logo

10 Baby Monitor ยี่ห้อไหนดี ปี 2025 ภาพชัด เสียงใส สบายใจ

user avatar
ภูมิ พงศ์ธนาธิป·06/20/2025T10:13Z
点赞
10 Baby Monitor ยี่ห้อไหนดี ปี 2025 ภาพชัด เสียงใส สบายใจ

สวัสดีค่าทุกคน! มาแล้วจ้าๆๆๆ แม่ค้าออนไลน์พาร์ทไทม์ (แต่เรื่องช้อปจริงจังมาก!) มาเม้าท์มอยให้ฟังอีกแล้ววว วันนี้ขอเอาใจว่าที่คุณแม่ คุณพ่อมือใหม่ หรือบ้านไหนที่มีเจ้าตัวเล็กวัยกำลังซน ที่แค่คลาดสายตาแป๊บเดียวก็ใจหายวาบ! เรื่องของเรื่องคือมีคนถามมาเยอะมากค่ะ ว่าจะเลือกซื้อ Baby Monitor หรือกล้องดูลูกน้อยเนี่ย ยี่ห้อไหนดี ปี 2025 นี้มีอะไรเด็ดๆ ภาพชัด เสียงใส สบายใจ หายห่วง จะได้ปล่อยลูกหลับปุ๋ย เราก็มีเวลาไปทำอย่างอื่นบ้างเนอะ ไม่ต้องตัวติดกัน 24 ชั่วโมงเหมือนปาท่องโก๋ วันนี้จัดมาให้ 10 ตัวท็อปแบบเน้นๆ ที่หาซื้อง่ายในไทย แถมมีทริคเลือกซื้อแบบไม่มีพลาด พร้อมคำถามที่พบบ่อย คัดมาให้แล้วเหมือนไปเดินเลือกเองถึงหน้าร้าน (ออนไลน์) เลยจ้า!

1. Prince & Princess – เบบี้มอนิเตอร์ รุ่น Safe & Sound 2K 5G

  • ชื่อแบรนด์: Prince & Princess
  • ชื่อสินค้า: เบบี้มอนิเตอร์ รุ่น Safe & Sound 2K 5G
  • ราคาสินค้า: ประมาณ 1,890 - 2,990 บาท
  • คำอธิบายสินค้า: ตัวนี้บอกเลยว่าฮิตมากในหมู่แม่ๆ ไทย เพราะฟังก์ชันครบครันในราคาสบายกระเป๋า เชื่อมต่อผ่านแอปพลิเคชันในมือถือ ใช้งานง่ายสุดๆ ภาพคมชัดระดับ 2K แถมรองรับ WiFi 5G ทำให้สัญญาณเสถียรขึ้นเยอะ มีทั้งโหมดตรวจจับเสียงร้องไห้ การเคลื่อนไหว และแจ้งเตือนเข้ามือถือแบบ Real Time เหมือนมีตาคอยดูแทนตลอดเวลา ไม่ว่าจะอยู่บ้านหรืออยู่นอกบ้านก็ดูได้สบายใจหายห่วง แถมยังพูดคุยโต้ตอบกับลูกผ่านกล้องได้ด้วยนะ
  • จุดเด่นสินค้า: ภาพคมชัด 2K、รองรับ WiFi 5G สัญญาณเสถียร、แจ้งเตือน Real Time、ราคาเข้าถึงง่าย、ใช้งานผ่านแอปฯ สะดวก
  • ฟังก์ชันการใช้งาน:
    • ระบบตรวจจับเสียงร้องไห้ (Baby Crying Detection): ฟังก์ชันนี้คือผู้ช่วยชีวิตยามค่ำคืน เมื่อกล้องตรวจจับเสียงร้องไห้ของลูกน้อยได้ ระบบจะส่งการแจ้งเตือนมายังโทรศัพท์มือถือของเราทันที ทำให้เรารู้ตัวและเข้าไปดูลูกน้อยได้อย่างรวดเร็ว ไม่ต้องคอยกังวลว่าจะไม่ได้ยินเสียงลูกร้อง ช่วยให้คุณพ่อคุณแม่นอนหลับพักผ่อนได้อย่างสบายใจมากขึ้น เพราะรู้ว่ามีกล้องคอยเป็นหูเป็นตาให้
    • ระบบสื่อสาร 2 ทิศทาง (2 Way Audio): อยากจะปลอบลูกน้อยด้วยเสียงของเราแต่ตัวอยู่ไกลทำไงดี? ฟังก์ชันนี้ตอบโจทย์มากค่ะ เราสามารถพูดผ่านแอปพลิเคชันในมือถือ เสียงของเราก็จะดังออกทางลำโพงของตัวกล้อง ทำให้ลูกได้ยินเสียงพ่อแม่ และลูกก็สามารถส่งเสียงโต้ตอบกลับมาได้เช่นกัน ช่วยให้ลูกรู้สึกอุ่นใจ เหมือนมีคนอยู่ใกล้ๆ ตลอดเวลา
    • การมองเห็นในที่มืด (Smart IR Night Vision): แม้ในห้องนอนที่ปิดไฟมืดสนิทเพื่อการนอนหลับที่ดีของลูกน้อย กล้องก็ยังทำงานได้อย่างยอดเยี่ยมด้วยระบบอินฟราเรดอัจฉริยะที่จะเปิดทำงานอัตโนมัติเมื่อแสงไม่เพียงพอ ทำให้มองเห็นภาพลูกน้อยได้อย่างชัดเจนแม้ในความมืด ช่วยให้เราตรวจสอบได้ว่าลูกนอนหลับสบายดีหรือไม่ในตอนกลางคืน
    • ตรวจจับความเคลื่อนไหว (Movement Detection): ฟังก์ชันนี้ช่วยให้เราไม่พลาดทุกการเคลื่อนไหวของลูกน้อย เมื่อกล้องตรวจพบการเคลื่อนไหวในบริเวณที่ตั้งกล้องไว้ ระบบจะส่งการแจ้งเตือนมายังมือถือทันที ทำให้เรารู้ว่าลูกตื่นหรือมีการขยับตัว ช่วยให้เราเข้าไปดูแลได้ทันท่วงที สามารถปรับระดับความไวในการตรวจจับได้ตามต้องการ
  • กลุ่มผู้ใช้งาน/สถานการณ์: คุณพ่อคุณแม่มือใหม่, ครอบครัวที่ต้องการเฝ้าระวังลูกน้อยตลอดเวลา, ผู้ที่ต้องการฟังก์ชันครบในราคาคุ้มค่า, บ้านที่ใช้ WiFi 5G
ความละเอียดวิดีโอการเชื่อมต่อการมองเห็นกลางคืนระบบเสียงการแจ้งเตือนรองรับ SD Cardการหมุนกล้องการรับประกัน
2KWiFi 2.4G/5Gอินฟราเรด (สูงสุด 10 เมตร)2 ทิศทางเสียงร้อง, การเคลื่อนไหวสูงสุด 128GBแนวนอน 355°, แนวตั้ง 110°1 ปี

2. iBaby – M8 2K Smart WIFI Baby Monitor

  • ชื่อแบรนด์: iBaby
  • ชื่อสินค้า: M8 2K Smart WIFI Baby Monitor
  • ราคาสินค้า: ประมาณ 12,500 - 18,xxx บาท
  • คำอธิบายสินค้า: ตัวนี้พรีเมียมขึ้นมาอีกหน่อย ดีไซน์สวยงามทันสมัย ภาพคมชัดระดับ 2K เหมือนกัน จุดเด่นคือมีโปรเจคเตอร์ฉายภาพและเสียงกล่อมเด็กในตัว ช่วยสร้างบรรยากาศให้ลูกน้อยหลับสบาย แถมยังมีฟังก์ชันเจ๋งๆ อย่างการตรวจจับคุณภาพอากาศ วัดอุณหภูมิและความชื้นในห้องได้ด้วยนะ ครอบคลุมเรื่องการดูแลลูกน้อยแบบสุดๆ แถมยังหมุนกล้องได้รอบทิศทางผ่านแอปฯ
  • จุดเด่นสินค้า: ภาพคมชัด 2K、มีโปรเจคเตอร์กล่อมเด็ก、ตรวจจับคุณภาพอากาศ/อุณหภูมิ、หมุนกล้องได้รอบทิศทาง、ดีไซน์สวย
  • ฟังก์ชันการใช้งาน:
    • โปรเจคเตอร์และเพลงกล่อมเด็ก: สร้างบรรยากาศแสนผ่อนคลายในห้องนอนลูกน้อยด้วยโปรเจคเตอร์ฉายภาพน่ารักๆ บนเพดาน ควบคู่ไปกับเสียงเพลงกล่อมเด็กที่เลือกได้ ช่วยให้ลูกน้อยรู้สึกสงบ ผ่อนคลาย และหลับได้ง่ายขึ้น ฟังก์ชันนี้เป็นจุดเด่นที่แตกต่างจาก Baby Monitor ทั่วไป ทำให้ห้องนอนลูกเป็นพื้นที่แห่งความสุข
    • การตรวจวัดสภาพแวดล้อมในห้อง: ไม่ใช่แค่ดูกล้อง แต่ยังใส่ใจสุขภาพลูกน้อยด้วยการตรวจวัดอุณหภูมิ ความชื้น และคุณภาพอากาศในห้องแบบเรียลไทม์ หากสภาพแวดล้อมไม่เหมาะสม ระบบจะแจ้งเตือนให้เราทราบ เพื่อปรับเปลี่ยนให้เหมาะสมกับลูกน้อยที่สุด
    • ควบคุมการหมุนกล้องระยะไกล: ไม่ว่าลูกน้อยจะกลิ้งไปอยู่มุมไหนของเตียง เราก็สามารถปรับมุมกล้องผ่านแอปพลิเคชันในมือถือได้เลย ตัวกล้องสามารถหมุนแนวนอนได้ 360 องศา และแนวตั้งก็ปรับได้ ทำให้มองเห็นลูกน้อยได้อย่างทั่วถึง ไม่พลาดทุกอิริยาบถ
    • การมองเห็นภาพสีในที่มืด: รุ่นนี้มีฟังก์ชันพิเศษที่สามารถแสดงภาพสีได้แม้ในสภาพแสงน้อย ทำให้มองเห็นลูกน้อยในเวลากลางคืนได้ชัดเจนและเป็นธรรมชาติมากขึ้น ต่างจากกล้องอินฟราเรดทั่วไปที่เห็นเป็นภาพขาวดำ ช่วยให้แยกแยะรายละเอียดต่างๆ ได้ดีกว่า
  • กลุ่มผู้ใช้งาน/สถานการณ์: คุณพ่อคุณแม่ที่ต้องการฟังก์ชันครบถ้วนเป็นพิเศษ, ผู้ที่ให้ความสำคัญกับสภาพแวดล้อมในห้องนอนลูก, ผู้ที่มองหา Baby Monitor ดีไซน์สวยงาม
ความละเอียดวิดีโอมุมมองกล้องการเชื่อมต่อเซ็นเซอร์สภาพแวดล้อมโปรเจคเตอร์/เพลงกล่อมระบบเสียงการแจ้งเตือนราคาโดยประมาณ
2Kแนวนอน 360°, แนวตั้งปรับได้WiFiอุณหภูมิ, ความชื้น, คุณภาพอากาศมี2 ทิศทางเสียงร้อง, การเคลื่อนไหว12,500 - 18,xxx บาท

3. VTech – Video Baby Monitor Camera & Screen 5 Inch LCD (รุ่นยอดนิยม VM901-1W / VM928HD)

  • ชื่อแบรนด์: VTech
  • ชื่อสินค้า: Video Baby Monitor Camera & Screen 5 Inch LCD (รุ่นยอดนิยม VM901-1W / VM928HD)
  • ราคาสินค้า: ประมาณ 5,xxx - 8,xxx บาท (แล้วแต่รุ่นและโปรโมชัน)
  • คำอธิบายสินค้า: VTech เป็นแบรนด์ดังเรื่องอุปกรณ์สำหรับเด็กอยู่แล้ว ตัว Baby Monitor ก็คุณภาพดีเชื่อถือได้ รุ่นยอดนิยมมักจะมาพร้อมจอมอนิเตอร์ขนาด 5 นิ้ว ภาพคมชัด เห็นลูกเต็มตา ใช้งานง่าย ไม่ต้องเชื่อมต่อ WiFi ก็ได้ เพราะมีตัวเครื่องรับส่งสัญญาณแยก มีฟังก์ชันพื้นฐานครบครัน ทั้ง Night Vision, Two-Way Talk, เพลงกล่อมเด็ก และเซ็นเซอร์อุณหภูมิ แบตเตอรี่จอมอนิเตอร์อึด ใช้ได้นาน เหมาะกับบ้านที่ไม่ต้องการพึ่งพามือถือตลอดเวลา
  • จุดเด่นสินค้า: มาพร้อมจอมอนิเตอร์แยก、ใช้งานง่ายไม่พึ่ง WiFi、แบตเตอรี่อึด、ฟังก์ชันพื้นฐานครบครัน、แบรนด์น่าเชื่อถือ
  • ฟังก์ชันการใช้งาน:
    • จอภาพ LCD ขนาดใหญ่: มาพร้อมจอมอนิเตอร์ขนาด 5 นิ้วที่ให้ภาพคมชัด ช่วยให้คุณพ่อคุณแม่เห็นภาพลูกน้อยได้อย่างชัดเจนเต็มตา สะดวกในการตรวจสอบลูกตลอดเวลาโดยไม่ต้องเปิดแอปฯ ในมือถือ ทำให้มือถือยังคงว่างสำหรับใช้งานอื่นๆ ได้อย่างเต็มที่
    • ระบบ Night Vision อัตโนมัติ: ไม่ต้องกังวลเรื่องการมองเห็นในที่มืด ระบบอินฟราเรดจะเปิดทำงานโดยอัตโนมัติเมื่อสภาพแสงน้อยเกินไป ทำให้มองเห็นภาพลูกน้อยได้อย่างชัดเจนแม้ในห้องที่มืดสนิทในเวลากลางคืน ช่วยให้คุณพ่อคุณแม่สบายใจเมื่อลูกน้อยหลับในห้องที่มืด
    • เพลงกล่อมเด็กและเสียงธรรมชาติ: มีเพลงกล่อมเด็กในตัวหลายทำนองและเสียงธรรมชาติที่ช่วยให้ลูกน้อยผ่อนคลาย สามารถเปิดจากตัวกล้องได้โดยตรง ช่วยให้ลูกน้อยรู้สึกสบายตัวและหลับง่ายขึ้น เป็นอีกหนึ่งฟังก์ชันที่ช่วยอำนวยความสะดวกในการดูแลลูก
    • เซ็นเซอร์วัดอุณหภูมิห้อง: มีเซ็นเซอร์วัดอุณหภูมิในห้องของลูกน้อยและแสดงผลบนจอมอนิเตอร์ ช่วยให้คุณพ่อคุณแม่มั่นใจว่าอุณหภูมิในห้องของลูกอยู่ในระดับที่เหมาะสม ไม่ร้อนหรือหนาวจนเกินไป ซึ่งส่งผลต่อความสบายและการนอนหลับของลูก
    • การสื่อสารสองทาง (Two-Way Talk): สามารถพูดคุยโต้ตอบกับลูกน้อยได้ผ่านไมโครโฟนและลำโพงในตัวทั้งที่ตัวกล้องและจอมอนิเตอร์ ช่วยให้คุณพ่อคุณแม่ปลอบโยนลูก หรือพูดคุยกับลูกได้จากระยะไกล โดยไม่ต้องเข้าไปในห้องทันที
  • กลุ่มผู้ใช้งาน/สถานการณ์: คุณพ่อคุณแม่ที่ต้องการความเรียบง่ายในการใช้งาน, ผู้ที่ต้องการจอมอนิเตอร์แยกต่างหาก, บ้านที่มีสัญญาณ WiFi ไม่แรงมากหรือไม่ต้องการเชื่อมต่อตลอดเวลา
ขนาดหน้าจอการเชื่อมต่อระยะรับส่งสัญญาณระบบ Night Visionระบบเสียงเพลงกล่อมเด็กเซ็นเซอร์อุณหภูมิแบตเตอรี่ (จอมอนิเตอร์)
5 นิ้ว LCDFHSS 2.4GHz (ไม่ใช้ WiFi)สูงสุด 300 เมตร (ในที่โล่ง)อัตโนมัติ (อินฟราเรด)2 ทิศทางมีมีสูงสุด 19 ชั่วโมง (วิดีโอ)

4. BBluv – HD Baby Video Camera & Monitor

  • ชื่อแบรนด์: BBluv
  • ชื่อสินค้า: HD Baby Video Camera & Monitor
  • ราคาสินค้า: ประมาณ 4,xxx - 6,xxx บาท
  • คำอธิบายสินค้า: BBluv เป็นอีกแบรนด์ที่น่าสนใจในตลาด Baby Monitor มาพร้อมความละเอียดระดับ HD ให้ภาพและเสียงที่ชัดเจน จุดเด่นคือสามารถรองรับการเชื่อมต่อกล้องได้สูงสุดถึง 4 ตัว เหมาะสำหรับบ้านที่มีเด็กหลายคน หรือต้องการติดตั้งกล้องในหลายๆ ห้อง ตัวกล้องมีดีไซน์กะทัดรัด ใช้งานง่าย และมีฟังก์ชันจำเป็นครบครัน เช่น Two-Way Talk และ Night Vision ระยะส่งสัญญาณค่อนข้างไกล ทำให้ใช้งานได้สะดวกในบ้านขนาดใหญ่
  • จุดเด่นสินค้า: รองรับกล้องได้สูงสุด 4 ตัว、ภาพ HD ชัดเจน、ระยะส่งสัญญาณไกล、ใช้งานง่าย、เหมาะกับบ้านที่มีเด็กหลายคน
  • ฟังก์ชันการใช้งาน:
    • รองรับการเชื่อมต่อหลายกล้อง: ฟังก์ชันนี้ตอบโจทย์ครอบครัวที่มีลูกหลายคน หรือต้องการเฝ้าดูลูกในหลายพื้นที่พร้อมกัน สามารถเชื่อมต่อกล้อง BBluv เข้ากับจอมอนิเตอร์เครื่องเดียวได้สูงสุดถึง 4 ตัว ทำให้คุณพ่อคุณแม่สลับดูภาพจากกล้องแต่ละตัวได้อย่างสะดวก รวดเร็ว และครอบคลุมทุกมุมบ้าน
    • การสื่อสารสองทาง (Two-Way Talk): สามารถพูดคุยโต้ตอบกับลูกน้อย หรือสื่อสารกับผู้ที่ดูแลลูกในห้องได้โดยตรงผ่านไมโครโฟนความไวสูง ช่วยให้การสื่อสารเป็นไปอย่างราบรื่น สามารถปลอบโยนลูกน้อยได้ทันที หรือให้คำแนะนำแก่ผู้ดูแลได้โดยไม่ต้องเข้าไปในห้อง
    • การมองเห็นในที่มืด (Night Vision): แม้ในสภาพแสงน้อยหรือเวลากลางคืน ระบบอินฟราเรดจะช่วยให้มองเห็นภาพลูกน้อยได้อย่างชัดเจน คุณพ่อคุณแม่สามารถตรวจสอบการนอนหลับของลูกได้อย่างมั่นใจตลอดทั้งคืน โดยไม่ต้องเปิดไฟให้รบกวนการนอนของลูก
    • แสดงอุณหภูมิภายในห้อง: มีเซ็นเซอร์ที่สามารถตรวจจับและแสดงผลอุณหภูมิภายในห้องของลูกน้อยบนจอมอนิเตอร์ ช่วยให้คุณพ่อคุณแม่ทราบว่าอุณหภูมิในห้องเหมาะสมหรือไม่ เพื่อปรับอุณหภูมิให้ลูกน้อยรู้สึกสบายตัวที่สุด
  • กลุ่มผู้ใช้งาน/สถานการณ์: ครอบครัวที่มีลูกหลายคน, ผู้ที่ต้องการติดตั้งกล้องในหลายห้อง, บ้านขนาดใหญ่ที่ต้องการระยะส่งสัญญาณไกล
ความละเอียดวิดีโอการเชื่อมต่อระยะส่งสัญญาณรองรับกล้องสูงสุดระบบเสียงเซ็นเซอร์อุณหภูมิการมองเห็นกลางคืนราคาโดยประมาณ
HDไร้สาย (ไม่ระบุประเภทเฉพาะ)สูงสุด 300 เมตร4 ตัว2 ทิศทางมีอินฟราเรด4,xxx - 6,xxx บาท

5. Hubble – กล้องเบบี้มอนิเตอร์ รุ่น Nursery Pal Shimmer / Glow+

  • ชื่อแบรนด์: Hubble
  • ชื่อสินค้า: กล้องเบบี้มอนิเตอร์ รุ่น Nursery Pal Shimmer / Glow+
  • ราคาสินค้า: ประมาณ 4,xxx - 6,xxx บาท (แล้วแต่รุ่น)
  • คำอธิบายสินค้า: Hubble เป็นอีกแบรนด์ที่มี Baby Monitor หลากหลายรุ่น รุ่น Nursery Pal Shimmer/Glow+ เป็นที่นิยมเพราะมาพร้อมจอมอนิเตอร์และเชื่อมต่อกับแอปฯ ในมือถือได้ด้วย ภาพคมชัดระดับ HD หรือ Full HD ในบางรุ่น จุดเด่นคือแบตเตอรี่อึดใช้งานได้นาน มีฟังก์ชันพิเศษอย่างการติดตามการนอนหลับของเด็ก หรือไฟ Night Light เปลี่ยนสีได้ในรุ่น Glow+ ใช้งานง่าย ติดตั้งสะดวก
  • จุดเด่นสินค้า: แบตเตอรี่อึด、เชื่อมต่อได้ทั้งจอและมือถือ、มีฟังก์ชันติดตามการนอน (บางรุ่น)、มีไฟ Night Light เปลี่ยนสี (บางรุ่น)、ภาพคมชัด
  • ฟังก์ชันการใช้งาน:
    • การเชื่อมต่อแบบ Dual Mode: สามารถเลือกดูภาพลูกน้อยได้ทั้งจากจอมอนิเตอร์ที่มาพร้อมชุด หรือจะดูผ่านแอปพลิเคชัน Hubble บนสมาร์ทโฟนหรือแท็บเล็ตก็ได้ เพิ่มความยืดหยุ่นในการใช้งาน ไม่ว่าจะอยู่ที่ไหนในบ้านหรือนอกบ้านก็เชื่อมต่อกับลูกน้อยได้ตลอดเวลา
    • การติดตามและวิเคราะห์การนอนหลับ: ในบางรุ่นมีฟังก์ชันอัจฉริยะที่สามารถติดตามรูปแบบการนอนหลับของลูกน้อยได้ รวบรวมข้อมูลและวิเคราะห์เพื่อให้คุณพ่อคุณแม่เข้าใจพฤติกรรมการนอนของลูกได้ดียิ่งขึ้น ซึ่งอาจช่วยในการปรับตารางการนอนของลูกให้มีคุณภาพมากขึ้น
    • ไฟ Night Light หลากสี: รุ่น Glow+ มีไฟ Night Light ในตัวที่สามารถเปลี่ยนสีได้หลากหลาย แสงไฟอ่อนๆ ช่วยให้ลูกน้อยรู้สึกผ่อนคลาย ไม่กลัวความมืด และช่วยสร้างบรรยากาศที่นุ่มนวลในห้องนอน ทำให้ลูกหลับสบายได้ง่ายขึ้น สามารถควบคุมสีและระดับความสว่างได้ผ่านแอปฯ
    • แบตเตอรี่ใช้งานได้ยาวนาน: จอมอนิเตอร์ของ Hubble หลายรุ่นมีแบตเตอรี่ที่ทนทานเป็นพิเศษ สามารถใช้งานได้ต่อเนื่องหลายชั่วโมงโดยไม่ต้องเสียบปลั๊ก ทำให้คุณพ่อคุณแม่สามารถพกพาจอมอนิเตอร์ไปในส่วนต่างๆ ของบ้านได้อย่างสะดวก โดยไม่ต้องกังวลว่าแบตเตอรี่จะหมดเร็ว
  • กลุ่มผู้ใช้งาน/สถานการณ์: คุณพ่อคุณแม่ที่ต้องการความยืดหยุ่นในการดูภาพลูก (ทั้งจอและมือถือ), ผู้ที่สนใจฟังก์ชันติดตามการนอนหลับ, ผู้ที่ต้องการ Baby Monitor แบตเตอรี่อึด
ความละเอียดวิดีโอการเชื่อมต่อขนาดหน้าจอแบตเตอรี่ฟังก์ชันพิเศษระบบเสียงการมองเห็นกลางคืนราคาโดยประมาณ
HD / Full HD (แล้วแต่รุ่น)WiFi / FHSS (แล้วแต่รุ่น)มีจอ (ขนาดแตกต่างกันไป) / ไม่มีจอ (รุ่นที่ใช้กับมือถือล้วน)อึด (ใช้งานได้นาน)ติดตามการนอน (บางรุ่น), Night Light (บางรุ่น)2 ทิศทางอินฟราเรด4,xxx - 6,xxx บาท

6. Xiaomi – Mi Smart Camera (รุ่นยอดนิยม เช่น C300, IMILAB A1)

  • ชื่อแบรนด์: Xiaomi
  • ชื่อสินค้า: Mi Smart Camera (รุ่นยอดนิยม เช่น C300, IMILAB A1)
  • ราคาสินค้า: ประมาณ 800 - 2,xxx บาท (แล้วแต่รุ่นและโปรโมชัน)
  • คำอธิบายสินค้า: ถ้าพูดถึงกล้องวงจรปิดอัจฉริยะ ราคามิตรภาพ ต้องมี Xiaomi ติดโผแน่นอน แม้จะไม่ใช่ Baby Monitor โดยตรง แต่รุ่นยอดนิยมหลายตัวอย่าง C300 หรือ IMILAB A1 ก็มีฟังก์ชันที่ใช้แทน Baby Monitor ได้ดีมาก ภาพคมชัดระดับ 2K หรือ Full HD เชื่อมต่อผ่านแอปฯ Mi Home ใช้งานง่าย มีฟังก์ชัน Two-Way Talk, Night Vision และตรวจจับการเคลื่อนไหว/เสียงร้องได้ด้วย คุ้มค่าเกินราคามากๆ
  • จุดเด่นสินค้า: ราคาประหยัด、ภาพคมชัดสูง、ฟังก์ชันครบเทียบเท่า Baby Monitor、ใช้งานผ่านแอปฯ Mi Home ง่าย、คุ้มค่ามาก
  • ฟังก์ชันการใช้งาน:
    • ความละเอียดภาพสูง: ให้ภาพที่คมชัดระดับ 2K หรือ Full HD ในราคาที่เข้าถึงง่าย ทำให้มองเห็นรายละเอียดต่างๆ ของลูกน้อยได้อย่างชัดเจน ไม่ว่าจะเป็นการขยับตัว สีหน้า หรือสิ่งแวดล้อมรอบๆ ตัวลูก ช่วยให้คุณพ่อคุณแม่สบายใจได้มากขึ้น
    • การตรวจจับเสียงร้องไห้ (Baby Cry Detection): แม้จะเป็นกล้องวงจรปิดทั่วไป แต่บางรุ่นของ Xiaomi ก็มีฟังก์ชันตรวจจับเสียงร้องไห้ของเด็กโดยเฉพาะ เมื่อกล้องได้ยินเสียงลูกร้อง ระบบจะแจ้งเตือนมายังมือถือทันที ทำให้เราไม่พลาดช่วงเวลาที่ลูกต้องการเรา ช่วยให้การดูแลลูกน้อยสะดวกและรวดเร็วยิ่งขึ้น
    • ระบบสื่อสาร 2 ทิศทาง (Two-Way Talk): สามารถพูดคุยโต้ตอบกับลูกน้อยผ่านตัวกล้องและแอปฯ ในมือถือได้ ช่วยให้คุณพ่อคุณแม่ปลอบโยนลูก หรือพูดคุยกับผู้ที่ดูแลลูกได้จากระยะไกล เสียงดังฟังชัด เสมือนอยู่ใกล้ๆ ลูกตลอดเวลา
    • การมองเห็นในที่มืด (Night Vision): มีระบบอินฟราเรดสำหรับมองเห็นในที่มืดอัตโนมัติ ช่วยให้คุณพ่อคุณแม่สามารถตรวจสอบลูกน้อยได้ตลอดทั้งคืน แม้ในห้องที่ปิดไฟมืดสนิท ภาพที่ได้มีความชัดเจนเพียงพอสำหรับการสังเกตการณ์
    • การควบคุมการหมุนกล้องระยะไกล: บางรุ่นสามารถสั่งหมุนกล้องแนวนอนได้ 360 องศา และแนวตั้งได้ผ่านแอปพลิเคชัน ช่วยให้สามารถปรับมุมมองกล้องเพื่อติดตามลูกน้อยได้อย่างทั่วถึงภายในห้อง ไม่ว่าลูกจะเคลื่อนที่ไปอยู่ส่วนไหนของห้องก็ตาม
  • กลุ่มผู้ใช้งาน/สถานการณ์: คุณพ่อคุณแม่ที่มองหา Baby Monitor ในงบประหยัด, ผู้ที่ต้องการกล้องที่สามารถใช้ประโยชน์อื่นๆ ในบ้านได้ด้วย (เช่น กล้องวงจรปิดทั่วไป), ผู้ที่ใช้ผลิตภัณฑ์ Xiaomi อยู่แล้วและคุ้นเคยกับแอปฯ Mi Home
ความละเอียดวิดีโอการเชื่อมต่อการมองเห็นกลางคืนระบบเสียงการแจ้งเตือนการหมุนกล้อง (บางรุ่น)ราคาโดยประมาณแอปพลิเคชัน
Full HD / 2K (แล้วแต่รุ่น)WiFi 2.4GHzอินฟราเรด2 ทิศทางการเคลื่อนไหว, เสียงร้อง (บางรุ่น)แนวนอน 360°, แนวตั้ง 90°800 - 2,xxx บาทMi Home

7. Imou – Baby Monitor

  • ชื่อแบรนด์: Imou
  • ชื่อสินค้า: Baby Monitor (มีหลายรุ่น เช่น Ranger 2, Rex)
  • ราคาสินค้า: ประมาณ 1,xxx - 3,xxx บาท (แล้วแต่รุ่น)
  • คำอธิบายสินค้า: Imou เป็นอีกแบรนด์กล้องวงจรปิดที่ได้รับความนิยมในไทย และมีรุ่นที่ออกแบบมาเพื่อใช้เป็น Baby Monitor โดยเฉพาะ หรือรุ่นทั่วไปที่มีฟังก์ชันรองรับได้ดี ภาพคมชัดระดับ Full HD หรือ 2K แล้วแต่รุ่น เชื่อมต่อผ่านแอปฯ Imou Life ใช้งานง่าย สะดวก มีฟังก์ชันเด่นๆ เช่น AI ตรวจจับการเคลื่อนไหว เสียงร้องไห้ หรือแม้กระทั่งตรวจจับคน มีระบบติดตามการเคลื่อนไหวอัตโนมัติด้วย คุ้มค่าคุ้มราคา ฟังก์ชันฉลาด
  • จุดเด่นสินค้า: ฟังก์ชัน AI อัจฉริยะ、ตรวจจับเสียงร้องไห้แม่นยำ、มี Auto Tracking、ภาพคมชัด、ราคาเข้าถึงง่าย
  • ฟังก์ชันการใช้งาน:
    • AI ตรวจจับอัจฉริยะ: ใช้เทคโนโลยี AI ในการวิเคราะห์ภาพและเสียง สามารถแยกแยะการตรวจจับได้แม่นยำขึ้น เช่น ตรวจจับเสียงร้องไห้ของเด็ก หรือตรวจจับการปรากฏตัวของคน ช่วยลดการแจ้งเตือนที่ไม่จำเป็น ทำให้คุณพ่อคุณแม่ได้รับการแจ้งเตือนเฉพาะเมื่อมีเหตุการณ์สำคัญจริงๆ
    • ระบบติดตามการเคลื่อนไหวอัตโนมัติ (Auto Tracking): เมื่อลูกน้อยมีการเคลื่อนไหว ตัวกล้องจะหมุนตามลูกโดยอัตโนมัติ ทำให้เราสามารถติดตามลูกน้อยได้อย่างต่อเนื่อง ไม่ว่าลูกจะคลานหรือเดินไปส่วนไหนของห้อง ก็ยังอยู่ในเฟรมกล้องตลอดเวลา
    • ระบบสื่อสาร 2 ทิศทาง (Two-Way Talk): สามารถพูดคุยโต้ตอบกับลูกน้อย หรือผู้ที่อยู่ในห้องผ่านกล้องได้ ช่วยให้สามารถปลอบโยนลูก หรือให้คำแนะนำจากระยะไกลได้อย่างสะดวก เสียงคมชัด
    • การมองเห็นในที่มืด (Night Vision): มีระบบอินฟราเรดที่ช่วยให้มองเห็นภาพในที่มืดได้อย่างชัดเจน ช่วยให้คุณพ่อคุณแม่สามารถเฝ้าดูลูกน้อยได้อย่างสบายใจตลอดทั้งคืน โดยไม่ต้องเปิดไฟในห้อง
  • กลุ่มผู้ใช้งาน/สถานการณ์: คุณพ่อคุณแม่ที่ต้องการ Baby Monitor ที่มีฟังก์ชัน AI ช่วยในการตรวจจับ, ผู้ที่ต้องการระบบติดตามการเคลื่อนไหวอัตโนมัติ, ผู้ที่มองหากล้องที่คุ้มค่าฟังก์ชันครบ
ความละเอียดวิดีโอการเชื่อมต่อฟังก์ชัน AIAuto Trackingระบบเสียงการมองเห็นกลางคืนราคาโดยประมาณแอปพลิเคชัน
Full HD / 2K (แล้วแต่รุ่น)WiFi 2.4GHzตรวจจับคน, เสียงร้องมี (บางรุ่น)2 ทิศทางอินฟราเรด1,xxx - 3,xxx บาทImou Life

8. TP-Link Tapo – Smart Camera (รุ่นที่ใช้เป็น Baby Monitor ได้ เช่น Tapo C200, C210)

  • ชื่อแบรนด์: TP-Link Tapo
  • ชื่อสินค้า: Smart Camera (รุ่นที่ใช้เป็น Baby Monitor ได้ เช่น Tapo C200, C210)
  • ราคาสินค้า: ประมาณ 800 - 1,xxx บาท (แล้วแต่รุ่นและโปรโมชัน)
  • คำอธิบายสินค้า: TP-Link Tapo เป็นอีกแบรนด์กล้อง Smart Home ที่คนไทยนิยมใช้กัน กล้องหลายรุ่นสามารถนำมาประยุกต์ใช้เป็น Baby Monitor ได้ดีเยี่ยม เช่น Tapo C200 หรือ C210 ที่ให้ภาพคมชัดระดับ Full HD หรือ 2K ติดตั้งง่าย ใช้งานผ่านแอปฯ Tapo สะดวก มีฟังก์ชันเด่นคือการหมุนกล้องได้กว้างถึง 360 องศา และมีระบบตรวจจับการเคลื่อนไหวและเสียง พร้อม Night Vision และ Two-Way Audio คุ้มค่า เชื่อมต่อกับอุปกรณ์ Smart Home อื่นๆ ได้ง่าย
  • จุดเด่นสินค้า: ราคาประหยัด、ภาพคมชัด、หมุนกล้องได้ 360 องศา、ใช้งานผ่านแอปฯ Tapo ง่าย、เชื่อมต่อ Smart Home ได้
  • ฟังก์ชันการใช้งาน:
    • การหมุนกล้องได้รอบทิศทาง: ตัวกล้องสามารถหมุนแนวนอนได้ 360 องศา และปรับขึ้นลงได้ในมุมกว้าง ทำให้สามารถติดตั้งกล้องในจุดเดียวแต่ครอบคลุมพื้นที่ห้องได้เกือบทั้งหมด ช่วยให้คุณพ่อคุณแม่สามารถปรับมุมกล้องเพื่อดูความเคลื่อนไหวของลูกน้อยได้อย่างทั่วถึง
    • การตรวจจับการเคลื่อนไหวและเสียง: มีระบบตรวจจับการเคลื่อนไหวและเสียงที่แม่นยำ เมื่อตรวจพบความผิดปกติ เช่น ลูกขยับตัว หรือมีเสียงดัง ระบบจะส่งการแจ้งเตือนมายังโทรศัพท์มือถือทันที ทำให้ไม่พลาดทุกเหตุการณ์สำคัญ
    • ระบบสื่อสาร 2 ทิศทาง (Two-Way Audio): สามารถสื่อสารกับลูกน้อย หรือผู้ที่อยู่ในห้องผ่านกล้องได้โดยตรง ฟังก์ชันนี้มีประโยชน์มากในการปลอบโยนลูกจากระยะไกล หรือพูดคุยกับพี่เลี้ยงเด็กได้อย่างสะดวก
    • การมองเห็นในที่มืด (Night Vision): มีระบบอินฟราเรดที่ช่วยให้มองเห็นภาพในที่มืดได้อย่างชัดเจนในระยะที่เหมาะสม ทำให้คุณพ่อคุณแม่สามารถตรวจสอบลูกน้อยได้อย่างสบายใจตลอดทั้งคืน
  • กลุ่มผู้ใช้งาน/สถานการณ์: คุณพ่อคุณแม่ที่ต้องการ Baby Monitor ราคาย่อมเยาแต่ฟังก์ชันครบ, ผู้ที่ต้องการกล้องที่หมุนได้กว้าง, ผู้ที่ใช้หรือสนใจระบบ Smart Home ของ TP-Link Tapo
ความละเอียดวิดีโอการเชื่อมต่อการหมุนกล้องการตรวจจับระบบเสียงการมองเห็นกลางคืนราคาโดยประมาณแอปพลิเคชัน
Full HD / 2K (แล้วแต่รุ่น)WiFi 2.4GHzแนวนอน 360°, แนวตั้งปรับได้การเคลื่อนไหว, เสียง2 ทิศทางอินฟราเรด800 - 1,xxx บาทTapo

9. Safe & Sound – Baby Monitor

  • ชื่อแบรนด์: Prince & Princess (ใช้ชื่อรุ่น Safe & Sound เป็นที่รู้จัก)
  • ชื่อสินค้า: Baby Monitor รุ่น Safe & Sound (รุ่นก่อนหน้า Safe & Sound 2K 5G)
  • ราคาสินค้า: ประมาณ 1,500 - 2,500 บาท (ขึ้นอยู่กับโปรโมชันและร้านค้า)
  • คำอธิบายสินค้า: Safe & Sound จาก Prince & Princess เป็นชื่อรุ่น Baby Monitor ที่ได้รับความนิยมอย่างมากในไทย รุ่นนี้เป็นรุ่นก่อนหน้าของ Safe & Sound 2K 5G แต่ก็ยังคงมีฟังก์ชันพื้นฐานที่จำเป็นสำหรับการดูแลลูกน้อยครบถ้วน เน้นการใช้งานที่ง่าย สะดวก ผ่านแอปพลิเคชัน มีระบบแจ้งเตือนเมื่อลูกร้องไห้หรือมีการเคลื่อนไหว พร้อม Night Vision และ Two-Way Audio เป็นตัวเลือกที่คุ้มค่าสำหรับผู้ที่ต้องการ Baby Monitor คุณภาพดีในราคาที่เข้าถึงง่าย
  • จุดเด่นสินค้า: ราคาเข้าถึงง่าย、ใช้งานผ่านแอปฯ สะดวก、ฟังก์ชันพื้นฐานครบครัน、แจ้งเตือนแม่นยำ、เป็นที่นิยมในไทย
  • ฟังก์ชันการใช้งาน:
    • แจ้งเตือนเสียงร้องและการเคลื่อนไหว: ระบบจะคอยตรวจจับเสียงและทุกความเคลื่อนไหวในห้องของลูกน้อย หากลูกร้องไห้ หรือมีการขยับตัว ระบบจะส่งการแจ้งเตือนแบบ Real Time มายังโทรศัพท์มือถือของคุณทันที ช่วยให้คุณพ่อคุณแม่ทราบความเคลื่อนไหวของลูกได้อย่างรวดเร็ว ไม่พลาดทุกสถานการณ์
    • ระบบสื่อสาร 2 ทิศทาง (Two-Way Audio): สามารถสื่อสารพูดคุยกับลูกน้อยผ่านตัวกล้องได้ ช่วยให้คุณพ่อคุณแม่ปลอบโยนลูก หรือพูดคุยกับผู้ที่อยู่ใกล้ลูกได้อย่างสะดวก แม้จะไม่ได้อยู่ในห้องเดียวกัน
    • การมองเห็นในที่มืด (Night Vision): มีระบบอินฟราเรดที่จะเปิดทำงานโดยอัตโนมัติเมื่อแสงสว่างไม่เพียงพอ ช่วยให้มองเห็นภาพลูกน้อยได้อย่างชัดเจนแม้ในห้องที่มืดสนิทในเวลากลางคืน สามารถตรวจสอบการนอนหลับของลูกได้อย่างมั่นใจ
    • ใช้งานผ่านแอปพลิเคชัน: ควบคุมและดูภาพจากกล้องได้ง่ายๆ ผ่านแอปพลิเคชันบนสมาร์ทโฟน สามารถปรับมุมกล้อง (บางรุ่น), บันทึกภาพ/วิดีโอ, และตั้งค่าการแจ้งเตือนต่างๆ ได้อย่างสะดวก
  • กลุ่มผู้ใช้งาน/สถานการณ์: คุณพ่อคุณแม่ที่มองหา Baby Monitor ราคาไม่แพง, ผู้ที่ต้องการฟังก์ชันพื้นฐานที่จำเป็นครบถ้วน, ผู้ที่ต้องการความสะดวกในการใช้งานผ่านมือถือ
ความละเอียดวิดีโอการเชื่อมต่อการมองเห็นกลางคืนระบบเสียงการแจ้งเตือนการควบคุมราคาโดยประมาณแบรนด์หลัก
Full HD (โดยประมาณ)WiFi 2.4GHzอินฟราเรด2 ทิศทางเสียงร้อง, การเคลื่อนไหวผ่านแอปพลิเคชัน1,500 - 2,500 บาทPrince & Princess

10. Infant Optics – DXR-8 PRO

  • ชื่อแบรนด์: Infant Optics
  • ชื่อสินค้า: DXR-8 PRO Video Baby Monitor
  • ราคาสินค้า: ราคาค่อนข้างสูง (โดยประมาณ 7,xxx - 1x,xxx บาท ขึ้นอยู่กับแหล่งนำเข้า)
  • คำอธิบายสินค้า: Infant Optics เป็นแบรนด์ดังจากต่างประเทศที่เน้น Baby Monitor แบบ Non-WiFi เพื่อความปลอดภัยสูงสุด รุ่น DXR-8 PRO เป็นรุ่นยอดนิยมที่ได้รับรางวัล จุดเด่นคือใช้เทคโนโลยี Active Noise Reduction (ANR) ช่วยลดเสียงรบกวนรอบข้าง ทำให้ได้ยินเสียงลูกชัดเจนขึ้น มาพร้อมจอมอนิเตอร์ขนาด 5 นิ้ว ภาพชัดระดับ 720p HD มีเลนส์ที่เปลี่ยนได้ (ซูม, มุมกว้าง) และฟังก์ชัน Pan/Tilt/Zoom ควบคุมจากจอมอนิเตอร์ เหมาะกับผู้ที่กังวลเรื่องความปลอดภัยของสัญญาณ WiFi และต้องการคุณภาพเสียงที่เหนือกว่า
  • จุดเด่นสินค้า: ระบบ Non-WiFi ปลอดภัย、Active Noise Reduction (ANR) ลดเสียงรบกวน、ภาพ HD คมชัด、มีเลนส์เปลี่ยนได้、ควบคุม Pan/Tilt/Zoom จากจอ
  • ฟังก์ชันการใช้งาน:
    • เทคโนโลยี Active Noise Reduction (ANR): ฟังก์ชันเด่นที่ช่วยกรองเสียงรบกวนรอบข้าง เช่น เสียงพัดลม เครื่องปรับอากาศ หรือเสียงอื่นๆ ที่ไม่เกี่ยวข้อง ทำให้คุณพ่อคุณแม่ได้ยินเฉพาะเสียงลูกน้อยได้อย่างชัดเจนและเป็นธรรมชาติมากขึ้น ไม่ถูกรบกวนด้วยเสียงซ่าๆ หรือเสียงพื้นหลังที่ไม่ต้องการ
    • ระบบ Non-WiFi ปลอดภัย: ใช้งานบนคลื่นความถี่วิทยุเฉพาะ (FHSS) ที่ปลอดภัย ไม่ต้องเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ต ช่วยให้มั่นใจได้ว่าสัญญาณจะไม่ถูกแฮกหรือถูกรบกวนจากภายนอก เหมาะสำหรับผู้ที่ให้ความสำคัญกับความเป็นส่วนตัวและความปลอดภัยของข้อมูลอย่างยิ่ง
    • เลนส์ที่สามารถเปลี่ยนได้: สามารถเปลี่ยนเลนส์ของตัวกล้องได้ โดยมีเลนส์มาตรฐาน เลนส์ซูม และเลนส์มุมกว้างให้เลือกซื้อเพิ่มเติม ช่วยให้สามารถปรับมุมมองกล้องให้เหมาะสมกับขนาดห้องหรือความต้องการในการเฝ้าดูได้อย่างยืดหยุ่น
    • ควบคุม Pan, Tilt & Zoom จากจอมอนิเตอร์: สามารถสั่งหมุนกล้อง (Pan & Tilt) และซูมภาพ (Zoom) ได้โดยตรงจากจอมอนิเตอร์หลัก ไม่ต้องเข้าไปปรับที่ตัวกล้อง ทำให้สะดวกในการปรับมุมมองเพื่อติดตามลูกน้อยที่เคลื่อนไหวไปมา
    • จอมอนิเตอร์ HD คุณภาพสูง: มาพร้อมจอมอนิเตอร์สีขนาด 5 นิ้ว ความละเอียด 720p HD แสดงภาพลูกน้อยได้อย่างคมชัด เก็บรายละเอียดได้ดี ทำให้คุณพ่อคุณแม่มองเห็นลูกได้อย่างสบายตา
  • กลุ่มผู้ใช้งาน/สถานการณ์: คุณพ่อคุณแม่ที่กังวลเรื่องความปลอดภัยของสัญญาณ WiFi, ผู้ที่ต้องการ Baby Monitor คุณภาพเสียงดีเยี่ยม มีฟังก์ชันลดเสียงรบกวน, ผู้ที่ต้องการความยืดหยุ่นในการปรับมุมมองและซูมภาพ
การเชื่อมต่อเทคโนโลยีเสียงความละเอียดจอขนาดจอเลนส์ควบคุมกล้องระยะรับส่งสัญญาณราคาโดยประมาณ
Non-WiFi (FHSS)Active Noise Reduction (ANR)720p HD5 นิ้วเปลี่ยนได้Pan/Tilt/Zoom จากจอสูงสุด 1,000 ฟุต (ในที่โล่ง) (สำหรับรุ่นใกล้เคียง DXR-8)7,xxx - 1x,xxx บาท

คำแนะนำการเลือกซื้อ Baby Monitor ปี 2025 ให้ปังๆ สบายใจคุณแม่

  • 1. สัญญาณและความเสถียร เรื่องใหญ่ที่ห้ามมองข้าม:
    Baby Monitor เนี่ย หัวใจสำคัญเลยคือสัญญาณต้องดี๊ดีเหมือนความรักของเรากับลูกน้อย! ลองคิดดูสิคะ ถ้าสัญญาณหลุดๆ ติดๆ ตอนที่เรากำลังทำอาหารหรืออาบน้ำอยู่ แล้วลูกเกิดร้องขึ้นมา จะทำยังไง? ใจแป้วแย่เลยเนอะ ปี 2025 นี้เทคโนโลยีไปไกลมาก มีทั้งแบบที่ใช้คลื่นวิทยุเฉพาะ (FHSS) ที่ปลอดภัย ไม่ต้องพึ่ง WiFi กับแบบที่เชื่อมต่อ WiFi ผ่านแอปฯ ในมือถือ ถ้าบ้านกว้าง มีหลายชั้น หรือผนังหนาๆ หน่อย ลองมองหารุ่นที่บอกระยะรับส่งสัญญาณชัดเจน หรือเลือกรุ่นที่ใช้คลื่น FHSS อาจจะเสถียรกว่าในบางกรณี ส่วนรุ่น WiFi ก็เช็คด้วยว่ารองรับคลื่น 2.4GHz หรือ 5GHz บ้านไหนใช้ 5GHz ได้ก็จะได้ความเสถียรและเร็วขึ้น แต่ที่สำคัญสุดคืออ่านรีวิวจากผู้ใช้งานจริงในไทยเยอะๆ เลยค่ะ ว่าเค้าใช้แล้วเจอปัญหาสัญญาณหลุดบ่อยไหม ยิ่งซื้อออนไลน์ เราไม่มีโอกาสลองสัญญาณจริงที่บ้านตัวเองนี่แหละ ต้องพึ่งรีวิวกับข้อมูลสเปคให้แน่นๆ บางทีแบรนด์บอกระยะไกลเวอร์วัง แต่เจอสิ่งกีดขวางในบ้านก็จบเห่ได้เหมือนกันนะ อย่าลืมดูเรื่องระบบแจ้งเตือนด้วยว่ามีการเตือนเมื่อสัญญาณอ่อนหรือหลุดไหม จะได้รู้ตัวทัน ไม่ใช่หายเงียบไปเลย
  • 2. คุณภาพของภาพและเสียง ต้องชัดเหมือนนั่งเฝ้าเอง:
    แน่นอนว่าซื้อ Baby Monitor แบบ Video ทั้งที ภาพต้องคมชัดระดับ HD ขึ้นไปนะจ๊ะ ปี 2025 แล้ว ความละเอียด 2K ก็เริ่มมีให้เห็นเยอะขึ้นในราคาที่เข้าถึงง่าย ภาพชัดๆ เนี่ย ช่วยให้เราเห็นรายละเอียดลูกได้ดีขึ้นเยอะเลยค่ะ เห็นว่าลูกนอนท่าไหน ห่มผ้าถึงคอไหม หรือมีอะไรมาอุดจมูกหรือเปล่า (อันนี้คุณแม่สายขี้กังวลอินจัด!) ส่วนเรื่อง Night Vision ก็สำคัญไม่แพ้กัน เพราะส่วนใหญ่ลูกก็หลับตอนกลางคืนนี่แหละ เลือกแบบอินฟราเรดที่ภาพชัดในที่มืด จะได้ส่องลูกได้สบายตา บางรุ่นมี Night Vision แบบภาพสีในที่มืดได้ด้วยนะ อันนี้ว้าวมาก! มาถึงเรื่องเสียงบ้าง เสียงต้องใส ไม่ดีเลย์ และมีฟังก์ชัน Two-Way Talk ที่เสียงชัดเจนทั้งฝั่งกล้องและฝั่งจอมอนิเตอร์/มือถือ บางทีแค่ได้ยินเสียงแม่ เสียงพ่อ ลูกก็หยุดร้องได้แล้ว ยิ่งรุ่นที่มี Active Noise Reduction (ANR) ลดเสียงรบกวนรอบข้างได้ อันนี้ยิ่งดีงามเหมือนสวรรค์โปรด เพราะเสียงพัดลม เสียงแอร์ เสียงจิ้งหรีดนอกหน้าต่างจะได้ไม่มารบกวนการฟังเสียงลูกน้อยของเรา การเลือกซื้อออนไลน์ต้องอาศัยดูจากสเปค อ่านรีวิว และดูคลิปรีวิวสินค้า (ถ้ามี) เพื่อประเมินคุณภาพภาพและเสียงให้ดีที่สุดค่ะ
  • 3. ฟังก์ชันเสริมโดนใจ ไลฟ์สไตล์คุณพ่อคุณแม่ยุคใหม่:
    Baby Monitor สมัยนี้ไม่ได้มีแค่ดูกับฟังเสียงแล้วนะ ฟังก์ชันเสริมเพียบเวอร์ เลือกให้ตรงกับไลฟ์สไตล์ของเราและลูกน้อยค่ะ เช่น ถ้าลูกขี้ร้อนขี้หนาวง่าย ก็มองหารุ่นที่มีเซ็นเซอร์วัดอุณหภูมิ/ความชื้นในห้องได้ จะได้ปรับแอร์ ปรับพัดลมให้เหมาะสม ถ้าลูกหลับยาก หรือชอบมีเสียงเพลงกล่อม ก็เลือกรุ่นที่มีเพลงกล่อมเด็กในตัว หรือมีช่องเสียบ SD Card เอาไว้ใส่เพลงโปรดของลูกได้ บ้านไหนกว้าง หรือลูกขี้คลาน ชอบไปทั่วห้อง ก็เลือกรุ่นที่หมุนกล้อง Pan & Tilt ได้กว้างๆ หรือมีระบบ Auto Tracking หมุนตามลูกอัตโนมัติไปเลยจ้า สะดวกสุดๆ ฟังก์ชันตรวจจับเสียงร้องไห้ หรือตรวจจับการเคลื่อนไหวพร้อมแจ้งเตือนเนี่ย ก็เป็นฟังก์ชันพื้นฐานที่ควรมี ช่วยให้เราไม่พลาดทุกโมเมนต์สำคัญ บางรุ่นมีฟังก์ชันวิเคราะห์การนอนหลับ หรือมีไฟ Night Light เปลี่ยนสีได้ด้วยนะ เลือกที่จำเป็นและตอบโจทย์เราที่สุดค่ะ อย่าเพิ่งตามกระแสทุกอย่าง เพราะบางฟังก์ชันเราอาจจะไม่ได้ใช้ก็ได้ ศึกษาข้อมูลจากหลายแหล่ง ทั้งเว็บไซต์รีวิว เพจแม่และเด็ก หรือกลุ่มคุณแม่ในโซเชียลมีเดีย เพื่อดูว่าฟังก์ชันไหนมีประโยชน์กับการใช้งานจริงในชีวิตประจำวันของพ่อแม่คนไทยบ้าง
  • 4. ความปลอดภัยของข้อมูลและความเป็นส่วนตัว:
    ข้อนี้สำคัญมากกกก โดยเฉพาะ Baby Monitor แบบที่เชื่อมต่อ WiFi เพราะมันคือกล้องที่ตั้งอยู่ในห้องส่วนตัวของลูกเราเลยนะ! เลือกแบรนด์ที่น่าเชื่อถือ มีการเข้ารหัสสัญญาณที่ดี และมีมาตรการป้องกันการเข้าถึงข้อมูลจากภายนอก บางแบรนด์ถึงขั้นโฆษณาว่าเป็น Non-WiFi และ Hack-Proof ไปเลยก็มี ซึ่งก็เป็นทางเลือกที่น่าสนใจสำหรับคุณพ่อคุณแม่ที่กังวลเรื่องความปลอดภัยเป็นพิเศษ ถ้าเลือกใช้แบบ WiFi ก็ควรตั้งรหัสผ่าน WiFi ที่บ้านให้แข็งแรง ตั้งรหัสผ่านสำหรับเข้าดูกล้องให้ซับซ้อน และไม่บอกใครง่ายๆ นะคะ อัปเดตเฟิร์มแวร์ของกล้องให้เป็นเวอร์ชันล่าสุดอยู่เสมอด้วย เพื่อปิดช่องโหว่ด้านความปลอดภัย นอกจากนี้ ลองเช็คด้วยว่าแอปพลิเคชันของกล้องมีการเก็บข้อมูลอะไรของเราบ้าง และมีนโยบายความเป็นส่วนตัวที่ชัดเจนหรือเปล่า บางทีแบรนด์ดังๆ ก็มีมาตรฐานเรื่องนี้ดีกว่าแบรนด์โนเนมค่ะ การซื้อจากร้านค้าทางการหรือตัวแทนจำหน่ายที่น่าเชื่อถือในไทย ก็ช่วยเพิ่มความมั่นใจได้อีกระดับ เพราะมักจะมีระบบการรับประกันและการดูแลหลังการขายที่ดีกว่า
  • 5. การรับประกันและบริการหลังการขาย:
    สุดท้ายแต่ไม่ท้ายสุด เรื่องของการรับประกันสินค้าและบริการหลังการขาย สำคัญมากในการช้อปออนไลน์ Baby Monitor เป็นอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ มีโอกาสที่จะมีปัญหาทางเทคนิคได้ เลือกร้านที่ให้การรับประกันที่ชัดเจน มีศูนย์บริการในไทย หรือมีช่องทางติดต่อเพื่อสอบถาม/เคลมสินค้าที่สะดวก ระยะเวลาการรับประกันส่วนใหญ่อยู่ที่ 1 ปี ควรสอบถามเงื่อนไขการรับประกันให้ละเอียด เช่น ครอบคลุมอะไรบ้าง หากสินค้ามีปัญหาในระยะเวลารับประกัน ต้องทำอย่างไร มีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมไหม การอ่านรีวิวจากผู้ซื้อคนอื่นๆ เกี่ยวกับประสบการณ์การเคลมสินค้าหรือการบริการหลังการขายของร้านค้านั้นๆ ก็มีประโยชน์มากๆ ในการตัดสินใจ โดยเฉพาะในแพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซใหญ่ๆ จะมีส่วนให้คะแนนและรีวิวร้านค้า ซึ่งเป็นข้อมูลที่เราใช้ประกอบการตัดสินใจได้ดีเยี่ยมค่ะ อย่าเห็นแก่ของถูกอย่างเดียว จนลืมเรื่องการรับประกันไปนะคะ เดี๋ยวเกิดปัญหาขึ้นมาจะปวดหัวกว่าเดิมหลายเท่าเลย

คำถามที่พบบ่อย (FAQ) เกี่ยวกับ Baby Monitor ที่แม่ๆ อยากรู้

  • Q: Baby Monitor แบบ WiFi กับ Non-WiFi ต่างกันยังไง? ควรเลือกแบบไหนดี?
    A: ต่างกันที่วิธีการเชื่อมต่อค่ะ แบบ WiFi จะเชื่อมต่อผ่านอินเทอร์เน็ตในบ้าน ดูภาพผ่านแอปพลิเคชันในมือถือได้สะดวก ไม่ว่าจะอยู่บ้านหรืออยู่นอกบ้านก็ดูได้ แต่ข้อจำกัดคือถ้า WiFi ที่บ้านไม่เสถียร สัญญาณอาจหลุดได้ และบางคนกังวลเรื่องความปลอดภัยของข้อมูลที่ส่งผ่านอินเทอร์เน็ต ส่วนแบบ Non-WiFi จะใช้คลื่นวิทยุเฉพาะ (FHSS) รับส่งสัญญาณระหว่างกล้องกับจอมอนิเตอร์โดยตรง ไม่ต้องใช้อินเทอร์เน็ต สัญญาณมีความเป็นส่วนตัวสูงกว่า และมักจะเสถียรในระยะที่กำหนด แต่ข้อจำกัดคือจะดูภาพได้เฉพาะบนจอมอนิเตอร์ที่มากับชุดเท่านั้น ออกนอกบ้านดูกล้องไม่ได้ค่ะ ควรเลือกแบบไหน? ถ้าเน้นความสะดวก ดูได้ทุกที่ และที่บ้าน WiFi แรงดี ก็เลือกแบบ WiFi ค่ะ แต่ถ้ากังวลเรื่องความปลอดภัยมากๆ หรือที่บ้านสัญญาณ WiFi ไม่ค่อยดี ก็เลือกแบบ Non-WiFi เพื่อความสบายใจค่ะ
  • Q: Baby Monitor จำเป็นต้องมีฟังก์ชัน Pan & Tilt ไหม?
    A: ฟังก์ชัน Pan & Tilt คือการที่กล้องสามารถหมุนซ้ายขวา (Pan) และปรับขึ้นลง (Tilt) ได้ค่ะ ถ้ามีฟังก์ชันนี้ คุณจะสามารถปรับมุมมองกล้องผ่านจอมอนิเตอร์หรือแอปพลิเคชันได้จากระยะไกล ซึ่งมีประโยชน์มากถ้าลูกน้อยของคุณไม่อยู่ในเฟรมกล้อง หรือชอบคลานไปมาในห้อง คุณก็แค่กดควบคุมให้กล้องหันตามไปได้เลย ถ้าห้องลูกค่อนข้างกว้าง หรือลูกเริ่มเคลื่อนที่ได้เยอะแล้ว ฟังก์ชันนี้ก็จะช่วยให้เฝ้าดูได้ครอบคลุมมากขึ้นค่ะ แต่ถ้าห้องลูกไม่ใหญ่มาก หรือลูกยังนอนนิ่งๆ ส่วนใหญ่ ฟังก์ชันนี้อาจจะไม่จำเป็นเท่าไหร่ค่ะ ขึ้นอยู่กับการใช้งานและขนาดพื้นที่ห้องของลูกเป็นหลัก
  • Q: ซื้อ Baby Monitor ออนไลน์ปลอดภัยไหม? มีข้อควรระวังอะไรบ้าง?
    A: การซื้อ Baby Monitor ออนไลน์ค่อนข้างสะดวกและมีตัวเลือกหลากหลายค่ะ ปลอดภัยถ้าเลือกซื้อจากร้านค้าหรือแพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซที่น่าเชื่อถือ มีการรับประกันสินค้าและนโยบายการคืนสินค้าที่ชัดเจน ข้อควรระวังคือเรื่องการตรวจสอบผู้ขาย อ่านรีวิวร้านค้าและรีวิวสินค้าจากผู้ซื้อคนอื่นๆ เพื่อดูความน่าเชื่อถือ คุณภาพสินค้า และประสบการณ์การใช้งานจริง ควรเลือกร้านที่เป็นทางการ หรือตัวแทนจำหน่ายที่ได้รับการแต่งตั้งในไทย จะได้มั่นใจว่าเป็นของแท้ และมีบริการหลังการขายที่ดี ระวังร้านที่ราคาถูกเกินจริง อาจเป็นของปลอมหรือไม่ได้รับประกัน และตรวจสอบสเปคสินค้า ฟังก์ชันต่างๆ ให้ละเอียดก่อนสั่งซื้อ รวมถึงสอบถามเรื่องการรับประกันและการเคลมสินค้าให้แน่ใจด้วยค่ะ การซื้อออนไลน์ช่วยให้เปรียบเทียบราคาได้ง่าย และมีโปรโมชันเยอะกว่า แต่ก็ต้องรอบคอบมากๆ ในการเลือกซื้อนะจ๊ะ
  • Q: Baby Monitor ใช้แทนกล้องวงจรปิดทั่วไปได้ไหม? ต่างกันอย่างไร?
    A: Baby Monitor ถูกออกแบบมาเพื่อเฝ้าดูแลเด็กโดยเฉพาะ ฟังก์ชันส่วนใหญ่จึงเน้นที่ความต้องการของพ่อแม่และเด็ก เช่น การตรวจจับเสียงร้อง เพลงกล่อมเด็ก เซ็นเซอร์อุณหภูมิ และระบบสื่อสารสองทาง มักจะมีดีไซน์ที่เป็นมิตรกับเด็กและกะทัดรัด ส่วนกล้องวงจรปิดทั่วไป (CCTV) เน้นเรื่องความปลอดภัย การบันทึกภาพต่อเนื่อง และการตรวจจับผู้บุกรุก มีมุมมองกว้างกว่าและบางรุ่นทนทานต่อสภาพอากาศภายนอก Baby Monitor บางรุ่นที่มีฟังก์ชันครบครันและคุณภาพดีก็สามารถนำมาใช้แทนกล้องวงจรปิดภายในบ้านได้ค่ะ โดยเฉพาะรุ่นที่เชื่อมต่อ WiFi และดูผ่านมือถือได้ แต่ถ้าต้องการเน้นความปลอดภัยสำหรับบ้านทั้งหลัง หรือติดตั้งภายนอกอาคาร กล้องวงจรปิดเฉพาะทางจะเหมาะสมกว่าค่ะ อย่างไรก็ตาม กล้องวงจรปิดบางรุ่นที่มีฟังก์ชันตรวจจับเสียงร้องไห้ หรือ Two-Way Talk ก็สามารถนำมาใช้เป็น Baby Monitor ได้เช่นกันค่ะ ขึ้นอยู่กับฟังก์ชันของกล้องแต่ละรุ่น

วิดีโอที่เกี่ยวข้อง

บทความล่าสุดดูเพิ่มเติม

สวัสดีค่า คุณแม่มือใหม่ คุณพ่อสายเปย์ และเหล่านักช้อปออนไลน์ตัวยงทั้งหลาย! วันนี้ดิฉันผู้เชี่ยวชาญด้านการช้อปปิ้งออนไลน์ตัวแม่แห่งประเทศไทย จะขอพาทุกคนมาเจาะลึกเรื่องใกล้ตัวที่สำคัญกับเจ้าตัวเล็กสุดๆ นั่นก็คือ "ขวดนม" นั่นเอง! หลายบ้านคงเคย
10 ขวดนม ยี่ห้อไหนดี ปี 2025 ทนความร้อนสูง ป้องกันโคลิค
สวัสดีค่าทุกคน! วันนี้จะมาเม้าท์มอยเรื่องใกล้ตัวที่หลายคนอาจเคยแอบกังวล หรือแอบลุ้นอยู่เงียบๆ ใช่แล้วค่ะ เรากำลังพูดถึงเรื่อง "ที่ตรวจครรภ์" นั่นเอง! สมัยนี้อะไรๆ ก็ง่ายไปหมด ไม่ต้องไปหาซื้อไกลถึงร้านขายยา เพราะแค่เดินเข้า 7-Eleven ปากซอย ก
10 ที่ตรวจครรภ์ในเซเว่น ยี่ห้อไหนดี ปี 2025 แม่นยำ รู้ผลเร็ว ใช้งานง่าย
สวัสดีค่ะเพื่อนๆ นักช้อปออนไลน์หัวใจวิทยาศาสตร์! 😊 วันนี้มาเมาท์มอยเรื่องของเล่นกันหน่อย แต่ไม่ใช่ของเล่นธรรมดานะจ๊ะ เป็น ของเล่นเชิงวิทยาศาสตร์ ที่เล่นแล้วได้ความรู้ แถมยังสนุกท้าทาย เสริมสร้างทักษะให้เจ้าตัวเล็ก (หรือตัวไม่เล็ก) ในบ้านได
10 ของเล่นเชิงวิทยาศาสตร์ มีอะไรบ้าง ปี 2025 สนุกท้าทาย เสริมทักษะ

บทความยอดนิยม

บทความที่แนะนำ