ราคา ทำสีรถยนต์ ทั้งคันและเฉพาะจุด อัปเดตปี 2568 ทำที่ไหนดี?

สวัสดีจ้าพ่อแม่พี่น้อง! วันนี้เราจะมาเม้าท์มอยเรื่องใกล้ตัวชาวรถยนต์อย่างเราๆ นั่นก็คือ "เรื่องสีๆ" ของรถนี่แหละ! ใครที่ขับรถมานาน สีเริ่มหมอง เริ่มซีด หรือไปโดนใครขีดข่วนมาเป็นของแถม แล้วกำลังคิดว่า "เอ๊ะ ปี 2568 แล้ว ราคาทำสีรถยนต์นี่มันจะพุ่งไปถึงไหนกันนะ? แล้วถ้าจะทำสีใหม่หมดทั้งคัน หรือแค่เก็บรอยเฉพาะจุด มันต่างกันเยอะไหม? แล้วที่สำคัญ ทำที่ไหนถึงจะคุ้มค่า ได้งานดี ไม่มีปวดหัว?" วันนี้เรามีข้อมูลมาไขข้อข้องใจให้แบบหมดเปลือก! เตรียมตัวให้พร้อม แล้วไปดูกันเลย!

1. ทำสีรถยนต์คืออะไร ทำไมต้องทำ?

เอาล่ะ มาเริ่มที่คำถามเบสิกกันก่อน ทำสีรถยนต์ นี่มันคืออะไร? พูดง่ายๆ มันก็คือการชุบชีวิตใหม่ให้รถคันเก่งของเรานั่นแหละจ้า! จากเดิมที่สีอาจจะซีดจางตามกาลเวลา (แดดเมืองไทยมันแรงเนอะ!) หรือมีรอยขีดข่วนเล็กๆ น้อยๆ ไปจนถึงรอยบุบ รอยเฉี่ยวชนที่ทำให้สีถลอกปอกเปิก การทำสีรถยนต์ก็คือการซ่อมแซมส่วนที่สึกหรอของสี แล้วพ่นสีใหม่เข้าไปเพื่อให้รถกลับมาดูสวยงามเหมือนเดิม หรือจะเปลี่ยนสีไปเลยก็ได้นะ!

แล้วทำไมต้องทำล่ะ? นอกจากเรื่องความสวยงามแล้ว การทำสีรถยังช่วย ปกป้องตัวถังรถ จากสนิมและการผุกร่อนด้วยนะ ถือเป็นการยืดอายุการใช้งานของรถไปในตัวด้วย

2. ราคาทำสีรถยนต์ปี 2568 อยู่ที่เท่าไหร่?

มาถึงเรื่องที่หลายคนอยากรู้ที่สุด! ราคาทำสีรถยนต์ในปี 2568 เนี่ย มันไม่ได้มีราคาเดียวเป๊ะๆ นะจ๊ะ เพราะมันขึ้นอยู่กับหลายปัจจัยมากๆ เลย เช่น:

• ทำสีทั้งคัน หรือเฉพาะจุด: แน่นอนว่าทำทั้งคันราคาสูงกว่าทำเฉพาะจุดอยู่แล้ว
• ขนาดของรถ: รถเล็กอย่างอีโคคาร์ ราคาก็จะถูกกว่ารถใหญ่แบบ SUV หรือรถกระบะ เพราะพื้นที่ทำสีน้อยกว่า
• ประเภทของสี: สีธรรมดาก็ราคาเบาๆ หน่อย แต่ถ้าเป็นสีพิเศษอย่างสีมุก สีเมทัลลิก หรือสีด้าน ราคาก็จะสูงขึ้นตามความยากของขั้นตอนและคุณภาพของสี
• คุณภาพของอู่หรือศูนย์บริการ: ทำที่ศูนย์บริการของแบรนด์รถยนต์ (ศูนย์) ราคาก็จะสูงกว่าอู่นอกทั่วไป แต่ก็มักจะได้มาตรฐานและคุณภาพที่ดีกว่า หรืออู่นอกที่มีชื่อเสียง ใช้สีเกรดดีๆ ราคาก็จะสูงกว่าอู่ทั่วไปที่เน้นราคาถูก

จากข้อมูลอัปเดตล่าสุดปี 2568 ราคาคร่าวๆ จะประมาณนี้จ้า:

• ทำสีทั้งคัน:
  • รถยนต์ขนาดเล็ก: ประมาณ 20,000 - 40,000 บาท หรืออาจจะถึง 15,000 - 30,000 บาทสำหรับเก๋งเล็ก
  • รถยนต์ขนาดกลาง: ประมาณ 30,000 - 50,000 บาท หรือ 20,000 - 35,000 บาทสำหรับเก๋งกลาง
  • รถยนต์ขนาดใหญ่/SUV/กระบะ: ประมาณ 40,000 - 70,000 บาท หรือ 25,000 - 50,000 บาทสำหรับกระบะ/SUV
  • ถ้าเลือกสีพิเศษหรือทำที่อู่พรีเมียม ราคาทั้งคันอาจพุ่งไปถึง 80,000 - 120,000 บาท หรือสูงกว่านั้นอีกนะ!
• ทำสีเฉพาะจุด:
  • กันชนหน้า/หลัง: ประมาณ 2,000 - 5,000 บาท หรือ 1,500 - 8,000 บาท ขึ้นอยู่กับขนาดและความยาก
  • ฝากระโปรงหน้า/หลัง: ประมาณ 3,000 - 7,000 บาท หรือ 2,900 - 4,500 บาท
  • ประตูบานละ: ประมาณ 2,500 - 6,000 บาท หรือ 2,500 - 4,500 บาท
  • รอยขีดข่วนเล็กๆ เฉพาะจุด: เริ่มต้น 1,500 - 3,000 บาท ต่อจุด

อันนี้เป็นแค่ราคาประมาณการณ์นะจ๊ะ! ต้องลองเข้าไปสอบถามประเมินราคาที่อู่หรือศูนย์ที่เราสนใจอีกที เพราะสภาพรถแต่ละคันไม่เหมือนกันเลย ถ้ามีรอยบุบ สนิม หรือต้องเคาะ ต้องปะก่อน ราคาค่าทำสีก็จะเพิ่มขึ้นไปอีก

3. แล้วเทียบกับแบบอื่นล่ะ ราคาโอเคมั้ย?

ถ้าถามว่าราคานี้โอเคไหม ก็ต้องบอกว่า ขึ้นอยู่กับความคาดหวังและงบประมาณของเรา เลยจ้า! ถ้าเทียบกับการปล่อยให้รถสีซีดๆ มีรอยขีดข่วนเต็มไปหมด การลงทุนทำสีใหม่ก็ทำให้รถดูดีขึ้น มีมูลค่ามากขึ้นนะ

ถ้าเทียบกับการทำสีเกรดธรรมดากับเกรดพรีเมียม ราคาก็ต่างกันพอสมควรเลย สีเกรดดีๆ แน่นอนว่าแพงกว่า แต่ก็แลกมากับความทนทาน เงางาม ไม่ซีดจางง่าย ส่วนการทำสีเฉพาะจุดก็เป็นทางเลือกที่ดีถ้าไม่ได้มีปัญหาสีทั่วทั้งคัน ช่วยประหยัดงบได้เยอะ แต่ต้องระวังเรื่องสีที่ทำใหม่กับสีเดิมมันจะเข้ากันได้เนียนแค่ไหนด้วยนะ

4. ทำสีแล้วได้อะไรมาบ้าง?

เวลาเอารถเข้าอู่ทำสี เราไม่ได้จ่ายแค่ค่าสีอย่างเดียวนะจ๊ะ ในราคานั้นมักจะรวมบริการอื่นๆ ด้วย เช่น:

• ค่าแรงช่าง: อันนี้แน่นอนอยู่แล้ว!
• ค่าเตรียมพื้นผิว: เช่น การขัดสีเก่า, โป๊วสี, ขัดรอยบุบ/รอยขีดข่วน, กำจัดสนิม ถ้ามี
• ค่าวัสดุสีและแลคเกอร์: คุณภาพของสีและยี่ห้อก็มีผลต่อราคานะ
• ค่าอบสี: เพื่อให้สีแห้งสนิทและทนทาน
• การรับประกันงานสี: อันนี้สำคัญมากๆๆๆๆๆๆ สำหรับคนไทยอย่างเรา! ส่วนใหญ่แล้วอู่หรือศูนย์บริการที่ดีจะมีการรับประกันงานสีให้ด้วยนะจ๊ะ ลองสอบถามดูว่ารับประกันกี่เดือน กี่ปี ถ้าสีลอก สีซีดจาง หรือมีปัญหา สามารถเอากลับมาแก้ไขได้ฟรีภายใต้เงื่อนไขการรับประกันหรือเปล่า บางที่อาจจะรับประกัน 6 เดือนถึง 1 ปี ก็มีนะ
• บริการเสริมอื่นๆ: บางที่อาจจะมีบริการขัดเงา เคลือบสี หรือล้างรถให้หลังจากทำสีเสร็จด้วยนะ

ส่วนเรื่อง ค่าขนส่ง อันนี้ไม่ใช่สินค้าออนไลน์นะจ๊ะ! เราต้องขับรถไปเอง หรือถ้าเคลมประกัน ส่วนใหญ่บริษัทประกันก็จะจัดการเรื่องค่าลากรถไปอู่ในเครือให้จ้า

5. โปรโมชั่นเด็ด ช่วงไหนน่าทำ?

ถามว่ามีโปรโมชั่นทำสีรถยนต์ไหม? มีจ้า! ถึงแม้จะไม่ได้จัดหนักจัดเต็มเหมือนพวกสินค้าออนไลน์ช่วง 11.11 หรือ 12.12 แต่ก็มีให้เห็นอยู่เรื่อยๆ นะ

ช่วงปลายปี หรือ ก่อนเทศกาลใหญ่ๆ อย่างสงกรานต์ หรือปีใหม่ไทย เนี่ย เป็นช่วงที่หลายคนอยากให้รถดูใหม่ ดูหล่อ ดูสวย เพื่อขับไปเที่ยว หรือขับกลับบ้าน บางอู่หรือศูนย์บริการก็อาจจะมีโปรโมชั่นทำสีลดราคา หรือแถมบริการพิเศษในช่วงนี้ก็ได้ ลองเช็คกับศูนย์บริการหรืออู่ประจำของเราดูนะ

บางศูนย์บริการอาจจะมีโปรแกรม ซ่อมสีด่วนเฉพาะจุด ที่เสร็จเร็ว ราคาไม่แพงด้วยนะ อันนี้เหมาะมากสำหรับรอยเล็กๆ ที่ไม่ใหญ่มาก

6. คนไทยทำสีรถแล้วเป็นไงบ้าง?

จากประสบการณ์ของคนไทยที่เคยทำสีรถยนต์เนี่ย ส่วนใหญ่ก็ แฮปปี้ที่รถกลับมาดูใหม่ ดูหล่อ ดูสวย อีกครั้งนะ เหมือนได้รถใหม่ป้ายแดงเลยทีเดียว

แต่สิ่งที่คนไทยให้ความสำคัญมากๆ เลยก็คือ คุณภาพของงานและบริการหลังการขาย (การรับประกัน) ถ้าเจออู่ที่ดี ช่างฝีมือดี ใช้สีมีคุณภาพ งานก็จะออกมาเนียน สวย ทนทาน ไม่มีปัญหาจุกจิกตามมา แต่ถ้าเจออู่ที่ทำไม่ดี ใช้สีไม่ได้มาตรฐาน หรือช่างไม่ชำนาญ อาจจะมีปัญหาตามมาได้ เช่น สีเพี้ยน สีไม่สม่ำเสมอ สีหลุดร่อน หรือเป็นคราบ

ดังนั้น การเลือกอู่ที่ดี มีชื่อเสียง และมีการรับประกันงานสีที่ชัดเจน ถือเป็นเรื่องสำคัญมากๆ จ้า!

7. ทำสีรถที่ไหนดี?

คำถามยอดฮิต! ทำสีรถที่ไหนดีล่ะ? มีหลายตัวเลือกเลยนะจ๊ะ:

• ศูนย์บริการของแบรนด์รถยนต์: อันนี้มั่นใจได้เรื่องมาตรฐานและคุณภาพของสี เพราะเค้าจะใช้สีและขั้นตอนที่ตรงกับสเปกรถของเรา ช่างก็มักจะมีความเชี่ยวชาญเฉพาะทาง แต่ราคาก็จะสูงกว่าอู่นอกนะ เหมาะสำหรับคนที่เน้นคุณภาพและไม่ติดเรื่องงบประมาณ
• อู่นอกมาตรฐาน หรืออู่ในเครือประกัน: อู่เหล่านี้มักจะมีมาตรฐานที่ดี มีเครื่องมือที่ทันสมัย และช่างที่มีประสบการณ์ ราคาก็จะย่อมเยากว่าศูนย์บริการหน่อย และส่วนใหญ่มักจะรับงานซ่อมสีจากบริษัทประกันด้วย
• อู่ซ่อมสีโดยเฉพาะ: บางอู่จะเน้นงานซ่อมสี พ่นสีโดยเฉพาะ มักจะมีอุปกรณ์และเทคนิคที่หลากหลาย อาจจะเหมาะกับงานซ่อมสีที่ซับซ้อน หรือต้องการสีพิเศษ

คำแนะนำ: ก่อนตัดสินใจทำที่ไหน ควร หาข้อมูล อ่านรีวิว จากลูกค้าคนอื่นๆ ที่เคยใช้บริการมาก่อน หรือ สอบถามจากเพื่อนๆ ที่เคยมีประสบการณ์ และที่สำคัญ เข้าไปประเมินราคาและสอบถามรายละเอียดการรับประกัน ด้วยตัวเองหลายๆ ที่ เพื่อเปรียบเทียบก่อนตัดสินใจนะจ๊ะ

8. สรุปแล้ว ทำสีรถ คุ้มไหม? ใครควรทำ?

สรุปแล้ว การทำสีรถยนต์ คุ้มค่าแน่นอน ถ้าสีรถของเราเริ่มมีปัญหาจนส่งผลต่อความสวยงามและอาจลุกลามไปถึงตัวถังได้ มันคือการลงทุนเพื่อให้รถคันเก่งของเราดูดีและมีอายุการใช้งานยาวนานขึ้นนั่นเอง

ใครควรทำสีทั้งคัน? ถ้าสีรถซีดจางทั้งคัน มีรอยขีดข่วนรอบคันเยอะมาก หรืออยากเปลี่ยนสีรถใหม่ให้ดูแตกต่างไปเลย การทำสีทั้งคันก็เป็นทางเลือกที่คุ้มค่ากว่าการเก็บสีทีละจุด

ใครควรทำสีเฉพาะจุด? ถ้ามีแค่รอยเล็กๆ น้อยๆ บริเวณใดบริเวณหนึ่ง ไม่ได้ลุกลามไปทั่วทั้งคัน การทำสีเฉพาะจุดก็ช่วยประหยัดงบได้เยอะมากๆ เลย

ไม่ว่าจะเลือกทำแบบไหน สิ่งสำคัญที่สุดคือ การเลือกอู่หรือศูนย์บริการที่ได้มาตรฐาน เชื่อถือได้ และมีการรับประกันงานสีที่ชัดเจนนะจ๊ะ! เพื่อให้เราสบายใจ ได้งานสีที่สวยงาม ทนทาน และคุ้มค่ากับเงินที่เสียไปจ้า!

หวังว่าข้อมูลนี้จะเป็นประโยชน์กับทุกคนที่กำลังวางแผนทำสีรถยนต์ในปี 2568 นี้นะจ๊ะ ขอให้รถคันเก่งของทุกคนกลับมาหล่อสวยเหมือนเดิมจ้า! บ๊ายบายยย!

วิดีโอที่เกี่ยวข้อง

• รีวิวอู่ซ่อมสีรถยนต์สุดเจ๋งจริงเก็บสีอีโก้คาร์ รอบคัน7000บาท งานดี ...
• ซ่อมสีรถไม่ต้องรอนานอีกต่อไป!! Quick Repair ซ่อมสีด่วนเฉพาะจุด ...
• ทำสีรถยนต์ ต้องเจอปัญหาอะไรบ้าง
• อู่ทำสีรถยนต์ อู่ศรีเจริญ รับทำสีรถยนต์ 🚗 เก๋งเล็กแจ๊ส 15,000 🛻 กระบะ ...
• Visits : ศูนย์บริการทำสีรถยนต์ ที่ได้มาตรฐาน Live a car service ...