กลุ่มซื้อขายมือถือมือสองใน Facebook: เป็นอีกแหล่งที่น่าสนใจมากๆ มักจะเป็นผู้ใช้ด้วยกันเองเอามาปล่อยต่อ อาจจะได้ราคาดี แต่ก็ต้องเพิ่มความระมัดระวังในการซื้อขายมากๆ นัดเจอเพื่อดูของและจ่ายเงินจะปลอดภัยที่สุดจ้า
- ร้านรับซื้อมือถือมือสอง: ตามร้านตู้ หรือร้านรับซื้อมือถือมือสองตามห้าง หรือตลาดนัดบางแห่ง อาจจะพอมี J7 Core หลงเหลืออยู่บ้าง ข้อดีคือได้เห็นของจริง ลองจับ ลองเช็คสภาพก่อนตัดสินใจซื้อได้ แต่ราคาก็อาจจะสูงกว่าซื้อออนไลน์เล็กน้อย
ส่วนร้านค้าอย่างเป็นทางการของ Samsung หรือโอเปอเรเตอร์ต่างๆ คงไม่มีขายแล้วนะจ๊ะ ต้องพึ่งพาช่องทางมือสองเท่านั้น
8. สรุปแล้วยังน่าซื้อไหม? เหมาะกับใคร?
มาถึงโค้งสุดท้าย! ถามว่า Samsung Galaxy J7 Core ยังน่าซื้ออยู่ไหมในปี 2568? คำตอบคือ น่าซื้อ... ถ้าตรงกับความต้องการและงบประมาณของคุณมากๆ เลยจ้า!
เค้าเหมาะสุดๆ สำหรับคนที่:
- มีงบจำกัดมากๆ แค่หลักร้อยปลายๆ ถึงสองพันต้นๆ
- ต้องการแค่สมาร์ทโฟนพื้นฐาน ไว้โทรเข้า-ออก เล่น Line, Facebook, ดู YouTube ได้ (อาจจะมีหน่วงบ้างตามกาลเวลา)
- หาเครื่องสำรอง ไว้ใช้ยามฉุกเฉิน
- ซื้อมือถือเครื่องแรกให้เด็กๆ ไว้ใช้เรียนออนไลน์ หรือติดต่อสื่อสาร
- ไม่ติดเรื่องต้องใช้รุ่นใหม่ล่าสุด หรือฟังก์ชันหวือหวาอะไรมากมาย
ถ้าคุณอยู่ในกลุ่มนี้ Samsung J7 Core มือสอง ในราคาปี 2568 ถือว่า คุ้มค่ามากๆ เลยนะ ได้มือถือแบรนด์ Samsung หน้าจอสวย ใช้งานพื้นฐานได้ในราคาที่ถูกมากๆ
แต่ถ้าคุณคาดหวังความลื่นไหล เล่นเกมกราฟิกหนักๆ ถ่ายรูปสวยเป๊ะแบบมือถือรุ่นใหม่ๆ หรือต้องการอัปเดตซอฟต์แวร์ใหม่ๆ ตลอดเวลา J7 Core ก็อาจจะไม่ตอบโจทย์นะจ๊ะ ต้องลองพิจารณารุ่นที่ใหม่ขึ้นมาหน่อย แต่แน่นอนว่าราคาก็จะสูงขึ้นตามไปด้วย
สรุปแล้ว Samsung J7 Core ในปี 2568 เค้าคือ "ตำนานบทเก่า" ที่ยังใช้งานได้ดีในระดับหนึ่ง เหมาะกับคนที่ต้องการความคุ้มค่าสูงสุดในงบที่น้อยที่สุดนั่นเองจ้า! หวังว่าข้อมูลนี้จะเป็นประโยชน์ในการตัดสินใจนะทุกคนนน ขอให้ได้มือถือที่ถูกใจจ้า บ๊ายบาย!
วิดีโอที่เกี่ยวข้อง
แนะนำสำหรับคุณ
ซุ้มกาแฟสดมือสอง ราคาถูก พร้อมใช้ สภาพดี อัปเดตล่าสุดปี 2568
อัพเดท ราคา สุรา หงส์ทอง ขนาดต่างๆ 2025 ซื้อยกลังถูกกว่าไหม หาซื้อได้ที่ไหน?
ราคา Nissan Silvia S15 รถสปอร์ตในตำนาน หายากแค่ไหน?
ราคา Naphcon A ยาหยอดตา ลดอาการภูมิแพ้ ตาแดง คันตา
ราคา ลำโพง Creative T30 Wireless เสียงดี เชื่อมต่อไร้สาย
อัปเดต ราคาทองคำแท่ง วันนี้ ซื้อขายอย่างไร ให้ได้กำไร?