แอร์มือสอง ราคาเท่าไหร่?: คู่มือเลือกซื้อ แอร์มือสอง ให้คุ้มค่า

สวัสดีครับพี่น้อง! วันนี้เราจะมาคุยกันถึงเรื่องใกล้ตัวที่ช่วยคลายร้อนในบ้านเราได้เป็นอย่างดี นั่นก็คือ แอร์ นั่นเอง! แต่ไม่ใช่แอร์ใหม่เอี่ยมแกะกล่องนะจ๊ะ วันนี้เราจะมาเจาะลึกเรื่องของ แอร์มือสอง กัน! ใครกำลังมองหาแอร์ไว้ใช้ชั่วคราว งบน้อย แต่อยากเย็นฉ่ำ มาทางนี้เลยจ้า เราจะมาดูกันว่าแอร์มือสองเนี่ย ราคาประมาณเท่าไหร่? ซื้อยังไงให้คุ้มค่า ไม่โดนหลอกขายของพังๆ มาให้ช้ำใจ ไปลุยกันเลย!

1. แอร์มือสอง มันคืออะไรกันแน่?

ก็ตรงตัวเลยจ้า แอร์มือสอง ก็คือเครื่องปรับอากาศที่เคยมีคนใช้งานมาแล้วนั่นเอง ซึ่งสาเหตุที่เค้าเอามาขายต่อก็มีได้หลายแบบนะ ไม่ว่าจะเป็น ย้ายบ้าน เลิกกิจการ อัพเกรดไปใช้รุ่นใหม่กว่า หรือบางทีก็อาจจะมีปัญหาเล็กๆ น้อยๆ แล้วเจ้าของเดิมขี้เกียจซ่อมก็มีนะเออ!

ถามว่าเหมาะกับใคร? บอกเลยว่าเหมาะมากๆ สำหรับคนที่ มีงบประมาณจำกัด, คนที่ อยู่หอพัก คอนโดชั่วคราว ที่อาจจะไม่ได้อยู่ระยะยาว หรือคนที่ ต้องการแอร์ไปติดในพื้นที่ที่ไม่ใช้งานบ่อยๆ อย่างห้องเก็บของ หรือโรงจอดรถ เพราะราคาค่าตัวของเค้าเนี่ย เป็นมิตรกว่าแอร์ใหม่เยอะเลยจ้า

แอร์มือสองก็มีหลายประเภทเหมือนแอร์ใหม่นะ ทั้งแบบ ติดผนัง (Split Type) ที่นิยมใช้กันตามบ้านทั่วไป หรือแบบ เคลื่อนที่ (Portable) หรือแบบ ติดหน้าต่าง (Window Type) ก็มีให้เลือกสรรกันตามความต้องการและพื้นที่ติดตั้งเลยจ้า

2. ราคาในตลาดไทยประมาณเท่าไหร่?

มาถึงเรื่องสำคัญ นั่นก็คือ "ราคา" จ้า! สำหรับราคาของ แอร์มือสอง ในตลาดไทยเนี่ย บอกเลยว่าไม่มีราคาตายตัวนะจ๊ะ มันขึ้นอยู่กับปัจจัยหลายอย่างมากๆ เลย ไม่ว่าจะเป็น:

• ขนาด BTU: ยิ่ง BTU สูง ราคาก็ยิ่งแพงเป็นเรื่องธรรมดา เหมือนแอร์ใหม่นั่นแหละจ้า แอร์เล็กๆ 9,000 BTU ก็จะถูกกว่าแอร์ใหญ่ 18,000 BTU เยอะเลย
• สภาพเครื่อง: สภาพดี ใช้งานมาน้อย มีรอยน้อย ราคาก็จะสูงหน่อย แต่ถ้าดูเยินๆ มีรอยเยอะ ใช้งานมานาน ราคาก็จะถูกลงไปอีก
• ยี่ห้อ (Brand): แอร์ยี่ห้อดังๆ ที่คนนิยม อย่าง Daikin, Mitsubishi Electric, Panasonic ก็อาจจะราคาสูงกว่ายี่ห้อรองลงมาหน่อย
• ประเภทของแอร์: แอร์ติดผนังส่วนใหญ่จะมีราคาสูงกว่าแอร์เคลื่อนที่หรือแอร์ติดหน้าต่าง
• อุปกรณ์ครบชุดไหม: มีรีโมท คอยล์ร้อน คอยล์เย็น ท่อน้ำยา ครบชุดหรือเปล่า
• แหล่งที่ซื้อ: ซื้อจากร้านแอร์มือสองโดยเฉพาะ หรือซื้อจากผู้ใช้โดยตรง ราคาและเงื่อนไขก็ต่างกันนะ

โดยทั่วไปแล้ว ราคา แอร์มือสอง ในตลาดไทย จะอยู่ในช่วงประมาณ 3,000 บาท (฿) ไปจนถึง 10,000 กว่าบาท (฿) หรืออาจจะสูงกว่านั้นถ้าเป็น BTU ใหญ่มากๆ หรือสภาพดีสุดๆ นะจ๊ะ

ถ้าลองไปส่องตามแหล่งขายของมือสองออนไลน์ยอดฮิตอย่าง Kaidee หรือ Facebook Marketplace เนี่ย จะมีคนเอาแอร์มือสองมาลงขายเยอะมากๆ ลองใช้คีย์เวิร์ด เช่น "แอร์มือสอง", "แอร์บ้านมือสอง", "แอร์ 9000 btu มือสอง" ดูนะ แล้วลองเปรียบเทียบราคาจากผู้ขายหลายๆ คนดู ส่วนร้านแอร์มือสองที่มีหน้าร้าน อันนี้ก็ต้องลองขับรถตระเวนดู หรือค้นหาใน Google Maps ได้เลยจ้า

3. เทียบราคากับแอร์ใหม่ คุ้มไหมนะ?

แน่นอนว่าถ้าเทียบราคากันหมัดต่อหมัด แอร์มือสอง ราคาถูกกว่า แอร์ใหม่ เยอะมากๆ เลยจ้า! แอร์ใหม่ขนาด 9,000 BTU ยี่ห้อทั่วไป อาจจะมีราคาเริ่มต้นตั้งแต่หมื่นต้นๆ ไปจนถึงสองหมื่นกว่าบาทเลย แต่แอร์มือสอง BTU เท่ากัน อาจจะหาได้ในราคาแค่ 3,000 - 7,000 บาท เท่านั้นเอง!

เห็นส่วนต่างราคาแล้วตาลุกวาวเลยใช่ไหมล่ะ! นี่แหละคือจุดเด่นของการซื้อแอร์มือสอง คือได้แอร์มาใช้งานใน ราคาที่ประหยัดกว่าครึ่ง เลยทีเดียว แต่! ก็ต้องแลกมากับความเสี่ยงนะ เพราะแอร์มือสองอาจจะไม่มีประกัน หรือมีแค่ประกันสั้นๆ จากร้าน และประสิทธิภาพในการทำความเย็น หรือการประหยัดไฟ อาจจะไม่เท่าแอร์ใหม่เอี่ยมนะจ๊ะ อันนี้ต้องพิจารณาให้ดีก่อนตัดสินใจ

4. ซื้อแล้วได้อะไรบ้าง? มีบริการอะไรให้?

อันนี้เป็นอีกจุดที่ สำคัญมากๆ ที่ต้องสอบถามผู้ขายให้ละเอียดก่อนตัดสินใจซื้อนะจ๊ะ เพราะสิ่งที่ได้มาจากการซื้อ แอร์มือสอง มักจะไม่ครบเหมือนซื้อแอร์ใหม่เลยจ้า!

• ตัวเครื่อง (คอยล์ร้อน-คอยล์เย็น): ส่วนใหญ่จะได้มาครบชุดนะ แต่ต้องเช็คสภาพให้ดีมากๆ
• รีโมท: บางทีอาจจะไม่มีรีโมทตรงรุ่นมาให้ ต้องไปหาซื้อรีโมท Universal มาใช้เอง หรือบางทีก็ไม่มีรีโมทเลย ต้องไปกดปุ่มที่ตัวเครื่องเอา (ลำบากอยู่นะ!)
• ท่อน้ำยาแอร์/สายไฟ: อันนี้ส่วนใหญ่ผู้ขายจะตัดมาให้สั้นๆ ซึ่งถ้าความยาวไม่พอดีกับจุดที่เราจะติดตั้ง ก็ต้องเสียเงินซื้อท่อและสายไฟเพิ่มนะจ๊ะ
• ขาแขวนคอยล์ร้อน: บางทีก็ให้มา บางทีก็ไม่มี ต้องซื้อเพิ่ม
• การติดตั้ง: อันนี้แหละที่ต้องระวัง! ส่วนใหญ่ ราคาที่ซื้อแอร์มือสองจะยังไม่รวมค่าติดตั้งนะจ๊ะ ต้องไปหาช่างแอร์มาติดตั้งเอง ซึ่งก็จะมีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมอีก (ค่าติดตั้งแอร์มือสองก็ประมาณ 2,500 - 4,000 บาท แล้วแต่ขนาด BTU และความยากง่าย) แต่บางร้านแอร์มือสองเค้าก็มีบริการติดตั้งให้ด้วย ลองสอบถามดูนะ แต่ราคาก็จะบวกเพิ่มจากราคาแอร์ไปอีก
• การรับประกัน: แอร์มือสองส่วนใหญ่จะไม่มีประกันศูนย์ นะจ๊ะ ถ้าซื้อจากผู้ใช้โดยตรงคือซื้อขาดเลย ไม่มีประกัน! ถ้าซื้อจากร้านแอร์มือสอง บางร้านอาจจะมี ประกันร้าน ให้เล็กน้อย เช่น 7 วัน หรือ 1 เดือน ก็ต้องถามให้เคลียร์นะจ๊ะ คนไทยเราค่อนข้างให้ความสำคัญกับการรับประกัน ถ้าไม่มีเลยก็ต้องทำใจไว้ก่อนว่าถ้าเสียขึ้นมาก็ต้องจ่ายค่าซ่อมเอง
• ของแถม/โปรโมชั่น: อันนี้แทบจะไม่มีเลยจ้า ซื้อแอร์มือสองคือเน้นที่ราคาเป็นหลัก ของแถมคงต้องทำใจว่าไม่น่าจะมีนะ
• ค่าขนส่ง: ถ้าซื้อออนไลน์ หรือซื้อจากร้านที่อยู่ไกลบ้าน ก็จะมีค่าขนส่งเพิ่มเติมอีกนะจ๊ะ บางร้านอาจจะคิดค่าส่งตามระยะทาง หรือบางทีถ้าซื้อเยอะๆ อาจจะคุยขอให้เค้าส่งฟรีได้

สรุปคือ ซื้อแอร์มือสองเนี่ย ต้องคำนวณดีๆ นะ ว่าราคาเครื่องบวกค่าติดตั้ง ค่าท่อ ค่าจิปาถะอื่นๆ แล้ว มันยังคุ้มกว่าซื้อแอร์ใหม่หรือเปล่า

5. มีโปรโมชั่นหรือช่วงไหนน่าซื้อเป็นพิเศษไหม?

สำหรับ แอร์มือสอง เนี่ย ไม่เหมือนสินค้าใหม่ที่มักจะมีโปรโมชั่นใหญ่ๆ ตามเทศกาลอย่าง 11.11 หรือ 12.12 จ้า เพราะส่วนใหญ่ผู้ขายเป็นรายย่อย หรือร้านเล็กๆ เค้าไม่ได้มีแคมเปญการตลาดแบบนั้น

แต่ถ้าถามว่ามีช่วงไหนที่อาจจะพอหา แอร์มือสอง ได้ในราคาดีๆ บ้างไหม? อาจจะเป็นช่วงที่ อากาศไม่ร้อนมาก เช่น ช่วงปลายฝนต้นหนาว หรือช่วงหน้าหนาวเลยก็ได้ เพราะคนจะยังไม่ค่อยต้องการใช้แอร์เท่าไหร่ ความต้องการซื้อน้อยลง ผู้ขายก็อาจจะยอมลดราคาลงมาบ้างเพื่อให้ขายได้เร็วขึ้นนะจ๊ะ

หรืออีกช่วงคือช่วงที่ คนย้ายบ้านเยอะๆ เช่น ช่วงปลายปี หรือช่วงเปิดเทอมใหม่ๆ อาจจะมีคนเอาแอร์ที่ไม่ได้ใช้แล้วมาปล่อยขายก็ได้ อันนี้ก็ต้องหมั่นติดตามแหล่งขายของมือสองเอาเองจ้า

ส่วนร้านแอร์มือสอง บางทีเค้าก็อาจจะมีโปรโมชั่นล้างสต็อก หรือลดราคาเป็นบางช่วง ก็ต้องลองสอบถามหรือติดตามร้านที่เราสนใจดูนะ

คำแนะนำในการซื้อช่วงไหนก็ตาม: ที่สำคัญกว่าการรอโปรโมชั่นคือ การตรวจสอบสภาพเครื่อง ให้ดีมากๆ ก่อนตัดสินใจซื้อนะจ๊ะ! ต่อให้ราคาดีแค่ไหน แต่ถ้าเครื่องพัง ก็ไม่คุ้มนะเออ!

6. คนไทยใช้แล้วรู้สึกยังไงกันบ้างนะ?

จากที่ลองสำรวจความคิดเห็นของคนที่เคยใช้ แอร์มือสอง ในไทย ส่วนใหญ่ก็จะมีทั้งคนที่ แฮปปี้ และคนที่ น้ำตาตกใน เลยจ้า!

คนที่แฮปปี้ มักจะเจอเคสที่ ได้ของดีในราคาถูกมากๆ เครื่องยังสภาพดี เย็นฉ่ำ ใช้งานได้ยาวนาน คุ้มค่าเกินราคาที่จ่ายไป เหมือนถูกหวยเลยทีเดียว!

แต่คนที่น้ำตาตกใน มักจะเจอเคสที่ เครื่องมีปัญหาจุกจิก ไม่ค่อยเย็น กินไฟเยอะ เสียงดัง หรือหนักสุดคือซื้อมาแล้วใช้ได้ไม่นานก็พัง ต้องเสียเงินซ่อม หรือซื้อใหม่ เสียทั้งเงิน เสียทั้งเวลา!

จุดที่คนไทยมักจะเจอปัญหาจากการซื้อแอร์มือสอง:

• ประสิทธิภาพไม่ดีเท่าแอร์ใหม่: อาจจะไม่ค่อยเย็นฉ่ำเหมือนแอร์ใหม่ หรือใช้เวลานานกว่าจะเย็น
• กินไฟเยอะ: แอร์รุ่นเก่าๆ หรือเครื่องที่ไม่สมบูรณ์ มักจะกินไฟมากกว่าแอร์ใหม่ที่มีเทคโนโลยีประหยัดพลังงาน
• เสียงดัง: ทั้งคอยล์ร้อนคอยล์เย็น อาจจะมีเสียงดังผิดปกติ
• มีปัญหาจุกจิก เสียบ่อย: อันนี้เป็นความเสี่ยงหลักของการซื้อของมือสอง
• ค่าซ่อมแพง: ถ้าไม่มีประกัน เวลาเสีย ค่าซ่อมอาจจะแพงจนไม่คุ้ม

แต่ถึงอย่างนั้น คนไทยจำนวนไม่น้อยก็ยังนิยมซื้อ แอร์มือสอง อยู่ดี เพราะถ้าเลือกดีๆ เช็คดีๆ มันก็เป็นทางเลือกที่ช่วยประหยัดเงินในกระเป๋าได้เยอะมากๆ เลยจ้า!

7. แล้วจะไปหาซื้อได้จากช่องทางไหนบ้างล่ะ?

สำหรับ แอร์มือสอง ช่องทางหลักๆ ที่คนไทยนิยมไปหากันก็คือ:

• กลุ่มซื้อขายของมือสองใน Facebook: อันนี้ฮิตสุดๆ เลยจ้า มีกลุ่มเฉพาะสำหรับการซื้อขายเครื่องใช้ไฟฟ้ามือสอง หรือกลุ่มขายของมือสองในพื้นที่ต่างๆ ข้อดีคือมีคนลงขายเยอะมากๆ สามารถพูดคุยสอบถามผู้ขายโดยตรง ขอดูรูป วิดีโอเพิ่มเติมได้ แต่ข้อเสียคือต้องระวังมิจฉาชีพ และต้องนัดเจอเพื่อเช็คของให้ดีก่อนจ่ายเงินนะจ๊ะ
• เว็บไซต์ขายของมือสอง: อย่างเช่น Kaidee เป็นอีกแหล่งรวมของมือสองที่ใหญ่มากๆ มีแอร์มือสองให้เลือกเยอะเลย แต่ก็คล้ายๆ กับ Facebook คือต้องระวังผู้ขายและเช็คของให้ดี
• ร้านแอร์มือสอง/ร้านรับซื้อของเก่า: มีร้านแบบนี้อยู่ตามพื้นที่ต่างๆ ข้อดีคือเราสามารถไป ดูสภาพเครื่องจริง ได้เลย มีคนให้ข้อมูล สอบถามได้ แต่ราคามักจะสูงกว่าซื้อจากผู้ใช้โดยตรงเล็กน้อย และอาจจะมีบริการติดตั้งให้ด้วย (แต่ต้องจ่ายเงินเพิ่มนะ)
• ร้านรับติดตั้งแอร์: บางร้านช่างแอร์เค้าก็มีแอร์มือสองที่รับเทิร์นจากลูกค้ามาขายต่อด้วย ลองสอบถามช่างแอร์ใกล้บ้านดูก็ได้นะ

สำหรับแพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซใหญ่ๆ อย่าง Lazada หรือ Shopee ส่วนใหญ่เค้าจะเน้นขายสินค้าใหม่นะ การหาแอร์มือสองบนแพลตฟอร์มเหล่านี้อาจจะยากหน่อย หรือมีตัวเลือกน้อยจ้า

8. สรุปแล้วแอร์มือสองน่าซื้อไหม? เหมาะกับใคร?

มาถึงบทสรุปกันแล้วจ้า! ถามว่า แอร์มือสอง น่าซื้อไหม? ตอบเลยว่า น่าซื้อมากๆ สำหรับบางคน แต่ก็ ไม่เหมาะกับทุกคน นะจ๊ะ

เหมาะมากๆ ถ้าคุณเป็นคนที่:

• มีงบประมาณจำกัด สุดๆ
• ต้องการแอร์ไปใช้ชั่วคราว ในระยะเวลาสั้นๆ
• ต้องการแอร์ไปติดในพื้นที่ที่ไม่ได้ใช้งานบ่อยๆ
• ยอมรับความเสี่ยงได้ ว่าเครื่องอาจจะมีปัญหาจุกจิก หรือกินไฟมากกว่าแอร์ใหม่
• มีความรู้พื้นฐานในการตรวจสอบสภาพเครื่อง หรือมีคนรู้จักที่พอจะช่วยดูให้ได้

แต่ถ้าคุณเป็นคนที่:

• ต้องการแอร์ที่เย็นฉ่ำ ประหยัดไฟ ในระยะยาว
• ต้องการความสบายใจ มีการรับประกันที่ดี
• ไม่สะดวกในการหาช่างติดตั้งเอง
• ไม่ต้องการเสี่ยงกับปัญหาจุกจิก ของเครื่องใช้ไฟฟ้าเก่า

แนะนำให้กัดฟันเก็บเงินซื้อ แอร์ใหม่ ดีกว่านะจ๊ะ จ่ายแพงกว่าหน่อย แต่ได้ความสบายใจ ประสิทธิภาพที่ดีกว่า และการรับประกันที่คุ้มค่ากว่าในระยะยาวจ้า

คำแนะนำส่งท้าย: ถ้าตัดสินใจจะซื้อ แอร์มือสอง สิ่งสำคัญที่สุดคือ การตรวจสอบสภาพเครื่องอย่างละเอียด ก่อนจ่ายเงินนะจ๊ะ! ทั้งคอยล์ร้อน คอยล์เย็น ลองเปิดเครื่องดูว่าคอมเพรสเซอร์ทำงานไหม มีเสียงผิดปกติหรือเปล่า ลองสัมผัสความเย็นดู ถ้าเป็นไปได้ลองให้ช่างแอร์ไปช่วยดูก่อนซื้อก็จะยิ่งดีเลยจ้า จะได้ไม่เจอเคสซื้อมาแล้วพัง ใช้ไม่ได้ เสียเงินฟรีนะเออ!

หวังว่าบทความนี้จะเป็นประโยชน์กับทุกคนที่กำลังพิจารณาซื้อ แอร์มือสอง นะจ๊ะ ขอให้ได้แอร์เย็นๆ ไว้คลายร้อนกันทุกคนจ้า! บ๊ายบายยย!

วิดีโอที่เกี่ยวข้อง

• ซื้อแอร์มือสองคุ้มไหม? ข้อมูลครบจบในที่เดียว
• 9 วิธีเลือกซื้อแอร์มือสอง | DIY ง่ายนิดเดียว
• วิธีการเลือกซื้อแอร์มือ2 | ประสบการณ์สอนให้เราเรียนรู้ เจ็บมาเยอะกว่า ...
• แอร์เก่ากินไฟ...เปลี่ยนใหม่ แบบไหนคุ้มสุด | คุยกับลุงช่าง
• 6 ข้อที่ต้องรู้ ก่อนติดแอร์มือสอง | DIY ง่ายนิดเดียว