logo

รีวิว ลำโพง Marshall รุ่นยอดนิยม: เสียงดีไซน์คลาสสิก น่าซื้อไหมในปี 2024?

user avatar
วีรศักดิ์ วัฒนศิริ·06/30/2025 10:17
点赞
รีวิว ลำโพง Marshall รุ่นยอดนิยม: เสียงดีไซน์คลาสสิก น่าซื้อไหมในปี 2024?

สวัสดีค่าเพื่อนๆ ชาวแก๊งค์คนรักเสียงเพลงและของแต่งบ้านสไตล์คูลๆ วันนี้เราจะมาเจาะลึกถึงลำโพงตัวตึง ดีไซน์กินใจที่ใครเห็นก็ต้องเหลียวหลังอย่าง Marshall กันค่ะ! ได้ข่าวว่าปี 2024 นี้รุ่นฮิตๆ เค้าอัปเกรดอะไรใหม่ๆ น่าสนใจเพียบ แล้วเสียงจะยังเด็ด ดีไซน์จะยังคลาสสิกน่าสอยมาตั้งประดับบ้านเหมือนเดิมไหม? วันนี้ตามมาดูกันเลยค่ะ รับรองว่ารีวิวนี้จะช่วยให้เพื่อนๆ ตัดสินใจได้ง่ายขึ้นว่าจะเสียเงินให้เจ้า Marshall ตัวไหนดีช่วงสิ้นปีนี้!


1. ภาพรวมของลำโพง Marshall รุ่นยอดนิยมในปี 2024

แบรนด์ Marshall เนี่ย เค้าเป็นตำนานแห่งวงการดนตรีจากอังกฤษมายาวนาน ตั้งแต่ยุคคุณปู่ยังหนุ่มๆ ไม่ได้มีดีแค่แอมป์กีตาร์นะจ๊ะ ลำโพงเค้าก็เด็ดไม่แพ้กัน ด้วยดีไซน์วินเทจสุดคลาสสิกที่ใครเห็นเป็นต้องร้อง "ว้าว!" บวกกับคุณภาพเสียงที่เป็นเอกลักษณ์ ทำให้ Marshall กลายเป็นไอเทมสุดฮิตที่ไม่ได้มีไว้แค่ฟังเพลง แต่ยังเป็นของแต่งบ้านที่ช่วยเสริมให้ห้องดูมีสไตล์ขึ้นเป็นกองเลยทีเดียว

รุ่นฮิตๆ ในปี 2024 ที่หลายคนเล็งๆ ไว้ก็จะมีทั้งรุ่นสำหรับตั้งบ้านตัวใหญ่ๆ อย่าง Acton III, Stanmore III, Woburn III และรุ่นพกพาไซส์กำลังน่ารักอย่าง Kilburn II, Stockwell II, Emberton II, Willen II ช่วงราคาก็หลากหลาย ตั้งแต่ไม่กี่พัน (รุ่นพกพา) ไปจนถึงเกือบสามหมื่น (รุ่นใหญ่สุด)

สรุปจุดเด่นหลักๆ ที่ทำให้ Marshall ยังฮิตไม่เลิก:

  • ดีไซน์คลาสสิกเหนือกาลเวลา: วางตรงไหนก็ดูดี ไม่ต้องคิดเยอะ

  • คุณภาพเสียงเป็นเอกลักษณ์: เบสแน่น เสียงกลางชัด เสียงแหลมพุ่ง ฟังสนุกโดยเฉพาะแนวร็อก

  • เชื่อมต่อง่าย: หลักๆ คือ Bluetooth เวอร์ชั่นใหม่ๆ แถมบางรุ่นมี AUX ให้เสียบสายด้วย

  • ควบคุมง่าย: มีปุ่มหมุนสไตล์แอมป์กีตาร์ ปรับเสียงได้ตามใจชอบ

  • วัสดุดี งานประกอบแน่น: ดูแข็งแรง ทนทาน


2. ดีไซน์ & รูปลักษณ์ภายนอก: วินเทจคลาสสิก เห็นแล้วใจละลาย

จุดแข็งที่สุดของ Marshall ก็คือหน้าตาอันหล่อเหลาเอาการนี่แหละ! ไม่ว่าจะเป็นรุ่นเล็ก รุ่นใหญ่ เค้าก็ยังคงดีไซน์คลาสสิกแบบตู้แอมป์กีตาร์ไว้เป๊ะๆ เห็นแล้วรู้เลยว่านี่คือ Marshall ไม่เหมือนใคร วัสดุหลักๆ ก็จะเป็นหนังเทียมคุณภาพดี หุ้มรอบตัวเครื่อง มีตะแกรงหน้าลำโพงที่เป็นผ้าลายสวยๆ ได้แรงบันดาลใจมาจากแอมป์กีตาร์จริงๆ โลโก้ Marshall สีทองโดดเด่นอยู่ตรงกลาง เห็นแต่ไกลก็รู้ว่าเป็นของแท้!

รุ่นตั้งโต๊ะ (Home Speaker) อย่าง Acton III หรือ Stanmore III ก็จะมีขนาดกำลังดี วางบนชั้นวางทีวี โต๊ะทำงาน หรือเคาน์เตอร์กาแฟก็ดูเท่สุดๆ ส่วนรุ่นพกพาอย่าง Kilburn II หรือ Stockwell II จะมีขนาดเล็กกะทัดรัดกว่า มีหูหิ้วเป็นสายหนังแข็งแรง พกไปปาร์ตี้นอกบ้าน หรือจะหิ้วไปแคมป์ปิ้งก็สะดวก (แต่บางรุ่นต้องระวังเรื่องกันน้ำนิดนึงนะ)

สีสันยอดนิยมก็หนีไม่พ้นสีดำคลาสสิก แต่บางรุ่นก็มีสีครีม หรือสีน้ำตาลให้เลือกด้วย สวยคนละแบบ เลือกได้ตามสไตล์การแต่งห้องเลย

อุปกรณ์ในกล่องก็มักจะมีแค่สายไฟ, คู่มือต่างๆ, แล้วก็อาจจะมีสาย AUX มาให้บ้างแล้วแต่รุ่น ไม่ได้มีอะไรหวือหวามาก เพราะลำโพงเค้าเน้นความคลาสสิก เรียบง่ายอยู่แล้ว


3. ประสบการณ์ในการใช้งานฟังก์ชันหลัก: เสียงแน่นสะใจชาวร็อก!

มาถึงเรื่องสำคัญที่สุด นั่นก็คือ คุณภาพเสียง! Marshall เนี่ย เค้าขึ้นชื่อเรื่องเบสที่หนักแน่น มวลใหญ่ ฟังสนุก แรงปะทะดี ไม่บวม ยิ่งเปิดเพลงแนวร็อกนะ บอกเลยว่าได้อารมณ์เหมือนไปดูคอนเสิร์ตเลยทีเดียว เสียงกลางก็ชัดเจน เสียงร้องเด่น เสียงแหลมก็พุ่ง สดใส รายละเอียดดี

รุ่นใหม่ๆ อย่าง Acton III หรือ Stanmore III เค้าปรับปรุงให้มีมิติเสียงกว้างขึ้น กระจายเสียงได้ทั่วห้องมากขึ้นด้วย (เรียกว่า True Stereophonic หรือ Multi-Directional Sound แล้วแต่รุ่น) ไม่ว่าจะนั่งอยู่มุมไหนของห้องก็ได้ยินเสียงดีเหมือนกัน

ส่วนรุ่นพกพาอย่าง Kilburn II หรือ Stockwell II แม้ตัวจะเล็ก แต่เสียงก็ดังเกินตัวนะ พกไปเปิดนอกบ้านก็ยังได้ยินชัด ไม่ใช่แค่ดังอย่างเดียว คุณภาพเสียงยังคงความเป็น Marshall อยู่ ฟังสนุกเหมือนเดิม

การเชื่อมต่อหลักๆ ก็คือ Bluetooth เวอร์ชั่นใหม่ๆ (ส่วนใหญ่จะเป็น 5.0 หรือ 5.2 ในรุ่นใหม่) เชื่อมต่อง่าย สัญญาณเสถียร บางรุ่นเชื่อมพร้อมกันได้ 2 เครื่องด้วยนะ! ส่วนใครที่ชอบเสียบสาย เค้าก็ยังมีช่อง AUX 3.5 มม. ให้ใช้อยู่


4. ประสบการณ์การใช้งาน & ความง่ายในการใช้: ใช้งานง่าย ไม่ต้องจบวิศวะ

ถ้าถามว่า Marshall ใช้งานง่ายไหม? ตอบเลยว่า ง่ายมากกกก! ด้วยความที่เค้าเน้นความคลาสสิก ปุ่มควบคุมต่างๆ ก็เป็นแบบอนาล็อก เป็นลูกบิดหมุนๆ มีทั้งปรับเสียงดัง-เบา ปรับเสียงเบส ปรับเสียงแหลม แยกกันไปเลย อยากได้เบสเยอะๆ ก็หมุนเบสขึ้น อยากได้แหลมใสๆ ก็หมุนแหลมขึ้น ง่ายกว่านี้ไม่มีแล้ว!

รุ่นใหม่ๆ เค้าก็มีแอปพลิเคชัน Marshall Bluetooth ให้ดาวน์โหลดมาใช้ปรับ EQ เสียง หรือตั้งค่าอื่นๆ ได้ด้วยนะ ทำให้ปรับเสียงได้ละเอียดขึ้นอีกหน่อย แต่ถ้าไม่ใช้แอปฯ ก็ใช้งานได้สบายๆ

ตัวลำโพงเองก็มีปุ่มกดต่างๆ ที่ชัดเจน เช่น ปุ่มเปิด-ปิด, ปุ่ม Source เลือกแหล่งสัญญาณ, ปุ่ม Play/Pause, ข้ามเพลง (ในรุ่นใหม่ๆ) ใช้งานสะดวก ไม่ต้องงมหาปุ่ม

ส่วนเรื่องภาษาไทย อันนี้สบายใจได้เลย เพราะตัวเครื่องไม่ได้มีหน้าจอแสดงผลที่ซับซ้อนอะไร การควบคุมหลักๆ เป็นสัญลักษณ์สากล และปุ่มหมุน ส่วนแอปฯ ก็รองรับภาษาอังกฤษเป็นหลัก ซึ่งใช้งานไม่ยากค่ะ


5. แบตเตอรี่ / พลังงาน / ความคุ้มค่าในระยะยาว: รุ่นพกพาแบตอึด รุ่นตั้งโต๊ะเสียบไฟยาวๆ

สำหรับลำโพง Marshall จะแบ่งเรื่องพลังงานออกเป็น 2 แบบหลักๆ ค่ะ

  • รุ่นตั้งโต๊ะ (Home Speaker): พวก Acton III, Stanmore III, Woburn III อันนี้ต้องเสียบปลั๊กไฟใช้งานตลอดเวลา ไม่มีแบตเตอรี่ในตัว ข้อดีคือไม่ต้องกังวลเรื่องแบตหมด เปิดฟังยาวๆ ได้เลย

  • รุ่นพกพา (Portable Speaker): พวก Kilburn II, Stockwell II, Emberton II, Willen II อันนี้มีแบตเตอรี่ในตัว พกไปไหนมาไหนได้สบาย แบตเตอรี่ค่อนข้างอึดเลยนะ หลายรุ่นเคลมว่าใช้งานได้นานกว่า 20 ชั่วโมงต่อการชาร์จ 1 ครั้ง แถมยังมีระบบชาร์จเร็วด้วย ชาร์จแป๊บเดียวก็ฟังได้หลายชั่วโมงแล้ว บางรุ่นใช้พอร์ต USB-C ชาร์จสะดวก จะเอาไปชาร์จมือถือเป็น Power Bank ชั่วคราวก็ได้!

เรื่องค่าใช้จ่ายระยะยาว ตัวลำโพง Marshall เค้าขึ้นชื่อเรื่องความทนทานนะ ถ้าดูแลรักษาดีๆ ใช้กันได้ยาวๆ เลยค่ะ ไม่ต้องกลัวพังง่าย ส่วนใหญ่ก็ไม่มีอะไรต้องเปลี่ยนนอกจากแบตเตอรี่สำหรับรุ่นพกพา ซึ่งก็ใช้งานได้นานหลายปีอยู่

ความคุ้มค่า ถ้าเทียบกับราคาที่จ่ายไป สำหรับคนที่ชอบดีไซน์คลาสสิกและคุณภาพเสียงสไตล์ Marshall บอกเลยว่าคุ้มค่ะ เพราะได้ทั้งลำโพงเสียงดีและของแต่งบ้านสุดเท่ในตัวเดียว


6. ข้อดี-ข้อเสีย (วิเคราะห์แบบกลางๆ ไม่อวยเกิน)

ข้อดี๊ดี ที่ทำให้ใจสั่นอยากได้:

  • ดีไซน์สุดคลาสสิก: หล่อ เท่ วางตรงไหนก็ดูดี เป็นพร็อพถ่ายรูปก็ปัง!

  • เสียงเป็นเอกลักษณ์: เบสแน่นสะใจ คาแรคเตอร์ชัดเจน ฟังสนุกทุกแนว โดยเฉพาะร็อก

  • ใช้งานง่าย: ปุ่มหมุนคลาสสิก ไม่ซับซ้อน ใครๆ ก็ใช้ได้

  • วัสดุดี งานประกอบแน่น: ดูแข็งแรง ทนทาน ใช้ได้ยาวๆ

  • มีหลายขนาด หลายรุ่นให้เลือก: ทั้งแบบตั้งโต๊ะตัวใหญ่ และแบบพกพากะทัดรัด ตอบโจทย์ทุกการใช้งาน

ข้อเสีย ที่อาจทำให้ต้องคิดหนักนิดนึง:

  • ราคาสูง: เมื่อเทียบกับลำโพงแบรนด์อื่นในสเปกใกล้เคียงกัน

  • รุ่นตั้งโต๊ะไม่มีแบตเตอรี่: ต้องเสียบปลั๊กตลอดเวลา ไม่เหมาะกับการเคลื่อนย้ายบ่อยๆ

  • รุ่นพกพาบางรุ่นกันน้ำได้ไม่เยอะ: ต้องระวังอย่าเอาไปลุยน้ำเยอะๆ นะจ๊ะ (ดูมาตรฐาน IPX ดีๆ)

  • ฟังก์ชันอัจฉริยะมีไม่มากเท่าแบรนด์อื่น: เค้าเน้นความคลาสสิกเป็นหลัก ใครชอบลำโพงที่เชื่อมต่อ Wi-Fi สั่งงานด้วยเสียง อาจจะต้องมองข้ามไป


7. เหมาะกับใคร & คำแนะนำในการซื้อ: ใครควรตำ? ใครควรรอ?

ลำโพง Marshall เหมาะกับใครบ้าง?

  • คนรักเสียงเพลง: โดยเฉพาะคนที่ชอบฟังเพลงแนวร็อก เมทัล หรือเพลงที่เน้นเบสหนักๆ เสียงดนตรีชัดๆ

  • คนที่ชอบของวินเทจ ของแต่งบ้านสไตล์คลาสสิก: อยากได้ลำโพงที่วางแล้วดูดี มีสไตล์ ไม่ใช่แค่เครื่องใช้ไฟฟ้าธรรมดา

  • คนที่ชอบความเรียบง่าย: ไม่ชอบลำโพงที่ปุ่มเยอะๆ ฟังก์ชันซับซ้อน Marshall ใช้งานง่ายมาก

  • คนที่มองหาลำโพงพกพาแบตอึดๆ: รุ่นพกพาของ Marshall แบตค่อนข้างทน เหมาะกับเอาไปใช้นอกบ้าน

ควรซื้อเลยไหม? หรือรอช่วงโปรดีกว่า?

ราคา Marshall ค่อนข้างคงที่ค่ะ แต่ถ้าอยากได้ราคาดีๆ แนะนำให้รอช่วง เทศกาลลดราคาใหญ่ๆ บนแพลตฟอร์มออนไลน์อย่าง Lazada หรือ Shopee หรือช่วงโปรโมชั่นของร้านค้าไอทีใหญ่ๆ อาจจะมีส่วนลด ของแถม หรือโปรผ่อน 0% น่าสนใจ ลองเช็คราคาเปรียบเทียบดูหลายๆ ที่ก่อนตัดสินใจนะคะ


8. เปรียบเทียบกับสินค้าคล้ายๆ กัน (เล็กน้อยพอหอมปากหอมคอ)

ถ้าเทียบกับลำโพงแบรนด์อื่นในตลาดที่ราคาใกล้เคียงกัน Marshall อาจจะไม่ได้มีฟังก์ชันอัจฉริยะหวือหวาเท่า (เช่น Wi-Fi, Multi-room ที่ซับซ้อน, ผู้ช่วยอัจฉริยะ) แต่สิ่งที่ Marshall ให้ได้แบบกินขาดคือ ดีไซน์และคาแรคเตอร์เสียงที่เป็นเอกลักษณ์มากๆ

ส่วนถ้าเทียบกับ Marshall รุ่นอื่นในแบรนด์เดียวกัน ก็ขึ้นอยู่กับความต้องการและงบประมาณเลยค่ะ

  • Acton III vs Stanmore III vs Woburn III: ขนาดและกำลังขับต่างกัน ยิ่งใหญ่ยิ่งเสียงดังและเบสหนักขึ้น เหมาะกับพื้นที่ห้องที่ใหญ่ขึ้นตามลำดับ

  • Kilburn II vs Stockwell II: Kilburn II ตัวใหญ่กว่า Stockwell II นิดหน่อย กำลังขับมากกว่าเล็กน้อย Stockwell II เน้นพกพาสะดวกขึ้นอีก

  • Emberton II vs Willen II: สองรุ่นนี้เน้นพกพาจิ๋วๆ เลย Emberton II เสียงดีกว่า ทรงพลังกว่าหน่อย มี Stack Mode ต่อหลายตัวได้ Willen II จะเล็กสุด พกง่ายสุด มีสายคล้อง

เลือกรุ่นที่ขนาดและกำลังขับเหมาะสมกับขนาดห้องหรือพื้นที่ใช้งานของเรา ก็จะได้เสียงที่ดีที่สุดค่ะ


9. บริการหลังการขายและช่องทางการซื้อ: ซื้อที่ไหนดี? ประกันเป็นไง?

ลำโพง Marshall ของแท้ที่ขายในไทย ส่วนใหญ่จะมีการรับประกันจากผู้จัดจำหน่ายอย่างเป็นทางการ อย่างน้อย 1 ปี ถ้ามีปัญหาก็สามารถส่งเคลมผ่านศูนย์บริการในไทยได้เลยค่ะ บางร้านก็มีบริการหลังการขายที่ดี มีรับประกันคืนสินค้า/เปลี่ยนสินค้าตามเงื่อนไข

ช่องทางการซื้อยอดนิยม:

  • ร้านค้าออนไลน์ใหญ่ๆ: Lazada, Shopee มักจะมีโปรโมชั่น โค้ดส่วนลด ส่งฟรี หรือโปรผ่อน 0% สะดวก รวดเร็ว บางทีวันเดียวก็ถึง

  • ร้านค้าไอทีและเครื่องเสียงชั้นนำ: เช่น Banana IT, Power Buy, Mercular มีหน้าร้านให้ไปลองฟังเสียง ลองสัมผัสตัวจริงก่อนได้ มีโปรโมชั่นและบริการผ่อนชำระเช่นกัน

  • ร้านค้าออนไลน์อย่างเป็นทางการของแบรนด์/ตัวแทนจำหน่าย: มั่นใจได้ว่าเป็นของแท้ มีการรับประกันที่ชัดเจน

ก่อนซื้อ อย่าลืมเช็คว่าร้านนั้นเป็นตัวแทนจำหน่ายที่น่าเชื่อถือ มีการรับประกันที่ชัดเจน เพื่อความสบายใจนะคะ


10. บทสรุปและคำแนะนำในการซื้อ: ฟันธง! ควรซื้อไหม?

สรุปแล้ว ลำโพง Marshall รุ่นยอดนิยมในปี 2024 น่าซื้อไหม? ถ้าคุณเป็นคนที่...

  • ให้ความสำคัญกับดีไซน์มากๆ อยากได้ลำโพงที่สวย คลาสสิก เป็นของแต่งบ้านไปในตัว

  • ชอบคุณภาพเสียงสไตล์ Marshall ที่เบสหนักแน่น ฟังสนุก ได้อารมณ์

  • มองหาลำโพงที่ใช้งานง่าย ไม่ซับซ้อน

  • มีงบประมาณพอสมควร และมองหาความคุ้มค่าในระยะยาวจากความทนทาน

บอกเลยว่า จัดเลยค่ะ! ไม่ผิดหวังแน่นอน!

คำแนะนำเพิ่มเติม:

  • สำหรับคนงบน้อย หรืออยากได้ลำโพงพกพา: Emberton II หรือ Kilburn II เป็นตัวเลือกที่ดี เสียงดี พกพาง่าย แบตอึด

  • สำหรับคนที่อยากได้ลำโพงตั้งโต๊ะในห้องไม่ใหญ่มาก: Acton III คือตอบโจทย์ ขนาดกำลังดี เสียงดี เติมเต็มห้องได้สบาย

  • สำหรับคนที่อยากได้ลำโพงเสียงดังๆ ไว้ปาร์ตี้ หรือใช้ในห้องใหญ่: Stanmore III หรือ Woburn III จัดเต็มเรื่องพลังเสียง ไม่ทำให้ผิดหวัง

สุดท้ายแล้ว ลองไปลองฟังเสียงจริง ดูขนาดตัวจริงที่ร้านก่อนตัดสินใจซื้อก็จะดีที่สุดค่ะ จะได้เลือกรุ่นที่ถูกใจและเหมาะสมกับการใช้งานของเรามากที่สุด ขอให้มีความสุขกับการฟังเพลงกับลำโพง Marshall ตัวใหม่นะคะ!

วิดีโอที่เกี่ยวข้อง

บทความที่เกี่ยวข้อง

สวัสดีครับเพื่อนๆ สายเพลงและสายแต่งบ้านสไตล์คลาสสิกทุกคน! 👋 ในยุคที่เสียงเพลงคือเพื่อนคู่กาย และการตกแต่งบ้านก็สะท้อนความเป็นตัวเรา ลำโพงดีๆ สักตัวไม่ได้เป็นแค่อุปกรณ์ปล่อยเสียงอีกต่อไปแล้วนะครับ แต่มันคืองานศิลปะชิ้นหนึ่งที่มาพร้อมพลังเสี
10 ลำโพง Marshall รุ่นไหนดี ปี 2025 เสียงทรงพลัง ดีไซน์คลาสสิก
โอ้โห! ใครสายลำโพงเก๋าๆ ดีไซน์คลาสสิก เห็น Marshall แล้วใจมันสั่นแน่นอน! โดยเฉพาะเจ้า Marshall Stanmore II ตัวนี้นี่แหละ ที่หลายคนเล็งมานาน เพราะขนาดกำลังดี วางตรงไหนในบ้านก็ดูดีมีชาติตระกูล แถมเสียงยังกระหึ่มสะใจ! แต่เอ๊ะ... ลำโพงรุ่นนี้ที
รีวิว ลำโพง Marshall Stanmore II: ลำโพง Bluetooth เสียงดี ดีไซน์คลาสสิก เหมาะกับใคร?
สวัสดีจ้าทุกคนนน! วันนี้เราจะมาเม้าท์มอยเรื่องลำโพงจิ๋วแต่แจ๋ว เสียงดีเกินตัวอย่าง Focal Chorus 706 กัน ใครที่กำลังมองหาลำโพงวางหิ้ง (Bookshelf Speaker) คุณภาพดี เสียงใส รายละเอียดพุ่ง แต่ไซส์กำลังน่ารัก วางตรงไหนก็สวย มามุงทางนี้เลยจ้า เพร
ลำโพง Focal Chorus 706 ราคาล่าสุด รีวิวเสียงดีแค่ไหน?

บทความล่าสุดดูเพิ่มเติม

“รีวิว เหล้า Beehive: วิสกี้รสชาติดี ราคาเป็นมิตร น่าลองไหม?” เป็นคำถามที่หลายคนน่าจะสะดุดหู โดยเฉพาะสายช้อปออนไลน์ที่ช่วงหลังๆ ก็อยากลองอะไรใหม่ๆ ที่ทั้ง ถูก ปลอดภัย และมีรีวิวเยอะ บางคนก็แอบงงว่า เอ๊ะ! เหล้าซื้อออนไลน์ได้เหรอ? มันดีจริงไห
รีวิว เหล้า Beehive: วิสกี้รสชาติดี ราคาเป็นมิตร น่าลองไหม?
กล้อง Mirrorless ตัวไหนที่ฮิตตลอดกาล แถมราคายังน่ารักน่าลุ้น? หนึ่งในนั้นต้องมีชื่อ Canon EOS M50 แน่นอน! ตั้งแต่เปิดตัวมาก็เป็นขวัญใจทั้งมือใหม่หัดถ่าย ยันสายคอนเทนต์ แต่ผ่านมาหลายปีแสง (ในวงการกล้องนะ!) ถึงปี 2024 แล้วเนี่ย เจ้า M50 ตัวนี
รีวิวล่าสุด Canon EOS M50: กล้อง Mirrorless ยอดฮิต ยังน่าใช้ไหมในปี 2024?
สวัสดีค่าทุกคนนนน! 👋 วันนี้แม่จะมาป้ายยา eh eh eh ไม่ใช่! วันนี้แม่จะมารีวิวหูฟังไร้สายตัวนึงที่บอกเลยว่า ราคาดีต่อใจ คุณภาพเสียงใช้ได้ แถมยังอึดถึกทนพอตัว นั่นก็คือเจ้า Mpow M5 นั่นเองค่า! ✨ หลายคนคงเคยเห็นผ่านตาในออนไลน์มาบ้าง แต่สงสัยใช
Mpow M5 รีวิว: หูฟังไร้สายราคาเบา คุณภาพเสียงเป็นยังไง?

บทความที่แนะนำ

รีวิว ลำโพง Marshall รุ่นยอดนิยม: เสียงดีไซน์คลาสสิก น่าซื้อไหมในปี 2024? - Thaihomeshopping