รีวิว Honda Jazz 2018 V+: รถยนต์ City Car 5 ประตูยอดนิยม น่าใช้ไหม? ข้อดีข้อเสีย


Honda Jazz 2018 V+ รถยนต์ 5 ประตูขวัญใจมหาชน! ยังน่าใช้อยู่ไหมในปีนี้? มาเจาะลึกข้อดีข้อเสียกัน!
1. ภาพรวมผลิตภัณฑ์: มารู้จัก Honda Jazz 2018 V+ กันก่อน
ถ้าพูดถึงรถยนต์ City Car 5 ประตูที่ฮิตตลอดกาลในไทย ชื่อของ Honda Jazz ต้องติดโผแน่นอน และรุ่นปี 2018 ที่เป็นช่วงปรับโฉม (Facelift) ของเจเนอเรชัน GK ก็ยังเป็นที่นิยมในตลาดรถมือสองอยู่ไม่น้อย โดยเฉพาะรุ่น V+ ที่ถือเป็นรุ่นกลางๆ ค่อนไปทางท็อป ฟังก์ชันครบครัน ในราคาที่เอื้อมถึงได้ง่ายขึ้นกว่าตอนป้ายแดงเยอะเลย
แบรนด์: Honda
รุ่น: Jazz (GK) 1.5 V+ i-VTEC
ปีที่วางขาย (รุ่นปรับโฉม): เริ่มปลายปี 2017 ต่อเนื่องมาปี 2018
ช่วงราคาตลาดมือสอง: แล้วแต่สภาพและเลขไมล์เลย แต่เห็นเริ่มต้นประมาณ 3 แสนปลายๆ ไปจนถึง 4 แสนกลางๆ
ตำแหน่งในตลาด: เป็น City Car Hatchback 5 ประตู ที่เน้นความอเนกประสงค์ ห้องโดยสารกว้างขวาง เหมาะกับการขับในเมืองเป็นหลัก แต่ก็ออกต่างจังหวัดได้สบายๆ เหมาะกับวัยรุ่น วัยทำงาน หรือครอบครัวเล็กๆ ที่ต้องการรถคู่ใจไปไหนไปกัน
จุดเด่นหลักๆ ที่ทำให้คนยังมองหา:
- เบาะนั่งปรับพับได้สารพัดประโยชน์ (Ultra Seats / Magic Seats) อันนี้คือไม้ตายของ Jazz เลย ขนของได้เยอะมากจริงๆ
- เครื่องยนต์ 1.5 ลิตร i-VTEC กำลังดี ขับในเมืองคล่องตัว นอกเมืองก็ไม่อืดอาดเกินไป
- ประหยัดน้ำมันใช้ได้ ยิ่งถ้าขับแบบสบายๆ
- ขนาดกระทัดรัด ขับง่าย จอดง่าย เหมาะกับสภาพจราจรในเมืองไทยสุดๆ
- ศูนย์บริการเยอะ อะไหล่หาง่าย สบายใจเรื่องการดูแลรักษา
2. ดีไซน์ & รูปลักษณ์ภายนอก: หน้าตาวัยรุ่น ไม่ตกยุค
สำหรับ Honda Jazz Minorchange ปี 2018 นี้ หน้าตาเขาจะมีความคมเข้มขึ้นกว่าตัวก่อนปรับโฉมเล็กน้อย ดูทันสมัย ไม่แก่เลย ถึงจะเป็นรถหลายปีแล้วก็ตาม
การออกแบบ: ทรง hatchback ท้ายตัด อันเป็นเอกลักษณ์ เน้นเพิ่มพื้นที่ใช้สอยด้านหลัง กระจังหน้าดีไซน์ใหม่ตามสไตล์ Honda ในยุคนั้น ไฟหน้าโปรเจคเตอร์พร้อมไฟ DRL (Daytime Running Lights) แบบ LED ในรุ่น V+ ขึ้นไป
วัสดุที่ใช้: ตัวถังแข็งแรงตามมาตรฐานรถยนต์ Honda วัสดุภายนอกต่างๆ ดูดีสมกับเป็นรถ City Car ยอดนิยม
ขนาดและน้ำหนัก: เป็นรถที่ขนาดกำลังดี ไม่ใหญ่เทอะทะ ยาวประมาณ 4 เมตร กว้างเกือบ 1.7 เมตร และสูงประมาณ 1.5 เมตร น้ำหนักตัวกำลังดี ทำให้ขับขี่คล่องแคล่ว
สีที่มีให้เลือก: มีหลายสีสันให้เลือกตามความชอบ ส่วนใหญ่ที่เห็นในตลาดมือสองก็จะมี สีขาว สีเทา สีเงิน สีดำ
อุปกรณ์เสริมในกล่อง (ตอนเป็นรถใหม่): ก็จะมีพวกคู่มือการใช้งาน, สมุดรับประกัน, แม่แรง, ยางอะไหล่แบบชั่วคราว แต่ถ้าซื้อรถมือสองก็ต้องตรวจเช็คว่ามีมาครบไหมนะ
3. ประสบการณ์ในการใช้งานฟังก์ชันหลัก: ขับสนุก คล่องตัว
หัวใจหลักของ Honda Jazz 2018 V+ คือเครื่องยนต์เบนซิน 1.5 ลิตร i-VTEC ให้กำลังสูงสุด 117 แรงม้า ที่ 6,000 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 146 นิวตัน-เมตร ที่ 4,700 รอบ/นาที ทำงานร่วมกับเกียร์อัตโนมัติ CVT ที่ฮอนด้าปรับปรุงมาให้ตอบสนองได้ดีขึ้น และมี Paddle Shift ที่พวงมาลัยให้มาด้วยในรุ่น V+ ด้วยนะ
อัตราเร่ง: สำหรับการขับขี่ในเมือง บอกเลยว่าเหลือเฟือ ออกตัวดี เร่งแซงตามสไตล์รถ City Car คือมาได้เรื่อยๆ แต่ถ้าต้องเร่งแซงแบบกระทันหันบนถนนใหญ่ อาจจะต้องกดคันเร่งลึกหน่อย หรือใช้ Paddle Shift ช่วย
อัตราการประหยัดน้ำมัน: เป็นจุดเด่นของ Jazz มาตั้งแต่ไหนแต่ไร ตัว 2018 V+ ขับในเมืองก็อยู่ราวๆ 13-14 กม./ลิตร นอกเมืองถ้าขับไม่เร็วมาก เห็นมีคนทำได้ถึง 17-18 กม./ลิตร เลยก็มีนะ ถือว่าประหยัดใช้ได้เลย
ระบบต่างๆ: มีระบบช่วยเหลือการขับขี่พื้นฐาน เช่น ระบบป้องกันล้อล็อก (ABS), ระบบกระจายแรงเบรก (EBD), ระบบควบคุมการทรงตัวขณะเข้าโค้ง (VSA), ระบบช่วยออกตัวบนทางลาดชัน (HSA) ให้มาครบ ทำให้ขับขี่มั่นใจขึ้น
4. ประสบการณ์การใช้งาน & ความง่ายในการใช้: ใช้งานง่าย ไม่ต้องเรียนเยอะ
Honda Jazz เป็นรถที่ออกแบบมาให้ขับง่าย ไม่ซับซ้อน มือใหม่ที่เพิ่งออกรถคันแรกก็ขับสบายๆ เลย
ใช้ง่ายมั้ย: ง่ายมาก! คันเร่ง เบรก พวงมาลัยน้ำหนักกำลังดี ควบคุมง่าย ขนาดเล็กขับซอกแซกในเมืองสะดวก ทัศนวิสัยรอบคันดี มองเห็นได้ชัดเจน
ระบบซอฟต์แวร์: ในรุ่น V+ จะได้จอสัมผัสขนาด 6.8 นิ้ว หรือ 7 นิ้ว (แล้วแต่ข้อมูลแต่ละแหล่ง) ซึ่งรองรับการเชื่อมต่อ Bluetooth มีกล้องมองหลังให้ด้วย แต่ตัว 2018 อาจจะยังไม่มี Apple CarPlay หรือ Android Auto ในทุกรุ่นย่อยนะ ต้องเช็คดีๆ การใช้งานจอสัมผัสอาจจะมีหน่วงๆ บ้างตามอายุและเทคโนโลยีในยุคนั้นๆ
เสียงดังมั้ย ร้อนเร็วมั้ย: เสียงรบกวนจากภายนอกและเสียงลมอาจจะมีเข้ามาบ้างเมื่อใช้ความเร็วสูง ระบบปรับอากาศอัตโนมัติแบบสัมผัสใช้งานง่าย แต่บางคนอาจจะรู้สึกว่าแอร์ไม่ฉ่ำเท่าที่ควรเมื่อเจออากาศร้อนจัดๆ ในไทย
รองรับภาษาไทยมั้ย: ระบบต่างๆ ในรถ Honda ส่วนใหญ่รองรับภาษาไทยอยู่แล้ว ทำให้ใช้งานได้ง่าย
5. แบตเตอรี่ / พลังงาน / ความคุ้มค่าในระยะยาว: ประหยัด คุ้มค่า
สำหรับรถยนต์ สิ่งที่ต้องพิจารณาคือเรื่องความประหยัดน้ำมันและค่าบำรุงรักษา
ระยะเวลาการใช้งานต่อน้ำมัน 1 ถัง: ถังน้ำมันจุ 40 ลิตร ถ้าเติมเต็มถัง ขับในเมืองได้ราวๆ 400-500 กม. นอกเมืองสบายๆ 500 กม. ขึ้นไป
ค่าใช้จ่ายระยะยาว: การบำรุงรักษาตามระยะทางของ Honda ถือว่าไม่แพงมากนักเมื่อเทียบกับแบรนด์อื่น อะไหล่ต่างๆ หาง่าย ราคาไม่แรง มีระยะเวลาเช็คระยะที่ 10,000 กม. หรือ 6 เดือน
วิเคราะห์ความคุ้มค่า: เมื่อพิจารณาจากราคาในตลาดมือสองที่ค่อนข้างดี (ราคาไม่ตกฮวบเหมือนบางรุ่น) ประกอบกับการประหยัดน้ำมัน และค่าบำรุงรักษาที่ไม่แพง ทำให้ Honda Jazz 2018 V+ เป็นตัวเลือกที่ค่อนข้างคุ้มค่าในระยะยาว เหมาะสำหรับคนที่มองหารถที่ใช้งานได้ยาวๆ ไม่จุกจิก
6. สรุปข้อดี-ข้อเสีย: มีทั้งที่ถูกใจและอาจจะต้องทำใจ
ข้อดีที่คนไทยน่าจะเลิฟ:
- พื้นที่ภายในกว้างขวางและปรับเปลี่ยนได้สุดยอด ขนของใหญ่ๆ ได้สบายๆ พับเบาะเอนนอนเล่นได้อีก
- ประหยัดน้ำมันใช้ได้ ยิ่งขับในเมืองนี่เห็นผลชัด
- ขับง่าย ควบคุมง่าย คล่องตัวในเมือง มือใหม่ขับได้สบายๆ
- ความทนทานและชื่อเสียงเรื่องไม่จุกจิก เป็นที่รู้กันว่า Honda ค่อนข้างทนทาน
- ราคาขายต่อดี ซื้อมาใช้แล้วอยากเปลี่ยนก็ไม่เจ็บตัวมาก
ข้อเสียที่อาจทำให้ลังเล:
- ช่วงล่างอาจจะมีความกระด้างบ้าง เมื่อขับผ่านถนนไม่เรียบ หรือใช้ความเร็วสูง
- อัตราเร่งแซงบนถนนใหญ่ อาจจะต้องเค้นหน่อย ตามสไตล์เครื่อง 1.5 ลิตร กับเกียร์ CVT
- วัสดุภายในบางจุดอาจจะดูธรรมดาไปนิด ไม่ได้หรูหรามากเมื่อเทียบกับคู่แข่งบางรุ่น
- ระบบ Infotainment อาจจะไม่ได้ทันสมัยเท่ารถรุ่นใหม่ๆ และอาจไม่มี Apple CarPlay/Android Auto ในบางคัน
- เสียงลมและเสียงยางอาจจะดังเข้ามาในห้องโดยสาร เมื่อใช้ความเร็วสูง
7. เหมาะกับใคร & คำแนะนำในการซื้อ: ใครบ้างที่ใช่?
เหมาะกับผู้ใช้แบบไหน:
- นักศึกษา/วัยเริ่มต้นทำงาน: ที่ต้องการรถคันแรก ขับง่าย ประหยัดน้ำมัน ไม่จุกจิก
- คนที่ใช้รถในเมืองเป็นหลัก: ขับไปทำงาน จ่ายตลาด แวะคาเฟ่ คล่องตัวสุดๆ
- ครอบครัวเล็กๆ: มีลูกเล็ก 1-2 คน หรือต้องขนของเยอะๆ ไปต่างจังหวัดบ่อยๆ เบาะ Magic Seats ตอบโจทย์มาก
- คนที่ต้องการรถที่ทนทาน ขายต่อได้ราคา: ไม่ต้องกังวลเรื่องค่าซ่อมหนักๆ หรือราคาตกฮวบ
เหมาะกับการใช้งานแบบไหน:
- เดินทางในชีวิตประจำวันในเมือง
- ขนของ หรือเดินทางท่องเที่ยวแบบ Road Trip เบาๆ
ควรซื้อเลยไหม? หรือรอช่วงโปรโมชั่นดีกว่า? ตอนนี้ Honda Jazz ไม่มีการผลิตใหม่แล้ว การซื้อคือซื้อรถมือสอง ซึ่งราคาค่อนข้างคงที่ แต่ถ้าเจอเต็นท์รถ หรือเจ้าของรถที่อยากปล่อยไวๆ อาจจะมีส่วนลดเล็กๆ น้อยๆ ได้ แต่ไม่ได้มีโปรโมชั่นแบบรถใหม่ การตัดสินใจซื้อขึ้นอยู่กับความจำเป็นและงบประมาณของคุณเป็นหลัก
8. เปรียบเทียบกับสินค้าคล้ายๆ กัน: คู่แข่งมีใครบ้าง?
ในตลาด City Car Hatchback 5 ประตู คู่แข่งตัวฉกาจของ Honda Jazz 2018 ก็มีหลายรุ่น เช่น Toyota Yaris, Mazda 2 Hatchback, Nissan Note, Suzuki Swift
- เทียบกับ Toyota Yaris: Yaris อาจจะดูทนทานไม่แพ้กัน และศูนย์บริการเยอะ แต่พื้นที่ภายในและเบาะนั่งยังไง Jazz ก็กว้างกว่าและปรับได้ยืดหยุ่นกว่า
- เทียบกับ Mazda 2 Hatchback: Mazda 2 ได้เรื่องดีไซน์ที่สวยงาม ขับสนุกกว่า ช่วงล่างแน่นกว่า แต่พื้นที่ภายในจะแคบกว่า Jazz อย่างชัดเจน และเบาะหลังพับได้ไม่เรียบเท่า
- เทียบกับ Nissan Note: Note ได้เรื่องความประหยัดน้ำมันที่ดีมากๆ และประตูเปิดได้กว้างขึ้นลงสะดวก แต่ดีไซน์อาจจะไม่ถูกใจวัยรุ่นเท่า Jazz
ถ้าคุณให้ความสำคัญกับ พื้นที่ใช้สอยภายใน ความยืดหยุ่นของเบาะนั่ง และความอเนกประสงค์ในการขนของ Honda Jazz กินขาดคู่แข่งใน Segment เดียวกันแน่นอน
9. บริการหลังการขายและช่องทางการซื้อ: ซื้อที่ไหน ดูแลยังไง?
ปัจจุบัน Honda Jazz 2018 V+ ต้องซื้อจากตลาดรถมือสองเป็นหลัก
การรับประกัน: ถ้าซื้อจากเต็นท์รถ หรือดีลเลอร์รถมือสองที่มีมาตรฐาน อาจมีรับประกันเครื่องยนต์ เกียร์ให้ระยะสั้นๆ หรือมีบริการช่วยเหลือฉุกเฉิน แต่จะไม่เหมือนการรับประกันรถใหม่จากศูนย์โดยตรง
เครือข่ายการให้บริการ: ศูนย์บริการ Honda มีอยู่ทั่วประเทศ การดูแลรักษาตามระยะ หรือซ่อมแซมทั่วไปทำได้ไม่ยาก อะไหล่มีรองรับ ไม่ต้องกังวล
ช่องทางการซื้อ: หลักๆ คือ เต็นท์รถมือสองทั่วไป, แพลตฟอร์มออนไลน์สำหรับขายรถมือสอง เช่น One2car, Zigwheels, Carsome หรือซื้อจากเจ้าของโดยตรง
คำแนะนำ: การซื้อรถมือสองสำคัญมากคือการตรวจสอบสภาพรถอย่างละเอียด ถ้าไม่มั่นใจควรพาผู้เชี่ยวชาญไปช่วยดู หรือเลือกซื้อจากแหล่งที่น่าเชื่อถือ มีการรับประกันสภาพรถให้ เช่น Carsome ที่มีการตรวจสภาพรถอย่างละเอียด
ตัวเลือกผ่อนชำระ: ซื้อรถมือสองก็สามารถจัดไฟแนนซ์ได้ ดอกเบี้ยและเงื่อนไขขึ้นอยู่กับสถาบันการเงินและประวัติของผู้ซื้อ
10. บทสรุปและคำแนะนำในการซื้อ: Jazz 2018 V+ ยังน่าโดนไหม?
สรุปแล้ว Honda Jazz 2018 V+ ยังคงเป็นรถ City Car Hatchback 5 ประตูที่น่าสนใจมากๆ ในตลาดรถมือสอง ด้วยจุดเด่นเรื่อง พื้นที่ภายในที่กว้างขวาง ปรับพับเบาะได้หลากหลาย ประหยัดน้ำมัน และความทนทานตามสไตล์ Honda
ถ้าคุณกำลังมองหารถยนต์คู่ใจสำหรับขับในเมืองเป็นหลัก ต้องการพื้นที่เยอะๆ ขนของได้สารพัด และอยากได้รถที่ดูแลรักษาง่าย ไม่จุกจิก ในงบประมาณ 3-4 แสนบาท Honda Jazz 2018 V+ เป็นตัวเลือกที่ "น่าซื้อ" มากๆ
คำแนะนำเฉพาะ:
- สำหรับคนเน้นความอเนกประสงค์และขนของ: จัดเลย ไม่ผิดหวังกับเบาะ Magic Seats แน่นอน
- สำหรับคนเน้นขับสบายในเมืองและประหยัดน้ำมัน: เป็นตัวเลือกที่ดีมาก คล่องตัว หาที่จอดง่าย
- สำหรับคนชอบความแรง ขับสนุก ช่วงล่างแน่นๆ: Jazz อาจจะยังไม่ใช่ที่สุดในด้านนี้ อาจจะต้องมองรุ่นอื่น หรือแบรนด์อื่น
สิ่งที่ต้องพิจารณาในการซื้อรถมือสองรุ่นนี้คือ สภาพของรถแต่ละคัน ซึ่งอาจจะไม่สมบูรณ์ 100% เท่ารถใหม่ และระบบ Infotainment อาจจะไม่ได้ล้ำสมัยเท่ารถรุ่นปัจจุบัน แต่โดยรวมแล้ว Honda Jazz 2018 V+ ยังคงเป็นรถที่ตอบโจทย์การใช้งานในชีวิตประจำวันของคนไทยได้อย่างดีเยี่ยมครับ!
วิดีโอที่เกี่ยวข้อง
- รีวิว HONDA JAZZ 1.5 V+ ปี 2018 (ฮอนด้า แจ๊ส) เก๋งมือสอง ...
- [ONE2AUTO] รีวิวHonda Jazz 1.5 V+ ปี 2018 I EP. 458
- HONDA JAZZ GK 1.5 V 2018 รถยนต์วัยใส ที่วัยไหนๆก็ใช้ดี
- Honda City 1.5V สุดคุ้มตอนป้ายแดง แล้วมือสองล่ะเป็นไง ยังน่าใช้ ...
- รีวิว 2018 HONDA JAZZ GK 1.5 V+ รองTop รถบ้านมือเดียว รถเก๋ง ...
แนะนำสำหรับคุณ
กางเกงยีนส์ Diesel ราคาล่าสุด รุ่นยอดนิยม มีแบบไหนน่าสนใจบ้าง
Personal Lift หรือ ลิฟต์บ้าน ราคาเท่าไหร่? ติดตั้งแบบไหนดี
Habitat ลดราคา จัดโปรโมชั่นอะไรบ้าง? สินค้าแต่งบ้านน่าสอย
ราคา คอมพิวเตอร์ตั้งโต๊ะ HP 280 G2 MT ล่าสุด! สเปกคุ้มค่า ทำงาน/เล่นเกมส์ได้ไหม?
External DVD Drive ราคาเท่าไหร่? เลือกแบบไหนดี? พกพาง่าย ใช้สะดวก
ราคา Porsche 911 ล่าสุด! รถสปอร์ตในฝัน รุ่นไหนน่าจับตามองที่สุด?