10 ไดร์เป่าผมถูกและดี ยี่ห้อไหนดี ปี 2025 ผมสวยสุขภาพดี แห้งเร็ว


สวัสดีครับเพื่อนๆ ชาวเราที่รักเส้นผมทุกคน! 👋 ว่าด้วยเรื่องผมๆ แล้วเนี่ย นอกจากแชมพู ครีมนวด ทรีตเมนต์สารพัดแล้วเนี่ย "ไดร์เป่าผม" ก็เป็นอีกไอเทมสำคัญที่ขาดไม่ได้เลยใช่ไหมครับ ไม่ว่าจะหนุ่มๆ สาวๆ ยิ่งในสภาพอากาศเมืองไทยที่ร้อนชื้น ผมเปียกนานๆ นี่เสี่ยงเชื้อรา เสี่ยงป่วยอีก!
แต่เดี๋ยวก่อน! เดินเข้าไปในร้านขายเครื่องใช้ไฟฟ้า หรือไถแอปช้อปออนไลน์ทีไร สารพัดยี่ห้อ สารพัดรุ่น เต็มไปหมดจนเลือกไม่ถูก! ไหนจะเทคโนโลยีไอออนนู่นนี่นั่น วัตต์สูงๆ ดีไหมนะ? แล้วงบประมาณเราแค่เนี้ย จะซื้อตัวไหนดีที่เรียกว่า "ถูกและดี" ใช้แล้วผมสวยสุขภาพดี ไม่ต้องจ่ายแพงจนกระเป๋าฉีก?
ไม่ต้องกังวลใจไปครับ! วันนี้ผมขอรับหน้าที่เป็นกูรูเรื่องไดร์เป่าผม พาเพื่อนๆ ไปเจาะลึกตลาดไดร์เป่าผมในไทย พร้อมแนะนำ 10 รุ่นเด็ดที่คัดมาแล้วว่าถูกและดี น่าสอยในปี 2025 นี้ รับรองว่าอ่านจบปุ๊บ เลือกไดร์ที่ใช่คู่ใจได้แน่นอน!
ตลาดไดร์เป่าผมในไทย เทรนด์ไหนมาแรงในปี 2025?
ตลาดไดร์เป่าผมในบ้านเรานี่คึกคักตลอดปีจริงๆ ครับ เพราะเป็นของใช้จำเป็นในทุกครัวเรือน ยิ่งช่วงเทศกาลสงกรานต์ ปีใหม่ หรือหน้าร้อนที่ต้องสระผมบ่อยๆ ยอดขายยิ่งพุ่ง! แบรนด์ที่เห็นบ่อยๆ ในตลาดก็จะมีทั้งแบรนด์ต่างชาติเจ้าใหญ่ๆ ที่คุ้นหู เช่น Philips, Panasonic, Remington รวมถึงแบรนด์จากจีนที่กำลังมาแรงอย่าง Xiaomi หรือแบรนด์ไทยที่เน้นอุปกรณ์ทำผมโดยเฉพาะอย่าง LESASHA ครับ
เทรนด์ที่มาแรงในปี 2025 นี้ ผู้บริโภคชาวไทยไม่ได้มองหาแค่ไดร์ที่เป่าผมให้แห้งไวอย่างเดียวแล้วครับ แต่ให้ความสำคัญกับ "เทคโนโลยีที่ช่วยถนอมเส้นผม" มากขึ้น เช่น เทคโนโลยีไอออนลบ (Ionic Technology) ที่ช่วยลดไฟฟ้าสถิต ลดผมชี้ฟู ทำให้ผมนุ่มเงางาม หรือเทคโนโลยีที่ช่วยควบคุมอุณหภูมิไม่ให้ร้อนเกินไป นอกจากนี้ เรื่อง "ดีไซน์" ที่สวยงาม มินิมอล พกพาสะดวก และ "ราคา" ที่คุ้มค่า ก็ยังเป็นปัจจัยหลักในการตัดสินใจครับ
แหล่งช้อปปิ้งยอดฮิตก็หนีไม่พ้นแพลตฟอร์มออนไลน์อย่าง Lazada และ Shopee ที่มีโปรโมชั่น ลด แลก แจก แถมตลอดปี หรือถ้าใครอยากไปลองจับลองเป่าดูก่อน ก็ต้องตามไปดูที่ห้างสรรพสินค้า แผนกเครื่องใช้ไฟฟ้า หรือร้านค้าอย่าง Big C, Tops, Watsons หรือร้านขายอุปกรณ์ทำผมโดยเฉพาะครับ
เลือกไดร์เป่าผม "ถูกและดี" ยังไงให้ได้ตัวที่ใช่?
ก่อนจะกดสั่งซื้อหรือเดินเข้าร้าน เรามาดูกันก่อนว่ามีปัจจัยอะไรบ้างที่เราต้องพิจารณา เพื่อให้ได้ไดร์เป่าผมที่คุ้มค่า ถูกใจ และเหมาะกับสภาพผมของเราที่สุดครับ ลองดูตารางนี้เป็นแนวทางได้เลย:
ปัจจัย | สิ่งที่ควรพิจารณา |
---|---|
กำลังไฟ (Watt) | ยิ่งวัตต์สูง ลมยิ่งแรง ผมยิ่งแห้งไว แต่ก็กินไฟมากขึ้น ผมบาง ผมสั้น อาจไม่ต้องการวัตต์สูงมากนัก ผมหนา ผมยาว ควรเลือก 1800 วัตต์ขึ้นไป |
เทคโนโลยีถนอมเส้นผม | มองหาที่มีเทคโนโลยีไอออนลบ (Ionic) หรือเทคโนโลยีควบคุมความร้อน (ThermoProtect, Mineral Ion, Nanoe) ช่วยลดผมเสีย ชี้ฟู |
ระดับความร้อนและแรงลม | ควรปรับได้หลายระดับ ทั้งลมร้อน ลมอุ่น ลมเย็น ลมเย็นสำคัญมาก! ช่วยปิดเกล็ดผม ทำให้ผมเงางามและเซ็ตทรงอยู่ตัว |
ขนาดและน้ำหนัก | ถ้าเน้นพกพาไปเที่ยว ควรเลือกแบบพับได้ น้ำหนักเบา ถ้าใช้ที่บ้านเป็นหลัก น้ำหนักเหมาะสม จับถนัดมือก็พอ |
เสียงมอเตอร์ | บางรุ่นเสียงดังมาก อาจสร้างความรำคาญได้ ลองดูรีวิวเรื่องเสียงก่อนตัดสินใจ |
หัวเป่าต่างๆ | มีหัวเป่าแบบแคบ (Concentrator) สำหรับเน้นเป่าเฉพาะจุด หรือหัวเป่ากระจายลม (Diffuser) สำหรับคนผมหยิก/ดัดลอนไหม |
การรับประกันและบริการหลังการขาย | สำคัญมาก! ควรมีรับประกันสินค้า และสามารถส่งซ่อมหรือหาอะไหล่ได้ง่ายในไทย |
ราคาและรีวิว | ตั้งงบประมาณไว้ แล้วอ่านรีวิวจากผู้ใช้งานจริงเยอะๆ เพื่อดูว่ารุ่นไหนคุ้มค่ากับราคาและมีฟีดแบ็กที่ดี |
จัดมาให้แล้ว! 10 ไดร์เป่าผม "ถูกและดี" น่าสอย ปี 2025!
มาถึงช่วงที่ทุกคนรอคอย! ผมคัด 10 ไดร์เป่าผมที่เข้าข่าย "ถูกและดี" เป็นที่นิยม และหาซื้อได้ง่ายในไทย มาแนะนำครับ บางรุ่นอาจเป็นรุ่นฮิตติดชาร์ตมาตั้งแต่ปี 2024 แต่ยังคงความเก๋าและคุ้มค่าอยู่ ตามไปดูกันเลย!
1. Xiaomi Mijia Anion Hair Dryer H300 / Compact Hair Dryer H101
- เกี่ยวกับแบรนด์: แบรนด์จากจีน ขึ้นชื่อเรื่องดีไซน์มินิมอล คุณภาพดีในราคาเข้าถึงง่าย
- รุ่นแนะนำ: Mijia Anion Hair Dryer H300, Compact Hair Dryer H101
- จุดเด่น: ดีไซน์สวย มินิมอล ขนาดกะทัดรัด พกพาง่าย บางรุ่นด้ามจับพับได้ มีเทคโนโลยีไอออนลบ ช่วยลดผมชี้ฟู ลมแรงกำลังดีเมื่อเทียบกับขนาด รุ่น H300 มีระบบควบคุมอุณหภูมิ 57°C ช่วยถนอมเส้นผม
- ข้อเสีย: กำลังไฟอาจจะไม่สูงมาก เหมาะกับคนผมสั้นถึงปานกลาง หรือผมไม่หนามาก
- เหมาะกับ: คนที่มองหาไดร์ดีไซน์สวย ราคาไม่แพง พกพาสะดวก เน้นใช้งานทั่วไป ผมสั้นถึงปานกลาง
- ช่องทางซื้อ: Xiaomi Official Store, Lazada, Shopee
- ช่วงราคา: ประมาณ 500 - 1,500 บาท
- รีวิว: "ไดร์ Xiaomi ตัวเล็กน่ารักมาก พกไปเที่ยวสบาย ลมแรงเกินคาด!" "ราคาหลักร้อยแต่มีไอออนด้วย ผมนุ่มขึ้นจริง"
2. Philips ThermoProtect / Ionic Hair Dryer Series
- เกี่ยวกับแบรนด์: แบรนด์ดังจากเนเธอร์แลนด์ มีชื่อเสียงด้านเครื่องใช้ไฟฟ้ามายาวนาน คุณภาพเชื่อถือได้
- รุ่นแนะนำ: Series 3000, 5000 (เช่น BHD350, BHD500, BHD510)
- จุดเด่น: มีเทคโนโลยี ThermoProtect ช่วยควบคุมอุณหภูมิให้เหมาะสม ป้องกันผมเสียจากความร้อนเกินไป บางรุ่นมี Ionic Care ปล่อยประจุไอออนลบช่วยลดผมชี้ฟู ลมแรง เป่าแห้งไว มีหลายรุ่น หลายกำลังไฟให้เลือก ตั้งแต่ 1200W - 2100W+
- ข้อเสีย: รุ่นที่มีเทคโนโลยีเยอะๆ ราคาก็จะสูงขึ้นตามลำดับ
- เหมาะกับ: คนที่ต้องการไดร์คุณภาพดี แบรนด์น่าเชื่อถือ เน้นถนอมเส้นผม มีตัวเลือกหลากหลายตามงบ
- ช่องทางซื้อ: Philips Official Store, Central, Power Buy, Lazada, Shopee
- ช่วงราคา: ประมาณ 600 - 2,500 บาท (สำหรับรุ่นช่วงกลางๆ ที่คุ้มค่า)
- รีวิว: "ใช้ Philips มาหลายรุ่นแล้ว ทนทานมาก ตัวใหม่มี ThermoProtect ผมไม่เสียเหมือนก่อนเลย" "ลมแรงดี เป่าแป๊บเดียวแห้ง"
3. Panasonic Ionity / Fast Dry Series
- เกี่ยวกับแบรนด์: แบรนด์เครื่องใช้ไฟฟ้าชั้นนำจากญี่ปุ่น คุณภาพดี ทนทาน
- รุ่นแนะนำ: Ionity series, Fast Dry Series (เช่น EH-ND37, EH-NE66)
- จุดเด่น: ลมแรง เป่าแห้งไว บางรุ่นมีเทคโนโลยี Ionity หรือ Nanoe ช่วยกักเก็บความชุ่มชื้นให้เส้นผม ลดผมชี้ฟู มีโหมดลมเย็น บางรุ่นมีขนาดกะทัดรัด พับได้
- ข้อเสีย: ดีไซน์อาจจะดูธรรมดาเมื่อเทียบกับแบรนด์อื่นบางรุ่น
- เหมาะกับ: คนที่เน้นฟังก์ชันเป่าแห้งไว คุณภาพทนทานในราคาคุ้มค่า และต้องการดูแลเส้นผมไม่ให้แห้งเสียมาก
- ช่องทางซื้อ: Panasonic Official Store, Central, Power Buy, Lazada, Shopee
- ช่วงราคา: ประมาณ 600 - 2,000 บาท (สำหรับรุ่นทั่วไป)
- รีวิว: "ไดร์ Panasonic ที่บ้านใช้มานานมาก ยังไม่พังเลย" "รุ่น Fast Dry ลมแรงสะใจมาก เป่าผมหนาๆ แป๊บเดียวแห้ง"
4. LESASHA Airmax / Bio-Ceramic Series
- เกี่ยวกับแบรนด์: แบรนด์ไทยที่เชี่ยวชาญด้านอุปกรณ์จัดแต่งทรงผมโดยเฉพาะ เป็นที่นิยมในไทย
- รุ่นแนะนำ: Airmax series (เช่น Airmax 3500 Cyclone), Bio-Ceramic series
- จุดเด่น: หลายรุ่นกำลังไฟสูง ลมแรง แห้งไว มีเทคโนโลยี Bio-Ceramic ช่วยกระจายความร้อนสม่ำเสมอ และปล่อยไอออนช่วยลดผมชี้ฟู บางรุ่นมี Cool Shot ลมเย็นจัด มีดีไซน์หลากหลายให้เลือก
- ข้อเสีย: บางรุ่นอาจมีเสียงดัง
- เหมาะกับ: คนที่มองหาไดร์เป่าผมเน้นความแรง เป่าแห้งไว แบรนด์ไทยน่าเชื่อถือ ราคาไม่แรงมาก
- ช่องทางซื้อ: LESASHA Official Store, Central, Power Buy, Lazada, Shopee
- ช่วงราคา: ประมาณ 700 - 2,000 บาท
- รีวิว: "ไดร์ LESASHA ลมแรงดีจริงสมชื่อ Airmax" "ใช้รุ่น Bio-Ceramic แล้วรู้สึกผมไม่แห้งเสียมากเท่าไดร์เก่า"
5. Remington Hair Dryer Series
- เกี่ยวกับแบรนด์: แบรนด์อุปกรณ์จัดแต่งทรงผมจากอเมริกา มีสินค้าหลากหลาย
- รุ่นแนะนำ: รุ่นที่เน้นเทคโนโลยี Ceramic, Ionic หรือ Keratin Protect
- จุดเด่น: มีรุ่นที่มีเทคโนโลยีช่วยบำรุงเส้นผม เช่น ผสม Keratin หรือน้ำมันมะพร้าวในวัสดุ ปล่อยประจุไอออนช่วยลดผมชี้ฟู กำลังไฟสูงหลายรุ่น
- ข้อเสีย: ราคาบางรุ่นอาจจะสูงกว่าแบรนด์เอเชียในสเปกใกล้เคียงกัน
- เหมาะกับ: คนที่เน้นการดูแลเส้นผมเป็นพิเศษ อยากได้ไดร์ที่มีเทคโนโลยีบำรุงผมไปในตัว
- ช่องทางซื้อ: Central, Power Buy, Lazada, Shopee
- ช่วงราคา: ประมาณ 1,000 - 3,000 บาท (มีรุ่นราคาเข้าถึงง่ายและราคาสูงขึ้น)
- รีวิว: "ใช้ Remington รุ่น Keratin Protect ผมดูเงาขึ้น" "ลมแรงดี แห้งไว"
6. Sharp Plasmacluster Hair Dryer
- เกี่ยวกับแบรนด์: แบรนด์เครื่องใช้ไฟฟ้าจากญี่ปุ่น มีเทคโนโลยี Plasmacluster ที่โดดเด่น
- รุ่นแนะนำ: รุ่นที่มีเทคโนโลยี Plasmacluster (เช่น IB-HD64B, IB-P801)
- จุดเด่น: มีเทคโนโลยี Plasmacluster ช่วยลดไฟฟ้าสถิตในเส้นผม ทำให้ผมเรียบลื่น จัดทรงง่าย ดีไซน์สวยงาม
- ข้อเสีย: รุ่นที่มี Plasmacluster ราคามักจะสูงกว่าไดร์ Sharp รุ่นพื้นฐานทั่วไป ตัวเลือกในกลุ่มราคา "ถูกและดี" อาจมีจำกัดกว่าแบรนด์อื่น
- เหมาะกับ: คนที่สนใจเทคโนโลยี Plasmacluster อยากลองใช้ดู เน้นเรื่องลดไฟฟ้าสถิตและผมเรียบลื่น
- ช่องทางซื้อ: Central, Power Buy, Lazada, Shopee
- ช่วงราคา: รุ่นพื้นฐานราคาหลักร้อย รุ่น Plasmacluster เริ่มต้นประมาณ 2,xxx - 4,xxx บาท (อยู่นอกกลุ่ม "ถูกและดี" เป๊ะๆ แต่เป็นเทคโนโลยีที่น่าสนใจ)
- รีวิว: "ใช้ Sharp Plasmacluster แล้วรู้สึกผมไม่ชี้ฟูเท่าเดิม"
7. Simplus Hair Dryer
- เกี่ยวกับแบรนด์: แบรนด์ที่เน้นสินค้าคุณภาพดี ราคาเป็นมิตร หาซื้อได้ง่ายในออนไลน์
- รุ่นแนะนำ: รุ่นยอดนิยมที่มีรีวิวเยอะๆ (เช่น CFJH004, CFJH001)
- จุดเด่น: ราคาถูกมากกก! คุ้มค่าสุดๆ ขนาดกะทัดรัด พกพาสะดวก บางรุ่นมีเทคโนโลยีไอออนลบ ลมแรงใช้ได้เมื่อเทียบกับราคา
- ข้อเสีย: วัสดุอาจจะไม่พรีเมียมเท่าแบรนด์ราคาที่สูงกว่า ความทนทานระยะยาวอาจต้องดูรีวิวเพิ่มเติม
- เหมาะกับ: นักเรียน นักศึกษา คนที่งบจำกัดมากๆ หรือต้องการไดร์พกพาสำหรับเดินทาง
- ช่องทางซื้อ: Lazada, Shopee
- ช่วงราคา: หลักร้อยบาท! ประมาณ 300 - 800 บาท
- รีวิว: "ไดร์ Simplus ราคาไม่ถึงพันแต่ลมแรงดีเกินคาด!" "ซื้อมาพกไปเที่ยว ไม่เสียดายเลยถ้าหาย/พัง"
8. Gaabor Hair Dryer
- เกี่ยวกับแบรนด์: แบรนด์เครื่องใช้ไฟฟ้าในครัวเรือนที่มีสินค้าหลากหลาย รวมถึงไดร์เป่าผม ราคาเข้าถึงง่าย
- รุ่นแนะนำ: รุ่นที่มีเทคโนโลยีไอออนลบ
- จุดเด่น: ราคาเป็นมิตร มีเทคโนโลยีไอออนลบช่วยลดผมชี้ฟู ดีไซน์เรียบง่าย
- ข้อเสีย: อาจจะยังไม่เป็นที่รู้จักเท่าแบรนด์ใหญ่ๆ ตัวเลือกและรีวิวอาจจะยังไม่เยอะมาก
- เหมาะกับ: คนที่มองหาไดร์ราคาประหยัด มีฟังก์ชันไอออนเบื้องต้นสำหรับการใช้งานทั่วไป
- ช่องทางซื้อ: Lazada, Shopee
- ช่วงราคา: ประมาณ 500 - 1,000 บาท
- รีวิว: "ราคาดี มีไอออนด้วย ลองใช้แล้วผมดูเงาขึ้นนิดหน่อย"
9. CKL / JMF Hair Dryer (รุ่นช่างทำผม)
- เกี่ยวกับแบรนด์: แบรนด์อุปกรณ์ทำผมที่นิยมในร้านซาลอน มีทั้งไดร์และอุปกรณ์อื่นๆ
- รุ่นแนะนำ: รุ่นที่กำลังไฟสูงๆ เน้นความทนทาน (เช่น CKL 6268, JMF 6268)
- จุดเด่น: กำลังไฟสูง ลมแรงมากกก เป่าแห้งไวสะใจ เหมาะกับคนผมหนาสุดๆ ทนทาน ใช้งานต่อเนื่องได้นาน ราคาไม่แรงเมื่อเทียบกับประสิทธิภาพ
- ข้อเสีย: เสียงดังมากกกก! ดีไซน์อาจจะดูเป็นไดร์ร้านทำผม ไม่มินิมอลเหมือนแบรนด์อื่น
- เหมาะกับ: คนที่ผมหนามากๆ ต้องการไดร์ที่ลมโคตรแรง เป่าแห้งไวแบบติดจรวด ไม่แคร์เรื่องเสียงดังมากนัก
- ช่องทางซื้อ: ร้านขายอุปกรณ์เสริมสวย, Lazada, Shopee
- ช่วงราคา: ประมาณ 500 - 1,500 บาท (แล้วแต่รุ่นและกำลังไฟ)
- รีวิว: "ไดร์ CKL ลมแรงจริง เป่าผมหนาๆ แป๊บเดียวอยู่หมัด!" "เสียงดังไปหน่อย แต่รับได้เพราะลมแรงมาก"
10. Yoole High-Speed Hair Dryer
- เกี่ยวกับแบรนด์: แบรนด์ที่เริ่มเป็นที่รู้จักในออนไลน์ เน้นไดร์เป่าผมความเร็วสูงในราคาเข้าถึงง่าย
- รุ่นแนะนำ: S+ High - Speed Hair Dryer
- จุดเด่น: เป็นไดร์ความเร็วสูงที่ราคาไม่สูงเท่า Dyson ลมแรง แห้งไว มีเทคโนโลยีไอออนลบ ดีไซน์สวย มินิมอล
- ข้อเสีย: อาจจะยังใหม่ในตลาด ต้องรอดูความทนทานระยะยาว
- เหมาะกับ: คนที่อยากลองใช้ไดร์ความเร็วสูงในราคาไม่แรงมาก เน้นเป่าแห้งไวและดีไซน์สวย
- ช่องทางซื้อ: Lazada, Shopee, TikTok Shop
- ช่วงราคา: ประมาณ 1,xxx - 2,xxx บาท (ขึ้นอยู่กับโปรโมชั่น)
- รีวิว: "Yoole ลมแรงจริง เป่าผมแห้งไวมาก ดีไซน์สวยด้วย" "ราคาดีเมื่อเทียบกับไดร์ความเร็วสูงอื่นๆ"
คำถามที่พบบ่อย (FAQ) สไตล์คนอยากผมสวย!
Q: ไดร์เป่าผมแบบมีไอออนลบมันดียังไง? จำเป็นต้องมีไหม?
A: ไดร์ที่มีไอออนลบจะช่วยลดไฟฟ้าสถิตในเส้นผมครับ ทำให้ผมที่ปกติจะชี้ฟู จัดทรงยาก ดูเรียบลื่น เงางามขึ้น เหมือนไปทำสปาผมเบาๆ ถ้าเป็นคนผมแห้ง ชี้ฟูง่าย การมีฟังก์ชันนี้ก็ช่วยได้เยอะครับ แต่ถ้าผมปกติอยู่แล้ว อาจจะไม่จำเป็นมากนัก แต่ก็ช่วยให้ผมดูสุขภาพดีขึ้นได้ครับ
Q: กำลังไฟวัตต์สูงๆ ดีเสมอไปไหม?
A: กำลังไฟสูงทำให้ลมแรง ผมแห้งไวขึ้นจริงครับ เหมาะกับคนผมหนา ผมยาวที่ต้องการประหยัดเวลา แต่ถ้าผมบาง ผมสั้น หรือใช้ในหอพัก/คอนโดที่จำกัดวัตต์ อาจจะเลือกวัตต์กลางๆ ที่มีเทคโนโลยีช่วยถนอมผมจะดีกว่าครับ
Q: ไดร์เป่าผมราคาถูกๆ จะทนทานไหม? ใช้แล้วผมเสียหรือเปล่า?
A: ไดร์ราคาถูกมากๆ อาจจะเน้นฟังก์ชันพื้นฐาน คือเป่าให้แห้งอย่างเดียว อาจจะไม่มีเทคโนโลยีช่วยถนอมผมมากนัก และวัสดุความทนทานอาจจะไม่เท่าแบรนด์ราคาสูงๆ ครับ แต่ถ้าเลือกแบรนด์ที่ได้มาตรฐาน มีรีวิวดีๆ ในกลุ่มราคาถูก ก็ใช้งานได้ดีในระดับหนึ่งครับ ที่สำคัญคือ การใช้งานให้ถูกวิธี ครับ อย่าเป่าจ่อจุดเดียวนานๆ และใช้ลมเย็นเป่าปิดท้ายเสมอ!
Q: ซื้อไดร์เป่าผมจากร้านค้าออนไลน์ที่ไม่ใช่ Official Store ไว้ใจได้ไหม?
A: ควรระมัดระวังครับ! ถ้าไม่ใช่ร้านค้าอย่างเป็นทางการของแบรนด์ ควรเช็คเครดิตร้าน ดูรีวิวจากผู้ซื้อคนอื่นๆ ให้ดีก่อนตัดสินใจครับ บางทีอาจเจอของปลอม หรือสินค้าที่ไม่มีการรับประกันอย่างถูกต้อง แนะนำให้ซื้อจากร้าน Official Store หรือตัวแทนจำหน่ายที่เชื่อถือได้จะปลอดภัยกว่าครับ
Q: นอกจากเป่าผมให้แห้งแล้ว ไดร์เป่าผมทำอะไรได้อีกบ้าง?
A: นอกจากเป่าแห้งและจัดทรงเบื้องต้นแล้ว ไดร์บางรุ่นที่มีโหมดพิเศษสามารถใช้ดูแลหนังศีรษะ (Scalp Care) หรือแม้แต่เป่าผิวหน้าหลังลงสกินแคร์ (Skin Care) เพื่อช่วยให้ครีมซึมดีขึ้นก็ได้ครับ! หรือถ้ามีหัวเป่าเฉพาะทาง ก็ใช้ดัดลอน หรือเป่าให้ผมดูมีวอลลุ่มก็ได้ครับ
สรุปและคำแนะนำ: เลือกไดร์เป่าผมให้เข้ากับไลฟ์สไตล์!
เห็นแล้วใช่ไหมครับว่า "ไดร์เป่าผมถูกและดี" ก็มีตัวเลือกน่าสนใจเพียบ! การจะเลือกรุ่นที่ใช่ที่สุดสำหรับเรา ก็ต้องกลับมาดูที่ความต้องการและงบประมาณในกระเป๋าครับ
- ถ้า งบน้อย เน้นพกพา: ลองดู Xiaomi Compact H101 หรือ Simplus เลยครับ ราคาดี พกง่าย
- ถ้าเน้น คุ้มค่า คุณภาพดี ทนทาน: Panasonic หรือ Philips รุ่นเริ่มต้นถึงกลางๆ ตอบโจทย์แน่นอนครับ
- ถ้าอยากได้ ลมแรงสะใจ เป่าแห้งไวสุดๆ (และไม่ติดเรื่องเสียงดัง): จัดไปกับ CKL/JMF หรือ LESASHA Airmax ครับ
- ถ้าเน้น ถนอมเส้นผม ลดผมชี้ฟู: มองหาที่มีเทคโนโลยีไอออนลบจาก Philips, Panasonic, Xiaomi, LESASHA, Remington หรือ Gaabor ครับ
- ถ้าอยากลอง ไดร์ความเร็วสูงในราคาเป็นมิตร: Yoole น่าสนใจมากๆ ครับ
ข้อควรระวังที่อยากฝากไว้คือ การใช้ความร้อนกับเส้นผมยังไงก็มีโอกาสทำให้ผมเสียได้ แม้จะมีเทคโนโลยีถนอมผมก็ตาม ดังนั้น ควรเป่าผมด้วยอุณหภูมิที่เหมาะสม ไม่จ่อนานเกินไป และใช้ลมเย็นเป่าปิดท้ายทุกครั้งนะครับ อย่าลืมใช้ผลิตภัณฑ์บำรุงผมควบคู่ไปด้วย เพื่อให้ผมสวยสุขภาพดีจากภายในสู่ภายนอก!
มาแชร์ประสบการณ์ไดร์คู่ใจกันหน่อย! 👇
เพื่อนๆ ใช้ไดร์เป่าผมรุ่นไหน ยี่ห้ออะไรอยู่บ้างครับ? ใช้แล้วเป็นยังไง ถูกใจไหม หรือมีรุ่นไหน "ถูกและดี" นอกเหนือจากลิสต์นี้อยากแนะนำเพื่อนๆ คนอื่นอีกไหม? มาคอมเมนต์ แชร์ประสบการณ์กันได้เลยนะครับ!
ถ้าใครอ่านแล้วได้ไอเดีย อยากได้พิกัดร้านหรือลิงก์สินค้าของรุ่นไหนเป็นพิเศษ พิมพ์บอกได้เลยนะครับ เดี๋ยวผมหาข้อมูลมาแปะให้เท่าที่ทำได้เลยจ้า! ขอให้ทุกคนมีผมสวยสุขภาพดี แห้งไว ไม่ต้องกลัวร่วงกันถ้วนหน้านะครับ! แล้วเจอกันใหม่ในบทความหน้า สวัสดีครับ! 👋