รีวิว Copycat Killer (ซีรีส์ Netflix): ดราม่าอาชญากรรมสุดเข้มข้น ห้ามพลาด!


อ่ะแกรรร! วันนี้มีเรื่องเมาท์ซีรีส์ที่ดูแล้วหยุดไม่ได้มาบอกต่อ! ใครเป็นสายดาร์ก ชอบความลุ้นระทึกแบบนั่งไม่ติดโซฟา ต้องมามุงตรงนี้เลย เพราะจะมารีวิว Copycat Killer ซีรีส์ไต้หวันที่ทำเอาขนหัวลุกไปหลายตลบ!
สารภาพก่อนว่าตอนแรกก็ไม่ได้คาดหวังอะไรมาก คิดว่าคงเป็นแนวสืบสวนธรรมดาๆ แต่ดูไปดูมา อ้าวเฮ้ย! มันไม่ธรรมดาว่ะแก! ทั้งเข้มข้น ทั้งกดดัน แถมยังสะท้อนสังคมได้แบบเจ็บจี๊ดถึงใจ นี่เลยอยากจะมาแชร์ประสบการณ์ตรงที่ได้ดำดิ่งไปกับคดีฆาตกรรมสุดโหดครั้งนี้ เผื่อใครกำลังหาซีรีส์ดูเพลินๆ (แต่ไม่เพลินเท่าไหร่ เพราะใจเต้นตลอด!) ช่วงวันหยุดยาว หรือตอนที่อยากหลีกหนีความวุ่นวายจากโลกภายนอก มาค่ะ! ไปดูกันว่าซีรีส์เรื่องนี้มันมีอะไรดี ทำไมถึงบอกว่า "ห้ามพลาด!"
1. ภาพรวมซีรีส์: มันคือเรื่องของฆาตกรที่เล่นกับสื่อ!
ชื่อเรื่อง: Copycat Killer | 模仿犯 | ฆ่าเลียนแบบ
สัญชาติ: ไต้หวัน
แพลตฟอร์ม: Netflix
ปีที่ออกฉาย: 2023
จำนวนตอน: 10 ตอน
แนว: อาชญากรรม, ระทึกขวัญ, ดราม่า, สืบสวนสอบสวน
เหมาะกับใคร: สายชอบซีรีส์แนวฆาตกรรมต่อเนื่อง, คนที่สนใจประเด็นสังคมและอิทธิพลของสื่อ, คนที่อยากลองดูซีรีส์ไต้หวันโปรดักชันดีๆ
จุดเด่นหลักๆ (แบบสรุปให้เข้าใจง่าย):
- ดัดแปลงจากนิยายดัง: มาจากนิยายญี่ปุ่นชื่อดัง "The Copycat" ของ Miyuki Miyabe ซึ่งเนื้อเรื่องซับซ้อนและคมคาย
- ฆาตกรโคตรฉลาด: ไม่ได้ฆ่าธรรมดา แต่เล่นเกมกับตำรวจและสื่อ ทำให้คดีนี้ดังไปทั่วบ้านทั่วเมือง
- สะท้อนสังคมเจ็บๆ: ตีแผ่ด้านมืดของสื่อมวลชนที่แสวงหาผลประโยชน์จากโศกนาฏกรรม และปฏิกิริยาของสังคมต่อเหยื่อ
- โปรดักชันดีงาม: งานภาพสวย บรรยากาศยุค 90s ทำได้ถึง
- นักแสดงคุณภาพ: การแสดงดี โดยเฉพาะนักแสดงนำอย่าง หวูคังเหริน ในบทอัยการ
2. "ดีไซน์" และ "รูปลักษณ์ภายนอก" (ในแบบของซีรีส์): บรรยากาศยุค 90s ที่ชวนอึดอัด
ถ้าเปรียบซีรีส์เป็นสินค้า "ดีไซน์" ของ Copycat Killer คือการเซ็ตติ้งฉากในยุค 90s ที่ไต้หวัน ทำออกมาได้สมจริงมาก ทั้งเสื้อผ้า หน้า ผม การตกแต่งสถานที่ต่างๆ ให้ความรู้สึกย้อนยุคที่ปนไปด้วยความอึมครึมของคดีฆาตกรรม โปรดักชันงานดี แสง สี ดูหม่นๆ เข้ากับแนวสืบสวนสอบสวน
ส่วน "รูปลักษณ์ภายนอก" ที่เห็นชัดสุดก็คงเป็น "หน้ากากละครโนห์" ที่ฆาตกรใช้ ซึ่งเป็นกิมมิกที่มาจากนิยายต้นฉบับญี่ปุ่นเลย แค่เห็นหน้ากากนี้ก็หลอนแล้ว!
ในแง่ "อุปกรณ์เสริม" ก็คงเป็นความโหดของฉากฆาตกรรมและการทรมานเหยื่อ ซึ่งมีอยู่พอสมควร ไม่เหมาะกับคนขวัญอ่อนเท่าไหร่
3. ประสบการณ์ "การใช้งานฟังก์ชันหลัก": พล็อตเข้มข้น ดำดิ่งสู่ด้านมืด
ฟังก์ชันหลักของซีรีส์คือการเล่าเรื่องคดีฆาตกรรมต่อเนื่องสุดซับซ้อน การดำเนินเรื่องช่วงแรกอาจจะดูเนิบๆ หน่อย เพื่อปูพื้นฐานตัวละครและสถานการณ์ แต่อย่าเพิ่งเบื่อนะแก เพราะหลังจากนั้นมันจะเริ่มเข้มข้นขึ้นเรื่อยๆ อัยการ กั๋วเสี่ยวฉี (รับบทโดย หวูคังเหริน) ต้องตามล่าฆาตกรที่ฉลาดเป็นกรด แถมยังใช้สื่อเป็นเครื่องมือในการปั่นหัวผู้คน
สิ่งที่ซีรีส์ทำได้ดีคือการสร้างความกดดันและความสงสารให้กับเหยื่อและครอบครัวของพวกเขา เราจะได้เห็นผลกระทบจากคดีไม่ได้มีแค่เหยื่อที่เสียชีวิต แต่รวมถึงคนรอบข้างที่ต้องทุกข์ทรมานและถูกสังคมพิพากษาไปด้วย
แม้บางช่วงจะรู้สึกว่าการสืบสวนดูยืดเยื้อไปบ้าง แต่พล็อตมีอะไรให้ลุ้นตลอด มีการหักมุมที่ทำให้เราต้องอ้าปากค้าง ยิ่งช่วงครึ่งหลังนี่คือดูไปบ่นไป "เมื่อไหร่จะจับได้วะ!"
4. ประสบการณ์ "การใช้งาน" & ความง่ายในการดู: ซับซ้อนนิดหน่อย แต่เข้าใจได้
Copycat Killer ไม่ใช่ซีรีส์ที่ดูสบายๆ เน้นความบันเทิงอย่างเดียว เพราะเนื้อเรื่องค่อนข้างหนักและซับซ้อน มีตัวละครเยอะมาก ทั้งเหยื่อ ญาติเหยื่อ ผู้ต้องสงสัย ตำรวจ นักข่าว อัยการ อาจจะมีงงๆ บ้างว่าใครเป็นใครในช่วงแรก
แต่ไม่ต้องกลัวว่าจะดูไม่รู้เรื่องนะแก เพราะบทค่อยๆ คลี่คลายปมไปเรื่อยๆ การเล่าเรื่องถึงแม้จะมีช่วงเอื่อยบ้าง แต่โดยรวมแล้วเข้าใจง่าย ไม่ต้องปีนบันไดดู และมีพากย์ไทยให้เลือกด้วย! ถือว่า "ใช้งานง่าย" ในแง่ของการเข้าถึง
ส่วนในเรื่อง "เสียง" ตอนดูเนี่ย ไม่ใช่เสียงเครื่องใช้ไฟฟ้าดังนะแก แต่เป็นเสียงถอนหายใจของเราเองที่ลุ้นตามตัวละคร! 😅 และแน่นอนว่าไม่มีเรื่อง "ความร้อน" หรือ "ความสบายในการถือ" เพราะนี่คือซีรีส์จ้า!
5. "แบตเตอรี่" / "พลังงาน" / ความคุ้มค่า: ดึงพลังงานคนดู แต่คุ้มที่จะเสีย!
ถ้าเปรียบเวลาดูซีรีส์เป็น "แบตเตอรี่" บอกเลยว่า Copycat Killer ดึงพลังงานคนดูไปเยอะมากแก! ด้วยความเข้มข้น กดดัน และเนื้อหาที่ชวนอึดอัด บางทีดูจบตอนแล้วต้องขอพักหายใจแป๊บ!
แต่ในแง่ "ความคุ้มค่า" บอกเลยว่า คุ้มค่าทุกนาทีที่เสียไป! แม้จะเหนื่อยใจตามตัวละคร แต่เนื้อหาที่ได้ ข้อคิดที่ซีรีส์พยายามสื่อสาร โดยเฉพาะเรื่องอิทธิพลของสื่อและการตีตราเหยื่อ มันเป็นประเด็นที่สังคมปัจจุบันควรดูและนำไปคิดต่อมากๆ ถือเป็นซีรีส์ที่ให้ "พลังงาน" ทางความคิดได้ดีเลยทีเดียว.
ส่วนเรื่อง "ค่าใช้จ่ายระยะยาว" ในการดูซีรีส์บน Netflix ก็ขึ้นอยู่กับแพ็กเกจที่เราสมัครเนอะ ไม่ได้มี "อะไหล่" อะไรต้องเปลี่ยนจ้า 😂
6. สรุปข้อดีข้อเสีย (แบบไม่อวยเกินจริง!)
ข้อดี:
- พล็อตเรื่องน่าติดตาม ซับซ้อน มีหักมุม
- ตีแผ่ประเด็นสังคมเรื่องสื่อและเหยื่อได้เฉียบคม
- โปรดักชันดี บรรยากาศยุค 90s ทำได้ถึง
- นักแสดงนำแสดงดีมาก ดึงอารมณ์คนดูได้อยู่หมัด
- มีพากย์ไทยให้เลือกดู เข้าถึงง่าย
ข้อเสีย:
- การดำเนินเรื่องช่วงแรกอาจดูเนิบๆ ไปหน่อย
- มีบางจุดที่การสืบสวนดูยืดเยื้อไม่ทันใจ
- เนื้อหารุนแรงและกดดัน ไม่เหมาะกับคนไม่ชอบดูอะไรหดหู่
- ตัวละครเยอะ อาจจะงงๆ ช่วงแรก
- ตอนจบอาจจะดูง่ายไปนิดสำหรับบางคนถ้าเทียบกับความเข้มข้นที่ผ่านมา
7. เหมาะกับใคร & คำแนะนำในการดู
Copycat Killer เหมาะสุดๆ กับ:
- คนที่ชอบซีรีส์แนวอาชญากรรม สืบสวนสอบสวน โดยเฉพาะคดีฆาตกรรมต่อเนื่อง
- คนที่สนใจประเด็นสังคม อยากดูซีรีส์ที่สะท้อนปัญหาต่างๆ ในสังคม โดยเฉพาะเรื่องสื่อ
- คนที่อยากลองเปิดใจดูซีรีส์ไต้หวัน ที่ไม่ใช่แนวรักใสๆ แต่เป็นแนวเข้มข้นจริงจัง
คำแนะนำในการดู:
ถ้าคุณเป็นคนกลุ่มนี้ ควรหาเวลาดูเลยจ้า! ไม่ต้องรอโปรโมชั่นอะไรทั้งนั้น เพราะมีอยู่บน Netflix แล้ว แค่กดดูก็ได้เลย! แต่อาจจะต้องเตรียมใจนิดนึง เพราะเนื้อหาค่อนข้างหนัก อย่าดูตอนกินข้าว หรือตอนที่อยากพักสมองเบาๆ นะแก!
8. เทียบกับซีรีส์แนวคล้ายๆ กัน (ถ้าคุณเคยดูเรื่องอื่นมา)
ถ้าถามว่า Copycat Killer เหมือนหรือต่างกับซีรีส์แนวฆาตกรรมเรื่องอื่นยังไง?
- คล้ายๆ กับซีรีส์แนวสืบสวนที่เน้นตามล่าฆาตกรอัจฉริยะ ที่เล่นเกมกับตำรวจแบบในหนังฮอลลีวูดหลายๆ เรื่อง
- แต่สิ่งที่ทำให้ Copycat Killer มีเอกลักษณ์คือการหยิบยกประเด็นเรื่องอิทธิพลของสื่อมาตีแผ่ได้ชัดเจนและเจ็บปวดมากๆ
- ถ้าเทียบกับซีรีส์ไต้หวันแนวสืบสวนเรื่องอื่นๆ Copycat Killer ก็ถือว่าโปรดักชันดีและเนื้อหาเข้มข้นไม่แพ้ใคร
9. "บริการหลังการขาย" & ช่องทางการรับชม: มีแค่ Netflix นี่แหละ!
สำหรับซีรีส์แล้ว ไม่มี "บริการหลังการขาย" หรือ "การรับประกัน" เหมือนซื้อของนะแก 😅 แต่ในแง่ "ช่องทางการรับชม" ก็คือ Netflix เท่านั้น! สมัคร Netflix แล้วก็เข้าไปหาดูได้เลย มีทั้งซับไทยและพากย์ไทย สะดวกสุดๆ
ส่วนเรื่อง "โปรโมชั่น" หรือ "ผ่อนชำระ" สำหรับซีรีส์เนี่ย ไม่มีจ้า! จ่ายค่าสมาชิก Netflix รายเดือน หรือรายปี แล้วก็ดูได้ไม่อั้นเลย! 😊
ระยะเวลา "จัดส่ง" ก็ไม่ต้องพูดถึง กดปุ๊บมาปั๊บ ดูได้เลยทันที! ไม่มีค่าจัดส่งด้วยนะจ๊ะ! 😉
10. บทสรุปและคำแนะนำสุดท้าย: ถ้าใจถึง...พุ่งชนเลย!
เอาล่ะ! มาถึงบทสรุปสุดท้ายของ Copycat Killer:
ถ้าคุณเป็นคนหนึ่งที่ชอบซีรีส์แนวอาชญากรรม สืบสวนสอบสวน ที่เนื้อหาเข้มข้น ไม่กลัวความหดหู่ และอยากดูซีรีส์ที่สะท้อนประเด็นสังคมได้แบบถึงพริกถึงขิง Copycat Killer คือซีรีส์ที่คุณห้ามพลาดเด็ดขาด!
มันอาจจะไม่ใช่ซีรีส์ที่ดูง่ายสบายๆ แต่รับรองว่าดูแล้วจะติด ลุ้นจนนั่งไม่ติด และได้ข้อคิดกลับไปเยอะมากๆ
คำแนะนำสำหรับผู้เริ่มต้น: ถ้าไม่เคยดูแนวนี้มาก่อน แนะนำให้ดูตอนกลางวัน หรือมีเพื่อนดูด้วย จะได้ไม่หลอนเกินไปนะแก! 😊
ส่วนใครที่ไม่ชอบดูอะไรโหดๆ หดหู่ หรืออยากได้ซีรีส์ดูคลายเครียด...เรื่องนี้อาจจะไม่ใช่ตัวเลือกที่ดีเท่าไหร่นะจ๊ะ ข้ามไปก่อนได้เลย!
โดยรวมแล้ว ในฐานะคนที่ชอบแนวนี้ บอกเลยว่าประทับใจ Copycat Killer มาก ให้คะแนนเต็ม 10 ไปเลย! ใครดูแล้วคิดเห็นยังไง มาเมนต์บอกกันหน่อยนะ อยากรู้ว่าคุณโดนซีรีส์เรื่องนี้ตกเหมือนกันไหม!
วิดีโอที่เกี่ยวข้อง
- REVIEW - P.91 l Copycat Killer (2023) on NETFLIX ฉบับคนดูซีรี่ ...
- รีวิว Copy Cat killer NETFLIX (ไม่สปอย) EP.1 SAW เซิ่นเจิ้น? #ดู ...
- #เรื่องนี้ต้องดู | Copycat Killer (2023) ไต้หวันซีรีส์ 10 ตอนจบ งานสืบ...
- ฆาตกรรมลอกเลียนแบบใน Copycat Killer (2023)
- ฆ่าเลียนแบบ (Copycat Killer) | ตัวอย่างซีรีส์อย่างเป็นทางการ | Netflix
แนะนำสำหรับคุณ
รีวิว เหล้า Beehive: วิสกี้รสชาติดี ราคาเป็นมิตร น่าลองไหม?
รีวิวล่าสุด Canon EOS M50: กล้อง Mirrorless ยอดฮิต ยังน่าใช้ไหมในปี 2024?
Mpow M5 รีวิว: หูฟังไร้สายราคาเบา คุณภาพเสียงเป็นยังไง?
รีวิว The Common Saladaeng: แหล่งแฮงค์เอาท์สุดชิค ใจกลางสาทร มีอะไรน่าสนใจบ้าง?
รีวิว Copycat Killer (ซีรีส์ Netflix): ดราม่าอาชญากรรมสุดเข้มข้น ห้ามพลาด!
Rebalance Clinic รีวิว: ทำสวยที่นี่ดีไหม? ครบวงจรเรื่องผิวและหัตถการ