วิธีเช็คราคา Isuzu D-Max มือสอง ปีล่าสุด ซื้อขายได้ราคาดี? (ปี ๒๕๖๘)


สวัสดีจ้าทุกคนนน! วันนี้เราจะมาเม้าท์มอยเรื่องรถกระบะขวัญใจมหาชนอย่าง Isuzu D-Max มือสอง ปีล่าสุด (ปี ๒๕๖๘) กัน ใครที่กำลังมองหารถคู่ใจเอาไว้ลุยงาน บรรทุกของ หรือเป็นรถครอบครัวที่ทนถึก ประหยัดน้ำมัน แถมราคาดี มามุงทางนี้เลยจ้า เพราะเราจะมาเจาะลึก ตีแผ่ทุกเรื่องที่ควรรู้ก่อนตัดสินใจซื้อ รับรองว่าได้ข้อมูลไปแบบจัดเต็ม ช้อปได้รถถูกใจในราคาที่ใช่แน่นอน! เตรียมตัวให้พร้อม แล้วไปลุยกันเลย!
1. Isuzu D-Max มือสอง มันคือรถอะไร เหมาะกับใคร?
พูดถึง Isuzu D-Max เนี่ย คนไทยเราคุ้นเคยกันดีอยู่แล้วใช่ไหมล่ะ? มันคือรถกระบะตัวท็อปในใจใครหลายๆ คน เพราะขึ้นชื่อเรื่องความทนทาน ใช้แล้วใช้อีกก็ไม่พังง่ายๆ เหมือนเป็นยอดมนุษย์แห่งวงการปิกอัพเลยก็ว่าได้! เจ้า D-Max เนี่ยมีหลายรุ่นหลายแบบมากๆ ทั้งตัวเตี้ย ตัวสูง แค็บเปิดได้ 2 ประตู 4 ประตู หรือแม้แต่ตัวลุยๆ อย่าง V-Cross เหมาะกับสารพัดประโยชน์จริงๆ
แล้วใครล่ะที่เหมาะกับเจ้า D-Max มือสอง? บอกเลยว่าเกือบทุกคน! ตั้งแต่พ่อค้าแม่ขายที่ต้องใช้ขนของหนักๆ เกษตรกรที่ต้องการรถลุยๆ เข้าไร่เข้าสวน คนทำงานออฟฟิศที่อยากได้รถไว้เดินทางไปทำงานในเมือง หรือขับออกต่างจังหวัดช่วงวันหยุด ไปจนถึงครอบครัวที่มองหารถคันเดียวจบ ครบทุกความต้องการ ทั้งรับส่งลูกไปโรงเรียน ไปเที่ยว หรือขนของกลับบ้านช่วงเทศกาล เพราะ Isuzu เค้าออกแบบมาให้ตอบโจทย์การใช้งานที่หลากหลาย แถมชื่อเสียงเรื่องความทนทานก็เป็นที่เลื่องลือ ทำให้ซื้อมือสองก็ยังมั่นใจได้ในระดับนึงเลยล่ะ
2. ราคา Isuzu D-Max มือสอง ปีล่าสุด (๒๕๖๘) ในตลาดไทยเป็นยังไงบ้าง?
มาถึงเรื่องที่ทุกคนอยากรู้ที่สุด นั่นก็คือ "ราคา" ของ D-Max มือสอง ในปี ๒๕๖๘ นี้นี่แหละ! ต้องบอกเลยว่าราคาเนี่ยมันแล้วแต่ปี รุ่นย่อย สภาพรถ และเลขไมล์จริงๆ เหมือนซื้อหวย แต่เป็นการซื้อหวยที่มีตัวเลขให้เห็นคร่าวๆ หน่อย ฮ่าๆ
สำหรับ D-Max มือสอง ปีใหม่ๆ หน่อย เช่น ปี 2020-2023 (ซึ่งก็คือปีที่ยังไม่เก่ามากในตลาดมือสองปี ๒๕๖๘) ราคาจะมีความหลากหลายมากๆ เลยนะ จากที่ไปส่องๆ มาเนี่ย เจอตั้งแต่ราคาประมาณ 3 แสนกว่าบาท ไปจนถึง 8 แสนกว่าบาทเลยทีเดียว
- ถ้ารุ่นเก่าหน่อย ปีลึกๆ หรือเป็นตัวเตี้ย แค็บตอนเดียว ราคาเริ่มต้นอาจจะอยู่ที่ 1 แสนปลายๆ ไปจนถึง 3 แสนกว่าบาท
- แต่ถ้าเป็นรุ่นปีใหม่ขึ้นมาหน่อย อย่างปี 2020 ขึ้นไป หรือเป็นรุ่นยกสูง Hi-Lander หรือ 4 ประตู ราคาก็จะขยับสูงขึ้นไปอีก บางคันสภาพดีมากๆ เลขไมล์น้อยๆ อาจจะเจอราคา 5 แสน ไปจนถึง 8 แสนกว่าบาทก็ได้
แหล่งที่เราจะเจอรถเยอะๆ ก็มีหลายที่เลยนะ ทั้งเต็นท์รถมือสองทั่วประเทศ ที่มักจะมีรถให้เลือกเยอะและมีบริการครบวงจร หรือจะเป็นแพลตฟอร์มออนไลน์สำหรับรถมือสองโดยเฉพาะ อย่าง One2car หรือ Chobrod ที่เราสามารถเข้าไปค้นหา เปรียบเทียบราคา และติดต่อผู้ขายได้โดยตรง นอกจากนี้ การซื้อจากเจ้าของรถโดยตรงในกลุ่มเฟซบุ๊กต่างๆ ก็เป็นอีกช่องทางที่น่าสนใจนะ แต่อาจจะต้องดูสภาพรถให้ดีๆ หน่อย
3. เทียบกับคู่แข่งในตลาดล่ะ ราคาเป็นไง?
ในตลาดรถกระบะมือสองของไทย คู่แข่งตัวฉกาจของ D-Max ก็หนีไม่พ้น Toyota Hilux Revo ใช่ไหมล่ะ ถ้าให้เทียบราคากันเนี่ย โดยรวมแล้ว D-Max มือสองมักจะมีราคาที่ค่อนข้างแข็งและราคาตกน้อยกว่า Revo เล็กน้อย อันนี้เค้าว่ากันว่าเป็นเพราะชื่อเสียงเรื่องความทนทาน การดูแลรักษาง่าย และความประหยัดน้ำมันที่ถูกใจคนไทยมากๆ
ลองดูราคาคร่าวๆ ของ Revo มือสองปีใกล้เคียงกันในตลาดนะ ก็จะอยู่ในช่วงใกล้เคียงกับ D-Max เลย บางรุ่นบางปีอาจจะถูกกว่านิดหน่อย แต่ D-Max มักจะถูกมองว่า "คุ้มค่า" ในระยะยาวมากกว่า เพราะเรื่องค่าบำรุงรักษาและราคาขายต่อที่ดี แต่ Revo ก็มีจุดเด่นเรื่องช่วงล่างที่หลายคนว่านุ่มนวลกว่าในการขับขี่ในเมือง ก็ต้องลองพิจารณาดูว่าเราเน้นเรื่องไหนมากกว่ากันจ้า
4. ซื้อ Isuzu D-Max มือสอง จะได้อะไรติดไม้ติดมือมาบ้างนะ?
อันนี้เป็นสิ่งที่ต้อง "เช็คให้ดีโคตรๆ" เวลาซื้อมือสองนะจ๊ะ เพราะแต่ละคันได้มาไม่เหมือนกันเลย! สิ่งที่เราควรจะได้ หรือควรสอบถามผู้ขายว่ามีให้ไหม ก็ประมาณนี้:
- ตัวรถ: อันนี้แน่นอนว่าต้องได้อยู่แล้ว แต่ต้องดูสภาพภายนอก ภายใน เครื่องยนต์ ช่วงล่างให้ดีมากๆ (ถ้าดูไม่เป็น พาผู้รู้ไปช่วยดูจะดีที่สุด!)
- เอกสารรถ: เล่มทะเบียนรถ ชุดโอน ต้องครบถ้วนถูกต้อง ไม่มีปัญหาอะไร
- ประวัติการเข้าศูนย์/ซ่อมบำรุง: ถ้ามีประวัติครบๆ จะดีมากๆ ช่วยให้เราเช็คได้ว่ารถได้รับการดูแลมายังไง เลขไมล์แท้ไหม
- กุญแจ: ได้กี่ดอก? มีกุญแจสำรองไหม?
- ยางอะไหล่ แม่แรง เครื่องมือประจำรถ: เช็คดูว่ามีครบหรือเปล่า สภาพเป็นยังไง
- อุปกรณ์เสริมที่ติดมากับรถ: เช่น กันชน แร็คหลังคา ไลเนอร์กระบะ ถ้ามีติดมาด้วยก็จะช่วยประหยัดเงินไปได้เยอะเลย
ส่วนเรื่อง "การรับประกัน" เนี่ย รถมือสองส่วนใหญ่ ไม่มีประกันศูนย์ฯ แล้วนะ แต่อาจจะมีประกันจากเต็นท์รถให้บ้าง เช่น รับประกันเครื่องยนต์ เกียร์ 3 เดือน 6 เดือน หรือ 1 ปี ก็ต้องสอบถามเงื่อนไขให้ชัดเจน ถ้าซื้อจากเจ้าของโดยตรงมักจะไม่มีประกันเลยนะ ต้องทำใจจ้า!
เรื่อง "ของแถม" หรือ "โปรโมชั่น" อันนี้แล้วแต่ที่เลยจ้า เต็นท์รถบางที่อาจจะมีโปรโมชั่นพิเศษ เช่น ฟรีค่าจัดไฟแนนซ์ ฟรีค่าโอน ฟรีเปลี่ยนถ่ายน้ำมันเครื่อง หรือบางทีมีแถมประกันภัยชั้น 2+ หรือ 3+ ให้ด้วย ก็ลองต่อรองหรือสอบถามดูนะ ส่วนถ้าซื้อจากเจ้าของโดยตรง ส่วนใหญ่มักจะเป็นราคาซื้อขายตัวรถเพียวๆ ของแถมอาจจะต้องลุ้นเอา ฮ่าๆ
สำหรับ "ค่าจัดส่ง" ถ้าซื้อไกลๆ อาจจะต้องมีค่าใช้จ่ายในการขนส่งนะ อันนี้ก็ต้องคุยกับผู้ขายให้เรียบร้อยจ้า
5. ช่วงไหนน่าซื้อ Isuzu D-Max มือสอง ที่สุด?
ถ้าอยากได้ราคาดีๆ สำหรับ D-Max มือสองเนี่ย มันไม่ได้มีโปรโมชั่นแบบ 11.11 หรือ 12.12 เหมือนสินค้าออนไลน์เป๊ะๆ หรอกนะ ฮ่าๆ แต่ก็มีช่วงที่น่าจับตามองอยู่เหมือนกัน:
- ช่วงที่ All-New Model ออกมา: เวลา Isuzu เปิดตัว D-Max รุ่นใหม่ล่าสุด รุ่นเก่ากว่าก็จะราคาตกลงมาหน่อย เป็นโอกาสที่ดีในการมองหารุ่นปีที่ตกรุ่นไปแล้วแต่สภาพยังดี
- ช่วงปลายปี: เต็นท์รถบางทีต้องการปิดยอดขาย อาจจะมีโปรโมชั่นลดราคาหรือของแถมพิเศษออกมาในช่วงปลายปี หรือช่วงเทศกาลต่างๆ อย่างปีใหม่
- ช่วงที่ตลาดรถมือสองไม่คึกคักมาก: บางช่วงที่คนซื้อน้อย การแข่งขันสูง ผู้ขายอาจจะยอมลดราคาให้ได้ง่ายขึ้น
แต่ที่สำคัญที่สุดคือ "ความอดทนและหมั่นหาข้อมูล" เข้าไปเช็คราคาตามเว็บ ตลาดรถต่างๆ บ่อยๆ ติดตามเพจเต็นท์รถที่สนใจ บางทีเค้ามีไลฟ์สดขายรถพร้อมโปรโมชั่นเด็ดๆ ก็มีนะจ๊ะ และอย่าลืม "ต่อรองราคา"! การซื้อรถมือสองเนี่ย การต่อรองเป็นเรื่องปกติและเป็นศิลปะอย่างหนึ่งเลยล่ะ ฮ่าๆ
6. คนไทยที่ใช้ Isuzu D-Max มือสอง เค้าว่ากันว่ายังไงนะ?
จากที่ไปอ่านรีวิว ไปฟังคนใช้จริงมาเนี่ย ส่วนใหญ่เค้าจะพูดถึง D-Max มือสองในแง่ดีๆ เยอะเลยนะ โดยเฉพาะเรื่องที่คนไทยเราให้ความสำคัญมากๆ:
- ความทนทาน ถึก อึด!: อันนี้คือยืนหนึ่งเลย หลายคนใช้มานานเป็นแสนๆ กิโลเมตร ยังวิ่งได้ดีไม่มีปัญหาจุกจิก เหมาะกับสภาพถนนและการใช้งานในไทยสุดๆ
- ประหยัดน้ำมัน: โดยเฉพาะเครื่อง 1.9 Ddi Blue Power ขึ้นชื่อเรื่องความประหยัด ทำให้ค่าใช้จ่ายในการเดินทางไม่สูงมาก
- ดูแลรักษาง่าย อะไหล่หาง่าย ราคาไม่แพง: อันนี้สำคัญมาก! เข้าอู่ไหนก็ซ่อมได้ อะไหล่มีเพียบ เบิกศูนย์ก็ง่าย หรือหาตามร้านอะไหล่ทั่วไปก็มีเยอะ ทำให้ค่าใช้จ่ายในการซ่อมบำรุงไม่บานปลาย
- ราคาขายต่อดี: อันนี้เป็นอีกจุดเด่นที่ทำให้ D-Max เป็นที่นิยมในตลาดมือสอง คือราคาไม่ค่อยตกมาก ซื้อมาใช้แล้วขายต่อก็ยังได้ราคาดีอยู่
- ช่วงล่างแน่น บรรทุกของได้ดี: เหมาะกับการใช้งานเชิงพาณิชย์ หรือคนที่ต้องบรรทุกของเยอะๆ
แต่ก็มีข้อสังเกตเล็กๆ น้อยๆ เหมือนกันนะ เช่น บางรุ่นอาจจะเก็บเสียงภายนอกได้ไม่ดีเท่าไหร่ หรือถ้าเป็นเครื่อง 1.9 แล้วบรรทุกหนักมากๆ หรือขึ้นทางชันมากๆ อาจจะรู้สึกว่ากำลังแผ่วลงไปบ้าง ซึ่งอันนี้ก็ขึ้นอยู่กับลักษณะการใช้งานของแต่ละคนเนอะ
7. แล้วจะไปหาซื้อ Isuzu D-Max มือสอง ได้ที่ไหนชัวร์ๆ บ้าง?
สำหรับแหล่งซื้อ D-Max มือสอง ที่น่าเชื่อถือและมีตัวเลือกเยอะๆ ก็มีหลายช่องทางเลยจ้า:
- เต็นท์รถมือสอง: อันนี้เป็นช่องทางหลักเลย มีให้เลือกเยอะมากๆ ทั้งเต็นท์ใหญ่ เต็นท์เล็ก ข้อดีคือเราสามารถไปดูรถตัวจริง ลองขับได้ มีผู้เชี่ยวชาญให้คำแนะนำ และส่วนใหญ่มักจะมีบริการครบวงจร เช่น จัดไฟแนนซ์ ทำประกัน หรือมีรับประกันหลังการขายให้ด้วย แต่ราคาก็อาจจะสูงกว่าซื้อจากเจ้าของโดยตรงเล็กน้อย
- แพลตฟอร์มออนไลน์สำหรับรถมือสอง: เช่น One2car และ Chobrod เป็นแหล่งรวมรถมือสองจากทั้งเต็นท์รถและเจ้าของโดยตรง มีรถให้เลือกเยอะมากๆ สามารถเปรียบเทียบราคา รุ่น ปี ได้ง่าย สะดวกสบาย ค้นหาจากที่บ้านได้เลย แต่ก็ต้องดูรายละเอียดและรูปภาพให้ละเอียด และถ้าเป็นไปได้ควรนัดดูรถตัวจริงก่อนตัดสินใจ
- กลุ่มซื้อขายรถกระบะมือสองใน Facebook: เป็นอีกแหล่งที่น่าสนใจ เพราะมักจะเป็นผู้ใช้ด้วยกันเองที่นำรถมาลงขาย อาจจะได้ราคาดี แต่ก็ต้องเพิ่มความระมัดระวังในการซื้อขาย ตรวจสอบผู้ขายและตัวรถให้ดีมากๆ
- เว็บไซต์ของดีลเลอร์รถยนต์: บางทีดีลเลอร์รถยนต์ใหม่ก็มีแผนกรถมือสอง หรือมีพันธมิตรที่เป็นเต็นท์รถมือสอง ก็สามารถเข้าไปดูในเว็บไซต์ได้เหมือนกัน
ช่องทางทางการจาก Isuzu โดยตรงส่วนใหญ่จะเน้นขายรถใหม่นะจ๊ะ สำหรับมือสองต้องพึ่งพาตลาดเหล่านี้เป็นหลัก
8. สรุปแล้ว Isuzu D-Max มือสอง น่าซื้อไหม? เหมาะกับใครรุ่นไหนดี?
มาถึงบทสรุปแล้ว! ถามว่า Isuzu D-Max มือสอง ปี ๒๕๖๘ ยังน่าซื้ออยู่ไหม? ตอบเลยว่า น่าซื้อมากๆ แถมยังคุ้มค่าสุดๆ ถ้าคุณกำลังมองหารถกระบะที่ทนทาน ใช้งานหนักได้ ประหยัดน้ำมัน ดูแลรักษาง่าย และราคาขายต่อดี
เหมาะกับใครบ้าง? เหมาะกับคนที่ต้องการรถที่ไว้ใจได้ ใช้ลุยงานก็ได้ ใช้ในชีวิตประจำวันก็ดี ไม่ต้องกังวลเรื่องซ่อมจุกจิก หรือคนที่มองหารถกระบะคันแรกในงบประมาณที่จับต้องได้
แล้วจะเลือกรุ่นไหนดีล่ะ? อันนี้ขึ้นอยู่กับการใช้งานเลยจ้า:
- ถ้าเน้นบรรทุกของหนักๆ เน้นใช้งานเชิงพาณิชย์ รุ่น Spark (ตอนเดียว) หรือ Space Cab (แค็บเปิดได้) เครื่อง 1.9 หรือ 3.0 ก็เอาอยู่ เลือกปีที่อยู่ในงบได้เลย
- ถ้าเน้นใช้งานอเนกประสงค์หน่อย เป็นรถครอบครัว มีผู้โดยสารหลายคน รุ่น Cab 4 (4 ประตู) หรือ Hi-Lander (ยกสูง 2 ประตู/4 ประตู) จะตอบโจทย์กว่า เลือกเครื่อง 1.9 ถ้าเน้นประหยัด หรือ 3.0 ถ้าเน้นกำลัง
- ถ้าชอบลุยๆ ขับเคลื่อน 4 ล้อ ก็ต้องมองหารุ่น V-Cross เลยจ้า
สรุปง่ายๆ คือ D-Max มือสองเป็นตัวเลือกที่ฉลาดสำหรับคนไทยที่มองหาความคุ้มค่าและความทนทานในการใช้งานรถกระบะ แค่ต้องใจเย็นๆ ในการหา เปรียบเทียบ และตรวจสอบสภาพรถให้ดีก่อนตัดสินใจนะจ๊ะ! ขอให้ทุกคนได้รถ D-Max มือสองที่ถูกใจ ขับขี่ปลอดภัย มีแต่รวยๆ กันทุกคนจ้า!
วิดีโอที่เกี่ยวข้อง
แนะนำสำหรับคุณ
รีวิวกล้อง Mi Sphere 360 Camera ถ่ายภาพและวิดีโอได้รอบทิศทาง พร้อมราคา
ทำความเข้าใจค่า F หรือค่ารูรับแสงของเลนส์กล้อง มีผลต่อภาพถ่ายอย่างไร
เสื้อแข่งทีมชาติไทยปี 2017 Warrix ราคาปัจจุบันสำหรับนักสะสมเสื้อบอลไทย
รีวิวกระเป๋า Dell Gaming Backpack 15 สำหรับใส่โน้ตบุ๊กเกมมิ่ง พร้อมราคาล่าสุด
Chevrolet Colorado ปี 2018 รุ่นต่างๆ ราคาล่าสุดในตลาดรถกระบะมือสอง
รีวิว Justfog Minifit Pod System พอตไฟฟ้าขนาดเล็ก พกพาง่าย พร้อมราคาเบาๆ