logo

ราคา คอมเพรสเซอร์แอร์รถยนต์ (Compressor) ยี่ห้อไหนดี เลือกให้ถูกต้อง?

user avatar
รวิสรา ศรีสมบัติ·06/29/2025 12:04
点赞
ราคา คอมเพรสเซอร์แอร์รถยนต์ (Compressor) ยี่ห้อไหนดี เลือกให้ถูกต้อง?

สวัสดีครับพี่น้องชาวสองล้อสี่ล้อทุกท่าน! วันนี้เราจะมาคุยกันเรื่องที่ทำให้เราเย็นฉ่ำหัวใจ (และตัว) กัน นั่นก็คือ คอมเพรสเซอร์แอร์รถยนต์ นั่นเอง! ไอ้เจ้าตัวนี้แหละคือหัวใจหลักของระบบปรับอากาศในรถ ถ้ามันงอแงเมื่อไหร่ล่ะก็ บอกเลยว่าชีวิตช่วงหน้าร้อนของเมืองไทยคือ... นรกชัดๆ! 🔥 วันนี้เราจะมาดูกันว่าเจ้าคอมแอร์เนี่ยมันทำงานยังไง มีกี่ยี่ห้อในตลาด แล้วจะเลือกยังไงให้ได้ของดี ราคาโดนใจ แถมไม่โดนหลอกฟันหัวแบะ! พร้อมยัง? ไปลุย!

1. คอมเพรสเซอร์แอร์รถยนต์ มันคืออะไรกันนะ?

เอาล่ะ มาทำความรู้จักพระเอกของเรากันก่อน คอมเพรสเซอร์แอร์รถยนต์ (Compressor) เนี่ย หน้าที่หลักๆ ของมันคือการ อัดน้ำยาแอร์ ที่เป็นก๊าซให้มีความดันสูงขึ้น จนอุณหภูมิสูงขึ้นตามไปด้วย แล้วค่อยส่งไปตามระบบเพื่อระบายความร้อนออกไป จนน้ำยาแอร์กลายเป็นของเหลว แล้วค่อยวนกลับมาดูดความร้อนในห้องโดยสารเราอีกที พูดง่ายๆ ก็คือ ถ้าไม่มีเจ้าตัวนี้ น้ำยาแอร์ก็ไม่หมุนวน ความเย็นก็ไม่เกิดนั่นแหละ

แล้วใครล่ะที่ต้องมาวุ่นวายกับเจ้าคอมแอร์นี่? ส่วนใหญ่ก็คือคนที่ แอร์รถไม่เย็นฉ่ำเหมือนเก่า หรือหนักหน่อยก็คือ แอร์ไม่เย็นเลย ซึ่งปัญหามันอาจจะมาจากคอมเพรสเซอร์เสื่อมสภาพ ลูกสูบหลวม คลัตช์มีปัญหา หรือใช้งานมานานเกินไป

ในตลาดบ้านเราก็มียี่ห้อคอมแอร์ให้เลือกเยอะแยะเลย ทั้งแบบที่เป็นอะไหล่แท้ติดรถ (OEM) จากแบรนด์ผู้ผลิตรถยนต์โดยตรง หรือจะเป็นอะไหล่เทียบ/อะไหล่ทดแทนจากผู้ผลิตอะไหล่แอร์โดยเฉพาะ แบรนด์ดังๆ ที่ได้ยินบ่อยๆ ก็เช่น DENSO (เด็นโซ่) อันนี้คุ้นหูคนใช้รถญี่ปุ่นแน่นอน เพราะส่วนใหญ่รถญี่ปุ่นมักใช้ของ Denso หรือจะเป็น SANDEN (ซันเด้น) อันนี้ก็เป็นอีกแบรนด์เก่าแก่ มีชื่อเสียง นอกจากนี้ก็ยังมีแบรนด์อื่นๆ อีกเพียบเลย ทั้งจากญี่ปุ่น จีน หรือไต้หวัน


2. ราคาในตลาดไทยเป็นยังไงบ้าง?

มาถึงเรื่องที่หลายคนกังวล นั่นก็คือเรื่อง "ราคา" นั่นเอง! บอกเลยว่าราคาคอมเพรสเซอร์แอร์รถยนต์เนี่ย หลากหลายมากๆ ขึ้นอยู่กับหลายปัจจัยเลยนะ ทั้งยี่ห้อรถ รุ่นรถ ปีรถ ประเภทของคอม (ลูกสูบหรือโรตารี่) และที่สำคัญคือเป็น คอมใหม่ หรือ คอมบิ้ว (มือสองปรับสภาพ)

ลองส่องๆ ดูตามแหล่งช้อปปิ้งออนไลน์ยอดฮิตอย่าง Lazada กับ Shopee จะเห็นว่าราคามีตั้งแต่หลักพันปลายๆ ไปจนถึงหลักหมื่นเลยนะ

  • พวกคอมใหม่เทียบ หรือคอมบิ้ว สำหรับรถตลาดทั่วไป รุ่นเก่าหน่อย ราคาอาจจะอยู่ประมาณ 2,500 - 5,000 บาท (฿)
  • ถ้าเป็นคอมใหม่เทียบ/ทดแทน สำหรับรถรุ่นใหม่ขึ้นมาหน่อย หรือรถยุโรปบางรุ่น ราคาก็จะขยับขึ้นมาเป็น 5,000 - 10,000+ บาท (฿)
  • ส่วนถ้าอยากได้ คอมแท้ (OEM) อันนี้งบต้องถึงหน่อย เพราะราคาก็จะโดดขึ้นไปอีก อาจจะมีตั้งแต่หลักหมื่นกลางๆ ไปจนถึงหลายหมื่นเลย ขึ้นอยู่กับรุ่นรถและยี่ห้อศูนย์บริการ

แหล่งช้อปออนไลน์ที่ว่ามานี่มีให้เลือกเยอะจริงๆ นะ แค่ลองพิมพ์ยี่ห้อรถ รุ่นรถ แล้วก็คำว่า "คอมแอร์" เข้าไปในช่องค้นหา ก็จะมีลิสต์มาให้เลือกเพียบเลย ทั้งร้านOfficial Store ของแบรนด์อะไหล่บางเจ้า (ถ้ามีนะ) หรือจะเป็นร้านค้าอะไหล่ต่างๆ ที่มาลงขาย

ส่วนตามร้านอะไหล่รถยนต์ทั่วไป หรือตามอู่ซ่อมแอร์รถยนต์ก็มีขายนะ ราคาอาจจะแตกต่างกันไปบ้าง ขึ้นอยู่กับว่าร้านนั้นๆ เป็นตัวแทนจำหน่ายของยี่ห้อไหน หรือบวกค่าบริการเพิ่มไปเท่าไหร่ ส่วนร้านเครื่องใช้ไฟฟ้าใหญ่ๆ อย่าง Power Buy, JIB, Banana IT พวกนี้เค้าไม่ได้ขายอะไหล่รถยนต์จ้า ไปผิดที่นะเออ!


3. เทียบราคากับสินค้าประเภทเดียวกันแล้วเป็นไง?

ถ้าให้เทียบราคากับอะไหล่ชิ้นอื่นในระบบแอร์ อย่างพวกแผงคอยล์ร้อน/เย็น หรือวาล์วฉีดน้ำยา บอกเลยว่า คอมเพรสเซอร์แอร์นี่แหละคือชิ้นส่วนที่แพงที่สุด ในระบบแอร์รถยนต์

แต่ถ้าเทียบระหว่าง คอมแอร์ด้วยกันเอง ในรุ่นรถเดียวกัน การเลือกใช้คอมแอร์แบบ อะไหล่เทียบ/ทดแทน เนี่ย ถือว่า ช่วยประหยัดงบไปได้เยอะมาก เมื่อเทียบกับคอมแท้จากศูนย์บริการเลยนะ บางทีประหยัดได้ถึง 50% เลยทีเดียว

อย่างที่เห็นใน Shopee/Lazada คอมแอร์สำหรับรถตลาดฮิตๆ อย่าง Vios, Vigo, D-Max, City ราคาคอมใหม่เทียบอาจจะอยู่ประมาณสามพันกว่าบาท ในขณะที่ถ้าเป็นคอมแท้ ราคาอาจจะพุ่งไปหลักหมื่นเลยก็ได้นะ

แต่ข้อควรระวังคือ คอมเทียบ/ทดแทน ก็มีหลายเกรดหลายคุณภาพนะ บางยี่ห้ออาจจะใช้ได้ไม่ทนเท่าคอมแท้ หรือประสิทธิภาพในการทำความเย็นอาจจะสู้ไม่ได้ ก็ต้องเลือกดีๆ หรือปรึกษาช่างที่ไว้ใจได้


4. ซื้อแล้วได้อะไรมาบ้างนะ?

อันนี้ก็แล้วแต่ร้าน แล้วแต่ยี่ห้อเลยนะ ส่วนใหญ่ถ้าซื้อแต่ตัวคอมเพรสเซอร์ ก็จะได้ ตัวคอมเพรสเซอร์ มาเพียวๆ เลยจ้า บางทีอาจจะมี น้ำมันคอมเพรสเซอร์ แถมมาให้ด้วยนิดหน่อย หรือบางร้านอาจจะใจดีแถมโอริงหรือปะเก็นมาให้ด้วย ก็ต้องดูรายละเอียดสินค้าดีๆ นะ

ส่วนเรื่อง ค่าจัดส่ง เนี่ย ถ้าซื้อออนไลน์ส่วนใหญ่ก็มีค่าส่งนะจ๊ะ แต่หลายๆ ร้านบน Lazada กับ Shopee ก็มักจะมีโปรโมชั่น ส่งฟรี ให้ด้วยนะ ลองดูเงื่อนไขดีๆ ก่อนสั่งซื้อจ้า

เรื่อง การรับประกัน นี่โคตรสำคัญเลยสำหรับอะไหล่รถยนต์! ส่วนใหญ่คอมเพรสเซอร์แอร์ใหม่ (ทั้งแท้และเทียบ) มักจะมีการรับประกันให้ อย่างน้อย 6 เดือน ถึง 1 ปี นะ แต่เงื่อนไขการรับประกันก็ต้องอ่านให้ละเอียดด้วยนะ บางทีเค้ารับประกันเฉพาะกรณีที่น้ำมันคอมไม่ดำ หรือต้องให้ช่างผู้เชี่ยวชาญติดตั้งเท่านั้น ถ้าติดตั้งผิดวิธี หรือระบบแอร์มีปัญหาอื่นอยู่แล้ว อาจจะเคลมไม่ได้นะ

ส่วนของแถมหรือโปรโมชั่นพิเศษอื่นๆ เช่น คูปองส่วนลด อันนี้ก็ขึ้นอยู่กับแคมเปญของแพลตฟอร์มหรือของร้านค้านั้นๆ เลยจ้า ต้องหมั่นเข้าไปเช็คบ่อยๆ นะ


5. มีช่วงไหนน่าซื้อเป็นพิเศษมั้ย?

ถ้าใจเย็นพอและอยากได้ราคาดีๆ ล่ะก็ ต้องรอช่วง โปรโมชั่นลดราคาใหญ่ๆ เลยจ้า! แพลตฟอร์มออนไลน์อย่าง Lazada กับ Shopee เค้าจัดหนักจัดเต็มตลอดปีอยู่แล้วนะ โดยเฉพาะช่วงเทศกาลช้อปปิ้ง Double Digit Sale เช่น 6.6, 7.7, 8.8, 9.9, 10.10, 11.11, และ 12.12 พวกนี้ลดเยอะจริง! นอกจากนี้ช่วง เทศกาลสำคัญของไทย อย่าง สงกรานต์ หรือ ปีใหม่ บางร้านก็อาจจะมีโปรโมชั่นพิเศษด้วยนะ

ร้านค้าที่เป็น Mall หรือร้านแนะนำบน Shopee/Lazada มักจะมีโปรโมชั่นและส่วนลดออกมาบ่อยๆ อยู่แล้ว การซื้อในช่วงโปรโมชั่นเหล่านี้ช่วยให้เราได้คอมเพรสเซอร์แอร์ในราคาที่คุ้มค่าขึ้นเยอะเลยนะ


6. รีวิวและฟีดแบ็กจากผู้ใช้ในไทยเป็นไงบ้าง?

จากที่ลองไปส่องๆ ดูตามเว็บบอร์ดหรือรีวิวในแพลตฟอร์มออนไลน์ คนไทยที่เคยเปลี่ยนคอมเพรสเซอร์แอร์ก็มีฟีดแบ็กหลากหลายนะ

  • หลายคนยอมรับว่า คอมแท้ เนี่ย ทนทาน และ เย็นฉ่ำสู้ของเดิมติดรถไม่ได้จริงๆ แต่ก็ต้องแลกมาด้วยราคาที่สูงเอาเรื่อง
  • สำหรับ คอมเทียบ/ทดแทน เสียงส่วนใหญ่บอกว่า คุ้มค่ากับราคา ที่จ่ายไปนะ บางยี่ห้อก็ทำความเย็นได้ดีใกล้เคียงคอมแท้เลย แต่ก็มีบ้างที่เจอว่าใช้ไปสักพักแล้วมีปัญหา เสียงดัง หรือไม่ทนเท่าที่ควร
  • จุดที่คนไทยให้ความสำคัญมากๆ คือเรื่อง ความทนทาน และ ความเย็นฉ่ำ เนี่ยแหละ ใครๆ ก็อยากได้แอร์ที่เย็นเจี๊ยบสู้แดดเมืองไทยได้นานๆ ใช่ไหมล่ะ
  • บางคนก็เลือกใช้ คอมบิ้ว (มือสองปรับสภาพ) เพราะ ราคาถูกลงไปอีก แต่ก็มีความเสี่ยงที่อาจจะเจอของไม่ดี หรือใช้งานได้ไม่นานเท่าคอมใหม่

โดยรวมแล้ว การเลือกคอมเพรสเซอร์แอร์เน้นที่ คุณภาพ และ ความน่าเชื่อถือของร้าน/ยี่ห้อ ที่ขาย ควบคู่ไปกับ ราคาที่เหมาะสมกับงบประมาณ เป็นสิ่งที่ผู้บริโภคไทยคำนึงถึง


7. ช่องทางการซื้อที่แนะนำ

ทีนี้จะไปซื้อคอมเพรสเซอร์แอร์ได้ที่ไหนดีล่ะ?

  • ช่องทางออนไลน์ (Shopee, Lazada): อันนี้สะดวกสุดๆ มีของให้เลือกเยอะมาก หลากหลายยี่ห้อ หลายราคา สามารถเปรียบเทียบราคาได้ง่าย มีโปรโมชั่น ส่วนลด และบริการส่งถึงบ้าน ข้อดีคือหาของง่าย ราคาเข้าถึงง่าย ข้อเสียคือเราไม่ได้เห็นของจริงก่อนซื้อ ต้องดูจากรูปและข้อมูลที่ร้านให้มา และต้องเลือกร้านที่น่าเชื่อถือ มีรีวิวดีๆ นะ
  • ร้านอะไหล่รถยนต์ทั่วไป: มีกระจายอยู่ทั่วประเทศ ข้อดีคือได้เห็นของจริง ได้พูดคุยปรึกษากับคนขายโดยตรง อาจจะได้คำแนะนำดีๆ ข้อเสียคืออาจจะมีตัวเลือกไม่เยอะเท่าออนไลน์ และราคาอาจจะสูงกว่าเล็กน้อย
  • อู่ซ่อมแอร์รถยนต์: ถ้าจะให้ช่างเปลี่ยนให้ด้วย ก็ซื้อที่อู่เลยก็ได้ ช่างเค้าจะจัดหาอะไหล่ที่ตรงรุ่นให้ (แต่บางทีอู่ก็บวกราคาอะไหล่ไปเยอะนะ) ข้อดีคือจบครบในที่เดียว ช่างมีความรู้ในการติดตั้ง ข้อเสียคืออาจจะต้องจ่ายแพงกว่าถ้าซื้ออะไหล่เองแล้วเอาไปให้ช่างอื่นติด หรือช่างอาจจะเชียร์ยี่ห้อที่เค้ามีของอยู่
  • ศูนย์บริการรถยนต์: ถ้าอยากได้คอมแท้ตรงรุ่นเป๊ะๆ และไม่ติดเรื่องงบ ก็ไปที่ศูนย์บริการได้เลย ข้อดีคือมั่นใจว่าเป็นของแท้ มีมาตรฐาน และมักจะมีการรับประกันที่ดี ข้อเสียคือ แพงมาก จ้า

ส่วนช่องทางทางการของแบรนด์ผู้ผลิตคอมเพรสเซอร์โดยตรง บางทีอาจจะไม่ได้ขายปลีกให้บุคคลทั่วไปนะ เค้าจะเน้นขายส่งให้ร้านอะไหล่หรือโรงงานประกอบรถยนต์มากกว่า


8. สรุปหรือคำแนะนำเรื่องราคา

สรุปแล้ว การเลือกซื้อคอมเพรสเซอร์แอร์รถยนต์เนี่ย มันไม่มีคำว่า "ดีที่สุด" สำหรับทุกคนหรอกนะ มันขึ้นอยู่กับ งบประมาณ, รุ่นรถ, และ ความคาดหวัง ของเราเอง

  • ถ้า งบจำกัด หรือรถค่อนข้างเก่าแล้ว การเลือกใช้ คอมเทียบ/ทดแทน หรือ คอมบิ้ว ในราคาหลักพันปลายๆ ถือเป็นตัวเลือกที่ คุ้มค่า มากๆ เลยนะ แค่ต้องเลือกยี่ห้อที่มีรีวิวดีๆ หรือเลือกร้านที่ให้การรับประกันที่เหมาะสมหน่อย
  • ถ้าอยากได้ ความเย็นฉ่ำที่ใกล้เคียงของเดิม และ ความทนทานที่ไว้ใจได้ แต่ยังพอมีงบประมาณเพิ่มขึ้นมาหน่อย ลองมองหา คอมใหม่เทียบเกรดดีๆ หรือแบรนด์ที่เป็นที่ยอมรับในตลาดอะไหล่ ก็จะอยู่ในช่วงราคาที่สูงขึ้นมาอีกหน่อย
  • แต่ถ้า งบไม่ใช่ปัญหา และอยากได้ ความสบายใจสูงสุด ใช้ยาวๆ เหมือนรถป้ายแดง การเลือก คอมแท้ (OEM) จากศูนย์บริการก็เป็นทางเลือกที่ดีที่สุดนะ แม้ราคาจะแรงที่สุดก็ตาม

สิ่งสำคัญที่สุดในการซื้อคอมเพรสเซอร์แอร์คือ ต้องระบุยี่ห้อ รุ่น และปีรถให้ถูกต้อง เพื่อให้ได้คอมเพรสเซอร์ที่ตรงรุ่นกับรถของเรา ถ้าไม่แน่ใจจริงๆ ควรปรึกษาช่างผู้เชี่ยวชาญ หรือหารหัสคอมเพรสเซอร์ตัวเก่าติดรถมาเทียบให้ชัวร์ก่อนนะ ไม่งั้นซื้อมาผิดรุ่นจะเสียเวลาเสียเงินเปล่าๆ จ้า!

หวังว่าข้อมูลนี้จะเป็นประโยชน์ในการตัดสินใจเลือกซื้อคอมเพรสเซอร์แอร์รถยนต์กันนะทุกคน ขอให้แอร์รถของทุกคนกลับมาเย็นฉ่ำสู้แดดประเทศไทยได้เหมือนเดิมนะจ๊ะ! บ๊ายบาย!

วิดีโอที่เกี่ยวข้อง

บทความที่เกี่ยวข้อง

สวัสดีเหล่าเพื่อนๆ พี่ๆ น้องๆ เจ้าของ Honda Civic ทุกเจนฯ จ้า! วันนี้เราจะมาคุยกันเรื่องที่คนใช้รถยนต์ต้องเจอแน่ๆ นั่นก็คือเรื่องของ "แอร์ไม่เย็น" แล้วปัญหานึงที่ชอบเป็นตัวการเลยก็คือเจ้า "ตู้แอร์" หรือที่เรียกว่าคอยล์เย็นนี่แหละ วันนี้เราจ
ราคา ตู้แอร์รถยนต์ Honda Civic: เปลี่ยนเมื่อไหร่คุ้มสุด?

บทความล่าสุดดูเพิ่มเติม

สวัสดีพ่อค้าแม่ขาย เจ้าของโกดัง หรือพี่ๆ น้องๆ ที่ต้องรับมือกับกองทัพสินค้าทั้งหลายจ้า! วันนี้เราจะมาคุยกันเรื่องเพื่อนคู่ใจสายแบก เอ้ย! สายย้ายของเรานั่นก็คือ แฮนด์ลิฟท์ หรือที่บางคนเรียกติดปากว่า รถลากพาเลท นั่นแหละ บอกเลยว่าเจ้าเครื่องทุ
แฮนด์ลิฟท์ (รถลากพาเลท) ราคาเริ่มต้นเท่าไหร่? เลือกรุ่นไหนดีให้เหมาะกับงาน?
สวัสดีชาวสองล้อทุกคนนน! วันนี้เราจะมาเม้าท์มอยเรื่องรถมอเตอร์ไซค์สปอร์ตยอดฮิตขวัญใจวัยรุ่น (และไม่รุ่น!) อย่าง Kawasaki Ninja 250 กัน ใครที่กำลังเล็งๆ อยากได้รถสปอร์ตคู่ใจสักคัน ไม่ว่าจะมือหนึ่งป้ายแดงวิบวับ หรือมือสองสภาพดีราคาเป็นมิตร มาม
ราคา Kawasaki Ninja 250 ใหม่/มือสอง ปีไหนน่าเล่น?
โย่วๆ คอเกมทั้งหลาย! วันนี้เราจะมาแกะกล่อง งัดแงะเรื่องราคาของเกมน้ำดี คุณค่าที่คุณคู่ควรอย่าง NieR: Automata กัน! เกมที่ว่ากันว่าเนื้อเรื่องอย่างลึกซึ้ง กินใจ จนบางคนเล่นไปน้ำตาซึมไป (หรือไม่ซึมก็อินจัดๆ อะแหละ) แถมระบบต่อสู้ก็มันส์หยดติ๋ง
ราคาเกม Nier Automata บน PS4, PC, Xbox, Switch ซื้อแพลตฟอร์มไหนคุ้ม?

บทความที่แนะนำ