logo

10 รถเข็นเด็กพับได้ ยี่ห้อไหนดี ปี 2025 ขึ้นเครื่องได้สบาย

user avatar
ปวีณ์ ธีรกุล·06/20/2025 17:59
点赞
10 รถเข็นเด็กพับได้ ยี่ห้อไหนดี ปี 2025 ขึ้นเครื่องได้สบาย

สวัสดีค่าทุกคนนน! กลับมาแล้วกับการป้ายยาไอเทมเด็ดที่คุณพ่อคุณแม่ยุคใหม่ต้องมี! ชีวิตติดเที่ยว ชีวิตต้องเดินทาง หรือแค่ชีวิตติดห้างฯ แต่สัมภาระเยอะเหมือนย้ายบ้าน วันนี้เจ๊มีตัวช่วยที่จะทำให้ชีวิตง่ายขึ้นเป็นกอง นั่นก็คือ รถเข็นเด็กพับได้ ที่สำคัญคือ ขึ้นเครื่องบินได้สบายๆ ในปี 2025 นี่แหละ! จะบอกว่าสมัยนี้รถเข็นไม่ได้เทอะทะ หนักอึ้ง เหมือนสมัยก่อนแล้วนะจ๊ะ พัฒนาไปไกลมากกกก พับแล้วเหลือเล็กจิ๋ว บางรุ่นยกมือเดียวได้เลย คิดดูสิว่าชีวิตจะดี๊ดีขนาดไหนตอนไปสนามบินช่วงเทศกาลที่คนล้านแปด หรือตอนต้องขึ้นรถสาธารณะเนอะ วันนี้เจ๊คัดมาให้เน้นๆ 10 ยี่ห้อฮิตติดลมบนในไทย ที่รับรองว่าถูกใจสายแฟ สายเดินทาง สายมินิมอล แน่นอนจ้า พร้อมแล้วไปดูกันเลย!

1. Babyzen YOYO²

  • ชื่อแบรนด์: Babyzen
  • ชื่อสินค้า: YOYO²
  • ราคาสินค้า: ประมาณ 18,000 - 25,000 บาท
  • คำอธิบายสินค้า: Babyzen YOYO² คือตำนานรถเข็นเด็กพับเล็ก! ดังไปทั่วโลก ดีไซน์จากฝรั่งเศส พับแล้วเล็กมากกกก ขนาดเท่ากระเป๋าถือ พกขึ้นเครื่องบินได้จริง (เช็กกฎสายการบินอีกทีเพื่อความชัวร์นะจ๊ะ) วัสดุพรีเมียม แข็งแรง แต่เบาหวิว มีสายสะพายไหล่ พกพาสะดวกสุดๆ เข็นลื่นปรื้ดแม้ทางไม่เรียบเพราะมีระบบโช้คอัพ 4 ล้อ รองรับน้ำหนักได้ถึง 22 กก. ใช้ได้ตั้งแต่แรกเกิด (ซื้ออุปกรณ์เสริม) จนถึงเด็กโต เป็นรถเข็นที่ลงทุนแล้วคุ้ม เพราะใช้งานได้นานและคล่องตัวทุกสถานการณ์.
  • จุดเด่นสินค้า: พับเล็กกะทัดรัดมาก, น้ำหนักเบาพกพาสะดวก, เข็นลื่นมีโช้คอัพ, วัสดุคุณภาพพรีเมียม, ดีไซน์สวยทันสมัย
  • ฟังก์ชันการใช้งาน:
    • พับเก็บง่ายด้วยมือเดียว: สะดวกสุดๆ เวลาอุ้มลูกหรือถือของพะรุงพะรังในสนามบินหรือสถานีรถไฟฟ้า พับเก็บได้ในไม่กี่วินาที.
    • พกพาขึ้นเครื่องบินได้: ด้วยขนาดที่เล็กเมื่อพับ ทำให้สามารถนำไปเก็บในช่องเก็บสัมภาระเหนือศีรษะบนเครื่องบินได้สบายๆ ลดขั้นตอนการโหลดที่เกต.
    • รองรับการใช้งานตั้งแต่แรกเกิด: สามารถปรับเปลี่ยนเบาะหรือติดตั้ง Bassinet สำหรับเด็กแรกเกิดได้ ทำให้ใช้งานได้ตั้งแต่ลูกน้อยลืมตาดูโลกไปจนถึงโต.
    • ระบบโช้คอัพ 4 ล้อ: ช่วยลดแรงสั่นสะเทือน ทำให้ลูกน้อยนั่งสบาย ไม่สะเทือนเวลาเข็นผ่านพื้นผิวที่ไม่เรียบหรือทางขรุขระ.
  • กลุ่มผู้ใช้งาน/สถานการณ์: พ่อแม่สายเที่ยว, ครอบครัวที่เดินทางบ่อยโดยเครื่องบินหรือรถสาธารณะ, คนที่มองหารถเข็นน้ำหนักเบาพกพาง่าย, ใช้ในเมืองหรือในห้างฯ ที่ต้องการความคล่องตัว
น้ำหนักรถเข็นรองรับอายุ/น้ำหนักขนาดเมื่อพับ (ประมาณ)ระบบล้อวัสดุโครงสร้างปรับเอนนอนเข็มขัดนิรภัยคุณสมบัติพิเศษ
ประมาณ 6.2 กก.6 เดือน - 22 กก. (แรกเกิด - 22 กก. พร้อมอุปกรณ์เสริม)52 x 44 x 18 ซม.4 ล้อพร้อมโช้คอัพAluminum Alloy Premium Frameปรับได้หลายระดับ (แบบเชือก) สูงสุด 145°5 จุดพับเล็กขึ้นเครื่องได้, มีสายสะพายไหล่

2. GB Pockit

  • ชื่อแบรนด์: GB
  • ชื่อสินค้า: Pockit (มีหลายรุ่นย่อย เช่น Pockit+, Pockit Air)
  • ราคาสินค้า: ประมาณ 7,000 - 15,000 บาท
  • คำอธิบายสินค้า: GB Pockit คือรถเข็นเด็กที่ได้บันทึกใน Guinness World Records ว่าเป็น รถเข็นเด็กที่เล็กที่สุดในโลกเมื่อพับ! ขนาดเล็กจิ๋วตามชื่อ Pockit ที่แปลว่ากระเป๋าเสื้อ พับแล้วเหลือเล็กกว่ากระเป๋าถืออีกจ้า น้ำหนักเบา ยกสบาย พกใส่กระเป๋าเดินทางก็ได้ พกขึ้นเครื่องบินยิ่งสบาย ไม่ต้องกังวลเรื่องพื้นที่เก็บ รุ่นใหม่ๆ มีฟังก์ชันการปรับเอนนอนเพิ่มขึ้น ตอบโจทย์การเดินทางระยะไกลที่ลูกต้องงีบหลับ รุ่น Pockit Air ผ้าตาข่าย ระบายอากาศดีสุดๆ เหมาะกับอากาศเมืองไทย ไปเที่ยวไหนก็สบายตัว.
  • จุดเด่นสินค้า: เล็กที่สุดในโลกเมื่อพับ, น้ำหนักเบามาก, พกพาง่ายสุดๆ, เหมาะกับการเดินทาง, มีรุ่นระบายอากาศดี
  • ฟังก์ชันการใช้งาน:
    • พับเก็บได้ 2 รูปแบบ: พับแบบรวดเร็วสำหรับเก็บทั่วไป หรือพับแบบเล็กจิ๋วขั้นสุดสำหรับพกพาขึ้นเครื่องบินหรือใส่กระเป๋าเดินทาง.
    • พกพาขึ้นเครื่องบินได้: ด้วยขนาดที่เล็กจนเหลือเชื่อเมื่อพับ ทำให้สามารถนำไปเก็บในช่องเก็บสัมภาระเหนือศีรษะได้สบายๆ เป็นตัวเลือกยอดนิยมของสายเที่ยวต่างประเทศ.
    • เบาะระบายอากาศ (รุ่น Air): วัสดุผ้าตาข่ายช่วยให้ลูกน้อยไม่ร้อน ไม่อับชื้น เหมาะกับสภาพอากาศร้อนชื้นของประเทศไทยและการเดินทางในเขตร้อน.
  • กลุ่มผู้ใช้งาน/สถานการณ์: พ่อแม่สายเที่ยวเน้นความกะทัดรัด, เดินทางด้วยเครื่องบินบ่อย, ใช้ในเมืองที่ต้องการความคล่องตัวสูง, บ้านที่มีพื้นที่เก็บจำกัด
น้ำหนักรถเข็นรองรับอายุ/น้ำหนักขนาดเมื่อพับ (ประมาณ)ระบบล้อวัสดุโครงสร้างปรับเอนนอนเข็มขัดนิรภัย
ประมาณ 4.3 - 6 กก. (ขึ้นอยู่กับรุ่น)ประมาณ 6 เดือน - 17 กก. (บางรุ่นรองรับตั้งแต่แรกเกิด)30 x 18 x 35 ซม. (พับเล็กสุด)4 ล้อAluminumปรับเอนได้เล็กน้อย - เกือบราบ (ขึ้นอยู่กับรุ่น)5 จุด

3. Chicco We Stroller

  • ชื่อแบรนด์: Chicco
  • ชื่อสินค้า: We Stroller
  • ราคาสินค้า: ประมาณ 8,000 - 12,000 บาท
  • คำอธิบายสินค้า: Chicco We Stroller เป็นรถเข็นเด็กจากแบรนด์ดังอิตาลี ที่ออกแบบมาเพื่อการเดินทางโดยเฉพาะ! พับง่ายด้วยมือเดียว ขนาดเล็กกะทัดรัด น้ำหนักเบา ได้มาตรฐานสำหรับการนำขึ้นเครื่องบิน (Cabin Approved) พกพาสะดวกสุดๆ จะใส่ท้ายรถก็ไม่เปลืองพื้นที่ จะยกขึ้นรถไฟฟ้าก็สบาย มีเบาะรองนั่งนุ่มสบาย ปรับเอนนอนได้เกือบราบ หลังคากันแดดขนาดใหญ่ มีช่องระบายอากาศด้านหลัง เหมาะกับน้องตั้งแต่แรกเกิดถึง 4 ปี เป็นตัวเลือกที่ดีสำหรับครอบครัวที่มองหารถเข็นคู่ใจสำหรับการผจญภัยทั้งในและต่างประเทศ.
  • จุดเด่นสินค้า: ได้มาตรฐาน Cabin Approved, พับง่ายด้วยมือเดียว, น้ำหนักเบา, ปรับเอนเกือบราบได้, หลังคากันแดดใหญ่
  • ฟังก์ชันการใช้งาน:
    • พับเก็บง่ายและรวดเร็ว: กลไกการพับออกแบบมาให้ใช้งานได้ด้วยมือเดียว ทำให้สะดวกมากในสถานการณ์ที่ต้องอุ้มลูกหรือถือของขณะพับรถเข็น.
    • นำขึ้นเครื่องบินได้: ขนาดเมื่อพับผ่านการทดสอบและได้รับมาตรฐาน Cabin Approved ของหลายสายการบิน ทำให้สามารถนำไปเก็บในช่องเก็บสัมภาระเหนือศีรษะได้ (ควรตรวจสอบกับสายการบินอีกครั้ง).
    • ปรับเอนนอนได้หลายระดับ: สามารถปรับพนักพิงได้หลายตำแหน่ง รวมถึงปรับเอนได้เกือบราบ ทำให้น้องสามารถนอนหลับพักผ่อนได้อย่างสบายระหว่างเดินทาง.
    • รองรับการเดินทางตั้งแต่แรกเกิด: ด้วยพนักพิงที่ปรับเอนได้เกือบราบ ทำให้สามารถใช้น้องตั้งแต่แรกเกิดได้โดยไม่ต้องซื้ออุปกรณ์เสริมเพิ่มเติม.
  • กลุ่มผู้ใช้งาน/สถานการณ์: ครอบครัวที่เดินทางบ่อย, ท่องเที่ยวด้วยเครื่องบิน, ใช้ในเมืองที่ต้องการความคล่องตัว, พ่อแม่ที่ต้องการรถเข็นเดียวจบตั้งแต่แรกเกิดถึงโตสำหรับการเดินทาง
น้ำหนักรถเข็นรองรับอายุ/น้ำหนักขนาดเมื่อพับ (ประมาณ)ระบบล้อปรับเอนนอนเข็มขัดนิรภัยคุณสมบัติพิเศษ
ประมาณ 5.5 กก.แรกเกิด - 22 กก. (ประมาณ 4 ปี)55 x 48 x 22 ซม.4 ล้อปรับเอนได้หลายระดับ เกือบราบ5 จุดCabin Approved, พับมือเดียว

4. Joie Tourist

  • ชื่อแบรนด์: Joie
  • ชื่อสินค้า: Tourist (หรือ Joie Parcel)
  • ราคาสินค้า: ประมาณ 6,000 - 9,000 บาท
  • คำอธิบายสินค้า: Joie Tourist (หรือรุ่น Parcel ที่คล้ายกัน) เป็นอีกรุ่นยอดฮิตสำหรับสายเที่ยว สมชื่อ Tourist เลยจ้า! พับง่าย พับเล็ก น้ำหนักเบา พกพาสะดวก สามารถนำขึ้นเครื่องบินได้ (ควรตรวจสอบกับสายการบิน) มีสายสะพายบ่าเหมือนกระเป๋า ทำให้ยกไปไหนมาไหนสะดวก มีเบาะรองนุ่มสบาย ปรับเอนนอนได้พอสมควร หลังคากันแดดมี UV Protection เหมาะกับน้องตั้งแต่แรกเกิดถึง 15 กก. เป็นรถเข็นที่คุ้มค่า คุ้มราคา ฟังก์ชันครบสำหรับการเดินทางและใช้ในชีวิตประจำวัน.
  • จุดเด่นสินค้า: พับง่ายพกพาสะดวก, น้ำหนักเบา, มีสายสะพายบ่า, คุ้มค่าคุ้มราคา, รองรับตั้งแต่แรกเกิด
  • ฟังก์ชันการใช้งาน:
    • ระบบพับอัตโนมัติ: สามารถพับเก็บได้อย่างรวดเร็วด้วยกลไกที่ใช้งานง่าย เพียงกดปุ่มหรือสไลด์ ก็พับเองโดยอัตโนมัติ.
    • พกพาขึ้นเครื่องบินได้: เมื่อพับแล้วมีขนาดเล็กกะทัดรัด น้ำหนักเบา ทำให้สามารถนำไปเก็บในช่องเก็บสัมภาระเหนือศีรษะบนเครื่องบินได้ (แนะนำให้ตรวจสอบข้อกำหนดของสายการบิน).
    • ปรับเอนนอนได้หลายระดับ: สามารถปรับพนักพิงได้หลายตำแหน่ง ตอบโจทย์ทั้งท่านั่งตรงและท่านอนพักผ่อนระหว่างเดินทาง.
    • มีสายสะพายบ่าในตัว: เมื่อพับแล้วสามารถใช้สายสะพายที่ติดมากับรถเข็นสะพายบ่าได้ ทำให้พกพาสะดวกเหมือนกระเป๋าเดินทาง.
  • กลุ่มผู้ใช้งาน/สถานการณ์: ครอบครัวที่เดินทางบ่อย, ท่องเที่ยวในประเทศ/ต่างประเทศ, ใช้ในชีวิตประจำวันทั่วไป, พ่อแม่ที่มองหารถเข็นน้ำหนักเบาในงบประมาณที่เข้าถึงง่าย
น้ำหนักรถเข็นรองรับอายุ/น้ำหนักขนาดเมื่อพับ (ประมาณ)ระบบล้อปรับเอนนอนเข็มขัดนิรภัยคุณสมบัติพิเศษ
ประมาณ 6 กก.แรกเกิด - 15 กก.53 x 47 x 23 ซม.4 ล้อปรับเอนได้หลายระดับ5 จุดพับง่าย, มีสายสะพายบ่า

5. Keenz Airplus Ultimate 3.0 Next Gen

  • ชื่อแบรนด์: Keenz
  • ชื่อสินค้า: Airplus Ultimate 3.0 Next Gen (หรือรุ่น Lebere stellar auto fold)
  • ราคาสินค้า: ประมาณ 6,000 - 12,000 บาท
  • คำอธิบายสินค้า: Keenz เป็นอีกแบรนด์ที่ได้รับความนิยมในไทย รุ่น Airplus Ultimate 3.0 นี้ถูกอัปเกรดมาเพื่อตอบโจทย์การใช้งานที่หลากหลาย พับง่าย พับเล็ก น้ำหนักเบา เหมาะกับการพกพาไปทุกที่ สามารถนำขึ้นเครื่องบินได้สบายๆ (ตามข้อกำหนดของสายการบิน) จุดเด่นคือช่องเก็บของใต้เบาะที่ใหญ่จุใจ ใส่ของได้เยอะมากกกก พ่อแม่สายช้อปต้องเลิฟ มีบาร์กันตกหลายแบบ เปลี่ยนสลับได้ มีความแข็งแรงทนทาน รองรับน้ำหนักได้เยอะ เบาะนั่งกว้าง นั่งสบาย เหมาะกับน้องตั้งแต่แรกเกิดถึงเด็กโต.
  • จุดเด่นสินค้า: ช่องเก็บของใหญ่จุใจ, พับง่ายพกพาสะดวก, รองรับน้ำหนักได้เยอะ, มีบาร์กันตกให้เลือก, ดีไซน์สวยคลาสสิก
  • ฟังก์ชันการใช้งาน:
    • ช่องเก็บของขนาดใหญ่: ตะกร้าเก็บของใต้เบาะมีขนาดใหญ่เป็นพิเศษ สามารถใส่สัมภาระ ของใช้เด็ก หรือของที่ช้อปปิ้งได้อย่างจุใจ เหมาะกับวันหยุดยาวหรือทริปที่ต้องพกของเยอะ.
    • พับเก็บเล็กกะทัดรัด: แม้จะมีช่องเก็บของใหญ่ แต่เมื่อพับแล้วยังมีขนาดเล็ก ทำให้สามารถนำขึ้นเครื่องบินได้ (ตามข้อกำหนด) และประหยัดพื้นที่ในการจัดเก็บ.
    • ปรับใช้งานได้หลากหลาย: มาพร้อมกับบาร์กันตกที่สามารถปรับเปลี่ยนเป็น T Bar หรือ U Bar ได้ตามความเหมาะสมและการใช้งานในแต่ละสถานการณ์.
  • กลุ่มผู้ใช้งาน/สถานการณ์: ครอบครัวที่ชอบพกของเยอะ, เดินทางท่องเที่ยว, ใช้ในชีวิตประจำวันและช้อปปิ้ง, พ่อแม่ที่ต้องการรถเข็นแข็งแรงรองรับน้ำหนักได้ดี
น้ำหนักรถเข็นรองรับอายุ/น้ำหนักขนาดเมื่อพับ (ประมาณ)ระบบล้อปรับเอนนอนเข็มขัดนิรภัยคุณสมบัติพิเศษความจุช่องเก็บของ
ประมาณ 6.5 กก.แรกเกิด - 60 กก. (ประมาณ 5 ปี)60 x 45 x 25 ซม.4 ล้อปรับเอนได้หลายระดับ5 จุด (เข็มขัดแม่เหล็กในบางรุ่น)ช่องเก็บของใหญ่, พับเล็กขึ้นเครื่องได้สูงสุด 40 ลิตร

6. QTUS LARK EASY TO FOLD

  • ชื่อแบรนด์: QTUS
  • ชื่อสินค้า: LARK EASY TO FOLD STROLLER
  • ราคาสินค้า: ประมาณ 5,000 - 8,000 บาท
  • คำอธิบายสินค้า: QTUS LARK เป็นรถเข็นที่เน้นความง่ายในการใช้งานและการพับเก็บ สมชื่อ Easy To Fold เลยจ้า! พับง่ายด้วยมือเดียว สะดวกสุดๆ เวลาเร่งรีบ ขนาดเมื่อพับเล็กกะทัดรัด น้ำหนักไม่มาก พกพาขึ้นเครื่องบินได้ (เช็กกับสายการบินนะ) มาตรฐานการผลิตจากเยอรมัน มั่นใจได้เรื่องความแข็งแรงปลอดภัย ผ้าบุรถเข็นเป็น Peach Skin นุ่มสบายผิวลูกน้อย หลังคากันแดดกัน UV UPF50+ ปกป้องผิวบอบบางของลูกได้ดี เหมาะกับน้องตั้งแต่แรกเกิดถึง 3 ปี.
  • จุดเด่นสินค้า: พับง่ายมือเดียว, มาตรฐานเยอรมัน, ผ้า Peach Skin นุ่มสบาย, หลังคากันแดด UV50+, ราคาเข้าถึงง่าย
  • ฟังก์ชันการใช้งาน:
    • พับเก็บง่ายในขั้นตอนเดียว: ระบบการพับที่ออกแบบมาให้สามารถทำได้ด้วยมือเพียงข้างเดียว ทำให้คุณพ่อคุณแม่สะดวกในการพับเก็บขณะอุ้มลูก.
    • ป้องกันแสงแดดและ UV: หลังคากันแดดมีคุณสมบัติป้องกันรังสี UV ได้ถึงระดับ UPF50+ ช่วยปกป้องผิวบอบบางของลูกน้อยจากแสงแดดที่แรงในเมืองไทย.
    • เบาะนั่งนุ่มสบาย: วัสดุผ้าบุเบาะเป็นแบบ Peach Skin ให้สัมผัสที่นุ่มเนียน ไม่ระคายเคืองผิวลูก ทำให้นั่งหรือนอนในรถเข็นได้อย่างสบายตัว.
  • กลุ่มผู้ใช้งาน/สถานการณ์: พ่อแม่ที่เน้นความสะดวกในการพับเก็บ, เดินทางทั่วไป, ใช้ในชีวิตประจำวัน, ครอบครัวที่มองหารถเข็นคุณภาพดีในราคาที่เหมาะสม
น้ำหนักรถเข็นรองรับอายุ/น้ำหนักขนาดเมื่อพับ (ประมาณ)ระบบล้อปรับเอนนอนเข็มขัดนิรภัยวัสดุผ้าบุคุณสมบัติพิเศษ
ประมาณ 5.8 กก.แรกเกิด - 15 กก. (ประมาณ 3 ปี)58 x 45 x 20 ซม.4 ล้อปรับเอนได้หลายระดับ5 จุดPeach Skinพับมือเดียว, หลังคากัน UV

7. Sense 2 Way

  • ชื่อแบรนด์: Sense
  • ชื่อสินค้า: 2 Way Stroller
  • ราคาสินค้า: ประมาณ 3,000 - 6,000 บาท
  • คำอธิบายสินค้า: Sense 2 Way เป็นรถเข็นเด็กที่โดดเด่นเรื่องความสามารถในการปรับเบาะนั่งได้ 2 ทิศทาง คือหันหน้าเข้าหาแม่ หรือหันหน้าออกไปดูโลกภายนอก ตอบโจทย์พัฒนาการของลูกน้อย พับแล้วมีขนาดเล็กกะทัดรัด สามารถนำขึ้นเครื่องบินได้ (ตามข้อกำหนด) น้ำหนักเบา พกพาสะดวก มีที่นอนเสริมสำหรับทารกแรกเกิด ปรับนอนราบได้ มีฟังก์ชันเสริมเก๋ๆ อย่างไฟนำทางสำหรับเข็นตอนกลางคืน เป็นรถเข็นที่ฟังก์ชันครบในราคาที่เข้าถึงง่าย.
  • จุดเด่นสินค้า: ปรับเข็นได้ 2 ทิศทาง, มีที่นอนเสริมทารก, มีไฟนำทางกลางคืน, ราคาไม่แรง, พับเล็กขึ้นเครื่องได้
  • ฟังก์ชันการใช้งาน:
    • ปรับเข็นได้ 2 ทิศทาง: สามารถปรับทิศทางของเบาะนั่งได้ ให้ลูกน้อยหันหน้าเข้าหาผู้เข็นเพื่อสร้างปฏิสัมพันธ์ หรือหันหน้าออกไปสำรวจสิ่งรอบตัว.
    • รองรับการใช้งานตั้งแต่แรกเกิด: มาพร้อมที่นอนเสริมที่ออกแบบมาสำหรับทารกแรกเกิดโดยเฉพาะ และสามารถปรับพนักพิงให้ราบได้ ทำให้ใช้งานได้ตั้งแต่ลูกน้อยแรกคลอด.
    • ไฟนำทางสำหรับเข็นกลางคืน: มีไฟ LED ขนาดเล็กติดตั้งที่โครงรถเข็น ช่วยส่องสว่างนำทางเมื่อต้องเข็นรถเข็นในที่มืดหรือช่วงพลบค่ำ เพิ่มความปลอดภัย.
  • กลุ่มผู้ใช้งาน/สถานการณ์: พ่อแม่ที่ต้องการรถเข็นปรับทิศทางได้, ใช้กับน้องตั้งแต่แรกเกิด, เดินทางท่องเที่ยว, ใช้ในชีวิตประจำวันที่มีการเดินทางหลากหลาย
น้ำหนักรถเข็นรองรับอายุ/น้ำหนักขนาดเมื่อพับ (ประมาณ)ระบบล้อปรับเอนนอนเข็มขัดนิรภัยคุณสมบัติพิเศษ
ประมาณ 6.8 กก.แรกเกิด - 18 กก. (ประมาณ 4 ปี)60 x 48 x 25 ซม.4 ล้อปรับนอนราบได้5 จุดเข็น 2 ทาง, มีที่นอนทารก, มีไฟนำทาง

8. GLOWY Flying Tiger Stroller

  • ชื่อแบรนด์: GLOWY
  • ชื่อสินค้า: Flying Tiger Stroller (หรือรุ่น Cheetah ll)
  • ราคาสินค้า: ประมาณ 4,000 - 7,000 บาท
  • คำอธิบายสินค้า: GLOWY Flying Tiger Stroller เป็นรถเข็นที่เหมาะมากสำหรับครอบครัวที่ชอบท่องเที่ยวและเดินทางบ่อยๆ ชื่อก็บอกอยู่แล้วว่า Flying! เน้นความคล่องตัว ขนาดพอดี พับเก็บง่าย สามารถนำขึ้นเครื่องบินได้ (ตามข้อกำหนด) น้ำหนักไม่มากเกินไป ยกสะดวก มีระบบล็อกล้อหน้าเพื่อความมั่นคง และเบรกล้อหลังเพื่อความปลอดภัย ดีไซน์เรียบง่าย ใช้งานสะดวก เป็นอีกตัวเลือกที่คุ้มค่าในกลุ่มรถเข็นเดินทาง.
  • จุดเด่นสินค้า: เหมาะสำหรับเดินทาง, พับเก็บง่าย, มีระบบล็อกล้อ, น้ำหนักพอดี, ราคาไม่สูง
  • ฟังก์ชันการใช้งาน:
    • ออกแบบเพื่อการเดินทาง: ขนาดและน้ำหนักที่พอเหมาะ ทำให้รถเข็นรุ่นนี้สะดวกในการพกพาสำหรับการเดินทางท่องเที่ยว ไม่ว่าจะในประเทศหรือต่างประเทศ.
    • ระบบล็อกล้อเพื่อความปลอดภัย: มีระบบล็อกทิศทางล้อหน้าเพื่อเพิ่มความมั่นคงในการเข็นทางตรง และระบบล็อกเบรกที่ล้อหลังเพื่อป้องกันรถเข็นเคลื่อนที่เมื่อจอด.
    • พับเก็บง่าย: กลไกการพับไม่ซับซ้อน สามารถพับเก็บได้อย่างรวดเร็ว ประหยัดเวลาในการเดินทาง.
  • กลุ่มผู้ใช้งาน/สถานการณ์: ครอบครัวที่เดินทางท่องเที่ยวบ่อย, ใช้ในชีวิตประจำวัน, พ่อแม่ที่มองหารถเข็นเดินทางฟังก์ชันครบในราคาที่สมเหตุสมผล
น้ำหนักรถเข็นรองรับอายุ/น้ำหนักขนาดเมื่อพับ (ประมาณ)ระบบล้อปรับเอนนอนเข็มขัดนิรภัยคุณสมบัติพิเศษ
ประมาณ 6 กก.ประมาณ 6 เดือน - 15 กก.60 x 45 x 25 ซม.4 ล้อ (ล็อกล้อหน้าได้)ปรับเอนได้หลายระดับ5 จุดเหมาะเดินทาง, มีระบบล็อกล้อ

9. Beige Stroller

  • ชื่อแบรนด์: Beige
  • ชื่อสินค้า: รถเข็นเด็ก Beige (มีหลายรุ่นย่อย)
  • ราคาสินค้า: ประมาณ 2,000 - 5,000 บาท
  • คำอธิบายสินค้า: Beige เป็นแบรนด์รถเข็นเด็กที่ได้รับความนิยมในกลุ่มที่มองหารถเข็นราคาประหยัดแต่ฟังก์ชันครบ มีหลายรุ่นที่พับเล็ก พกพาง่าย น้ำหนักเบา สามารถนำขึ้นเครื่องบินได้ (ในบางรุ่นและตามข้อกำหนด) มีรุ่นที่ปรับเอนนอนได้เยอะถึง 175 องศา ให้น้องนอนสบายเหมือนอยู่บ้าน มีรุ่นที่เข็นได้ 2 ทิศทาง และบางรุ่นมีโช้คอัพที่ล้อ ช่วยลดแรงกระแทก เป็นตัวเลือกที่เข้าถึงง่าย คุ้มค่าสำหรับงบประมาณที่จำกัด.
  • จุดเด่นสินค้า: ราคาประหยัด, พับเล็กพกพาง่าย, บางรุ่นปรับเอนได้เยอะ/เข็น 2 ทาง, มีตัวเลือกหลากหลาย, น้ำหนักเบา
  • ฟังก์ชันการใช้งาน:
    • ปรับเอนนอนได้เกือบราบ: ในบางรุ่นสามารถปรับพนักพิงให้เอนนอนได้มากถึง 175 องศา ทำให้น้องสามารถนอนหลับพักผ่อนได้อย่างสบายระหว่างเดินทางหรือทำกิจกรรมต่างๆ.
    • ปรับเข็นได้ 2 ทิศทาง: บางรุ่นสามารถปรับทิศทางของด้ามเข็นได้ ทำให้ผู้เข็นสามารถเลือกได้ว่าจะเข็นแบบหันหน้าลูกเข้าหาตัวหรือหันหน้าออก.
    • พับเก็บง่ายและขนาดเล็ก: กลไกการพับไม่ซับซ้อน เมื่อพับแล้วมีขนาดเล็กกะทัดรัด สะดวกในการพกพาและสามารถนำขึ้นเครื่องบินได้ในบางรุ่น.
  • กลุ่มผู้ใช้งาน/สถานการณ์: พ่อแม่ที่งบประมาณจำกัด, ใช้ในชีวิตประจำวัน, เดินทางท่องเที่ยวระยะสั้น, ใช้กับน้องตั้งแต่แรกเกิด (ในรุ่นที่ปรับนอนราบได้)
น้ำหนักรถเข็นรองรับอายุ/น้ำหนักขนาดเมื่อพับ (ประมาณ)ระบบล้อปรับเอนนอนเข็มขัดนิรภัยคุณสมบัติพิเศษ
ประมาณ 3.8 - 6 กก. (ขึ้นอยู่กับรุ่น)แรกเกิด - 15/25 กก. (ขึ้นอยู่กับรุ่น)ขนาดเล็กกะทัดรัด (แตกต่างกันไปในแต่ละรุ่น)4 หรือ 8 ล้อปรับเอนได้หลายระดับ - 175° (ขึ้นอยู่กับรุ่น)5 จุดราคาดี, มีหลายแบบให้เลือก

10. Cooper Classic

  • ชื่อแบรนด์: Cooper
  • ชื่อสินค้า: Classic Stroller
  • ราคาสินค้า: ประมาณ 4,000 - 6,000 บาท
  • คำอธิบายสินค้า: Cooper Classic เป็นรถเข็นเด็กยอดนิยมอีกรุ่นในไทย ที่เน้นความคุ้มค่าและฟังก์ชันที่ตอบโจทย์การใช้งานจริง พับเก็บง่าย พับแล้วเล็ก สามารถนำขึ้นเครื่องบินได้สบายๆ (ตามข้อกำหนด) น้ำหนักเบา พกพาสะดวก มีรุ่นที่พับแล้วลากเหมือนกระเป๋าเดินทางได้ ไม่ต้องแบกให้เมื่อยหลัง เบาะนั่งปรับเอนได้พอสมควร วัสดุแข็งแรงทนทาน มีของแถมเยอะ เป็นรถเข็นที่ได้รับความไว้วางใจจากคุณพ่อคุณแม่หลายคน.
  • จุดเด่นสินค้า: คุ้มค่าราคา, พับแล้วลากได้, พับเล็กขึ้นเครื่องได้, น้ำหนักเบา, วัสดุทนทาน, มีของแถมเยอะ
  • ฟังก์ชันการใช้งาน:
    • พับแล้วลากได้: ในบางรุ่นมีฟังก์ชันพิเศษที่เมื่อพับเก็บแล้ว สามารถลากรถเข็นไปได้เหมือนกระเป๋าเดินทาง ทำให้สะดวกมากในการเคลื่อนย้ายในพื้นที่ต่างๆ เช่น สนามบิน.
    • พับเก็บง่ายและขนาดเล็ก: กลไกการพับไม่ซับซ้อน สามารถพับได้อย่างรวดเร็ว และเมื่อพับแล้วมีขนาดเล็กกะทัดรัด ทำให้พกพาสะดวกและสามารถนำขึ้นเครื่องบินได้.
    • รองรับการใช้งานทั่วไป: เหมาะสำหรับการใช้งานในชีวิตประจำวัน การเดินทางท่องเที่ยว ด้วยโครงสร้างที่แข็งแรงและฟังก์ชันที่ตอบโจทย์.
  • กลุ่มผู้ใช้งาน/สถานการณ์: พ่อแม่ที่มองหารถเข็นคุ้มค่าราคา, เดินทางท่องเที่ยว, ใช้ในชีวิตประจำวัน, คนที่ต้องการรถเข็นที่พับแล้วเคลื่อนย้ายง่าย
น้ำหนักรถเข็นรองรับอายุ/น้ำหนักขนาดเมื่อพับ (ประมาณ)ระบบล้อปรับเอนนอนเข็มขัดนิรภัยคุณสมบัติพิเศษ
ประมาณ 5.8 - 6.5 กก.แรกเกิด - 15/18 กก. (ขึ้นอยู่กับรุ่น)ขนาดเล็กกะทัดรัด (แตกต่างกันไปในแต่ละรุ่น)4 ล้อปรับเอนได้หลายระดับ5 จุดพับแล้วลากได้, คุ้มค่าราคา

เคล็ดลับเลือกซื้อรถเข็นเด็กพับได้ ขึ้นเครื่องบินได้แบบโปรๆ

  • 1. เช็กกฎสายการบินให้ละเอียด ไม่ใช่แค่ขนาด Cabin Size!
    เชื่อว่าหลายๆ คนที่มองหารถเข็นกลุ่มนี้ เป้าหมายหลักคืออยากเอาขึ้นเครื่องบินไปเก็บในช่องเก็บสัมภาระเหนือศีรษะเหมือน carry-on ปกติใช่ไหมคะ ซึ่งรถเข็นหลายรุ่นก็เคลมว่า "Cabin Approved" หรือ "ขึ้นเครื่องได้" แต่ประเด็นสำคัญคือ กฎของแต่ละสายการบินไม่เหมือนกันเป๊ะๆ จ้า! บางสายการบิน Full Service อาจจะค่อนข้างยืดหยุ่น อนุญาตให้เอารถเข็นพับเล็กขึ้นไปได้ถ้าขนาดและน้ำหนักอยู่ในเกณฑ์สัมภาระถือขึ้นเครื่องปกติ (ส่วนใหญ่ไม่เกิน 7 กก. และขนาดประมาณ 56 x 36 x 23 ซม. หรือเล็กกว่านี้ขึ้นกับประเภทเครื่องบิน) แต่บางสายการบิน โดยเฉพาะสายการบิน Low Cost ส่วนใหญ่แล้วแม้จะเป็นรถเข็นพับเล็กขนาดไหนก็ตาม ก็มักจะกำหนดให้ต้อง โหลดใต้ท้องเครื่องที่หน้าประตูเครื่องบิน (Gate Check-in) อยู่ดี ซึ่งก็สะดวกไปอีกแบบ ไม่ต้องแบกไปถึงที่นั่ง แต่ก็ไม่ได้อยู่กับเราตลอดเวลาในห้องโดยสาร การเช็กกับสายการบินที่จะเดินทางโดยตรงล่วงหน้า (ทางเว็บไซต์, คอลเซ็นเตอร์, หรือตอนจองตั๋ว) คือสิ่งสำคัญที่สุด เพื่อให้รู้ข้อกำหนดที่แท้จริงของเที่ยวบินนั้นๆ เช่น เรื่องขนาดและน้ำหนักที่อนุญาตให้นำขึ้นห้องโดยสารได้, หรือขั้นตอนการ Gate Check-in ถ้าไม่สามารถนำขึ้นห้องโดยสารได้ เตรียมตัวให้พร้อม จะได้ไม่หน้างานแล้วยุ่งวุ่นวาย เพราะถ้าขนาดหรือน้ำหนักเกินกว่าที่กำหนด อาจจะต้องเสียค่าธรรมเนียมโหลดกระเป๋าเพิ่มเติม หรืออาจจะไม่สามารถนำไปด้วยได้เลย ถ้าเป็นช่วงเทศกาลที่คนเยอะๆ สนามบินวุ่นวาย การรู้กฎล่วงหน้าจะช่วยให้เราจัดการทุกอย่างได้อย่างราบรื่น ไม่ต้องมานั่งกังวลหรือเสียเวลาโต้เถียงกับเจ้าหน้าที่นะคะ จำไว้ว่าป้าย "Cabin Approved" เป็นเพียงแนวทางเบื้องต้น ต้องอิงกฎของสายการบินที่เราบินจริงเป็นหลักค่ะ.
  • 2. น้ำหนักรถเข็นกับน้ำหนักสัมภาระส่วนตัว ต้องบาลานซ์กันนะแม่!
    แน่นอนว่ารถเข็นเด็กกลุ่มนี้เน้นความเบาเป็นพิเศษ แต่มันก็ยังมีน้ำหนักของมันอยู่ดีนะจ๊ะแม่! ส่วนใหญ่อยู่ที่ประมาณ 5-7 กก. ซึ่งน้ำหนักนี้อาจจะไปกินโควต้าน้ำหนักสัมภาระถือขึ้นเครื่องของเราได้ (ส่วนใหญ่ให้คนละ 7 กก.) ถ้าเราถือกระเป๋าเป้หรือกระเป๋าถือขึ้นเครื่องไปด้วย แล้วน้ำหนักรวมเกินกว่าที่สายการบินกำหนด ก็อาจมีปัญหาได้ค่ะ ดังนั้นเวลาเลือกซื้อรถเข็น ให้ดูน้ำหนักของรถเข็นเป็นปัจจัยสำคัญด้วย ยิ่งเบาได้ยิ่งดี เพราะเราจะได้มีโควต้าเหลือสำหรับสัมภาระส่วนตัวอื่นๆ เช่น กระเป๋าใส่ของลูก ผ้าอ้อม นม ของเล่น ที่จำเป็นต้องใช้บนเครื่องบิน หรือของมีค่าที่เราไม่อยากโหลดใต้เครื่อง นอกจากน้ำหนักรถเข็นแล้ว ให้พิจารณาถึงน้ำหนักรวมของสัมภาระทั้งหมดที่จะถือขึ้นเครื่องด้วย ถ้าเราเป็นคุณแม่สายแบก หรือต้องเดินทางคนเดียวกับลูกน้อย การเลือกรถเข็นที่เบามากๆ จะช่วยลดภาระในการยกหรือหิ้วได้อย่างมหาศาลเลยนะคะ ลองจินตนาการภาพว่าต้องอุ้มลูกน้อย เดินถือกระเป๋าพะรุงพะรัง แล้วยังต้องยกหรือแบกรถเข็นอีก มันไม่ใช่เรื่องสนุกเลยใช่ไหมล่ะคะ ดังนั้นน้ำหนักของรถเข็นที่เบาพอเหมาะกับการยกหรือสะพาย (ถ้ามีสายสะพาย) จะช่วยให้การเดินทางของเราคล่องตัวและไม่เหนื่อยจนเกินไปค่ะ.
  • 3. กลไกการพับและการกาง: ต้องง่าย จบในขั้นตอนเดียว ยิ่งดี!
    สถานการณ์จริงในสนามบิน หรือตอนขึ้นรถไฟฟ้า รถเมล์ อาจจะไม่ได้เอื้อให้เรามีเวลามายืนงงกับวิธีพับรถเข็นนานๆ นะคะ บางทีเราต้องอุ้มลูกอยู่ หรือมืออีกข้างก็ถือของพะรุงพะรัง การเลือกรถเข็นที่มีกลไกการพับและการกางที่ง่าย สะดวก สามารถทำได้ด้วยมือเดียว หรือในขั้นตอนเดียวจะช่วยประหยัดเวลาและลดความยุ่งยากไปได้เยอะมากๆ เลยค่ะ ลองนึกภาพว่าเรากำลังจะวิ่งไปขึ้นเครื่องที่กำลังจะเรียกขึ้นเครื่องแล้ว แต่รถเข็นพับยาก พับไม่ออกเนี่ย ชีวิตเปลี่ยนเลยนะ! หรือตอนลงจากรถสาธารณะแล้วต้องรีบกางรถเข็นให้ลูกนั่ง ถ้ากางยาก ลูกก็อาจจะงอแงได้ การลองพับลองกางรถเข็นดูก่อนซื้อ (ถ้ามีโอกาส) หรือดูวิดีโอรีวิวการใช้งานจากผู้ใช้จริงเป็นสิ่งสำคัญมากๆ เลยค่ะ ให้แน่ใจว่ากลไกมันลื่นไหล ไม่ติดขัด พับแล้วล็อกแน่นหนา กางแล้วแข็งแรงพร้อมใช้งาน บางรุ่นมีระบบพับอัตโนมัติ แค่กดปุ่มก็พับเอง อันนี้ยิ่งสะดวกไปอีกขั้นเลยนะคะ แต่ถึงไม่มีระบบอัตโนมัติ ขอแค่พับง่าย กางง่าย ไม่ต้องออกแรงเยอะ หรือกดหลายๆ จุดพร้อมกัน ก็ถือว่าโอเคแล้วค่ะ ลองซ้อมพับซ้อมกางที่บ้านให้คล่องก่อนออกเดินทางจริง จะช่วยเพิ่มความมั่นใจได้เยอะเลยนะจ๊ะ.
  • 4. ฟังก์ชันการใช้งานอื่นๆ ที่เหมาะกับไลฟ์สไตล์ครอบครัวไทย
    นอกจากเรื่องการพับเล็กขึ้นเครื่องได้แล้ว ก็อย่าลืมดูฟังก์ชันอื่นๆ ที่จำเป็นและเหมาะกับการใช้งานในชีวิตประจำวันและไลฟ์สไตล์ของครอบครัวเราด้วยนะคะ เช่น การปรับเอนนอน รถเข็นบางรุ่นอาจจะปรับเอนได้น้อย ไม่เหมาะกับการนอนของน้อง บางรุ่นปรับเอนได้เกือบราบ อันนี้จะดีมากถ้าน้องต้องนอนในรถเข็นบ่อยๆ หลังคากันแดด ในเมืองไทยแดดแรงมาก! เลือกรถเข็นที่มีหลังคาขนาดใหญ่ คลุมได้มิดชิด และมีคุณสมบัติกัน UV ได้ด้วยยิ่งดี การระบายอากาศของเบาะนั่ง อากาศร้อนๆ แบบบ้านเรา เบาะนั่งที่ระบายอากาศได้ดีจะช่วยให้น้องนั่งสบาย ไม่ร้อน ไม่เหงื่อออกเยอะ ช่องเก็บของ สำคัญมากสำหรับคุณพ่อคุณแม่นักช้อป หรือคนที่พกของเยอะ เลือกรุ่นที่มีตะกร้าเก็บของขนาดใหญ่ หรือมีช่องเก็บของด้านหลังเบาะ ความแข็งแรงทนทานของโครงสร้างและล้อ แม้จะเน้นน้ำหนักเบา แต่ก็ต้องมั่นใจว่าโครงสร้างแข็งแรงพอที่จะรองรับน้ำหนักลูกและทนทานต่อการใช้งานและแรงกระแทกจากการเดินทางได้ ล้อควรจะเข็นลื่น คล่องตัว และมีระบบเบรกที่ใช้งานง่าย ถ้าเน้นเดินทางในที่ที่พื้นผิวไม่เรียบ ล้อที่มีโช้คอัพก็จะช่วยได้เยอะ อย่าลืมดูเรื่องความปลอดภัยอื่นๆ เช่น เข็มขัดนิรภัย ควรเป็นแบบ 5 จุด เพื่อความปลอดภัยสูงสุดของลูกน้อยค่ะ การพิจารณาฟังก์ชันเหล่านี้ร่วมด้วย จะช่วยให้ได้รถเข็นที่ไม่ใช่แค่ขึ้นเครื่องได้ แต่ยังตอบโจทย์การใช้งานในทุกๆ วันได้อย่างมีประสิทธิภาพและทำให้ชีวิตคุณพ่อคุณแม่สะดวกสบายขึ้นจริงๆ นะคะ.
  • 5. อ่านรีวิวและสอบถามผู้ใช้จริง: ประสบการณ์ตรงคือสิ่งล้ำค่า!
    ก่อนตัดสินใจซื้อรถเข็นเด็กสักคัน โดยเฉพาะรุ่นที่ราคาค่อนข้างสูง หรือตั้งใจจะใช้เดินทางบ่อยๆ การหาข้อมูลจากรีวิวต่างๆ เป็นสิ่งสำคัญมากๆ ค่ะ ไม่ว่าจะเป็นรีวิวจากเว็บไซต์สินค้า บล็อกเกอร์ เพจรีวิวแม่และเด็ก หรือแม้แต่ในกลุ่มโซเชียลมีเดียต่างๆ ที่คุณพ่อคุณแม่มารวมตัวกัน แชร์ประสบการณ์ตรงในการใช้งานรถเข็นรุ่นนั้นๆ ประสบการณ์จริงจากคนที่เคยใช้แล้วจะช่วยให้เราเห็นภาพการใช้งานในสถานการณ์ต่างๆ ได้ชัดเจนกว่าแค่ดูสเปคสินค้าค่ะ เช่น ฟังก์ชันพับง่ายจริงไหม? เข็นลื่นแค่ไหนบนพื้นผิวแบบต่างๆ? น้ำหนักเบาจริงหรือเปล่าตอนต้องยกขึ้นลง? ขนาดเมื่อพับเล็กพอจะใส่ท้ายรถรุ่นของเราได้ไหม? (สำคัญมาก!) หรือพอดีกับช่องเก็บสัมภาระบนเครื่องบินรุ่นที่เราเดินทางบ่อยๆ จริงไหม? นอกจากนี้ควรอ่านความคิดเห็นทั้งข้อดีและข้อเสีย เพื่อนำมาประกอบการตัดสินใจ และถ้าเป็นไปได้ ลองสอบถามผู้ใช้จริงโดยตรง ถ้ามีเพื่อนหรือคนรู้จักที่ใช้รถเข็นรุ่นที่เราสนใจ ลองขอทดลองพับกาง หรือลองเข็นดูก่อนก็จะดีมากๆ เลยค่ะ การได้สัมผัสและใช้งานจริงจะช่วยให้เราตัดสินใจได้ง่ายขึ้น และมั่นใจได้ว่ารถเข็นคันนั้นเหมาะกับความต้องการและการใช้งานของเราจริงๆ การลงทุนในรถเข็นเด็กดีๆ สักคันที่ตอบโจทย์การใช้งานได้อย่างครบถ้วน โดยเฉพาะเรื่องการเดินทาง จะช่วยให้ชีวิตคุณพ่อคุณแม่สะดวกสบายขึ้นเยอะ และทำให้การพาลูกน้อยไปไหนมาไหนไม่ใช่เรื่องยุ่งยากอีกต่อไปค่ะ.

คำถามพบบ่อย (FAQ) เกี่ยวกับรถเข็นเด็กพับได้สำหรับขึ้นเครื่องบิน

  • Q: รถเข็นเด็กแบบไหนที่อนุญาตให้นำขึ้นเครื่องบินได้คะ?
    A: โดยทั่วไปแล้ว สายการบินส่วนใหญ่จะอนุญาตให้นำรถเข็นเด็กแบบพับเล็ก หรือที่เรียกว่า "รถเข็นเด็กร่ม" (Umbrella Stroller) หรือรถเข็นเด็กพับเล็กกะทัดรัดที่มีขนาดและน้ำหนักอยู่ในเกณฑ์เดียวกับสัมภาระถือขึ้นเครื่องปกติ (Cabin Size) ขึ้นห้องโดยสารได้ค่ะ แต่ทั้งนี้ กฎของแต่ละสายการบินแตกต่างกัน บางสายการบินอาจให้โหลดใต้ท้องเครื่องที่หน้าเกตแทน (Gate Check-in) ควรตรวจสอบข้อกำหนดเรื่องขนาดและน้ำหนักสัมภาระถือขึ้นเครื่องของสายการบินที่จะเดินทางโดยตรงก่อนทุกครั้งค่ะ.
  • Q: จำเป็นต้องซื้อถุงใส่รถเข็นสำหรับขึ้นเครื่องบินไหมคะ?
    A: ไม่จำเป็นต้องซื้อทุกคนค่ะ แต่ แนะนำให้มี เพื่อป้องกันรถเข็นเป็นรอยหรือเสียหายระหว่างการขนย้าย โดยเฉพาะหากต้องโหลดใต้ท้องเครื่อง ถุงใส่รถเข็นยังช่วยให้รถเข็นดูเรียบร้อยเหมือนกระเป๋าทั่วไป ซึ่งบางครั้งอาจทำให้พนักงานไม่ติดว่าเป็นรถเข็นเด็กและอนุญาตให้นำขึ้นห้องโดยสารได้ง่ายขึ้นค่ะ
  • Q: รถเข็นเด็กที่ Gate Check-in จะได้รับคืนที่ไหนคะ?
    A: ส่วนใหญ่จะได้รับคืนที่หน้าประตูเครื่องบินเมื่อเดินทางถึงจุดหมายปลายทาง แต่บางสนามบินหรือบางเที่ยวบิน อาจจะต้องไปรับที่สายพานรับกระเป๋าพร้อมสัมภาระโหลดอื่นๆ ค่ะ ควรสอบถามพนักงานสายการบินตอนทำ Gate Check-in ให้ชัดเจน.
  • Q: พาน้องเดินทางคนเดียวกับลูก สามารถเอารถเข็นขึ้นเครื่องได้ไหมคะ?
    A: สามารถนำรถเข็นเดินทางไปด้วยได้ค่ะ โดยทั่วไปแล้วเด็กทารกหนึ่งคนสามารถนำรถเข็นไปได้หนึ่งคัน ซึ่งอาจจะเป็นการนำขึ้นห้องโดยสาร (หากขนาดตามเกณฑ์) หรือ Gate Check-in ก็ได้ ขึ้นอยู่กับกฎของสายการบิน การมีรถเข็นจะช่วยอำนวยความสะดวกในการเดินทางคนเดียวกับลูกน้อยได้มากค่ะ.
  • Q: รถเข็นเด็กพับได้สำหรับขึ้นเครื่องบินสามารถใช้กับเด็กแรกเกิดได้เลยไหมคะ?
    A: รถเข็นเด็กกลุ่มนี้บางรุ่นสามารถใช้ได้ตั้งแต่แรกเกิดเลยค่ะ โดยมักจะต้องมีพนักพิงที่ปรับเอนนอนได้เกือบราบ หรือมีอุปกรณ์เสริมอย่าง Bassinet สำหรับเด็กแรกเกิดโดยเฉพาะ อย่างไรก็ตาม รถเข็นเด็กพับเล็กบางรุ่นอาจจะแนะนำให้ใช้สำหรับน้องอายุ 6 เดือนขึ้นไปที่คอแข็งแล้ว ควรตรวจสอบข้อมูลสเปคสินค้าของแต่ละรุ่นอย่างละเอียดก่อนซื้อนะคะ.

วิดีโอที่เกี่ยวข้อง

บทความล่าสุดดูเพิ่มเติม

สวัสดีค่าคุณพ่อคุณแม่ยุคใหม่หัวใจมุ้งมิ้งทุกคน! 👋 เข้าใจเลยว่าพอเจ้าตัวเล็กเริ่มขยับปากอยากลองชิมอาหารเสริมปุ๊บ คุณพ่อคุณแม่หลายบ้านก็เริ่มมองหาตัวช่วยที่จะทำให้มื้ออาหารของลูกน้อยง่าย สะดวก แล้วก็ปลอดภัยกันใช่ไหมคะสมัยก่อนอุปกรณ์กินข้าวเด
10 อุปกรณ์กินข้าวทารก ปี 2025 สีสันสดใส ปลอดภัย เข้าไมโครเวฟได้
สวัสดีครับคุณพ่อคุณแม่มือใหม่และมือเก๋า! 🥰 เข้าใจเลยว่าพอเจ้าตัวน้อยลืมตาดูโลกเนี่ย ของใช้จิปาถะเต็มไปหมดจนตาลายไปหมดเลยใช่ไหมครับ? หนึ่งในไอเทมสำคัญที่ขาดไม่ได้เลยก็คือ ผ้าเช็ดตัวทารก นี่แหละ!ไม่ใช่แค่ผ้าธรรมดานะครับ ผ้าเช็ดตัวสำหรับผิวบอ
10 ผ้าเช็ดตัวทารก ยี่ห้อไหนดี ปี 2025 ซับน้ำดีเยี่ยม แห้งไว
สวัสดีครับคุณพ่อคุณแม่มือใหม่และมือเก๋าที่กำลังรับมือกับเจ้าตัวเล็กที่บ้าน! 😊 ไหนใครเจอปัญหาลูกน้อยนอนหลับยาก หลับๆ ตื่นๆ สะดุ้งผวาจนคุณพ่อคุณแม่พลอยไม่ได้หลับไม่ได้นอนไปด้วยบ้างครับ? ปัญหานี้ทำเอาหมดแรงกันเลยทีเดียว!ในครัวเรือนไทยยุคใหม่ท
10 หมอนกันสะดุ้ง ยี่ห้อไหนดี ปี 2025 หลับยาวตลอดคืน

บทความยอดนิยม

บทความที่แนะนำ