ลำโพง Sonus Faber ราคาเริ่มต้นเท่าไหร่? รุ่นไหนให้เสียงระดับ Audiophile?


สวัสดีค่าาา เหล่าออดิโอไฟล์และคนที่กำลังโดนป้ายยาเรื่องเครื่องเสียงทุกท่าน! วันนี้เราจะมาเจาะลึกแบรนด์ลำโพงที่แค่เห็นหน้าตาก็รู้แล้วว่าไม่ธรรมดา นั่นก็คือ Sonus Faber นั่นเอง! แบรนด์นี้เค้ามาจากอิตาลี ดินแดนแห่งศิลปะ ดนตรี และอาหารอร่อย (เกี่ยวไหมนะ?!) บอกเลยว่าลำโพงของเค้าเนี่ย ไม่ได้มีดีแค่เสียงนะ แต่ยังสวยเหมือนงานศิลปะอีกด้วย ใครที่อยากรู้ว่าลำโพงระดับตำนานจากอิตาลีแบรนด์นี้ ราคาเริ่มต้นเท่าไหร่ในไทย แล้วรุ่นไหนที่เค้าว่ากันว่าเสียงระดับออดิโอไฟล์แท้ๆ ต้องฟัง มามะ มาเม้าท์กัน!
1. Sonus Faber นี่มันลำโพงอะไรกันนะ?
เอาล่ะ มาทำความรู้จักกับ Sonus Faber กันก่อน เค้าเป็นแบรนด์ลำโพงไฮเอนด์จากประเทศอิตาลี ก่อตั้งมาตั้งแต่ปี 1983 โดย Franco Serblin. จุดเด่นของ Sonus Faber คือเค้าไม่ได้ทำแค่ลำโพง แต่ทำ "เครื่องดนตรี" ในรูปแบบของลำโพงต่างหาก! เค้าให้ความสำคัญกับงานฝีมือ วัสดุชั้นดี และการออกแบบที่สวยงาม ได้แรงบันดาลใจจากเครื่องดนตรีอย่างไวโอลิน ทำให้ลำโพงแต่ละคู่ของ Sonus Faber มีความโค้งมนสวยงามเป็นเอกลักษณ์มากๆ. กลุ่มผู้ใช้หลักๆ ก็หนีไม่พ้น ออดิโอไฟล์ตัวจริง หรือคนที่รักในเสียงดนตรีคุณภาพสูงมากๆ และให้ความสำคัญกับดีไซน์ที่หรูหราเข้ากับบ้าน นั่นแหละคือลูกค้า Sonus Faber!
ผลิตภัณฑ์ของ Sonus Faber มีหลากหลายรุ่น ตั้งแต่รุ่นเริ่มต้นไปจนถึงรุ่นระดับซูเปอร์ไฮเอนด์ราคาบ้านหนึ่งหลัง แต่ทุกรุ่นล้วนสืบทอด DNA ความเป็น Sonus Faber มาเต็มๆ ทั้งเรื่องคุณภาพเสียงที่เป็นธรรมชาติ อบอุ่น และรายละเอียดที่ยอดเยี่ยม รวมถึงงานประกอบที่ประณีตแบบ Made in Italy จ้า.
2. ราคา Sonus Faber ในไทย เริ่มต้นเท่าไหร่?
มาถึงเรื่องที่ทำให้หลายคนตาลุกวาว (หรือบางทีอาจจะตกใจจนหงายหลัง) นั่นก็คือเรื่องราคา! Sonus Faber ขึ้นชื่อว่าเป็นลำโพงระดับพรีเมียม ดังนั้นราคาเริ่มต้นก็ไม่ใช่ราคาแบบบ้านๆ ทั่วไปนะจ๊ะ แต่ถ้าถามว่าเริ่มต้นเท่าไหร่ในตลาดไทย จากการสำรวจตามร้านตัวแทนจำหน่ายและแพลตฟอร์มออนไลน์อย่าง Lazada หรือ Shopee.
ซีรีส์ Lumina ถือเป็นซีรีส์ Entry Level ของ Sonus Faber ที่เค้าตั้งใจทำออกมาเพื่อให้คนทั่วไปเข้าถึงความเป็น Sonus Faber ได้ง่ายขึ้น.
- Sonus Faber Lumina I (ลำโพงวางหิ้ง/Bookshelf): ราคาเริ่มต้นประมาณ 24,900 - 25,900 บาท (฿) ต่อคู่.
- Sonus Faber Lumina II (ลำโพงวางหิ้ง/Bookshelf ตัวใหญ่ขึ้น): ราคาประมาณ 41,900 บาท (฿) ต่อคู่.
- Sonus Faber Lumina III และ Lumina V (ลำโพงตั้งพื้น/Floorstanding): ราคาก็จะสูงขึ้นไปอีก Lumina III ราคาประมาณ 7x,xxx - 8x,xxx บาท (฿) และ Lumina V ก็เกิน 100,000 บาท (฿) ขึ้นไป.
นอกจากนี้ยังมีลำโพงไร้สาย All-in-one อย่าง Sonus faber Omnia ที่ราคาประมาณ 69,900 บาท (฿) ซึ่งตัวนี้ก็ให้เสียงระดับ Hi-Fi ในแบบฉบับ Sonus Faber ได้เลย.
ส่วนซีรีส์ที่ขยับขึ้นมาอย่าง Sonetto ราคาก็จะเริ่มต้นที่หลักแสนไปจนถึงหลายแสนบาท. และซีรีส์ระดับที่เรียกว่า "ตัวจริง" อย่าง Olympica Nova หรือ Homage นี่ราคาพุ่งไปหลักหลายแสนจนถึงหลักล้านเลยทีเดียว.
เทียบกับราคานานาชาติแล้ว ราคาในไทยก็ถือว่าสมเหตุสมผลตามค่าเงินบาทและภาษีนำเข้า อาจจะมีส่วนต่างบ้างเล็กน้อย แต่ก็ไม่ได้หนีกันมากจนน่าตกใจอะไรค่ะ.
3. เทียบราคากับแบรนด์อื่นในตลาดแล้วเป็นไง?
ถ้าเอา Sonus Faber ไปเทียบกับลำโพงแบรนด์อื่นๆ ที่เน้นคุณภาพเสียงระดับออดิโอไฟล์ในตลาดไทย อย่างพวก Bowers & Wilkins (B&W), KEF, Dynaudio หรือ Focal ในระดับรุ่นที่พอๆ กัน หรือ Entry Level เหมือนกันเนี่ย Sonus Faber Lumina ถือว่ามีราคาที่แข่งขันได้นะ ไม่ได้แพงโดดกว่าชาวบ้านมากนัก.
แต่ถ้าขยับไปซีรีส์กลางๆ หรือตัวใหญ่ขึ้น Sonus Faber มักจะมีราคาสูงกว่าคู่แข่งในสเปกใกล้เคียงกันพอสมควรเลย. อันนี้ก็ต้องพิจารณาถึง "คุณค่า" ที่เค้าให้มาด้วย นอกเหนือจากคุณภาพเสียง ทั้งงานดีไซน์ วัสดุพรีเมียม และแบรนด์อิตาลีที่ทำด้วยมือ ซึ่งตรงนี้แหละที่ทำให้ Sonus Faber มีราคาระดับนี้ และมีกลุ่มคนที่ยอมจ่ายเพื่อสิ่งเหล่านี้ค่ะ.
พูดง่ายๆ คือ ถ้าคุณเน้นแค่เสียงอย่างเดียว อาจจะมีตัวเลือกอื่นที่ให้คุณภาพเสียงใกล้เคียงในราคาที่ถูกกว่านิดหน่อย แต่ถ้าคุณอยากได้ทั้งเสียงที่ดีมากๆ ดีไซน์ที่สวยงามประหนึ่งเฟอร์นิเจอร์ชั้นเลิศ และความภูมิใจในการเป็นเจ้าของแบรนด์ระดับตำนานจากอิตาลี Sonus Faber คือคำตอบที่คุ้มค่ามากๆ ค่ะ
4. ซื้อแล้วได้อะไรติดไม้ติดมือกลับมาบ้าง?
เวลาซื้อลำโพง Sonus Faber โดยเฉพาะรุ่นที่เป็น Passive Speaker (ลำโพงที่ต้องต่อกับแอมป์) สิ่งที่คุณจะได้หลักๆ ก็คือ ตัวลำโพง 1 คู่ และอาจจะมีคู่มือการใช้งานมาให้. สำหรับรุ่นวางหิ้งอย่าง Lumina I หรือ Lumina II ส่วนใหญ่ ราคาที่ระบุจะไม่รวมขาตั้งลำโพง นะจ๊ะ ขาตั้งต้องซื้อแยก ซึ่งขาตั้งของ Sonus Faber เองก็ราคาสูงพอสมควร หรือจะไปหาขาตั้งแบรนด์อื่นมาใช้ก็ได้ค่ะ.
ส่วนเรื่อง ค่าขนส่ง ถ้าซื้อจากตัวแทนจำหน่ายใหญ่ๆ หรือร้านที่มีหน้าร้านและบริการส่ง ส่วนใหญ่จะ ฟรีค่าจัดส่ง ในพื้นที่บริการนะ แต่ถ้าซื้อออนไลน์จากบางร้านก็อาจจะต้องเช็คค่าส่งอีกทีค่ะ
การรับประกัน อันนี้สำคัญมากๆ สำหรับเครื่องเสียงราคาสูง Sonus Faber ที่นำเข้าและจำหน่ายโดยตัวแทนทางการในไทย มักจะให้ ระยะเวลารับประกัน 3 ปี ซึ่งถือว่านานพอสมควร ทำให้สบายใจได้ในเรื่องการซ่อมบำรุง. ส่วนเรื่องของแถม หรือคูปองส่วนลดเนี่ย สำหรับ Sonus Faber รุ่นปกติอาจจะไม่ค่อยมีค่ะ แต่ถ้าเป็นช่วงโปรโมชั่นพิเศษ หรือซื้อยกชุดพร้อมแอมป์ อาจจะมีส่วนลด หรือแถมสายลำโพงบ้างเป็นครั้งคราว.
สำหรับรุ่นไร้สาย All-in-one อย่าง Omnia อันนี้เค้ามีแอมป์ในตัวพร้อมใช้งานเลย สะดวกมากๆ.
5. ซื้อช่วงไหนคุ้มสุด? มีโปรโมชั่นมั้ยนะ?
ถ้าอยากได้ Sonus Faber ในราคาที่คุ้มค่าขึ้นมาหน่อย ช่วง โปรโมชั่น นี่แหละจังหวะดีที่สุด! ถึงแม้จะเป็นแบรนด์ไฮเอนด์ แต่ตัวแทนจำหน่ายในไทยก็มักจะมีโปรโมชั่นออกมาเรื่อยๆ นะคะ โดยเฉพาะในช่วงเทศกาลสำคัญๆ หรือช่วง Double Digit Sale อย่าง 11.11, 12.12 บนแพลตฟอร์มออนไลน์ใหญ่ๆ.
ลองติดตามเพจ Facebook หรือเว็บไซต์ของตัวแทนจำหน่ายหลักในไทย เช่น KS Home Entertainment ดูนะจ๊ะ เพราะเค้ามักจะมีโปรโมชั่นจัดชุดลำโพง Sonus Faber คู่กับแอมป์แบรนด์ดังอื่นๆ เช่น McIntosh หรือ Audio Research ในราคาพิเศษ ซึ่งถ้าคำนวณดีๆ แล้วจะคุ้มกว่าซื้อแยกเยอะเลย. นอกจากนี้ บางทีก็จะมีโปรโมชั่นสำหรับรุ่นที่กำลังจะตกรุ่น หรือมีรุ่นใหม่มาแทน ก็เป็นโอกาสที่จะได้ของดีในราคาที่ถูกลงค่ะ
ส่วนร้านค้าระดับแฟลกชิพบน Lazada/Shopee บางทีก็มีโปรโมชั่นลดราคาลำโพง Sonus Faber บางรุ่น หรือมีโค้ดส่วนลดเฉพาะร้านให้เก็บได้ ก็ต้องหมั่นเข้าไปเช็คบ่อยๆ นะจ๊ะ สรุปคือ ถ้าไม่รีบใช้มากๆ การ รอช่วงโปรโมชั่น จะช่วยเซฟเงินในกระเป๋าไปได้พอสมควรเลยค่ะ
6. คนไทยที่ใช้ Sonus Faber เค้าว่าไงกันบ้าง?
จากการลองส่องๆ ดูตามเว็บบอร์ดหรือกลุ่มพูดคุยเรื่องเครื่องเสียงในไทย คนที่ใช้ Sonus Faber ส่วนใหญ่เค้าจะ ประทับใจในคุณภาพเสียงและความสวยงาม เป็นพิเศษค่ะ.
เสียงที่คนไทยชอบพูดถึงก็คือความเป็นธรรมชาติ ความอบอุ่นของเสียงร้อง เสียงเครื่องดนตรีที่สมจริง โดยเฉพาะเสียงกลางและเสียงแหลมที่หวานละมุนฟังสบายหู. ดีไซน์ที่สวยงามเหมือนงานศิลปะก็เป็นอีกจุดที่ทำให้หลายคนหลงรัก Sonus Faber เพราะมันช่วยเสริมให้ห้องฟังดูดีมีระดับขึ้นมาทันที.
บางคนบอกว่า แม้จะเป็นรุ่น Entry Level อย่าง Lumina แต่คุณภาพเสียงที่ได้ก็เกินราคาไปเยอะแล้ว ทำให้รู้สึก คุ้มค่า กับเงินที่จ่ายไปมากๆ. ส่วนเรื่องความทนทาน ด้วยความที่เป็นงานประกอบจากอิตาลี วัสดุดีเยี่ยม ผู้ใช้ส่วนใหญ่ก็มั่นใจในคุณภาพและความทนทานในระยะยาวค่ะ
แน่นอนว่าสำหรับลำโพงระดับนี้ ฟีดแบ็กส่วนใหญ่จะมาจากกลุ่มออดิโอไฟล์ที่เข้าใจและชื่นชอบในคาแรคเตอร์เสียงของ Sonus Faber เป็นพิเศษค่ะ
7. จะไปหาซื้อ Sonus Faber ได้จากที่ไหนบ้างนะ?
ช่องทางการซื้อ Sonus Faber ในไทย หลักๆ เลยคือ:
- ตัวแทนจำหน่ายอย่างเป็นทางการ: อันนี้เป็นช่องทางที่แนะนำที่สุดค่ะ เพราะมั่นใจได้ว่าเป็นของแท้ มีการรับประกัน และบริการหลังการขายที่ดี. ตัวแทนจำหน่ายใหญ่ๆ ในไทยมักจะมีโชว์รูมให้เราสามารถเข้าไปทดลองฟังเสียงก่อนตัดสินใจซื้อได้ด้วย ซึ่งสำคัญมากๆ สำหรับการเลือกลำโพงไฮเอนด์. ลองเช็ครายชื่อตัวแทนจำหน่ายได้จากเว็บไซต์หลักของ Sonus Faber หรือสอบถามตามร้านเครื่องเสียงไฮเอนด์ชั้นนำในกรุงเทพฯ หรือจังหวัดใหญ่ๆ.
- ร้านค้าออนไลน์ของตัวแทนจำหน่าย: ตัวแทนจำหน่ายบางรายก็มีร้านค้าบนแพลตฟอร์มอย่าง Lazada หรือ Shopee. การซื้อผ่านช่องทางนี้สะดวกสบาย เปรียบเทียบราคาได้ง่าย บางทีมีโปรโมชั่นออนไลน์ด้วย แต่ข้อจำกัดคือไม่ได้ทดลองฟังเสียงก่อนซื้อ ถ้าไม่เคยฟังมาก่อน อาจจะต้องไปลองฟังที่โชว์รูมก่อนแล้วค่อยมาสั่งออนไลน์ค่ะ
- ร้านเครื่องเสียงมือสอง: สำหรับคนที่งบประมาณจำกัด หรืออยากได้รุ่นใหญ่ในราคาที่เข้าถึงง่ายขึ้น ตลาดลำโพงมือสองก็เป็นอีกทางเลือกที่น่าสนใจ. แต่การซื้อลำโพงมือสองต้องมีความรู้ในการตรวจสอบสภาพสินค้าพอสมควร และอาจจะไม่มีการรับประกันเหมือนซื้อของใหม่ค่ะ ลองดูตามเว็บไซต์หรือกลุ่มซื้อขายเครื่องเสียงมือสองใน Facebook นะคะ
ร้านค้าปลีกใหญ่ๆ ทั่วไปอย่าง Central, Big C, The Mall, JIB, Banana IT, Power Buy จะไม่ค่อยมี Sonus Faber ขายนะคะ แบรนด์นี้เค้าเน้นช่องทางการจำหน่ายแบบเฉพาะทางมากกว่าค่ะ
8. สรุปแล้ว Sonus Faber น่าซื้อไหม? เหมาะกับใคร?
มาถึงบทสรุปกันแล้ว! ถามว่า Sonus Faber น่าซื้อไหม? ถ้าคุณกำลังมองหาลำโพงที่ให้คุณภาพเสียงระดับ ออดิโอไฟล์แท้ๆ ควบคู่ไปกับ ดีไซน์ที่สวยงามหรูหรา ประหนึ่งงานศิลปะ และพร้อมจะลงทุนกับสิ่งเหล่านี้ บอกเลยว่า Sonus Faber น่าซื้อมากๆ ค่ะ มันคือประสบการณ์ทั้งการฟังและการมองที่หาได้ยากจากแบรนด์อื่น.
เหมาะกับใคร? เหมาะกับคนที่:
- รักเสียงเพลงคุณภาพสูงจริงๆ และให้ความสำคัญกับรายละเอียด ความเป็นธรรมชาติของเสียง.
- ชื่นชอบดีไซน์ที่สวยงาม หรูหรา มีเอกลักษณ์ และอยากให้ลำโพงเป็นส่วนหนึ่งของการตกแต่งบ้านที่ดูดี.
- มีงบประมาณพร้อม ที่จะลงทุนกับเครื่องเสียงระดับพรีเมียม เพราะถึงรุ่นเริ่มต้นจะเข้าถึงง่ายขึ้น แต่ก็ยังอยู่ในกลุ่มราคาสูงเมื่อเทียบกับลำโพงทั่วไปค่ะ
- อยากได้ลำโพง Made in Italy พร้อมงานฝีมือที่ประณีต.
สำหรับคำถามว่ารุ่นไหนให้เสียงระดับออดิโอไฟล์แท้ๆ จริงๆ แล้ว Sonus Faber ทุกรุ่นล้วนมี DNA ความเป็นออดิโอไฟล์อยู่ในตัว. แต่ถ้าจะให้ฟินแบบสุดๆ และได้สัมผัสศักยภาพของแบรนด์นี้อย่างเต็มที่ ซีรีส์ที่ขยับขึ้นมาจาก Lumina อย่าง Sonetto, Olympica Nova หรือรุ่นที่สูงกว่านั้น จะให้ประสบการณ์ที่เหนือกว่าในแง่ของรายละเอียด มิติเสียง และพลังไดนามิก.
แต่! ไม่ได้หมายความว่า Lumina จะไม่ใช่ออดิโอไฟล์นะจ๊ะ Lumina ก็ให้เสียงที่ดีมากๆ ในระดับราคาของเค้า และเป็นจุดเริ่มต้นที่ดีเยี่ยมในการก้าวเข้าสู่โลกของ Sonus Faber. ถ้าเพิ่งเริ่มต้น หรือมีข้อจำกัดเรื่องงบและพื้นที่ Lumina ก็เพียงพอที่จะทำให้คุณมีความสุขกับการฟังเพลงในแบบฉบับ Sonus Faber แล้วค่ะ แต่ถ้าเป็นออดิโอไฟล์ตัวยงที่เคยฟังรุ่นสูงๆ มาแล้ว อาจจะอยากขยับไปเล่นซีรีส์ที่สูงขึ้นเพื่อให้ได้เสียงที่ตอบโจทย์มากขึ้นค่ะ
สุดท้ายแล้ว การเลือกลำโพงที่ดีที่สุดคือการไป ทดลองฟังด้วยตัวเอง ค่ะ ลองไปที่โชว์รูมตัวแทนจำหน่าย เลือกรุ่นที่อยู่ในงบประมาณและความสนใจของคุณ แล้วลองฟังด้วยเพลงที่คุณชอบ จะได้รู้ว่า Sonus Faber เค้าให้เสียงที่คุณตามหาอยู่หรือเปล่า!
หวังว่าบทความนี้จะช่วยให้ทุกคนเข้าใจ Sonus Faber มากขึ้นนะคะ ใครเล็งรุ่นไหนอยู่ หรือมีประสบการณ์กับ Sonus Faber รุ่นไหน มาแชร์กันได้นะจ๊ะ! ขอให้ทุกคนมีความสุขกับการฟังเพลงค่ะ! บ๊ายบายยย!
วิดีโอที่เกี่ยวข้อง
แนะนำสำหรับคุณ
10 ลิปมัน ยี่ห้อไหนดี ปี 2025 ปากชุ่มชื้น แก้ปากคล้ำ
10 ครีมบำรุงผิวหน้า ยี่ห้อไหนดี ปี 2025 ผิวใส ชุ่มชื้น ลดสิว
10 แป้งพัฟผิวแห้ง ยี่ห้อไหนดี ปี 2025 ผิวเนียนชุ่มชื้น ปกปิดดี
10 La Roche-Posay ตัวไหนดี ปี 2025 เหมาะผิวแพ้ง่าย แก้ปัญหาผิว
10 เรตินอล ยี่ห้อไหนดี ปี 2025 ลดเลือนริ้วรอย ผิวกระชับ
10 อันดับ ลิปกลอสใส ยี่ห้อไหนดี ปี 2025 ปากฉ่ำวาว ปากอิ่มฟู