Honda Jazz S CVT รีวิว: ข้อดีข้อเสีย มีอะไรน่าสนใจบ้างในปีนี้?

โอ้โห! วันนี้เราจะมาเจาะลึกรถยนต์ยอดฮิตตลอดกาลในใจคนไทย นั่นก็คือ Honda Jazz S CVT นี่แหละ! รุ่นที่หลายคนเล็งไว้ เพราะว่างบน่ารัก ใช้งานง่าย แถมยังสารพัดประโยชน์เหมือนตู้เสื้อผ้าโดเรม่อน! แต่ก่อนจะควักกระเป๋าไปสู่ขอ ต้องรู้ก่อนว่าเจ้าแจ๊สตัวเริ่มต้นเกียร์ CVT เนี่ย มีดีมีด้อยตรงไหนบ้างในปีนี้? ตามมาดูกันแบบไม่กั๊ก มีทั้งเรื่องจริงจังและเรื่องจุกจิกให้รู้!

1. ภาพรวมของสินค้า: รู้จัก Honda Jazz S CVT กันหน่อย

แบรนด์: Honda

รุ่น: Jazz S CVT (รหัสตัวถัง GK)

ปีที่วางขาย (รุ่นสุดท้ายในไทย): ประมาณปี 2014 - 2022 (ปัจจุบันเลิกผลิตและขายในไทยแล้ว แต่ยังนิยมในตลาดมือสอง)

ช่วงราคาขาย (ตอนป้ายแดง): ประมาณ 594,000 บาท

การวางตำแหน่งสินค้า: เป็นรุ่นเริ่มต้นของ Honda Jazz เหมาะสำหรับคนที่ต้องการรถยนต์ 5 ประตูขนาดกะทัดรัด เน้นใช้งานในเมืองเป็นหลัก และต้องการความคุ้มค่าในงบประมาณที่ไม่สูงมาก

จุดเด่นหลักๆ:

• เบาะนั่ง Ultra Seat ปรับพับได้หลายแบบ สารพัดประโยชน์สุดๆ ขนของได้เยอะจุใจ
• ขนาดกะทัดรัด ขับขี่ในเมืองคล่องตัว หาที่จอดง่าย
• เครื่องยนต์ 1.5 ลิตร ให้กำลังดี ไม่อืดอาดสำหรับการใช้งานทั่วไป
• เกียร์ CVT ขับสบาย เปลี่ยนเกียร์นุ่มนวล
• ราคาเข้าถึงง่าย ทั้งตอนป้ายแดงและมือสอง

2. ดีไซน์ & รูปลักษณ์ภายนอก: ความคุ้นเคยที่ดูไม่ตกยุค

แม้จะเป็นรุ่นเริ่มต้น แต่หน้าตาของ Jazz GK โดยรวมก็ยังดูทันสมัย สปอร์ต และไม่ตกยุคง่ายๆ ดีไซน์ไฟหน้ายาวๆ กับกระจังหน้าโครเมียม (ในรุ่น S) ก็ดูลงตัว

การออกแบบ: ทรง Hatchback 5 ประตู คุ้นตาคนไทย มีความสปอร์ตในตัว ดูปราดเปรียว

วัสดุที่ใช้: ตัวถังแข็งแรงตามมาตรฐาน Honda โครงสร้าง G-CON ช่วยปกป้องห้องโดยสารได้ดี

ขนาดและน้ำหนัก: ยาว 3,955 มม. กว้าง 1,695 มม. สูง 1,525 มม. ไม่ได้ใหญ่เทอะทะ ขับในเมืองมุดง่าย น้ำหนักตัวประมาณ 1,048 กก.

สีที่มีให้เลือก: ตอนเปิดตัวมีหลายสี เช่น สีขาวทาฟเฟต้า, สีเงินลูนาร์, สีดำคริสตัล สีพิเศษอย่างสีเทาโซนิคก็มีให้เลือกในบางช่วง

ความสะดวกในการพกพา/วาง: เป็นรถยนต์ ไม่ได้พกพาไปไหนมาไหน แต่ขนาดกำลังดี เหมาะกับบ้านที่มีพื้นที่จอดไม่มาก หรือคอนโดที่มีช่องจอดมาตรฐาน

อุปกรณ์เสริมในกล่อง: หลักๆ คือตัวรถ อาจมีคู่มือและชุดปะยางฉุกเฉิน (ขึ้นอยู่กับปีและโปรโมชั่น)

3. ประสบการณ์ในการใช้งานฟังก์ชันหลัก: พื้นที่คือจุดเด่น!

หัวใจหลักของ Jazz S CVT อยู่ที่ความอเนกประสงค์และเครื่องยนต์ที่เพียงพอต่อการใช้งานในชีวิตประจำวัน

เครื่องยนต์: เบนซิน 4 สูบ 16 วาล์ว i-VTEC ขนาด 1.5 ลิตร กำลังสูงสุด 117 แรงม้า ที่ 6,000 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 146 นิวตัน-เมตร ที่ 4,700 รอบ/นาที

อัตราเร่ง: เพียงพอต่อการขับขี่ในเมือง ออกตัวไม่อืด แต่ถ้าเทียบกับพวกรถ Eco Car เทอร์โบ อาจจะไม่ได้จี๊ดจ๊าดเท่า

ระบบเกียร์: เกียร์อัตโนมัติ CVT ที่พัฒนาภายใต้เทคโนโลยี Earth Dreams ขับสบาย เปลี่ยนเกียร์นุ่มนวล ไม่มีอาการกระตุก

อัตราสิ้นเปลืองน้ำมัน: อยู่ที่ประมาณ 15-16 กม./ลิตร (ขับจริงอาจแตกต่างกันไป) ถือว่าน่าพอใจ ไม่ได้ประหยัดเท่า Eco Car แท้ๆ แต่ก็ไม่ได้ซดน้ำมันอะไรมากมาย

ระบบต่างๆ: มีปุ่ม ECON ช่วยเรื่องการประหยัดน้ำมัน ระบบความปลอดภัยพื้นฐานครบ เช่น ABS, EBD, VSA, HSA ในรุ่น S อาจจะไม่ได้มีฟังก์ชันหรูหราเท่ารุ่นบนๆ

สถานการณ์จริง: ขับไปตลาดสดช่วงเช้าวันหยุด ซื้อของเต็มท้ายรถสบายๆ เพราะเบาะหลังพับได้เรียบ หรือจะขับไปเที่ยวต่างจังหวัดใกล้ๆ ก็พอไหว แต่ถ้าต้องเร่งแซงเยอะๆ อาจจะต้องเผื่อระยะหน่อย

4. ประสบการณ์การใช้งาน & ความง่ายในการใช้: ใครขับก็สบาย

Jazz S CVT เป็นรถที่ขับง่าย ใครๆ ก็ขับได้ มือใหม่สบายใจหายห่วง

ใช้ง่ายมั้ย?: ใช้งานง่ายมาก ไม่ซับซ้อน ระบบเกียร์ CVT ขับนุ่มนวล ไม่ต้องปรับตัวเยอะ

ระบบซอฟต์แวร์: รุ่น S CVT อาจจะยังได้เครื่องเสียงวิทยุธรรมดา รองรับ Bluetooth/USB/AUX ถ้าอยากได้จอสัมผัส Apple CarPlay/Android Auto ต้องดูรุ่น V+ ขึ้นไป หรือหามือสองรุ่นปีใหม่หน่อย

เสียงดังมั้ย ร้อนเร็วมั้ย: การเก็บเสียงอาจจะไม่ดีเท่าพวกรถที่แพงกว่า ยิ่งวิ่งเร็วๆ เสียงลมยางอาจจะเข้ามาบ้าง อุณหภูมิเครื่องยนต์ปกติ ไม่ได้ร้อนเร็วกว่าคันอื่น

สบายเวลาขับ: เบาะนั่งพอดีตัว พวงมาลัยไฟฟ้าเบา ขับในเมืองคล่องตัว แต่บางคนอาจรู้สึกว่าพวงมาลัยไวไปหน่อยตอนใช้ความเร็วสูง

รองรับภาษาไทยมั้ย: ระบบควบคุมต่างๆ บนหน้าปัด หรือจอเครื่องเสียง (ถ้ามี) รองรับภาษาไทยแน่นอน

5. แบตเตอรี่ / พลังงาน / ความคุ้มค่าในระยะยาว: ไม่จุกจิก ค่าดูแลไม่แรง

Jazz เป็นรถที่ขึ้นชื่อเรื่องความทนทานและค่าบำรุงรักษาที่ไม่แพง

ระยะเวลาการใช้งาน/ความเร็วในการชาร์จ: เป็นรถน้ำมัน ไม่ใช่รถไฟฟ้า ไม่มีเรื่องชาร์จแบตเตอรี่

ค่าใช้จ่ายระยะยาว: อะไหล่หาง่าย ราคาไม่แพง เข้าศูนย์บริการได้ทั่วไป การบำรุงรักษาตามระยะไม่จุกจิก

วิเคราะห์ความคุ้มค่า: เมื่อเทียบกับราคาขายและความอเนกประสงค์ ถือว่าคุ้มค่ามาก ยิ่งเป็นรถมือสอง ราคาลงมาเยอะ ทำให้จับต้องง่ายขึ้นไปอีก

6. ข้อดี-ข้อเสีย: ชั่งใจก่อนตัดสินใจ

ข้อดีเด็ดๆ ที่คนไทยน่าจะชอบ:

• เบาะ Ultra Seat สารพัดประโยชน์ ขนของได้เยอะจริงๆ โหมด Refresh นั่งพักสบายๆ ก็มี
• ขนาดเล็ก ขับง่ายในเมือง หาที่จอดสบาย มุดซอยแคบๆ ก็คล่อง
• เครื่องยนต์ 1.5 ลิตร กำลังดี ไม่อืดอาดสำหรับใช้งานทั่วไป
• ประหยัดน้ำมันใช้ได้ ไม่เท่า Eco Car แต่ก็ไม่ได้เปลืองจนเกินไป
• ค่าบำรุงรักษาไม่แพง อะไหล่หาง่าย เป็นรถตลาด ซ่อมง่าย

ข้อเสียที่อาจทำให้ลังเลใจ:

• ฟังก์ชันภายในอาจไม่ทันสมัยเท่ารถรุ่นใหม่ๆ โดยเฉพาะรุ่น S อาจไม่มีจอสัมผัส
• การเก็บเสียงไม่ดีเท่าที่ควร ยิ่งวิ่งเร็วๆ เสียงลมยาง เสียงภายนอกเข้ามาได้บ้าง
• พวงมาลัยอาจไวไปนิดที่ความเร็วสูง ต้องใช้ความระมัดระวัง
• เบาะนั่งด้านหลังอาจไม่สบายเท่าไหร่ สำหรับการเดินทางไกลมากๆ
• เป็นรุ่นที่เลิกผลิตแล้ว อาจต้องหามือสอง ซึ่งต้องดูสภาพให้ดี

7. เหมาะกับใคร & คำแนะนำในการซื้อ: รถคู่ใจคนเมือง

เหมาะกับ: นักศึกษา คนวัยทำงานเพิ่งเริ่มต้นชีวิต แม่บ้าน คนที่เน้นใช้งานในเมือง ขนของบ่อยๆ

เหมาะกับการใช้งานแบบไหน: ขับไปทำงานในเมือง, ขับไปเรียน, ขนของกลับบ้านต่างจังหวัดช่วงเทศกาล, จ่ายตลาด, ช้อปปิ้ง

ควรซื้อเลยไหม?: ถ้าต้องการรถมือสองสภาพดี ราคาไม่แรง ใช้งานในเมืองเป็นหลัก และรับได้กับฟังก์ชันที่ไม่ทันสมัยเท่ารถรุ่นใหม่ ก็จัดได้เลย ถ้าเน้นออปชันหรืออยากได้รถป้ายแดงอาจจะต้องมองรุ่นอื่น

รอช่วงโปรโมชั่น?: สำหรับรถมือสอง ราคาขึ้นอยู่กับปี สภาพ และคนขาย ช่วงปลายปีหรือต้นปีอาจมีโปรโมชั่นจากเต็นท์รถมือสองบ้าง

8. เปรียบเทียบกับสินค้าคล้ายๆ กัน: คู่แข่งในตลาด

ถ้าเทียบกับรถใน Segment เดียวกัน:

• Toyota Yaris: เป็นคู่แข่งโดยตรง ดีไซน์อาจจะดูเรียบร้อยกว่า Jazz อัตราสิ้นเปลืองพอๆ กัน แต่ Jazz ได้เปรียบเรื่องความอเนกประสงค์ของเบาะ Ultra Seat
• Mazda 2 Hatchback: เน้นดีไซน์สปอร์ต ขับสนุกกว่า แต่พื้นที่ภายในและเบาะหลังอาจไม่กว้างเท่า Jazz
• Honda City Hatchback: เป็นรุ่นที่มาแทน Jazz ในตลาดรถป้ายแดง ขนาดใหญ่ขึ้น ฟังก์ชันทันสมัยกว่า แต่ราคาเริ่มต้นก็สูงกว่า

เทียบกับรุ่นอื่นของ Honda Jazz เอง:

• Jazz V, V+, RS, RS+: รุ่นที่สูงกว่าจะมีออปชันเพิ่มขึ้น เช่น จอสัมผัส, กล้องมองหลัง, ระบบความปลอดภัยที่มากขึ้น รุ่น RS จะได้ชุดแต่งภายนอกที่สปอร์ตกว่า ถ้ามีงบเพิ่ม รุ่น V+ ขึ้นไปจะน่าสนใจเรื่องออปชัน แต่ถ้างบจำกัด S CVT ก็เพียงพอต่อการใช้งานพื้นฐานแล้ว

9. บริการหลังการขายและช่องทางการซื้อ: หาง่าย สบายใจได้

แม้จะเลิกผลิตแล้ว แต่ Honda Jazz ก็เป็นรถตลาด ทำให้เรื่องบริการหลังการขายไม่ใช่ปัญหา

การรับประกัน: สำหรับรถป้ายแดงตอนนั้นมีการรับประกันตามมาตรฐาน รถมือสองต้องสอบถามจากผู้ขายหรือเต็นท์รถ อาจมีการรับประกันจากเต็นท์

เครือข่ายการให้บริการ: ศูนย์บริการ Honda มีอยู่ทั่วประเทศ อะไหล่หาง่ายทั้งเบิกศูนย์และร้านอะไหล่ทั่วไป

ช่องทางการซื้อ: ปัจจุบันหาซื้อได้จากตลาดรถมือสองเป็นหลัก ทั้งเต็นท์รถและเจ้าของขายเอง เว็บไซต์หรือแอปพลิเคชันขายรถมือสองต่างๆ ก็มีให้เลือกเยอะ

โปรโมชั่น: โปรโมชั่นสำหรับรถมือสองขึ้นอยู่กับผู้ขาย อาจมีส่วนลด ของแถม หรือเงื่อนไขการผ่อนที่แตกต่างกันไป

ตัวเลือกผ่อนชำระ: สามารถจัดไฟแนนซ์รถมือสองได้กับสถาบันการเงินต่างๆ เงื่อนไขขึ้นอยู่กับเครดิตของผู้ซื้อและปีรถ

ระยะเวลาการจัดส่งและค่าจัดส่ง: ถ้าซื้อจากเต็นท์ในพื้นที่ อาจขับกลับได้เลย หรือถ้าอยู่ต่างจังหวัดอาจมีบริการจัดส่งโดยมีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติม

10. บทสรุปและคำแนะนำในการซื้อ: คุ้มไม่คุ้ม อยู่ที่ใจ

ถ้าคุณกำลังมองหารถยนต์ 5 ประตูมือสอง ที่เน้นความอเนกประสงค์ ขนของได้เยอะ ขับง่ายในเมือง ค่าดูแลไม่แพง และงบประมาณเป็นปัจจัยหลัก Honda Jazz S CVT ถือเป็นตัวเลือกที่น่าสนใจมากๆ เหมาะสำหรับคนที่ไม่ได้เน้นออปชันหรือเทคโนโลยีล้ำๆ แต่ต้องการรถที่ไว้ใจได้ ใช้งานได้หลากหลาย คล่องตัวในชีวิตประจำวัน

สำหรับผู้เริ่มต้นที่ต้องการรถคันแรก หรือครอบครัวเล็กๆ ที่ต้องการรถที่ใช้งานได้สารพัดประโยชน์ เจ้า Jazz S CVT ตอบโจทย์แน่นอน

แต่ถ้าคุณเป็นสาย Gadget ชอบรถออปชันเยอะๆ หรือเน้นความแรงและการขับขี่ที่สนุกเร้าใจมากๆ หรือต้องการรถป้ายแดง อาจจะต้องมองข้ามรุ่นนี้ไปก่อน หรือพิจารณารุ่นที่สูงกว่าอย่าง V+ หรือ RS (ถ้าหามือสองได้)

วิดีโอที่เกี่ยวข้อง

• เคลียร์ทุกปัญหา Honda Jazz รถสุดฮิตในไทย มากความอเนกประสงค์ ...
• [ONE2AUTO] รีวิว Honda Jazz 1.5 S ปี 2019 I EP. 461
• [ONE2AUTO] รีวิว Honda Jazz 1.5S ปี2020 I EP. 419
• EP.189 รีวิว Honda Jazz s-cvt (MC)​ สีเทาโมเดิร์น​สตีล ราคารถ ...
• EP.111อธิบายการใช้งานทุกจุด​ Jazz​ s-cvt​