รีวิว TP-Link MR200 และราคา: เราเตอร์ใส่ซิม 4G คุ้มค่าไหม

สวัสดีจ้าทุกคนนน! วันนี้เราจะมาเม้าท์มอยเรื่องแกดเจ็ตสุดปังที่ชีวิตยุค 4G ขาดไม่ได้ นั่นก็คือ TP-Link Archer MR200 เราเตอร์ใส่ซิม 4G ที่เค้าว่ากันว่าคุ้มค่าน่าใช้สุดๆ! ใครที่กำลังปวดหัวเรื่องอินเทอร์เน็ตบ้านช้าบ้าง ไม่มีเน็ตไฟเบอร์เข้าถึงบ้าง หรือชอบเดินทางไปนู่นมานี่แล้วอยากพกเน็ตแรงๆ ไปด้วย มามุงทางนี้เลยจ้า เพราะเราจะมาเจาะลึก รีวิวให้ฟังแบบหมดเปลือก แถมด้วยเคล็ดลับช้อปยังไงให้คุ้มค่า จนเพื่อนต้องเหลียวหลัง! เตรียมตัวให้พร้อม แล้วไปลุยกันเลย!

1. ผลิตภัณฑ์นี้มันคืออะไรกันนะ?

เอาล่ะ เริ่มต้นกันที่ว่าเจ้า TP-Link Archer MR200 นี่มันคืออะไร? พูดง่ายๆ มันคือ เราเตอร์ (Router) อุปกรณ์ที่ช่วยกระจายสัญญาณ Wi-Fi ให้เราใช้อินเทอร์เน็ตได้พร้อมกันหลายๆ เครื่อง แต่ความพิเศษของตัวนี้คือ มันเป็น เราเตอร์ใส่ซิม 4G จ้า! ไม่ต้องง้อสายแลน ไม่ต้องพึ่งเน็ตบ้านแบบไฟเบอร์หรือ ADSL เลย แค่มีซิมการ์ด 4G (แบบที่ใช้กับมือถือนั่นแหละ) ก็เสียบเข้าไปในตัวเราเตอร์ แล้วมันก็จะแปลงสัญญาณ 4G ให้เป็น Wi-Fi ให้เราเชื่อมต่อได้เลย สะดวกสุดๆ ไปเลย!

เหมาะมากๆ สำหรับใครที่อยู่พื้นที่ที่สายอินเทอร์เน็ตเข้าไม่ถึง หรือสัญญาณไม่ดี หรือคนที่ต้องย้ายที่บ่อยๆ พกไปทำงานต่างจังหวัด พกไปบ้านสวน หรือจะใช้เป็นอินเทอร์เน็ตสำรองเผื่อเน็ตบ้านล่มก็ยังได้นะ กลุ่มผู้ใช้ก็หลากหลายเลย ตั้งแต่บ้านพักอาศัยขนาดเล็กๆ ออฟฟิศชั่วคราว ร้านค้า หรือแม้แต่คนที่ชอบเดินทาง ตัวเดียวเอาอยู่!

ส่วนแบรนด์ TP-Link เนี่ย เค้าเป็นแบรนด์ดังระดับโลกด้านอุปกรณ์เน็ตเวิร์ค ที่หลายคนคุ้นเคยกันดี คุณภาพเค้าเชื่อถือได้ แถมราคายังเป็นมิตรกับกระเป๋าสตางค์มากๆ ด้วยนะ ไม่ต้องกังวลเรื่องคุณภาพเลยจ้า

2. ราคาในตลาดไทยเป็นยังไงบ้าง?

มาถึงเรื่องสำคัญที่ทุกคนรอคอย นั่นก็คือ "ราคา" นั่นเอง! สำหรับ TP-Link Archer MR200 เนี่ย ต้องบอกก่อนว่าราคาในตลาดไทยค่อนข้างหลากหลายนะ ขึ้นอยู่กับร้านค้า โปรโมชั่น และเวอร์ชันของตัวเราเตอร์ (บางทีมี V4, V5 ราคาอาจจะต่างกันเล็กน้อย) แต่โดยรวมแล้วจะอยู่ที่ประมาณ 1,xxx - 3,xxx บาท (฿) จ้า

ถ้าลองไปส่องตามแหล่งช้อปปิ้งออนไลน์ยอดฮิตในไทยดูสิ อย่าง Lazada หรือ Shopee เนี่ย จะเจอร้านค้าที่ขายเยอะมากๆ มีตั้งแต่ร้านค้าทั่วไปจนถึงร้านที่เป็น Official Store ของ TP-Link เองเลยนะ ราคาจะอยู่ประมาณ ฿2,000 - ฿2,500 โดยประมาณ แต่ก็มีบางช่วงที่จัดโปรแรงๆ อาจจะเห็นต่ำกว่าสองพันบ้างนะ

ส่วนตามร้านค้าไอทีใหญ่ๆ อย่าง JIB, Banana IT, Power Buy หรือ IT City เนี่ย ก็มีขายเหมือนกันนะ ราคาอาจจะสูงกว่าออนไลน์เล็กน้อย อย่าง IT City เคยเห็นอยู่ที่ประมาณ ฿2,990 แต่ข้อดีคือเราไปดูของจริงได้ สงสัยตรงไหนก็ถามพนักงานได้เลยนะ ส่วนห้างสรรพสินค้าทั่วไปอย่าง Central, Big C, The Mall อาจจะมีโซนอิเล็กทรอนิกส์ที่ขายบ้าง แต่รุ่นเฉพาะทางแบบนี้อาจจะต้องไปดูตามร้านไอทีโดยเฉพาะจะชัวร์กว่าจ้า

เรื่องส่วนต่างอัตราแลกเปลี่ยนระหว่างราคานานาชาติกับราคาในไทยเนี่ย สำหรับสินค้าไอทีแบบนี้ ราคาในไทยก็ถือว่าสมเหตุสมผลนะ ไม่ได้แพงเวอร์วังอะไรมากนัก เมื่อเทียบกับภาษี ค่าขนส่ง และการทำตลาดในประเทศจ้า

3. แล้วเทียบกับรุ่นอื่นล่ะ ราคาโอเคมั้ย?

ถ้าให้เทียบกับเราเตอร์ใส่ซิม 4G รุ่นอื่นๆ ในตลาดเนี่ย TP-Link Archer MR200 ถือว่าอยู่ในกลุ่มราคาที่เป็น มิตรภาพ เลยนะ มันไม่ได้แพงเท่ารุ่นท็อปๆ ที่รองรับ 4G+ หรือ Cat6 ขึ้นไป ซึ่งพวกนั้นจะให้ความเร็วสูงสุดได้มากกว่า แต่ราคาก็พุ่งไปสามสี่พันบาทขึ้นไปเลย

MR200 เนี่ย ให้ความเร็วสูงสุดที่ 150Mbps ซึ่งเพียงพอต่อการใช้งานทั่วไปมากๆ ทั้งดูหนัง ฟังเพลง เล่นโซเชียล หรือทำงานเบาๆ ถ้าเทียบกับแบรนด์อื่นๆ ที่มีฟังก์ชันใกล้เคียงกัน TP-Link MR200 ก็ยังถือว่าเป็นตัวเลือกที่ คุ้มค่า เมื่อมองที่ราคาและประสิทธิภาพนะ

อย่างถ้าไปเทียบกับ Pocket WiFi ตัวเล็กๆ ที่ใส่ซิมได้เหมือนกัน ราคาอาจจะใกล้เคียงหรือถูกกว่านิดหน่อย แต่เราเตอร์แบบ MR200 จะให้สัญญาณที่เสถียรกว่า ครอบคลุมพื้นที่ได้กว้างกว่า และรองรับจำนวนอุปกรณ์ที่เชื่อมต่อได้มากกว่านะ

4. ซื้อแล้วได้อะไรมาบ้างนะ?

อันนี้เป็นมาตรฐานของอุปกรณ์เน็ตเวิร์คเลยนะ ซื้อ TP-Link Archer MR200 มา ส่วนใหญ่แล้วจะได้อุปกรณ์พื้นฐานมาครบพร้อมใช้งานเลยจ้า ในกล่องจะมี:

• ตัวเราเตอร์ Archer MR200
• Power Adapter (ที่ชาร์จ/อะแดปเตอร์แปลงไฟ)
• สาย LAN (RJ45 Ethernet Cable)
• คู่มือการติดตั้งแบบเร่งด่วน (Quick Installation Guide)
• ตัวแปลงซิมการ์ด (SIM Card Adapters) สำหรับแปลง Nano SIM หรือ Micro SIM ให้ใช้กับช่องใส่ซิมขนาดมาตรฐานได้
• เสาอากาศ 4G LTE แบบถอดได้ 2 ต้น

เรื่อง ค่าจัดส่ง ถ้าซื้อออนไลน์ส่วนใหญ่แล้วก็มีค่าส่งนะ แต่หลายร้านค้าบน Lazada/Shopee มักจะมีโปรโมชั่น ส่งฟรี เมื่อซื้อถึงยอดที่กำหนด หรือมีโค้ดส่วนลดค่าส่งให้ ก็ต้องลองเช็คเงื่อนไขดีๆ จ้า

ส่วนเรื่อง การรับประกัน อันนี้คนไทยให้ความสำคัญมากๆ! TP-Link เป็นแบรนด์ที่ไว้ใจได้เรื่องการรับประกัน สำหรับเราเตอร์ในไทย ส่วนใหญ่จะ รับประกัน 3 ปี เลยนะ ซึ่งถือว่านานมากๆ ทำให้เรามั่นใจได้ว่าจะใช้งานไปได้ยาวๆ ถ้ามีปัญหาก็ติดต่อศูนย์บริการในไทยได้เลยจ้า

บางช่วงโปรโมชั่น หรือบางร้านค้า อาจจะมี ของแถม เล็กๆ น้อยๆ เช่น สาย LAN เพิ่มเติม หรืออื่นๆ ก็ต้องคอยติดตามโปรโมชั่นของแต่ละร้านนะจ๊ะ

5. มีช่วงไหนน่าซื้อเป็นพิเศษมั้ย?

แน่นอนว่าถ้าอยากได้ของดีราคาโดน ช่วง โปรโมชั่น นี่แหละคือเวลาทองเลยจ้า! แบรนด์ TP-Link เค้าเข้าร่วมโปรโมชั่นใหญ่ๆ กับแพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซในไทยเกือบตลอดทั้งปีนะ ไม่ว่าจะเป็นช่วง Double Digit Sale ยอดฮิตอย่าง 1.1, 2.2, 3.3, ..., 11.11, 12.12 ที่ลดกันกระหน่ำซัมเมอร์เซลล์!

นอกจากนี้ ช่วง เทศกาลสำคัญๆ ของไทย อย่าง ปีใหม่ไทย (สงกรานต์), วันปีใหม่สากล, หรือช่วงแคมเปญใหญ่ประจำปีของ Lazada/Shopee ก็มักจะมีส่วนลดพิเศษ โค้ดส่วนลด หรือโปรโมชั่นร่วมกับธนาคารต่างๆ ออกมาเพียบ! ร้านค้าระดับ แฟลกชิพสโตร์ (Flagship Store) ของ TP-Link บน Lazada หรือ Shopee เนี่ย เป็นอีกแหล่งที่จัดโปรโมชั่นบ่อยมากๆ แถมยังมั่นใจได้ว่าเป็นของแท้แน่นอน

สรุปคือ ถ้าไม่รีบใช้มากๆ แนะนำให้ รอช่วงโปรโมชั่น เนี่ยแหละจ้า มีโอกาสได้ TP-Link Archer MR200 ในราคาที่ถูกลง หรือได้ของแถมพิเศษติดไม้ติดมือกลับมาแน่นอน! หมั่นเข้าไปเช็ค เข้าไปกดใส่ตะกร้าไว้ก่อน แล้วรอสอยตอนมีโปรโมชั่นเลยจ้า!

6. คนไทยใช้แล้วรู้สึกยังไงกันบ้างนะ?

จากที่ลองไปส่องๆ ดูตามรีวิวของคนไทยใน Lazada, Shopee, หรือตามเว็บบอร์ดต่างๆ เนี่ย เสียงตอบรับส่วนใหญ่เกี่ยวกับ TP-Link Archer MR200 ถือว่าดีเลยนะ จุดที่คนไทยชอบมากๆ เลยก็คือ:

• ใช้งานง่ายสุดๆ: หลายคนบอกว่าแค่เสียบปลั๊ก ใส่ซิม ก็ใช้ได้เลย ไม่ต้องตั้งค่าอะไรให้วุ่นวาย เหมาะกับคนที่ไม่ค่อยเก่งเรื่องเทคนิคมากๆ
• สัญญาณเสถียร: แม้ความเร็วสูงสุดจะอยู่ที่ 150Mbps แต่การเชื่อมต่อค่อนข้างเสถียร ไม่ค่อยหลุด ดูวิดีโอ เล่นเกมออนไลน์ทั่วๆ ไปได้สบายๆ (แน่นอนว่าขึ้นอยู่กับสัญญาณ 4G ของค่ายที่เราใช้และพื้นที่ด้วยนะ)
• กระจายสัญญาณได้ดี: สัญญาณ Wi-Fi ครอบคลุมพื้นที่ในบ้านหรือออฟฟิศขนาดเล็กได้ดี แชร์ให้หลายๆ อุปกรณ์พร้อมกันได้สบายๆ (ประมาณ 15-20 เครื่อง)
• คุ้มค่ากับราคา: เมื่อเทียบกับประสิทธิภาพ ความสะดวกในการใช้งาน และราคาค่าตัว ถือว่าคุ้มค่ามากๆ เป็นตัวเลือกที่เข้าถึงได้ง่าย
• เป็นทางออกสำหรับพื้นที่ไม่มีเน็ตสาย: หลายคนที่อยู่ต่างจังหวัด หรือพื้นที่ที่เน็ตสายเข้าไม่ถึง บอกว่าตัวนี้ช่วยชีวิตมากๆ ทำให้มีอินเทอร์เน็ตใช้ที่บ้านได้

สรุปคือ คนไทยที่เคยใช้ MR200 ส่วนใหญ่จะแฮปปี้กับ ความง่ายในการติดตั้ง, ความเสถียรของสัญญาณ และ ความคุ้มค่า ที่ได้ในราคาเท่านี้เลยจ้า

7. แล้วจะไปหาซื้อได้ที่ไหนล่ะทีนี้?

ช่องทางหลักๆ ที่แนะนำให้ไปสอย TP-Link Archer MR200 ก็คือ:

• แพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซขนาดใหญ่: เช่น Shopee และ Lazada อันนี้เป็นแหล่งรวมร้านค้าและผู้ขายเยอะที่สุด ข้อดีคือมีตัวเลือกเยอะ ราคาหลากหลาย สามารถเปรียบเทียบราคาได้ง่าย มีระบบการจ่ายเงินที่ปลอดภัย และมักจะมีโปรโมชั่น ส่วนลด หรือโค้ดส่งฟรีให้ใช้บ่อยๆ แนะนำให้เลือกร้านที่เป็น Official Store หรือร้านที่ได้เรตติ้งดีๆ มีรีวิวเยอะๆ จะได้มั่นใจเรื่องคุณภาพและบริการหลังการขายจ้า
• ร้านค้าไอทีชั้นนำ: อย่าง JIB, Banana IT, Power Buy, IT City ข้อดีคือเราสามารถไปดู ไปจับ ไปลองสินค้าจริงได้เลย ได้พูดคุยสอบถามกับพนักงานโดยตรง ถ้ามีปัญหาก็เคลมหรือส่งซ่อมได้สะดวกกว่า แต่ราคาก็อาจจะสูงกว่าออนไลน์เล็กน้อยนะ ส่วนใหญ่ร้านพวกนี้มีสาขาตามห้างสรรพสินค้าชั้นนำทั่วไป หาไปไม่ยากจ้า
• ร้านค้าออนไลน์เฉพาะทาง: บางร้านที่เน้นขายอุปกรณ์เน็ตเวิร์คโดยเฉพาะ ก็มี TP-Link MR200 ขายเช่นกัน ข้อดีคือบางทีอาจจะมีโปรโมชั่นพิเศษ หรือให้คำปรึกษาเชิงลึกได้ แต่ก็ต้องเลือกร้านที่น่าเชื่อถือนะ

ช่องทาง Official Website ของ TP-Link ประเทศไทย ก็เข้าไปดูข้อมูลสเปกสินค้า หรือหาข้อมูลศูนย์บริการได้นะ แต่ส่วนใหญ่เค้าจะแนะนำช่องทางการซื้อผ่านร้านค้าตัวแทนจำหน่ายหรือแพลตฟอร์มออนไลน์มากกว่าจ้า

8. สรุปแล้วน่าซื้อไหม? เหมาะกับใคร?

มาถึงบทสรุปกันแล้ว! ถามว่า TP-Link Archer MR200 ยังน่าซื้ออยู่ไหมในปีนี้? คำตอบคือ น่าซื้อมากๆ เลยจ้า ถ้าคุณเป็นคนที่:

• ต้องการใช้อินเทอร์เน็ตในพื้นที่ที่ไม่มีเน็ตสายเข้าถึง เช่น บ้านสวน คอนโดที่ไม่มีโครงข่าย หรือออกบูธ/จัดงานนอกสถานที่
• มองหาอินเทอร์เน็ตสำรองไว้ใช้ยามฉุกเฉิน เวลาเน็ตบ้านหลักมีปัญหา
• ชอบเดินทางบ่อยๆ และอยากมีอินเทอร์เน็ตส่วนตัวที่แรงกว่า Pocket WiFi
• มีซิมการ์ด 4G แบบไม่จำกัดปริมาณ (Unlimited Data) หรือมีแพ็คเกจดาต้าเหลือเฟือ
• ต้องการเราเตอร์ที่ติดตั้งง่าย ใช้งานง่าย ไม่ซับซ้อน
• มีงบประมาณจำกัด แต่อยากได้เราเตอร์ใส่ซิมที่คุณภาพดี เชื่อถือได้

เจ้า MR200 คือคำตอบเลยจ้า! มันเป็นเราเตอร์ใส่ซิม 4G ที่ คุ้มค่าเกินราคา ให้สัญญาณ Wi-Fi แบบ Dual Band AC750 เพียงพอต่อการใช้งานทั่วไปของคนส่วนใหญ่ ติดตั้งง่ายมากๆ และ TP-Link ก็เป็นแบรนด์ที่เชื่อถือได้เรื่องคุณภาพและการรับประกัน 3 ปีก็ทำให้น่าสบายใจหายห่วง

ถ้าถามว่าควรซื้อรุ่นนี้หรือรุ่นสูงกว่าอย่าง MR400, MR600 ดี? ถ้าคุณไม่ได้ต้องการความเร็วสูงสุดระดับ 300Mbps+ หรือไม่ได้ใช้งานพร้อมกันหนักมากๆ หลายๆ คนพร้อมกัน หรือไม่ได้ต้องการพอร์ต LAN แบบ Gigabit ทั้งหมด (MR200 มีพอร์ต 10/100Mbps เป็นหลัก) TP-Link Archer MR200 ก็เพียงพอแล้ว และประหยัดงบไปได้เยอะเลยนะ แต่ถ้าต้องการความเร็วสูงสุดจริงๆ หรือฟังก์ชันระดับสูงขึ้นไปอีก ก็อาจจะต้องมองไปที่รุ่นที่รองรับ 4G+ หรือ Cat6 ขึ้นไปจ้า

หวังว่าบทความนี้จะเป็นประโยชน์กับทุกคนที่กำลังตัดสินใจซื้อ TP-Link Archer MR200 นะจ๊ะ ขอให้ได้เราเตอร์ที่ถูกใจ มีอินเทอร์เน็ตแรงๆ ใช้กันทุกคนจ้า! บ๊ายบายยย!

วิดีโอที่เกี่ยวข้อง

• รีวิว TP-Link Archer MR200 เราเตอร์ใส่ซิมปล่อย Wi-Fi 2 ย่าน (2.4 ...
• ทดสอบความเร็ว TP-Link Archer MR200 4G LTE Router กับ ซิม ...
• รีวิว TP-LINK ARCHER MR200 AC750 WIRELESS DUAL ...
• รีวิว Router ใส่ซิมได้ TP-Link Archer MR200 4G LTE
• แกะกล่องรีวิว ทดลองใช้งานเร้าเตอร์ใส่ซิม TP-Link Archer MR200 ...