ราคา แอร์ (รุ่นเก่า/มือสอง): ยังน่าใช้ไหม? หรือซื้อใหม่คุ้มกว่า


สวัสดีคร้าบบบพี่น้องชาวไทยที่กำลังเหงื่อแตกพลั่กๆ กับอากาศบ้านเรา! วันนี้เราจะมาคุยเรื่องที่ฮอตยิ่งกว่าแดดประเทศไทย นั่นก็คือเรื่อง "แอร์" นี่แหละ! โดยเฉพาะแอร์รุ่นเก่า แอร์มือสอง ที่หลายคนกำลังเล็งๆ อยู่ว่ามันยังน่าสอยมาติดห้องให้เย็นฉ่ำอยู่ไหม หรือว่ากัดฟันซื้อใหม่คุ้มกว่ากันแน่? มาค่ะ! มาเจาะลึกเรื่องนี้กันแบบตรงไปตรงมา สไตล์เม้าท์กับเพื่อนบ้าน ร้อนๆ แบบนี้ต้องมีตัวช่วยคลายร้อนนะจ๊ะ!
1. แอร์คืออะไร? และทำไมเราถึงต้องการมัน?
เอาล่ะ! ใครบ้างไม่รู้จักแอร์? มันคือเครื่องใช้ไฟฟ้ามหัศจรรย์ที่ช่วยเปลี่ยนอากาศร้อนๆ ให้กลายเป็นอากาศเย็นๆ ชื่นใจ ราวกับยกขั้วโลกเหนือมาไว้ในห้อง! ในเมื่อประเทศไทยเป็นเมืองร้อนชนิดที่ว่าเหงื่อไหลเป็นน้ำตก แอร์ก็เลยกลายเป็นปัจจัยที่ 5 ของชีวิตคนไทยไปโดยปริยาย ไม่ว่าจะบ้าน อาคารสำนักงาน ร้านค้า หรือแม้แต่ในรถยนต์ ก็ต้องมีแอร์กันทั้งนั้น ไม่งั้นอยู่ไม่รอดจ้า! กลุ่มผู้ใช้งานก็คือ คนไทยทุกคนที่ต้องการความเย็น นั่นแหละค่ะ ส่วนแบรนด์แอร์ในตลาดไทยก็มีเพียบ ทั้งแบรนด์ดังจากญี่ปุ่นอย่าง Daikin, Mitsubishi Electric หรือจากเกาหลีอย่าง Samsung, LG ไปจนถึงแบรนด์อื่นๆ อีกมากมายที่แข่งขันกันทำความเย็นให้เราเลือกใช้กันแบบตาแตก!
2. ราคาแอร์ (รุ่นเก่า/มือสอง) ในตลาดไทยเป็นยังไงบ้าง?
มาถึงเรื่องเงินๆ ทองๆ ที่หลายคนให้ความสนใจ! ราคาแอร์มือสองเนี่ย ต้องบอกเลยว่า มีความหลากหลายมากๆ ขึ้นอยู่กับหลายปัจจัยสุดๆ ทั้งยี่ห้อ รุ่น ขนาด BTU สภาพเครื่อง และอายุการใช้งาน ถ้าเป็นแอร์ติดผนังทั่วๆ ไป ขนาด 9,000 - 12,000 BTU ที่เหมาะกับห้องนอนทั่วไป ราคาแอร์มือสองอาจจะอยู่ประมาณ 3,000 - 8,000 บาท (฿) โดยประมาณ ถ้า BTU สูงขึ้นไปอีก ราคาอาจจะขยับไปถึง หลักหมื่นต้นๆ ก็มี ซึ่งราคานี้คือ แค่ตัวเครื่อง นะคะ ส่วนใหญ่ไม่รวมค่าติดตั้ง
แหล่งช้อปปิ้งแอร์มือสองยอดฮิตก็หนีไม่พ้น ออนไลน์แพลตฟอร์ม ค่ะ ทั้ง Lazada และ Shopee มีร้านค้าและผู้ขายรายย่อยเอาแอร์มือสองมาลงขายเพียบเลย นอกจากนี้ยังมีเว็บไซต์เฉพาะทาง หรือกลุ่มซื้อขายใน Facebook ที่เกี่ยวกับเครื่องใช้ไฟฟ้ามือสอง หรือแอร์โดยเฉพาะก็มีให้เลือกเยอะแยะไปหมด ส่วนตามร้านค้าปลีกใหญ่ๆ อย่าง Central, Big C, The Mall, Power Buy หรือ JIB, Banana IT เนี่ย พวกนี้เค้าจะเน้นขาย แอร์ใหม่แกะกล่อง ซะมากกว่า ถ้าจะหาแอร์มือสองต้องไปตามร้านแอร์มือสองโดยเฉพาะ หรือไม่ก็ออนไลน์สะดวกสุดค่ะ
เมื่อเทียบกับแอร์ใหม่ ราคาแอร์มือสองเนี่ย ถูกกว่าเยอะมากๆ เลยค่ะ อาจจะถูกกว่า 30-70% เลยทีเดียว แต่ก็ต้องทำใจเรื่องสภาพและการรับประกันนะ!
3. เปรียบเทียบราคากับแอร์ใหม่... คุ้มไหมนะ?
ถ้าถามว่าแอร์มือสองคุ้มค่ากับราคาไหม? ต้องบอกว่า ขึ้นอยู่กับมุมมองและงบประมาณ ค่ะ แอร์ใหม่ ขนาด 9,000 - 12,000 BTU ยี่ห้อทั่วไป ราคาเริ่มต้นก็มีตั้งแต่ หมื่นบาทต้นๆ ไปจนถึงสองหมื่นกว่าบาท ขึ้นอยู่กับฟังก์ชันและเทคโนโลยี (เช่น ระบบ Inverter ที่ช่วยประหยัดไฟ)
ลองคิดดูว่าถ้าซื้อแอร์ใหม่ราคา 15,000 บาท แต่ถ้าซื้อมือสองสภาพดีๆ อาจจะได้มาแค่ 5,000 บาท ส่วนต่าง 10,000 บาทนี่เอาไปทำอย่างอื่นได้อีกเยอะเลยนะ! แต่ๆๆๆ! อย่าลืมว่าแอร์ใหม่เค้ามาพร้อม การรับประกันยาวๆ (บางทีคอมเพรสเซอร์รับประกัน 5-10 ปี อะไหล่อื่นๆ 1-5 ปี) แถมส่วนใหญ่ รวมค่าติดตั้ง ไปแล้ว หรือมีโปรโมชั่นติดตั้งฟรี ในขณะที่แอร์มือสองเนี่ย อาจจะไม่มีประกันเลย หรือมีประกันใจจากร้านแค่สั้นๆ ถ้าซื้อมาแล้วเสีย ค่าซ่อมอาจจะบานปลายได้เหมือนกันค่ะ
สรุปง่ายๆ คือ ถ้าเงินถึงและอยากได้ความสบายใจ ใช้ยาวๆ ฟังก์ชันครบๆ แอร์ใหม่คุ้มกว่าในระยะยาว แต่ถ้า งบน้อย ต้องการแค่ความเย็นชั่วคราว หรือพอมีความรู้เรื่องช่าง แอร์มือสองก็เป็นทางเลือกที่น่าสนใจมากๆ ค่ะ
4. ซื้อแอร์มือสองแล้วได้อะไรมาบ้าง? (นอกจากความเย็นที่ไม่แน่นอน)
อันนี้แหละคือสิ่งที่ต้อง เช็คให้ดีมากๆ เวลาซื้อแอร์มือสอง เพราะส่วนใหญ่สิ่งที่ได้มาคือ ตัวเครื่องภายนอกและภายใน พร้อมรีโมท เท่านั้นค่ะ!
- ค่าขนส่ง: ส่วนใหญ่ ไม่รวมในราคา นะจ๊ะ ต้องคุยกับผู้ขายหรือร้านให้ชัดเจนว่าจะคิดค่าส่งเท่าไหร่ หรือต้องไปรับเองไหม
- การรับประกัน: สำคัญมาก! แอร์มือสองส่วนใหญ่ ไม่มีประกันศูนย์ แล้วค่ะ บางร้านที่ขายอาจจะมีประกันร้านให้สั้นๆ เช่น 7 วัน หรือ 1 เดือน ถ้าโชคดีเจอเครื่องที่เจ้าของเดิมเพิ่งซื้อมาไม่นาน อาจจะยังเหลือประกันศูนย์อยู่บ้าง (แต่น้อยมากและต้องมีเอกสารครบ) คนไทยเราค่อนข้างกังวลเรื่องซ่อม ถ้าไม่มีประกันนี่ต้องคิดหนักๆ เลยนะ!
- อุปกรณ์เสริม: ส่วนใหญ่ ไม่มีของแถม อะไรทั้งสิ้นค่ะ ท่อน้ำยา ขายางรอง หรืออุปกรณ์ติดตั้งอื่นๆ อาจจะต้องซื้อเพิ่มเองทั้งหมด บางทีร้านแอร์มือสองจะมีอุปกรณ์พวกนี้ขาย หรือรวมในค่าติดตั้ง
- บริการติดตั้ง: ราคาที่เห็นมักจะเป็นราคาเฉพาะเครื่อง แต่ค่าติดตั้งเป็นสิ่งจำเป็นและมีค่าใช้จ่ายต่างหาก นะคะ! ค่าติดตั้งแอร์มือสองอาจจะอยู่ราวๆ 3,000 - 5,000 บาท ขึ้นอยู่กับขนาด BTU และความยากง่ายของหน้างาน บางร้านอาจมีโปรโมชั่นติดตั้งฟรีให้ในพื้นที่ใกล้เคียง
ดังนั้น ก่อนตัดสินใจซื้อ ต้องสอบถามรายละเอียดให้ครบถ้วนว่าราคานี้รวมอะไรบ้าง มีประกันไหม ค่าติดตั้งเท่าไหร่ จะได้ไม่เจอค่าใช้จ่ายงอกทีหลังจนปวดหัวค่ะ
5. ช่วงไหนน่าซื้อแอร์ (มือสอง) ที่สุดในไทย?
ถ้าเป็นแอร์ใหม่เนี่ย ช่วง โปรโมชั่นใหญ่ๆ อย่าง 11.11, 12.12 หรือช่วงหน้าร้อนนี่ลดกันสนั่นหวั่นไหวเลยค่ะ แต่สำหรับแอร์มือสอง... โปรโมชั่นแบบลดราคาทั้งโกดังตามเทศกาลอาจจะไม่ชัดเจนเท่า แต่อาจจะมีผู้ขายบางรายปล่อยของออกมาในช่วงที่คนต้องการแอร์เยอะๆ เช่น หน้าร้อนจัดๆ หรือช่วงที่คนย้ายบ้าน ย้ายหอ แล้วต้องการโละของ หรือบางทีอาจจะเจอดีลดีๆ ในช่วง ปลายฝนต้นหนาว ที่คนใช้แอร์น้อยลงก็ได้นะ
ร้านค้าบน Lazada/Shopee ที่ขายแอร์มือสองอาจจะไม่ได้มีโปรโมชั่นบ่อยเท่า Official Store ของแบรนด์ใหม่ แต่ก็ต้องหมั่นส่องเรื่อยๆ ค่ะ บางทีอาจจะเจอโค้ดส่วนลด หรือโปรโมชั่นส่งฟรีเล็กๆ น้อยๆ จากร้านย่อยๆ ก็เป็นได้
คำแนะนำคือ ถ้าไม่รีบมาก ก็ ติดตามเพจร้านแอร์มือสอง หรือกลุ่มซื้อขายต่างๆ ไว้ค่ะ เผื่อเจอจังหวะดีๆ ได้เครื่องสภาพงามๆ ในราคาโดนใจ หรือถ้าเจอเครื่องที่ถูกใจแล้วจริงๆ ก็อย่าลังเลนาน เพราะแอร์มือสองสภาพดีมักจะไปเร็วค่ะ!
6. ผู้ใช้ชาวไทยเค้าว่ายังไงกับแอร์มือสอง?
จากที่ลองไปด้อมๆ มองๆ ตามเว็บบอร์ดหรือโซเชียลเนี่ย เสียงส่วนใหญ่ของคนไทยที่ใช้แอร์มือสองจะประมาณนี้ค่ะ:
- "ประหยัดเงินในกระเป๋าได้เยอะจริงๆ!" อันนี้เป็นเหตุผลอันดับต้นๆ เลยที่คนเลือกซื้อมือสอง เพราะราคาถูกกว่ามือหนึ่งมากๆ
- "เย็นเหมือนกันแหละ ไม่ได้ต้องการฟังก์ชันอะไรมากมาย" สำหรับบางคน แค่ขอให้ห้องเย็นฉ่ำก็พอแล้ว ไม่ได้สนว่าต้องมี Wi-Fi หรือฟอกอากาศได้
- "เหมาะกับห้องเช่า หรืออยู่ชั่วคราว" ถ้าไม่ได้อยู่ระยะยาว ซื้อแพงๆ ก็ไม่คุ้ม ซื้อมือสองพออยู่ได้ไปก่อน
- "ลุ้นเหมือนกันว่าจะทนไหม" อันนี้คือข้อกังวลหลักค่ะ แอร์มือสองบางตัวใช้ได้นาน บางตัวแป๊บเดียวเสีย ต้องซ่อมแล้วซ่อมอีก
- "บางทีค่าไฟนี่สิ... พุ่งกระฉูด!" แอร์เก่าๆ ส่วนใหญ่กินไฟมากกว่าแอร์รุ่นใหม่ที่มีเทคโนโลยีประหยัดพลังงาน ค่าไฟที่เพิ่มขึ้นอาจจะมากกว่าเงินที่ประหยัดตอนซื้อก็ได้ในระยะยาวนะ
- "บางทีมีเสียงดัง หรือมีปัญหาน้ำหยด" ปัญหาจุกจิกที่มากับแอร์อายุเยอะเป็นเรื่องปกติค่ะ
โดยสรุปคือ คนที่ใช้แอร์มือสองมักจะเน้นที่ ความคุ้มค่าด้านราคา เป็นหลัก แต่ก็ต้องทำใจเรื่อง ความเสี่ยง ปัญหาจุกจิก และค่าไฟที่อาจจะสูงกว่า นะคะ
7. จะไปหาซื้อแอร์มือสองได้ที่ไหนดี?
ถ้าตัดสินใจแล้วว่าจะลองเสี่ยงดวงกับแอร์มือสอง แหล่งซื้อที่แนะนำก็คือ:
- แพลตฟอร์มออนไลน์ยอดนิยม (Shopee, Lazada): มีร้านค้าและผู้ขายเยอะมากให้เลือกเปรียบเทียบ สะดวกในการดูรูปและสอบถามข้อมูลเบื้องต้น แต่ต้องเลือกผู้ขายที่น่าเชื่อถือ มีรีวิวดีๆ นะคะ
- ร้านแอร์มือสองโดยเฉพาะ: มีทั้งแบบหน้าร้านและแบบโกดัง ข้อดีคือเราสามารถไป ดูสภาพเครื่องจริงได้ บางร้านอาจมีบริการตรวจเช็คเบื้องต้นให้ หรืออาจมีช่างประจำร้านที่ให้คำปรึกษาได้ บางทีราคาก็รวมค่าติดตั้งไปเลยก็มี
- กลุ่มซื้อขายเครื่องใช้ไฟฟ้ามือสองใน Facebook: เป็นอีกแหล่งที่น่าสนใจ เพราะมักจะเป็นผู้ใช้ด้วยกันเองเอามาขาย อาจได้ราคาดีกว่าร้าน แต่ต้องระวังเรื่องความเสี่ยง แนะนำให้นัดเจอเพื่อดูของจริงและทดสอบก่อนจ่ายเงินจะปลอดภัยที่สุดค่ะ
หลีกเลี่ยงการซื้อจากแหล่งที่ไม่น่าเชื่อถือ หรือผู้ขายที่ดูมีพิรุธนะคะ ไม่งั้นอาจจะโดนย้อมแมวได้ง่ายๆ เลย
8. สรุปแล้ว แอร์เก่า/มือสอง ยังน่าใช้ไหม? หรือซื้อใหม่คุ้มกว่า?
มาถึงช่วงสรุปแล้วค่ะ ถามว่าแอร์เก่า/มือสองยังน่าใช้ไหม? คำตอบคือ น่าใช้... ถ้าคุณเหมาะกับมัน!
- ถ้าคุณมีงบประมาณจำกัดมากๆ และต้องการแค่ความเย็นเพื่อบรรเทาความร้อน แอร์มือสองคือตัวช่วยที่ดีในราคาที่จับต้องได้
- ถ้าคุณอยู่ห้องเช่า หรือบ้านเช่าชั่วคราว ไม่ได้คิดจะอยู่นาน การลงทุนกับแอร์มือสองที่ราคาไม่แพงก็เป็นทางเลือกที่สมเหตุสมผล
- ถ้าคุณพอมีความรู้เรื่องช่าง หรือมีช่างที่ไว้ใจได้คอยดูแลเผื่อมีปัญหา แอร์มือสองก็อาจจะคุ้มค่า
แต่! ถ้าคุณเน้นความสบายใจ ใช้งานยาวๆ ไม่จุกจิก ไม่กังวลเรื่องค่าไฟที่อาจสูงขึ้น และต้องการการรับประกันที่แน่นอน การซื้อแอร์ใหม่คุ้มกว่าในระยะยาวอย่างไม่ต้องสงสัยค่ะ! แอร์ใหม่ๆ รุ่นปัจจุบันมีเทคโนโลยีประหยัดไฟมากกว่าเดิมเยอะ (ระบบ Inverter) มีฟังก์ชันอำนวยความสะดวกมากมาย และมาพร้อมการรับประกันที่ทำให้เราอุ่นใจได้มากกว่า
ดังนั้น การตัดสินใจขึ้นอยู่กับ ความจำเป็น งบประมาณ และความพร้อมที่จะยอมรับความเสี่ยง ค่ะ ถ้าพร้อมลุ้น และอยากประหยัดเงินก้อนแรก แอร์มือสองก็จัดไป! แต่ถ้าอยากสบายใจ ใช้ยาวๆ ไม่ต้องปวดหัวเรื่องซ่อมบ่อยๆ กัดฟันซื้อใหม่ดีกว่าค่ะ!
หวังว่าบทความนี้จะช่วยให้ทุกคนตัดสินใจได้ง่ายขึ้นนะคะ หน้าร้อนนี้ ขอให้ทุกคนเย็นกาย สบายใจ ไม่ว่าจะเลือกแอร์แบบไหนก็ตามจ้า! บ๊ายบายยย!
วิดีโอที่เกี่ยวข้อง
แนะนำสำหรับคุณ
รีวิวรองเท้าผ้าใบ Puma Carina: สวยคลาสสิก แมทช์ได้ทุกลุค
รีวิว YSL Pure Shots: เซรั่มกู้ผิวโทรม บูสต์ผิวใสในข้ามคืน
เปิดกรุรีวิวไอเทมเด็ดจาก Watsons: ตัวไหนน่าสอย ตัวไหนต้องลอง?
รีวิว Hiby R3: เครื่องเล่นเพลงพกพาเสียงดี เหมาะกับคนรักเสียงเพลง
รีวิว มาร์คเท้ากู้ชีพ: เปลี่ยนเท้าหยาบกร้าน เป็นเท้าเนียนนุ่มน่าสัมผัส
รีวิว Yamaha Nouvo Elegance 135cc: ออโตเมติกยอดนิยม ดีไซน์สปอร์ต ขี่สบาย