จัดฟันแบบใส ราคาเริ่มต้นเท่าไหร่? ทำที่ไหนดี ผ่อนได้ไหม


สวัสดีค่าทุกคนนน! วันนี้เราจะมาเม้าท์มอยเรื่องการ จัดฟันแบบใส เทรนด์ฮิตสุดปังที่กำลังมาแรงแซงทางโค้งแบบติดสปีดในเมืองไทยบ้านเรา! ใครที่กำลังฝันอยากมีรอยยิ้มสวยๆ เป๊ะปัง แต่ไม่อยากได้เหล็กจัดฟันให้กวนใจเวลาเม้าท์มอยหรือถ่ายรูป มามุงทางนี้ด่วนๆ เลยจ้า เพราะเราจะมาเปิดหมดเปลือกเรื่องจัดฟันใส ทั้งราคาเริ่มต้น ทำที่ไหนดี แล้วที่สำคัญ ผ่อนได้ไหมนะ?! เตรียมตัวเตรียมใจให้พร้อม แล้วไปดูกันเล้ยยย!
1. จัดฟันแบบใสคืออะไรนะ? ทำไมใครๆ ก็ฮิต?
เอาล่ะ เริ่มกันที่ว่าเจ้า จัดฟันแบบใส (Clear Aligners) มันคืออะไร? พูดง่ายๆ มันคือเครื่องมือจัดฟันที่ทำจากพลาสติกใสๆ บางๆ มองแทบไม่เห็นเลยจ้า! แตกต่างจากเหล็กจัดฟันที่เราคุ้นเคยกันลิบโลก อันนี้เค้าจะออกแบบมาให้เฉพาะบุคคลเลยนะ เป็นชุดๆ ให้เราค่อยๆ เปลี่ยนไปเรื่อยๆ เพื่อให้ฟันค่อยๆ เคลื่อนตัวไปยังตำแหน่งที่ต้องการ. เหมาะมากๆ สำหรับคนที่อยากจัดฟันแต่กังวลเรื่องความสวยงามในชีวิตประจำวัน เพราะมัน ใส! มองไม่เห็น! ถอดเข้าถอดออกได้เองตอนกินข้าวหรือแปรงฟัน ชีวิตดี๊ดี. กลุ่มคนที่เหมาะก็มีตั้งแต่คนที่มีปัญหาฟันเล็กน้อยถึงปานกลาง เช่น ฟันห่าง ฟันซ้อน ฟันเก หรือเคยจัดฟันมาแล้วฟันล้ม. ส่วนแบรนด์ดังๆ ในตลาดก็มีหลายเจ้าอยู่นะ ที่ได้ยินบ่อยๆ ก็เช่น Invisalign ที่เป็นแบรนด์ระดับโลก หรือแบรนด์อื่นๆ อย่าง Zenyum, ClearCorrect, Kase Aligner, Crystal Smile ก็เป็นที่นิยมในไทยเช่นกัน.
2. ราคาเริ่มต้นเท่าไหร่ในไทย? มีรุ่นไหนบ้าง?
มาถึงเรื่องที่ทุกคนอยากรู้ใจจะขาด! เรื่อง ราคาจัดฟันแบบใสในไทย เนี่ย บอกเลยว่ามีความหลากหลายมากๆ จ้า มันไม่ได้มีราคาเดียวฟิกซ์เป๊ะเหมือนซื้อของตามร้านค้าทั่วไปนะ เพราะราคาจะขึ้นอยู่กับหลายปัจจัยมากๆ หลักๆ เลยก็คือ ความซับซ้อนของปัญหาฟัน ของแต่ละบุคคล และก็ ยี่ห้อ/แบรนด์ ของเครื่องมือจัดฟันใสที่เราเลือก รวมถึง คลินิกทันตกรรม ที่เราไปทำด้วย.
แต่ถ้าให้พูดถึง ราคาเริ่มต้น เนี่ย พอจะมีไกด์ไลน์ให้เห็นภาพคร่าวๆ นะจ๊ะ จากข้อมูลที่ส่องๆ มาเนี่ย ราคาเริ่มต้นของการจัดฟันแบบใสในไทยอาจจะเริ่มตั้งแต่ประมาณ 29,500 บาท (฿) สำหรับเคสที่ไม่ซับซ้อนมากๆ ไปจนถึงประมาณ 49,000 - 70,000 บาท (฿) สำหรับเคสที่ไม่ซับซ้อนถึงปานกลางของบางแบรนด์. ส่วนเคสที่ซับซ้อนขึ้นมาหน่อย หรือเป็นแบรนด์ระดับโลกอย่าง Invisalign ราคาอาจจะเริ่มต้นที่ประมาณ 59,000 บาท (฿) ขึ้นไป หรือตั้งแต่ 70,000 - 160,000 บาท (฿) เลยก็มี แล้วแต่ประเภทของแพ็กเกจ (เช่น Express, Lite, Moderate, Full, Comprehensive) และความซับซ้อน. เคสที่ซับซ้อนมากๆ ราคาอาจจะพุ่งไปถึง 150,000 - 180,000 บาท (฿) หรือสูงกว่านั้นก็เป็นได้.
จะเห็นว่าราคาเริ่มต้นมันต่างกันลิบเลยเนอะ ดังนั้น ก่อนตัดสินใจ ต้องให้คุณหมอตรวจประเมินก่อนนะจ๊ะ ถึงจะรู้ราคาที่แน่นอนสำหรับเคสเรา เพราะเค้าจะประเมินจากสภาพฟันของเรานี่แหละว่าต้องใช้เครื่องมือจำนวนกี่ชุด ใช้เวลานานแค่ไหน.
3. เทียบราคากับจัดฟันแบบอื่น คุ้มไหม?
ถ้าให้เทียบกับ จัดฟันแบบเหล็ก ที่หลายคนคุ้นเคยเนี่ย จัดฟันแบบใส มักจะมีราคาสูงกว่านะจ๊ะ. ราคาจัดฟันเหล็กทั่วไปอาจจะเริ่มต้นที่ประมาณ 40,000 - 60,000 บาท ขึ้นไป แต่ก็มีค่าใช้จ่ายรายเดือนอีก ซึ่งรวมๆ แล้วตลอดการรักษาก็อาจจะพอๆ กับจัดฟันใสในเคสที่ไม่ซับซ้อนมากก็ได้.
ข้อดีของจัดฟันใสที่ทำให้หลายคนยอมจ่ายแพงกว่าก็คือ ความสวยงาม ที่มองไม่เห็นเครื่องมือ, ความสะดวกสบาย ในการถอดทำความสะอาดและกินอาหาร, และบางคนบอกว่า เจ็บน้อยกว่า การปรับเครื่องมือแบบเหล็ก. ดังนั้น ความคุ้มค่ามันก็ขึ้นอยู่กับว่าเราให้ความสำคัญกับปัจจัยไหนมากกว่ากัน ถ้าเน้นประหยัด จัดฟันเหล็กอาจเป็นคำตอบ แต่ถ้าเน้นความสวยงาม สะดวกสบาย และไม่แคร์เรื่องงบประมาณที่สูงกว่า จัดฟันใสก็คุ้มค่าน่าลงทุนจ้า.
4. ซื้อแพ็กเกจแล้วได้อะไรบ้าง? ฟรีอะไรบ้าง?
เวลาเราตกลงทำจัดฟันแบบใสกับคลินิกหรือผู้ให้บริการเนี่ย ราคาที่เราจ่ายไปมันมักจะครอบคลุมหลายอย่างเลยนะ ไม่ใช่แค่ชุดเครื่องมือใสๆ อย่างเดียว สิ่งที่มักจะรวมอยู่ในแพ็กเกจก็คือ:
- ค่าปรึกษาและตรวจประเมินเบื้องต้น: บางคลินิกฟรี บางที่อาจมีค่าใช้จ่ายเล็กน้อย.
- ค่าถ่ายรูปฟันและเอกซเรย์: เพื่อใช้ในการวางแผนการรักษา.
- ค่าสแกนฟัน 3 มิติ: อันนี้สำคัญมากๆ เพราะเค้าจะใช้เครื่องสแกนทันสมัยเพื่อสร้างแบบจำลองฟันของเราแบบเป๊ะๆ เลย. บางโปรโมชั่นอาจจะแถมฟรีสแกน iTero ให้ด้วย.
- ค่าวางแผนการรักษาด้วยระบบคอมพิวเตอร์ (ClinCheck): คุณหมอจะจำลองการเคลื่อนที่ของฟันให้เราดูก่อนเริ่มจริงด้วยนะ เห็นผลลัพธ์สุดท้ายก่อนเริ่มทำเลย!.
- ค่าชุดเครื่องมือจัดฟันแบบใส: ได้มาเป็นชุดๆ ตามแผนการรักษาเลยจ้า.
- ค่าติด Attachment: เป็นปุ่มเล็กๆ สีเหมือนฟันที่ติดบนฟันเราเพื่อให้เครื่องมือใสยึดเกาะและเคลื่อนฟันได้ดีขึ้น.
- ค่านัดหมายติดตามผล: เข้าไปให้คุณหมอเช็คฟันและรับเครื่องมือชุดต่อไปเป็นระยะๆ.
- ค่า Retainer (เครื่องมือคงสภาพฟัน): อันนี้สำคัญสุดๆ หลังจัดฟันเสร็จ เพื่อไม่ให้ฟันเคลื่อนกลับ! บางแพ็กเกจอาจจะรวม Retainer แบบใสมาให้เลย 1-2 ชิ้น.
ส่วนเรื่อง ค่าจัดส่ง เครื่องมือใส ปกติแล้วเครื่องมือจะถูกส่งไปที่คลินิกโดยตรง เราก็ไปรับที่คลินิกจ้า ไม่ได้ส่งมาที่บ้านเราโดยตรงนะ (ยกเว้นบางผู้ให้บริการที่มีโมเดลธุรกิจต่างออกไป).
การรับประกัน: สำหรับจัดฟันใส มักจะไม่ได้เป็นการรับประกันเครื่องมือ แต่เป็นการรับประกัน ผลการรักษา ในระดับหนึ่ง เช่น หากฟันไม่เป็นไปตามแผนที่วางไว้ คุณหมออาจจะมีการปรับแก้แผนหรือสั่งผลิตเครื่องมือเพิ่มเติมให้ (Revision) ซึ่งบางแพ็กเกจอาจจะรวมค่าใช้จ่ายส่วนนี้ไว้แล้ว หรือมีจำนวนครั้งที่แก้ไขฟรี ขึ้นอยู่กับเงื่อนไขของแบรนด์และคลินิกนะจ๊ะ.
5. มีโปรโมชั่นช่วงไหนน่าสอยบ้าง?
ถ้าอยากจัดฟันใสในราคาดีๆ เนี่ย ต้องตาไวใจเร็ว หมั่นส่องโปรโมชั่นบ่อยๆ เลยจ้า! แม้ว่าการจัดฟันจะเป็นบริการทางการแพทย์ ไม่เหมือนซื้อของตามแอปฯ ทั่วไปที่จะมีโปร 11.11 หรือ 12.12 ตรงๆ แต่คลินิกทันตกรรมหลายๆ แห่งก็มักจะมี โปรโมชั่น ออกมาเรื่อยๆ นะจ๊ะ.
ลองจับตาดูช่วงเวลาเหล่านี้ไว้ให้ดี:
- ช่วงเปิดตัวโปรแกรมใหม่/แบรนด์ใหม่: บางคลินิกอาจจะมีราคาพิเศษช่วงแนะนำตัว.
- ช่วงเทศกาลสำคัญๆ หรือวันหยุดยาว: คลินิกอาจจัดโปรโมชั่นกระตุ้นยอดในช่วงนี้.
- โปรโมชั่นพิเศษของคลินิกเอง: บางคลินิกจะมีโปรโมชั่นตามช่วงเวลาต่างๆ หรือฉลองครบรอบคลินิก.
- โปรโมชั่นร่วมกับแพลตฟอร์มสุขภาพ: บางทีลองเข้าไปดูในแพลตฟอร์มที่รวบรวมดีลสุขภาพและความงาม อาจเจอโปรโมชั่นจัดฟันใสจากคลินิกต่างๆ ในราคาพิเศษได้.
และที่สำคัญมากๆ คือเรื่อง การผ่อนชำระ! อันนี้ถือเป็นโปรโมชั่นเด็ดที่ทำให้การจัดฟันใสเข้าถึงง่ายขึ้นเยอะเลยนะ เพราะหลายคลินิกมีบริการผ่อนชำระค่ารักษา ทั้ง ผ่อนผ่านบัตรเครดิต 0% นานสูงสุด 6-10 เดือน หรือนานกว่านั้นก็มี หรือบางทีก็มี ผ่อนตรงกับคลินิก เป็นงวดๆ โดยใช้เงินสดก็ได้ อันนี้ต้องสอบถามเงื่อนไขกับแต่ละคลินิกโดยตรงนะจ๊ะ. การผ่อนนี่แหละตัวช่วยสำคัญที่ทำให้เราไม่ต้องจ่ายเงินก้อนใหญ่ทีเดียว สบายกระเป๋าขึ้นเยอะเลย!
6. คนไทยใช้แล้วรู้สึกยังไง? ดีจริงไหม?
จากที่ส่องๆ รีวิวตามโซเชียลหรือกระทู้ต่างๆ เนี่ย เสียงตอบรับจากคนไทยที่จัดฟันแบบใสส่วนใหญ่ค่อนข้างดีเลยนะจ๊ะ. จุดที่คนไทยเลิฟมากๆ ก็คือ:
- สวยงาม ไม่โป๊ะ: ใส่แล้วเหมือนไม่ได้จัดฟันจริงๆ ยิ้มได้เต็มที่ ถ่ายรูปออกมาก็ดูดี ไม่ต้องคอยกังวลเรื่องเหล็กจัดฟัน.
- สะดวกสบาย ทำความสะอาดง่าย: ถอดกินข้าวได้ แปรงฟันได้สะดวกมากๆ เศษอาหารไม่ติดเหมือนแบบเหล็ก.
- เจ็บน้อยกว่า: หลายคนบอกว่าตอนเปลี่ยนเครื่องมือใสจะรู้สึกแน่นๆ ตึงๆ แค่ช่วงแรกๆ ไม่ได้เจ็บปวดทรมานเหมือนตอนปรับลวดจัดฟันเหล็ก.
- เห็นภาพรวมการรักษาชัดเจน: ชอบที่ได้ดูแผนการรักษาแบบ 3 มิติก่อนเริ่ม ทำให้เห็นภาพผลลัพธ์สุดท้ายว่าจะออกมาเป็นยังไง.
- ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์คนรุ่นใหม่: เหมาะกับคนที่ต้องใช้หน้าตาในการทำงาน หรือมีกิจกรรมที่ต้องการความคล่องตัว.
แต่ก็มีข้อที่ต้องพิจารณาเหมือนกันนะ เช่น ต้องมีวินัย ในการใส่เครื่องมืออย่างน้อยวันละ 20-22 ชั่วโมง ถ้าใส่ไม่สม่ำเสมอ ฟันอาจจะไม่เคลื่อนตามแผนได้. บางเคสที่ซับซ้อนมากๆ อาจจะต้องใช้การจัดฟันแบบอื่นร่วมด้วย หรือบางทีจัดฟันใสอย่างเดียวอาจจะไม่ได้ผลลัพธ์ที่ดีเท่าที่ควร. เรื่องราคาก็เป็นอีกปัจจัยที่หลายคนมองว่าสูงกว่าแบบเหล็กชัดเจน.
7. อยากทำจัดฟันใส ไปทำที่ไหนดี?
การจัดฟันใสเป็นการรักษาทางทันตกรรมนะจ๊ะ ดังนั้น สถานที่ที่เราต้องไปทำก็คือ คลินิกทันตกรรม ที่มีทันตแพทย์เฉพาะทางด้านการจัดฟัน หรือทันตแพทย์ที่ได้รับการอบรมและมีประสบการณ์ในการทำจัดฟันแบบใสโดยเฉพาะ. ไม่ใช่ว่าจะไปซื้อจากร้านขายยา หรือสั่งออนไลน์แบบเดลิเวอรี่นะทุกคน อันนั้นอันตรายมากเด้อ!
วิธีหาคลินิกที่น่าเชื่อถือ:
- สอบถามจากเพื่อน ครอบครัว หรือคนรู้จัก: ใครที่เคยจัดฟันใสมาแล้ว ได้ผลลัพธ์ดีๆ ลองขอคำแนะนำดูจ้า.
- ค้นหาข้อมูลออนไลน์: ใช้คีย์เวิร์ดเช่น "คลินิกจัดฟันแบบใส", "จัดฟัน invisalign ที่ไหนดี", "คลินิกจัดฟัน Zenyum" จะเจอรายชื่อคลินิกต่างๆ ลองเข้าไปดูเว็บไซต์ อ่านรีวิว หรือดูเคสตัวอย่างของคลินิกนั้นๆ.
- ดูรายชื่อคลินิกพาร์ทเนอร์ของแบรนด์จัดฟันใส: แบรนด์จัดฟันใสต่างๆ มักจะมีรายชื่อคลินิกที่ได้รับการรับรองเป็นพาร์ทเนอร์อยู่บนเว็บไซต์ของตัวเอง อันนี้ก็เป็นอีกช่องทางที่ช่วยคัดกรองได้ในระดับหนึ่ง.
- พิจารณาทำเลที่สะดวก: การจัดฟันต้องมีการนัดหมายเพื่อติดตามผลเป็นระยะๆ เลือกคลินิกที่เดินทางสะดวก ใกล้บ้าน หรือใกล้ที่ทำงานก็จะดีมากๆ เลยนะ.
สิ่งที่ควรทำก่อนตัดสินใจคือ เข้าไปปรึกษาคุณหมอหลายๆ ที่ เพื่อเปรียบเทียบแผนการรักษา ราคา และความรู้สึกที่คุยกับคุณหมอด้วยนะจ๊ะ เลือกที่ที่เราสบายใจและมั่นใจที่สุด.
8. สรุปแล้วจัดฟันใสคุ้มไหม? ใครเหมาะที่จะทำ?
มาถึงบทสรุป! จัดฟันแบบใส ถือเป็นทางเลือกการจัดฟันที่ คุ้มค่า มากๆ สำหรับคนที่ ให้ความสำคัญกับความสวยงามและสะดวกสบาย ในระหว่างการรักษา ถึงแม้ราคาเริ่มต้นอาจจะสูงกว่าจัดฟันแบบเหล็กในบางกรณี แต่ถ้าคำนวณค่าใช้จ่ายทั้งหมดตลอดการรักษา และคำนึงถึงคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น ก็ถือว่าเป็นการลงทุนที่น่าสนใจนะจ๊ะ
จัดฟันใสเหมาะกับใครบ้าง:
- คนที่ ไม่ต้องการให้มองเห็นเครื่องมือจัดฟัน ในชีวิตประจำวัน ไม่ว่าจะเป็นนักเรียน นักศึกษา วัยทำงาน หรือคนที่มีอาชีพที่ต้องพบปะผู้คนเยอะๆ.
- คนที่ มีวินัย สามารถใส่เครื่องมือได้อย่างสม่ำเสมอตามที่คุณหมอแนะนำ.
- คนที่ ต้องการความสะดวก ในการรับประทานอาหารและทำความสะอาดช่องปาก.
- คนที่ มีปัญหาฟันเล็กน้อยถึงปานกลาง หรือเคยจัดฟันมาแล้วฟันล้ม.
- คนที่ มีงบประมาณ สำหรับการรักษาที่อาจจะสูงกว่าการจัดฟันแบบเหล็ก แต่ก็มีตัวเลือกการผ่อนชำระช่วยให้เข้าถึงง่ายขึ้น.
ส่วนจะเลือกรุ่นไหน แพ็กเกจไหน ก็ต้องให้คุณหมอประเมินก่อนนะจ๊ะ เคสไม่ซับซ้อนมากอาจจะเลือกแพ็กเกจเริ่มต้นเพื่อประหยัดงบได้ แต่ถ้าปัญหาซับซ้อน หรืออยากได้ผลลัพธ์ที่ครอบคลุมทั้งปาก อาจจะต้องพิจารณาแพ็กเกจที่ราคาสูงขึ้นมาหน่อย.
สรุปง่ายๆ คือ ถ้าพร้อมเรื่องงบประมาณ (หรือการผ่อนชำระ) และมีวินัยในการใส่เครื่องมือ จัดฟันแบบใสคือคำตอบที่ทำให้คุณมีรอยยิ้มสวยๆ ได้แบบเนียนๆ ไม่ต้องทนกับเหล็กจัดฟันให้กวนใจจ้า! ขอให้ทุกคนที่กำลังจะจัดฟันใสได้คลินิกดีๆ คุณหมอเก่งๆ แล้วมีรอยยิ้มสวยๆ ปังๆ กันทุกคนเลยนะ! บ๊ายบายยย!
วิดีโอที่เกี่ยวข้อง
แนะนำสำหรับคุณ
ราคาล่าสุด กล้องวงจรปิด Pelco รุ่นยอดนิยม พร้อมคู่มือเลือกซื้อระบบ CCTV ที่ดีที่สุด
ราคาล่าสุด Hario Syphon Coffee Maker (เครื่องชงกาแฟ) วิธีใช้งาน และแหล่งซื้อ
ราคาล่าสุด APC (เครื่องสำรองไฟ/ป้องกันไฟกระชาก) รุ่นไหนดี เหมาะกับบ้านและออฟฟิศ
ราคาล่าสุด Sionyx Aurora (กล้อง Night Vision) ถ่ายภาพกลางคืนคมชัด รีวิวฉบับเต็ม
ราคาตู้เชื่อม Longwell MMA 200 METAL รุ่นยอดนิยม ซื้อที่ไหนคุ้มค่า พร้อมวิธีเลือก
ราคาล่าสุด ยางรถยนต์ Dunlop ขนาด 265/60R18 รุ่นยอดนิยม สมรรถนะดี ซื้อที่ไหนคุ้มค่า