เปรียบเทียบ Redmi Note 8 vs Infinix: สเปก กล้อง ราคา เลือกตัวไหนดี?

สวัสดีครับพี่น้องชาวไทยที่กำลังมองหามือถือใหม่! ช่วงนี้บอกเลยว่าตลาดมือถือราคาเบาๆ แต่สเปกไม่เบานี่คึกคักสุดๆ จนเลือกไม่ถูกเลยใช่มั้ยล่ะ? ตัวนั้นก็ดี ตัวนี้ก็เด่น งงไปหมด! โดยเฉพาะสองแบรนด์ขวัญใจมหาชนอย่าง Redmi Note 8 ที่ครั้งหนึ่งเคยเป็นตำนาน และฝั่ง Infinix ที่มาแรงแบบไม่หยุดพัก จัดสเปกมาให้แบบจุกๆ

แล้วถ้าต้องเลือกจริงๆ ระหว่างสองค่ายนี้ โดยเฉพาะรุ่นที่ราคาใกล้ๆ กัน หรือเคยฮิตในเวลาไล่เลี่ยกันอย่าง Redmi Note 8 กับ Infinix ล่ะ? ตัวไหนจะเหมาะกับเรามากกว่ากัน? สเปก กล้อง ราคา ต่างกันตรงไหน? วันนี้เราจะมาแกะ มาเทียบให้เห็นกันชัดๆ แบบภาษาชาวบ้าน เข้าใจง่าย เลือกซื้อมือถือเครื่องต่อไปได้แบบไม่พลาด ไม่ต้องกลัวโดนหลอก! รับรองว่าอ่านจบปุ๊บ ตัดสินใจได้ปั๊บแน่นอน!

1. ภาพรวมของสินค้า: รู้จักพวกเขากันก่อน!

มาทำความรู้จักสองหนุ่ม เอ้ย! สองเครื่องนี้กันหน่อย

Xiaomi Redmi Note 8

• แบรนด์: Xiaomi (เสียวหมี่)
• รุ่น: Redmi Note 8
• ปีที่วางขาย: เปิดตัวช่วงปลายปี 2019 แต่ความนิยมยังอยู่ยาว
• ช่วงราคาขาย: ตอนเปิดตัวก็หมื่นมีทอน ปัจจุบันหาซื้อไม่ยาก ราคาลงมาน่ารักกว่าเดิมเยอะ (แล้วแต่โปรโมชั่นและร้านค้า)
• ตำแหน่งในตลาด: รุ่นคุ้มค่าตัวท็อปในกลุ่มเริ่มต้น หรือรุ่นกลางในใจใครหลายคน เหมาะกับคนที่อยากได้มือถือครบๆ งบไม่บานปลาย

จุดเด่นหลักๆ (ในยุคนั้นและปัจจุบัน):

• กล้อง 4 ตัว 48MP ถ่ายรูปสวยใช้ได้เลย
• จอ FHD+ คมชัด ดูหนัง เล่นเกมฟิน
• ชิป Snapdragon 665 แรงพอตัว เล่นเกมฮิตๆ ไหวอยู่
• แบตเตอรี่ 4000mAh ใช้งานได้ทั้งวันสบายๆ
• ดีไซน์กระจก ดูพรีเมียมเกินราคา

Infinix (ขอเปรียบเทียบกับรุ่น Hot 10 หรือ Note 8 ที่อยู่ในช่วงราคาใกล้เคียงหรือออกมาไล่ๆ กันนะ)

อันนี้ต้องบอกก่อนว่า Infinix มีหลายรุ่นมาก และมักจะอัปเกรดสเปกในราคาเดิมเร็วสุดๆ ขอหยิบเอารุ่นที่คนนิยมและสเปกน่าจะพอฟัดพอเหวี่ยงกับ Redmi Note 8 อย่าง Infinix Hot 10 หรือ Infinix Note 8 มาเทียบให้เห็นภาพนะ

ตัวอย่าง Infinix Hot 10

• แบรนด์: Infinix (อินฟินิกซ์)
• รุ่น: Hot 10 (เป็นตัวอย่างรุ่นยอดฮิต)
• ปีที่วางขาย: เปิดตัวช่วงปลายปี 2020
• ช่วงราคาขาย: ราคาเข้าถึงง่าย เน้นความคุ้มค่า
• ตำแหน่งในตลาด: รุ่นคุ้มค่า เน้นจอใหญ่ แบตอึด เล่นเกมสนุก ในงบประมาณจำกัด

จุดเด่นหลักๆ (สำหรับรุ่น Hot 10):

• จอใหญ่ยักษ์ ดูคอนเทนต์สะใจ
• แบตเตอรี่ 5200mAh อึดถึกทน ใช้ลืม
• ชิป Helio G70/G80 เล่นเกมได้ดี (Note 8 ใช้ G80 ซึ่งแรงกว่า Hot 10)
• ราคาเป็นมิตรกับกระเป๋า

2. ดีไซน์ & รูปลักษณ์ภายนอก: หล่อคนละแบบ

ถ้าพูดถึงหน้าตา Redmi Note 8 นี่เขามาแบบหล่อเรียบหรู ด้วยฝาหลังเป็นกระจก (Gorilla Glass 5) ดูแพงเกินราคา จับแล้วรู้สึกดี แต่ข้อควรระวังคือน้องอาจจะลื่นมือหน่อย หรือถ้าตกก็มีสิทธิ์แตกได้ง่ายกว่า พวกสีสันก็มีให้เลือกเยอะ ดูทันสมัย

ส่วนฝั่ง Infinix อย่าง Hot 10 หรือ Note 8 เนี่ยมักจะมาพร้อมกับหน้าจอที่ใหญ่สะใจมาก่อนเลย ขนาดเครื่องก็จะใหญ่ตามไปด้วย วัสดุส่วนใหญ่จะเป็นพลาสติกที่ดีไซน์ออกมาดูสวยงาม ไม่ได้ดูก๊องแก๊งนะ มีลูกเล่น ลวดลายบนฝาหลังให้ดูน่าสนใจ พกพาก็อาจจะเต็มไม้เต็มมือหน่อย แต่ถ้าชอบจอใหญ่ๆ คือตอบโจทย์

อุปกรณ์ในกล่องนี่เป็นอีกเรื่องที่ Infinix มักจะจัดเต็มกว่า มีตั้งแต่เคส ฟิล์มกันรอย ไปจนถึงหูฟัง แถมมาให้ครบๆ ไม่ต้องไปซื้อเพิ่ม ในขณะที่ Redmi Note 8 อาจจะมีแค่ที่ชาร์จกับสายชาร์จเป็นมาตรฐาน (แต่ก็แล้วแต่โปรฯ และร้านด้วยนะ)

3. ประสบการณ์ในการใช้งานฟังก์ชันหลัก: สู้กันที่สเปกนี่แหละ!

มาถึงหัวข้อวัดใจ! สเปกภายในเป็นไงบ้าง?

• หน้าจอ: Redmi Note 8 ได้เปรียบที่ความละเอียดเป็น Full HD+ ภาพคมกว่า สีสันสดใสกว่า ดู YouTube หรือ Netflix คือชัดแจ๋ว แต่ Infinix อย่าง Hot 10 จะเป็นจอ HD+ (Note 8 ก็ HD+ บางรุ่น FHD+) แต่ได้ขนาดที่ใหญ่สะใจกว่า ถ้าเน้นดูหนัง เล่นเกมแบบจอใหญ่ๆ ชดเชยเรื่องความละเอียดที่น้อยกว่าได้
• ความแรง (ชิปเซ็ต): Redmi Note 8 ใช้ Snapdragon 665 ส่วน Infinix Hot 10 ใช้ Helio G70 และ Note 8 ใช้ Helio G80 ในการใช้งานทั่วไป เล่นโซเชียล ดูวิดีโอ สบายๆ ทั้งคู่ แต่ถ้าเล่นเกมหนักๆ อย่าง PUBG Mobile หรือ Free Fire ชิป Helio G70 และ G80 ใน Infinix มักจะทำคะแนนได้ดีกว่า Snapdragon 665 นิดหน่อย โดยเฉพาะ Helio G80 ใน Note 8 ที่ออกแบบมาเพื่อเกมมิ่งโดยเฉพาะ ถือว่า Infinix ได้เปรียบเรื่องเล่นเกมในงบเท่ากัน
• กล้อง: Redmi Note 8 มาพร้อมกล้อง 4 ตัว ความละเอียดสูงสุด 48MP พร้อมเลนส์ Ultrawide และ Macro ที่ใช้งานได้จริง ทำให้ถ่ายภาพได้หลากหลายมุมมอง คุณภาพรูปถ่ายในที่แสงจ้าทำได้ดี สีสันสวยงาม ส่วน Infinix Hot 10 กล้องหลัก 16MP (Note 8 จัดเต็ม 64MP) ถ้าเทียบ Hot 10 กับ Redmi Note 8 เรื่องความคมชัดและรายละเอียดในภาพนิ่ง Redmi Note 8 ดูดีกว่า แต่ Infinix ก็มีลูกเล่นกล้องที่น่าสนใจ และ Note 8 ที่เป็น 64MP ก็ให้รายละเอียดภาพที่ดีมากเช่นกัน ส่วนกล้องหน้า Redmi Note 8 13MP ส่วน Infinix Hot 10 8MP (Note 8 16MP + 2MP กล้องหน้าคู่!) ถ้าเน้นเซลฟี่หนักๆ Note 8 คือมาเหนือมาก

4. ใช้งานง่ายไหม? มือใหม่ก็สบาย!

ทั้งสองค่ายใช้ระบบปฏิบัติการ Android แต่ครอบทับด้วย UI ของตัวเอง Redmi Note 8 ใช้ MIUI ส่วน Infinix ใช้ XOS ทั้งคู่มีเมนูภาษาไทย ใช้งานง่าย ไม่ซับซ้อนจนเกินไปสำหรับคนที่ไม่เก่งเทคโนโลยี

ความลื่นไหลในการใช้งานทั่วไปถือว่าทำได้ดีทั้งคู่ เปิดแอป สลับแอป ไม่มีปัญหา แต่บางจังหวะ MIUI ของ Redmi อาจจะมีโฆษณาแทรกบ้าง ถ้าไม่ปิดการตั้งค่า ส่วน XOS ของ Infinix ก็มีลูกเล่นเยอะ บางคนอาจจะชอบ บางคนอาจจะรู้สึกรกๆ หน่อย อันนี้แล้วแต่คนชอบเลย

เรื่องความร้อน ถ้าใช้งานหนักๆ เล่นเกมนานๆ ทั้งคู่ก็อาจจะมีอุ่นๆ บ้างเป็นเรื่องปกติ ไม่ได้ร้อนจนน่าตกใจอะไร

5. แบตเตอรี่ / พลังงาน / ความคุ้มค่าในระยะยาว

ยกให้ Infinix กินขาดเรื่องแบตเตอรี่! ด้วยความจุ 5200mAh ในขณะที่ Redmi Note 8 อยู่ที่ 4000mAh ทำให้ Infinix ใช้งานได้ยาวนานกว่าอย่างเห็นได้ชัด บางทีใช้ข้ามวันได้สบายๆ ถ้าไม่ได้เล่นหนักมาก ส่วน Redmi Note 8 ก็อยู่ได้ครบวันแน่นอน

เรื่องความเร็วในการชาร์จ ทั้งคู่รองรับการชาร์จไว 18W ใช้เวลาชาร์จจาก 0-100% ก็ใกล้เคียงกัน

ความคุ้มค่าในระยะยาว ด้วยความที่ทั้งคู่เป็นมือถือราคาไม่แพง การดูแลรักษาก็ไม่ได้ซับซ้อน อะไหล่บางอย่างอาจจะหาไม่ยากนักถ้ามีปัญหา แต่แบตเตอรี่ที่อึดกว่าของ Infinix อาจจะทำให้รู้สึกคุ้มค่ากว่าในแง่ของการใช้งานยาวๆ ต่อวัน

6. สรุปข้อดีข้อเสีย: ตัดสินใจง่ายขึ้น!

Redmi Note 8

ข้อดี:

• กล้อง 48MP ถ่ายรูปสวย รายละเอียดดีในที่แสงพอ
• มีเลนส์ Ultrawide และ Macro ถ่ายภาพได้หลากหลาย
• จอ FHD+ คมชัดกว่า ดูวิดีโอฟิน
• ดีไซน์ตัวเครื่องดูพรีเมียมเกินราคาด้วยฝาหลังกระจก
• แบรนด์ Xiaomi เป็นที่รู้จัก มีศูนย์บริการเยอะกว่า

ข้อเสีย:

• แบตเตอรี่น้อยกว่า Infinix
• ชิปเซ็ต Snapdragon 665 อาจจะแรงสู้ Helio G80 ของ Note 8 ไม่ได้
• เป็นรุ่นที่ออกมานานกว่า อาจจะไม่ได้รับอัปเดตซอฟต์แวร์แล้ว
• ฝาหลังกระจกอาจจะแตกง่ายกว่าถ้าทำตก
• บางครั้ง MIUI มีโฆษณาแทรก

Infinix (อิงจาก Hot 10 / Note 8)

ข้อดี:

• แบตเตอรี่อึดสะใจ 5200mAh ใช้ได้ยาวนานกว่า
• หน้าจอใหญ่ยักษ์ ดูหนัง เล่นเกมสะใจ
• ชิป Helio G70 / G80 เล่นเกมได้ดีในงบประมาณนี้
• ราคาเข้าถึงง่าย จัดโปรบ่อย
• บางรุ่นมีกล้องความละเอียดสูง (Note 8 - 64MP) และกล้องหน้าคู่ (Note 8)
• มักจะมีอุปกรณ์เสริมแถมมาให้ในกล่อง

ข้อเสีย:

• จอส่วนใหญ่เป็น HD+ ความละเอียดน้อยกว่า
• คุณภาพกล้องโดยรวม (สำหรับ Hot 10) อาจจะยังสู้ Redmi Note 8 ไม่ได้ในบางสภาพแสง
• แบรนด์ยังไม่เป็นที่รู้จักเท่า Xiaomi ในกลุ่มคนบางกลุ่ม
• XOS อาจจะมีแอปที่ไม่จำเป็นติดมาบ้าง

7. เหมาะกับใคร & คำแนะนำในการซื้อ

ถ้าถามว่าเหมาะกับใคร? ฟันธงให้เลยแบบนี้!

• Redmi Note 8: เหมาะกับคนที่เน้นเรื่องกล้องเป็นพิเศษ อยากได้ภาพสวยๆ ถ่ายได้หลากหลายแนว ชอบจอที่คมชัดดูหนังฟิน ไม่เน้นแบตเตอรี่ที่อึดเป็นพิเศษ และอยากได้มือถือแบรนด์ที่คุ้นเคย มั่นใจเรื่องบริการหลังการขายได้ในระดับหนึ่ง อาจจะเหมาะกับนักเรียน นักศึกษา หรือคนทำงานทั่วไปที่ใช้งานไม่หนักมาก
• Infinix (Hot 10 / Note 8): เหมาะกับคนที่เน้นแบตอึดเป็นหลัก ใช้มือถือเยอะตลอดวัน เล่นเกมบ่อยๆ ชอบจอใหญ่ๆ ดูคอนเทนต์สะใจ งบประมาณจำกัดมากๆ และไม่ได้ซีเรียสเรื่องความละเอียดจอเท่าไหร่ เหมาะกับคนที่เน้นความคุ้มค่าต่อสเปก คนขับ Grab Rider, Food Delivery หรือคนที่ต้องใช้มือถือทำงานนอกสถานที่นานๆ

ควรซื้อเลยไหม? ถ้าเจอโปรโมชั่นดีๆ ช่วงเทศกาลไทยอย่าง สงกรานต์ ปีใหม่ หรือแคมเปญเลขเบิ้ล (เช่น 9.9, 10.10) บนแพลตฟอร์มออนไลน์อย่าง Lazada, Shopee บอกเลยว่าน่าจัดมาก เพราะราคามักจะลงมาถูกแบบสุดๆ แถมมีโค้ดลดเพิ่มอีกเพียบ! ลองเช็กราคาและโปรโมชั่นล่าสุดดูก่อนตัดสินใจนะ

8. เปรียบเทียบกับสินค้าคล้ายๆ กัน: มีตัวเลือกอื่นอีกไหม?

นอกจากสองตัวนี้ ในงบใกล้เคียงกันก็ยังมีแบรนด์อื่นๆ อีกนะ เช่น Realme, Vivo, Samsung ในรุ่นเริ่มต้นถึงกลาง ที่มีสเปกคล้ายๆ กัน หรือบางทีอาจจะได้สเปกกล้องที่ดีกว่า หรือแบตเตอรี่อึดพอๆ กัน แต่ราคาก็อาจจะขยับขึ้นไปอีกนิดหน่อย

ถ้าเทียบ Redmi Note 8 กับรุ่นใหม่กว่าอย่าง Redmi Note 9 หรือ Note 10 ตัวใหม่ๆ สเปกและฟีเจอร์ก็จะอัปเกรดขึ้นไปอีก แต่ราคาก็จะสูงขึ้นตามไปด้วย ถ้าไม่ได้มีงบเพิ่ม Redmi Note 8 ก็ยังเป็นตัวเลือกที่คุ้มค่าอยู่ดีในราคาปัจจุบัน

สำหรับ Infinix ถ้าอยากได้สเปกที่แรงขึ้นอีก ก็ดูพวกรุ่น Note หรือ Zero ที่จะให้ชิปเซ็ตที่ดีกว่า กล้องโหดกว่า หรือฟีเจอร์อื่นๆ ที่พรีเมียมขึ้น แต่ราคาก็จะกระโดดขึ้นไปอีกขั้น

9. บริการหลังการขายและช่องทางการซื้อ: ซื้อที่ไหนดี?

ทั้ง Redmi (Xiaomi) และ Infinix มีการรับประกันสินค้าอย่างน้อย 1 ปีในประเทศไทย มีศูนย์บริการที่สามารถส่งเครื่องซ่อมได้ แต่จำนวนศูนย์บริการของ Xiaomi อาจจะเยอะกว่าและหาได้ง่ายกว่าในหลายพื้นที่

ช่องทางการซื้อหลักๆ ก็คือร้านค้าออนไลน์ยอดนิยมอย่าง Lazada, Shopee หรือร้านค้าอย่างเป็นทางการของแบรนด์บนแพลตฟอร์มเหล่านี้ ข้อดีคือมีโปรโมชั่นเยอะมาก ทั้งลดราคา, โค้ดส่วนลด, เงินคืน, ของแถม บางร้านมีตัวเลือกผ่อนชำระ 0% ด้วยนะ!

การซื้อออนไลน์สะดวกสบาย จัดส่งรวดเร็วทันใจ ยิ่งถ้าอยู่ในกรุงเทพฯ บางทีสั่งวันนี้ ได้พรุ่งนี้เลยก็มี ค่าจัดส่งก็ไม่แพง หรือบางทีก็ส่งฟรีด้วยซ้ำ

การซื้อที่ร้านค้าออฟไลน์ก็เป็นอีกตัวเลือกที่ดี ได้ลองจับเครื่องจริง สอบถามพนักงานได้โดยตรง แต่ราคาอาจจะไม่ลดหนักเท่าช่วงโปรโมชั่นออนไลน์

10. บทสรุปและคำแนะนำในการซื้อ: ฟันธง!

สรุปแล้ว Redmi Note 8 vs Infinix เลือกตัวไหนดี?

• ถ้าคุณเน้นกล้องสวย จอคมชัด แบรนด์น่าเชื่อถือในตลาดมานาน Redmi Note 8 ในราคาปัจจุบันคือยังน่าสนใจมากๆ และแนะนำให้ซื้อถ้าเจอราคาดีๆ
• ถ้าคุณเน้นแบตอึดสุดๆ จอใหญ่สะใจ เล่นเกมได้ดีในงบที่จำกัดมากๆ และไม่ได้ซีเรียสเรื่องความละเอียดจอเท่าไหร่ Infinix อย่าง Hot 10 หรือ Note 8 ก็เป็นตัวเลือกที่คุ้มค่าและน่าลอง โดยเฉพาะถ้ามีโปรโมชั่นแรงๆ
• สำหรับคนที่มีงบเพิ่มขึ้นมาอีกนิด และอยากได้ Infinix ที่สเปกจัดเต็มขึ้น กล้องดีขึ้น Note 8 ที่มาพร้อม Helio G80 และกล้อง 64MP คือตัวเลือกที่น่าโดนมาก

สุดท้ายแล้ว การเลือกมือถือก็ขึ้นอยู่กับความต้องการและไลฟ์สไตล์ของคุณเอง หวังว่าบทความนี้จะช่วยให้ตัดสินใจได้ง่ายขึ้นนะ!

วิดีโอที่เกี่ยวข้อง

• สองรุ่นสุดฮิตงบ 5,000 | Redmi Note 10 VS Infinix Note 8 ซื้อรุ่น ...
• StepVS | Infinix Note 8 vs Infinix Hot 10s เลือกตัวไหนดี ห่างเพียง ...
• รีวิวเต็ม Redmi Note 13 vs infinix Hot 40 Pro หลังใช้ตัวไหนคุ้ม งบ ...
• เลือกอะไรดี ? Infinix Note 8 และ Infinix Note 8i มันต่างกันยังไง ?
• พรีวิว Infinix Note 8 งบ 4,xxx บาท | Helio G80 จอ 6.95" ROM ...