คีเปล ราคาเท่าไหร่? หาซื้อได้ที่ไหน ผลไม้หายาก กลิ่นหอม


สวัสดีจ้าทุกคนนน! วันนี้เราจะมาพูดถึงผลไม้ที่ไม่ได้มีดีแค่ความอร่อย แต่เค้าบอกว่ากินแล้วตัวหอมมมม! ใช่แล้ว เรากำลังพูดถึง "คีเปล" ผลไม้สุดแสนจะหายากและมีเสน่ห์เฉพาะตัว ที่หลายคนอาจจะเคยได้ยินชื่อแต่ไม่เคยเห็นของจริง วันนี้เราจะพาไปทำความรู้จักเจ้าผลไม้กินแล้วตัวหอมนี่กันแบบเจาะลึก ทั้งเรื่องราคา หาซื้อได้ที่ไหน และทำไม๊ ทำไมถึงได้เป็นที่ต้องการขนาดนี้! เตรียมตัวให้พร้อม แล้วไปดูกันเลย!
1. คีเปลคืออะไร ทำไมถึงบอกว่ากินแล้วตัวหอม?
คีเปล (Kepel) เนี่ย ไม่ใช่ผลไม้เกร่อๆ ที่จะเจอตามตลาดนัดทั่วไปนะจ๊ะ เค้าเป็นผลไม้ที่จัดว่า หายาก และมีความพิเศษตรงที่เค้าเล่ากันมาตั้งแต่สมัยโบราณว่าเป็นผลไม้ของชนชั้นสูง โดยเฉพาะในประเทศอินโดนีเซีย ซึ่งเป็นถิ่นกำเนิดของเค้าเลยนะ ว่ากันว่าสมัยก่อนปลูกได้แค่ในวังเท่านั้นนะจ๊ะ ห้ามคนธรรมดาปลูกเลยทีเดียว สาเหตุก็เพราะมีความเชื่อว่าถ้ามเหสีหรือนางสนมได้ทานผลคีเปลเข้าไปแล้ว จะทำให้ กลิ่นกายหอมสดชื่น หอมฟุ้งไปหมดตั้งแต่ภายในยันภายนอก แม้กระทั่งเหงื่อหรือสิ่งขับถ่ายก็ยังมีกลิ่นหอมอ่อนๆ! โอ้โห ฟังแล้วอยากลองเลยใช่ไหมล่ะ!
นอกจากเรื่องกลิ่นหอมที่เป็นตำนานแล้ว คีเปลยังมีรูปร่างน่ารัก เป็นทรงกลมขนาดประมาณ เท่ากำมือ ผลจะออกตามลำต้นและกิ่งก้านเป็นพวงๆ ห้อยลงมา เปลือกผลอ่อนๆ จะมีสีน้ำตาล พอแก่จะเปลี่ยนเป็นสีขาวอมเหลือง แล้วก็เป็นสีน้ำตาลเข้มเมื่อสุกจัด เนื้อข้างในสีเหลืองเนียนนุ่ม ฉ่ำน้ำ มีกลิ่นหอมเป็นเอกลักษณ์ที่บางคนบอกว่าเหมือนกลิ่นดอกไม้หลายๆ ชนิดผสมกัน หรือบางคนก็ว่าเหมือนผลไม้หลายอย่างรวมกัน รสชาติจะ หวานละมุน ไม่หวานจัด ใครที่ชอบผลไม้แปลกใหม่ ไม่ซ้ำใคร ต้องลองสักครั้ง!
2. ราคาคีเปลในตลาดไทยเท่าไหร่กันนะ?
มาถึงเรื่องสำคัญที่หลายคนอยากรู้! ด้วยความที่เป็นผลไม้หายากและมีเรื่องเล่าขาน ทำให้ราคาของคีเปลในตลาดไทยเนี่ยค่อนข้างสูงเอาเรื่องเลยนะจ๊ะ จากข้อมูลที่ส่องๆ ดูเนี่ย ราคาผลคีเปลสดๆ ในตลาดไทยตอนนี้อยู่ที่ประมาณ กิโลกรัมละ 2,500 - 4,500 บาท (฿) เลยทีเดียว ฟังแล้วตาลุกวาวเลยใช่ไหมล่ะ!
ราคานี้อาจจะแตกต่างกันไปขึ้นอยู่กับคุณภาพ ขนาดของผล และแหล่งที่ซื้อนะจ๊ะ บางทีถ้าซื้อเป็นลูก เค้าอาจจะคิดเป็นขีดก็ได้นะ อย่างไซส์ใหญ่หน่อยน้ำหนัก 65 กรัมขึ้นไป อาจจะอยู่ที่ประมาณขีดละ 390 บาท ส่วนไซส์เล็ก 45-60 กรัม ก็ประมาณขีดละ 250 บาท
ส่วนใหญ่แล้วถ้าอยากได้ผลคีเปลมาลิ้มลอง อาจจะต้องไปหาตาม สวนผลไม้แปลก ที่เค้าปลูกโดยเฉพาะ หรือไม่ก็สั่งซื้อผ่านช่องทางออนไลน์ อย่าง Lazada หรือ Shopee ก็เริ่มมีผู้ค้ารายย่อยหรือสวนที่ปลูกคีเปลนำมาวางขายบ้างแล้วนะ ลองใช้คำค้นหาว่า "ผลคีเปล" หรือ "คีเปล กินแล้วตัวหอม" ดูได้เลย แต่อาจจะไม่ได้มีให้ซื้อตลอดทั้งปีนะ เพราะคีเปลเค้าออกผลเป็นช่วงๆ ปีละ 2 ครั้งจ้า
3. เทียบราคากับผลไม้อื่นๆ แล้วเป็นไง?
ถ้าให้เทียบราคากีโลกรัมละสองสามพันบาทเนี่ย คีเปลถือว่าเป็นผลไม้ที่มีราคาสูงมากๆ เลยนะจ๊ะ เมื่อเทียบกับผลไม้ไทยๆ ทั่วไปอย่าง มะม่วง ทุเรียน มังคุด ลำไย หรือแม้แต่ผลไม้นำเข้าบางชนิด อย่างทุเรียนพรีเมียมบางพันธุ์อาจจะมีราคาสูงใกล้เคียงกันบ้าง แต่คีเปลก็ยังคงความเป็น "ผลไม้ตัวท็อป" ในแง่ของราคาและความหายากอยู่ดี
แต่ถ้ามองในแง่ของความพิเศษและสรรพคุณที่ร่ำลือกันว่ากินแล้วตัวหอมเนี่ย บางคนก็อาจจะมองว่าราคานี้ก็สมเหตุสมผลกับความแปลกและความพิเศษของเค้านะ ไม่ใช่แค่ซื้อผลไม้มาทาน แต่เหมือนได้ลองของหายาก ได้สัมผัสกับตำนานอะไรประมาณนั้นเลยจ้า
4. ซื้อแล้วได้อะไรบ้าง มีประกันความหอมไหม?
อันนี้ต้องบอกเลยว่าด้วยความที่เป็นผลไม้สดๆ ที่ซื้อขายกัน ส่วนใหญ่สิ่งที่ได้ก็คือตัว ผลคีเปล นั่นแหละจ้า อาจจะมีแพ็คเกจจิ้งสวยงามสำหรับบางร้านที่เน้นขายพรีเมียมหน่อย ส่วนเรื่อง ค่าจัดส่ง ก็ขึ้นอยู่กับร้านค้าและระยะทางนะ บางร้านอาจจะมีโปรโมชั่นส่งฟรีเมื่อซื้อครบยอดที่กำหนด หรือบางทีก็ต้องเสียค่าส่งตามน้ำหนักนะจ๊ะ
เรื่อง การรับประกัน เนี่ย สำหรับผลไม้สดๆ อาจจะไม่ได้มีประกันแบบเป็นปีๆ เหมือนพวกเครื่องใช้ไฟฟ้า แต่ร้านค้าที่ขายคีเปลออนไลน์มักจะมี รับประกันความสดใหม่ ของผลไม้ ถ้าได้รับสินค้าแล้วมีปัญหา ผลเน่าเสีย หรือไม่ตรงตามที่สั่ง ก็สามารถแจ้งเคลมกับผู้ขายได้นะ อันนี้ต้องลองสอบถามเงื่อนไขกับร้านค้าโดยตรงก่อนซื้อจะดีที่สุด
ส่วนของแถมหรือโปรโมชั่นอื่นๆ สำหรับการซื้อผลคีเปลสดๆ อาจจะไม่ได้มีเยอะเท่าการซื้อสินค้าอื่นๆ ทั่วไป แต่บางทีถ้าซื้อจำนวนเยอะๆ อาจจะมีส่วนลดพิเศษ หรือบางร้านอาจจะแถมวิธีการเก็บรักษา หรือเกร็ดความรู้เกี่ยวกับคีเปลมาให้ด้วยนะ
5. มีช่วงไหนน่าซื้อคีเปลเป็นพิเศษไหมนะ?
อย่างที่บอกไปว่าคีเปลเค้าออกผลเป็นช่วงๆ ปีละ 2 ครั้งนะจ๊ะ คือประมาณช่วง เดือนธันวาคม - มีนาคม และช่วง เดือนมิถุนายน - กรกฎาคม ถ้าอยากลองทานผลสดๆ ก็ต้องคอยติดตามข่าวสารจากสวนที่ปลูก หรือร้านค้าออนไลน์ในช่วงเดือนเหล่านี้แหละ มีโอกาสเจอผลคีเปลสดๆ มากกว่าช่วงอื่นจ้า
ส่วนเรื่องโปรโมชั่นตามเทศกาลใหญ่ๆ อย่าง 11.11, 12.12 หรือช่วง สงกรานต์ เนี่ย แม้คีเปลจะเป็นผลไม้เฉพาะกลุ่ม แต่ร้านค้าที่ขายบนแพลตฟอร์มใหญ่อย่าง Lazada หรือ Shopee ก็อาจจะเข้าร่วมแคมเปญลดราคาของแพลตฟอร์มได้นะ ลองสังเกตดูในช่วงที่มีโปรโมชั่นใหญ่ๆ เผื่อจะมีร้านคีเปลใจดีจัดส่วนลดให้บ้าง หรืออย่างน้อยก็อาจจะได้ใช้โค้ดส่วนลดค่าจัดส่งของแพลตฟอร์มก็ได้นะจ๊ะ
สรุปคือ ถ้าอยากได้ผลคีเปลสดๆ ต้องรอช่วงที่เค้าออกผลนะ ส่วนถ้าอยากได้ราคาดีๆ ก็ลองดูช่วงโปรโมชั่นใหญ่ๆ ของแพลตฟอร์มออนไลน์ควบคู่ไปด้วยเลยจ้า
6. คนไทยที่เคยลองคีเปล เค้าว่ายังไงกันบ้าง?
จากฟีดแบ็กของผู้บริโภคในไทยที่เคยได้ลองชิมคีเปล ส่วนใหญ่เค้าก็จะพูดถึง กลิ่นหอมเฉพาะตัว ของคีเปลที่แตกต่างจากผลไม้อื่นๆ บางคนก็บอกว่าประทับใจกับรสชาติที่ หวานละมุน และเนื้อที่นุ่ม และแน่นอนว่าหลายคนก็อยากลองเพราะความเชื่อที่ว่ากินแล้วตัวจะหอมนี่แหละจ้า
ส่วนใหญ่คนที่ยอมจ่ายในราคาสูงเพื่อคีเปล มักจะเป็นคนที่ ชื่นชอบผลไม้แปลกใหม่ อยากลองอะไรที่ไม่เหมือนใคร หรืออยากสัมผัสกับตำนานที่เล่าขานกันมาจริงๆ บางคนก็ซื้อเป็นของขวัญพิเศษให้คนสำคัญก็มีนะ เพราะเป็นผลไม้ที่หาซื้อยากและมีเรื่องราวน่าสนใจ
ข้อดีที่คนพูดถึงคือความพิเศษของกลิ่นและรสชาติที่ไม่เหมือนใคร ส่วนข้อที่อาจจะต้องพิจารณาคือราคาที่ค่อนข้างสูงและหาซื้อยากในบางช่วงเวลา
7. หาซื้อคีเปลได้จากช่องทางไหนบ้างนะ?
สำหรับใครที่ใจพร้อม เงินพร้อม อยากลองลิ้มรสคีเปลสักครั้ง ช่องทางหลักๆ ในการหาซื้อคีเปลในไทยตอนนี้ก็มีตามนี้เลยจ้า:
- แพลตฟอร์มออนไลน์ขนาดใหญ่: Shopee และ Lazada เป็นแหล่งใหญ่ที่เริ่มมีผู้ขายนำผลคีเปล หรือแม้แต่ต้นคีเปลมาวางขาย ข้อดีคือสะดวกสบาย เลือกดูจากที่บ้านได้ มีตัวเลือกหลากหลาย และมีระบบการชำระเงินที่ปลอดภัย แต่ข้อเสียคือเราไม่เห็นของจริง ต้องอาศัยความน่าเชื่อถือของร้านและรีวิวจากผู้ซื้อคนอื่นๆ
- สวนผลไม้แปลกโดยเฉพาะ: บางสวนในต่างจังหวัดที่เค้าปลูกผลไม้หายาก ก็จะมีคีเปลรวมอยู่ด้วยนะ ถ้ามีโอกาสไปเที่ยวตามสวนเหล่านี้ อาจจะเจอคีเปลวางขายก็ได้นะ ข้อดีคือได้เห็นของจริง ได้พูดคุยสอบถามกับคนปลูกโดยตรง แต่ก็อาจจะไม่สะดวกสำหรับคนที่อยู่ไกล
- กลุ่มซื้อขายผลไม้แปลกในโซเชียลมีเดีย: ใน Facebook อาจจะมีกลุ่มเฉพาะสำหรับคนที่ชื่นชอบหรือปลูกผลไม้แปลกๆ ซึ่งบางทีก็มีการโพสต์ขายผลคีเปลสดๆ ด้วยนะ เป็นอีกช่องทางที่น่าสนใจ แต่ก็ต้องระมัดระวังในการซื้อขายกับบุคคลโดยตรง
ส่วนร้านค้าปลีกใหญ่ๆ อย่าง Central, Big C, The Mall หรือแม้แต่ร้านผลไม้นำเข้าทั่วไป ส่วนใหญ่แล้วยังไม่ค่อยมีคีเปลวางขายนะจ๊ะ เพราะเป็นผลไม้ที่เฉพาะกลุ่มและหายากจริงๆ
8. สรุปแล้วคีเปลน่าซื้อไหม เหมาะกับใคร?
มาถึงบทสรุปแล้วจ้า ถามว่าคีเปลน่าซื้อไหม? ถ้าคุณเป็นคนที่ มีงบประมาณพอสมควร และ อยากลองสัมผัสประสบการณ์ใหม่ๆ กับผลไม้ที่มีทั้งความอร่อย กลิ่นหอมเป็นเอกลักษณ์ และมีเรื่องราวความเป็นมาที่น่าสนใจล่ะก็ คีเปลก็น่าลองซื้อมากๆ เลยจ้า!
มันเหมาะกับคนที่:
- ชื่นชอบผลไม้แปลกใหม่ หายาก ที่ไม่ใช่ผลไม้ทั่วไป
- อยากลองพิสูจน์ตำนาน เรื่องกินแล้วตัวหอมด้วยตัวเอง!
- มองหาของขวัญสุดพิเศษ ที่ไม่เหมือนใครและมีเรื่องเล่าให้ฟัง
- สนใจในพืชพันธุ์หายาก และอยากสนับสนุนเกษตรกรที่ปลูก
แต่ถ้าใครที่เน้นความคุ้มค่าปริมาณเยอะๆ ในราคาไม่แรง หรือไม่ได้อินกับเรื่องกลิ่นหอมหรือความหายากเท่าไหร่ คีเปลอาจจะยังไม่ใช่ผลไม้ที่ตอบโจทย์นะจ๊ะ ด้วยราคาที่ค่อนข้างสูงเมื่อเทียบกับปริมาณเนื้อที่ทานได้ (เพราะเมล็ดใหญ่)
สรุปง่ายๆ คือ คีเปลเป็นผลไม้แห่งประสบการณ์และความพิเศษจ้า ถ้ามีโอกาสและงบถึง ก็ลองซื้อมาชิมดูนะ รับรองว่าได้ทั้งความอร่อย ความหอม และเรื่องไว้ไปเล่าให้เพื่อนๆ ฟังแน่นอนจ้า! ขอให้ทุกคนที่อยากลอง ได้ลองลิ้มรสความหอมของคีเปลกันนะ! บ๊ายบาย!
วิดีโอที่เกี่ยวข้อง
แนะนำสำหรับคุณ
10 อันดับ แป้ง Chanel รุ่นไหนดี ปี 2025 ปกปิดเรียบเนียน งานผิวหรู
10 ลิปสติกสีแดง ยี่ห้อไหนดี ปี 2025 สีชัด ไม่ตกร่อง
10 อันดับ สกินแคร์รักษาสิว ยี่ห้อไหนดี ปี 2025 ผิวใสไร้สิว รอยสิวจางลง
10 รองพื้นสำหรับผิวแห้ง ยี่ห้อไหนดี ปี 2025 งานผิวฉ่ำโกลว์ ไม่ตกร่อง
10 น้ำยาล้างแปรงแต่งหน้า ยี่ห้อไหนดี ปี 2025 ทำความสะอาดหมดจด ใช้งานง่าย
10 อันดับ เซรั่มผิวแพ้ง่าย ปี 2025 อ่อนโยน เสริมเกราะป้องกันผิว