Personal Lift หรือ ลิฟต์บ้าน ราคาเท่าไหร่? ติดตั้งแบบไหนดี

สวัสดีจ้าทุกคนนน! วันนี้เราจะมาคุยกันเรื่องที่อาจจะฟังดูไกลตัว แต่เชื่อเถอะว่าใกล้ตัวกว่าที่คิดนะ นั่นก็คือเรื่องของ Personal Lift หรือ ลิฟต์บ้าน นั่นเองจ้า! สมัยก่อนฟังดูหรูหราอลังการงานสร้างเหมือนมีในโรงแรมหรือห้างเท่านั้น แต่เดี๋ยวนี้ลิฟต์บ้านเริ่มเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของบ้านยุคใหม่มากขึ้นเรื่อยๆ แล้วนะ โดยเฉพาะบ้านที่มีผู้สูงอายุ หรือคนที่เราห่วงใยเรื่องการเดินขึ้นลงบันได ใครกำลังเล็งๆ อยากติดลิฟต์ให้บ้านอยู่ ตามมาดูกันเลยว่าไอเทมนี้คืออะไร ราคาเท่าไหร่ แล้วจะติดแบบไหนดีถึงจะปัง!

1. ลิฟต์บ้านคืออะไร? ใครควรมีไว้ในครอบครอง?

เอาล่ะ มาทำความรู้จักกันก่อนว่าเจ้า Personal Lift หรือ ลิฟต์บ้าน เนี่ย มันคืออะไรกันแน่? อธิบายง่ายๆ มันก็คือลิฟต์ขนาดเล็กที่ออกแบบมาติดตั้งในบ้านพักอาศัยนี่แหละจ้า ไม่ได้ใหญ่โตเหมือนลิฟต์ตามห้างสรรพสินค้า แต่ทำหน้าที่ช่วยให้เราเคลื่อนที่ขึ้นลงระหว่างชั้นต่างๆ ของบ้านได้อย่างสะดวกสบายและปลอดภัย โดยเฉพาะบ้านที่มีหลายชั้น

แล้วใครล่ะที่เหมาะจะมีลิฟต์บ้านไว้ในครอบครอง?

• ผู้สูงอายุ: อันนี้คือเหตุผลอันดับต้นๆ เลย เพราะวัยที่เพิ่มขึ้น การเดินขึ้นลงบันไดก็เสี่ยงต่ออุบัติเหตุ ลิฟต์บ้านจะช่วยให้ท่านใช้ชีวิตในบ้านได้ง่ายและปลอดภัยขึ้นเยอะ
• ผู้ที่มีปัญหาด้านการเคลื่อนไหว หรือใช้วีลแชร์: ลิฟต์บ้านช่วยให้การใช้ชีวิตประจำวันสะดวกสบาย ไม่ต้องกังวลเรื่องการเข้าถึงพื้นที่ต่างๆ ในบ้าน
• บ้านที่มีเด็กเล็ก หรือสตรีมีครรภ์: ถึงจะไม่เท่าผู้สูงอายุ แต่การมีลิฟต์ก็ช่วยลดความเหนื่อยและเพิ่มความปลอดภัยได้เหมือนกันนะ
• คนที่อยากเพิ่มความสะดวกสบายและมูลค่าให้บ้าน: ลิฟต์บ้านไม่ใช่แค่ฟังก์ชัน แต่ยังเป็นเหมือนเฟอร์นิเจอร์ชิ้นใหญ่ที่ช่วยเสริมความหรูหราและทันสมัยให้บ้าน แถมยังเพิ่มมูลค่าบ้านได้ในระยะยาวด้วยนะ

พูดง่ายๆ คือ ถ้าบ้านเรามีหลายชั้น แล้วมีสมาชิกในครอบครัวที่ต้องการความช่วยเหลือในการเคลื่อนที่ หรือเราแค่อยากให้บ้านสบายขึ้น ลิฟต์บ้านนี่แหละตอบโจทย์จ้า!

ส่วนเรื่องแบรนด์ลิฟต์บ้านเนี่ย ส่วนใหญ่ในตลาดไทยจะเป็นแบรนด์จากต่างประเทศที่เข้ามาทำตลาดผ่านตัวแทนจำหน่ายนะ อย่างแบรนด์ดังๆ ก็เช่น Cibes Lift จากสวีเดน ที่มีประสบการณ์ยาวนานกว่า 75 ปี และค่อนข้างได้รับความนิยมในไทย หรือ Aritco ซึ่งก็มาจากสวีเดนเหมือนกัน เริ่มมาตั้งแต่ปี 1995 โน่นเลย แบรนด์ต่างประเทศเหล่านี้มักจะเน้นเรื่องดีไซน์ คุณภาพตามมาตรฐานยุโรป และเทคโนโลยีที่ช่วยให้ลิฟต์ทำงานได้เงียบและประหยัดพื้นที่

2. ราคาในตลาดไทยเป็นยังไงบ้าง? แพงมั้ยเนี่ย?

มาถึงเรื่องที่ทุกคนอยากรู้ใจจะขาด! ราคาของลิฟต์บ้านในไทย เนี่ย ต้องบอกเลยว่ามีหลากหลายช่วงมากๆ จ้า ไม่ได้มีราคาเดียวฟันธงเหมือนซื้อพัดลมนะ เพราะมันขึ้นอยู่กับหลายปัจจัยสุดๆ แต่ถ้าให้แบ่งคร่าวๆ ตามที่แหล่งข้อมูลเค้าบอกมา ก็พอจะแบ่งได้เป็น 3 กลุ่มใหญ่ๆ ดังนี้จ้า:

• กลุ่มเริ่มต้น (Budget-friendly): ราคาก็จะประมาณ 200,000 - 600,000 บาท (฿) กลุ่มนี้อาจจะเป็นลิฟต์ขนาดเล็ก ฟังก์ชันไม่ซับซ้อนมาก จำนวนชั้นไม่สูง
• กลุ่มราคากลางๆ (Mid-range): ขยับขึ้นมาหน่อย อยู่ที่ประมาณ 600,000 - 1,200,000 บาท (฿) กลุ่มนี้ก็จะมีตัวเลือกมากขึ้น ดีไซน์ดีขึ้น หรืออาจจะรองรับจำนวนชั้นได้มากกว่า
• กลุ่มพรีเมี่ยม (High-End/Luxury): อันนี้คือจัดเต็ม ฟังก์ชันเยอะ ดีไซน์หรูหรา วัสดุพรีเมี่ยมนำเข้า ราคาก็จะสตาร์ทที่ 1,300,000 บาท (฿) ขึ้นไป บางทีอาจจะมีฟีเจอร์ Smart Lift หรือปรับแต่งดีไซน์ได้ตามใจเราเลย

นอกจากช่วงราคาคร่าวๆ นี้แล้ว ปัจจัยที่ทำให้ราคาลิฟต์บ้านแตกต่างกันก็มีอีกเพียบ เช่น ระบบขับเคลื่อนของลิฟต์ (แบบสกรู ไฮดรอลิก หรืออื่นๆ), จำนวนชั้นที่จะติดตั้ง, ขนาดของห้องโดยสารลิฟต์, น้ำหนักที่ลิฟต์รองรับได้, ระบบความปลอดภัยต่างๆ, ความจำเป็นต้องทำปล่องลิฟต์หรือห้องเครื่องเพิ่มมั้ย, เทคโนโลยีและดีไซน์ รวมถึงชื่อเสียงและการบริการของบริษัทที่ติดตั้งด้วย

จะเห็นว่าราคาเริ่มต้นมีตั้งแต่หลักแสนกลางๆ ไปจนถึงล้านกว่าบาทเลยนะ ที่สำคัญคือ ราคาเหล่านี้ส่วนใหญ่มักจะรวมค่าติดตั้งแล้ว นะ แต่ก็ควรสอบถามให้แน่ใจก่อนจ้า

ทีนี้มาดูช่องทางการซื้อขายบ้าง ถ้าเป็นลิฟต์บ้านเนี่ย ไม่ได้เดินไปซื้อที่ Lazada, Shopee, Central, Big C, หรือ Power Buy เหมือนพวกเครื่องใช้ไฟฟ้าทั่วไปนะจ๊ะ ส่วนใหญ่เราจะต้องติดต่อโดยตรงกับ บริษัทตัวแทนจำหน่าย หรือแบรนด์ลิฟต์บ้านโดยตรง เพื่อให้เค้าเข้ามาประเมินพื้นที่และให้ใบเสนอราคา แต่ละบริษัทก็มีรุ่น มีราคา มีโปรโมชั่นแตกต่างกันไป ยังไงก็ต้องคุยกับผู้เชี่ยวชาญโดยตรงเท่านั้นนะจ๊ะ

3. ถ้าเทียบกับแบบอื่น หรือแบรนด์อื่นล่ะ คุ้มมั้ย?

ถ้าให้เทียบราคากับ ความสะดวกสบายและคุณภาพชีวิตที่ได้ เนี่ย หลายคนมองว่าคุ้มค่านะ การลงทุนครั้งเดียวช่วยให้สมาชิกในครอบครัวที่ต้องการความช่วยเหลือใช้ชีวิตในบ้านได้อย่างมีความสุขและปลอดภัยขึ้นเยอะ

ส่วนการเทียบกับแบรนด์อื่น หรือลิฟต์ประเภทอื่นเนี่ย ก็ต้องดูที่ ความต้องการและงบประมาณของเราเป็นหลัก เลยจ้า ลิฟต์ระบบสกรูมักจะเหมาะกับบ้านที่สร้างเสร็จแล้ว ไม่ต้องขุดบ่อ ไม่ต้องมีห้องเครื่องใหญ่ ประหยัดพื้นที่ แต่ราคาก็อาจจะสูงกว่าระบบไฮดรอลิกนิดหน่อย ลิฟต์ไฮดรอลิกอาจจะมีราคาเริ่มต้นที่ไม่สูงเท่า แต่บางทีก็ต้องมีพื้นที่สำหรับปั๊มไฮดรอลิก หรืออาจจะมีเสียงดังกว่าระบบสกรูบ้าง

แบรนด์ยุโรปชื่อดังอย่าง Cibes หรือ Aritco ก็อาจจะมีราคาสูงกว่าแบรนด์อื่นๆ หรือแบรนด์ไทยอย่าง Ximplex ที่ราคาเริ่มต้นน่ารักๆ อยู่ที่สองแสนกว่าบาท แต่แบรนด์ยุโรปก็มักจะมาพร้อมกับดีไซน์ที่สวยงาม ตัวเลือกที่หลากหลายกว่า วัสดุคุณภาพสูง และมาตรฐานความปลอดภัยระดับสากล รวมถึงบริการหลังการขายที่น่าเชื่อถือกว่าด้วย ซึ่งตรงนี้แหละที่เราต้องชั่งน้ำหนักดูว่าเราให้ความสำคัญกับเรื่องไหนมากกว่ากัน ระหว่างราคาเริ่มต้นที่เข้าถึงง่าย กับคุณภาพ ดีไซน์ และบริการที่พรีเมี่ยมกว่าจ้า

4. ซื้อแล้วได้อะไรมาบ้าง? เรื่องประกันสำคัญแค่ไหน?

การซื้อลิฟต์บ้านเนี่ย ไม่ใช่แค่ได้ตัวเครื่องลิฟต์มานะ แต่เรามักจะได้แพ็กเกจที่รวมบริการอื่นๆ มาด้วย ซึ่งสิ่งที่มักจะรวมมาก็คือ:

• ค่าสำรวจพื้นที่และให้คำปรึกษา: ส่วนใหญ่มักจะฟรีนะ เพื่อให้ผู้เชี่ยวชาญเข้ามาดูว่าบ้านเราเหมาะกับลิฟต์แบบไหน ติดตั้งตรงไหนได้บ้าง
• ค่าขนส่งและติดตั้ง: อันนี้สำคัญมาก! ราคาที่แจ้งมักจะรวมค่าขนส่งและค่าติดตั้งโดยช่างผู้เชี่ยวชาญมาให้แล้ว แต่ก็ต้องย้ำถามเพื่อความชัวร์นะจ๊ะ
• ตัวเครื่องลิฟต์และอุปกรณ์ที่เกี่ยวข้อง: แน่นอนว่าต้องได้ตัวลิฟต์มาครบชุด ทั้งห้องโดยสาร ราง ระบบขับเคลื่อน ประตู ปุ่มควบคุม และระบบความปลอดภัยต่างๆ
• การรับประกันสินค้าและการติดตั้ง: อันนี้คนไทยอย่างเราให้ความสำคัญมากๆ เลย! ลิฟต์บ้านเป็นการลงทุนระยะยาว การมีประกันที่ดีช่วยให้อุ่นใจได้เยอะ ควรสอบถามเรื่อง ระยะเวลารับประกัน ให้ชัดเจน ว่าครอบคลุมอะไรบ้าง มีบริการฉุกเฉินมั้ย (อย่างบางบริษัทมีบริการ 24 ชั่วโมงด้วยนะ) และเงื่อนไขการเคลมต่างๆ
• สัญญาบริการบำรุงรักษา (Maintenance Contract): อันนี้สำคัญไม่แพ้ประกันเลยจ้า! ลิฟต์บ้านต้องมีการดูแลรักษาเป็นประจำเพื่อความปลอดภัยและการใช้งานที่ราบรื่น โดยทั่วไปจะมีสัญญาบำรุงรักษารายปี ซึ่งมีค่าใช้จ่ายตั้งแต่หลักหมื่นต้นๆ ไปจนถึงแสนกว่าบาทต่อปี ขึ้นอยู่กับแบรนด์ รุ่น และบริการที่ครอบคลุม บางทีตอนซื้ออาจจะมีโปรโมชั่นฟรีค่าบำรุงรักษาให้ช่วงปีแรกๆ ก็เป็นได้ ต้องลองสอบถามดูนะ
• การอบรมการใช้งาน: ช่างที่ติดตั้งจะสอนวิธีการใช้งานลิฟต์อย่างถูกต้องให้กับสมาชิกในบ้านด้วย

ส่วนของแถมอื่นๆ หรือคูปองส่วนลด อาจจะมีบ้างแต่ไม่ได้เป็นแบบจัดเต็มเหมือนสินค้าทั่วไปจ้า โปรโมชั่นมักจะมาในรูปแบบของส่วนลดราคาลิฟต์ หรือ bundled service มากกว่า

5. มีโปรโมชั่นช่วงไหนน่าสอยเป็นพิเศษมั้ยนะ?

ถึงแม้ลิฟต์บ้านจะไม่ใช่สินค้าที่ลดราคาแบบกระหน่ำในอีคอมเมิร์ซเหมือนพวกข้าวของเครื่องใช้จุกจิก แต่บริษัทตัวแทนจำหน่ายหรือแบรนด์ลิฟต์เองก็อาจจะมีโปรโมชั่นออกมาเรื่อยๆ เหมือนกันนะจ๊ะ

ช่วงเทศกาลสำคัญๆ ของไทย หรือช่วงปลายปีที่เป็นช่วงที่คนมักจะปรับปรุงบ้าน ก็อาจจะเป็นช่วงที่น่าจับตาดูนะ ลองสอบถามกับบริษัทลิฟต์โดยตรงว่ามีโปรโมชั่นในช่วง ปีใหม่ไทย (สงกรานต์) หรือช่วง Double Digit Sale ปลายปีอย่าง 11.11 หรือ 12.12 บ้างมั้ย ถึงแม้จะไม่ได้ลดราคาแบบตรงๆ เหมือนสินค้าแฟชั่น แต่อาจจะได้ในรูปแบบของส่วนลดพิเศษ, ฟรีค่าติดตั้ง, ฟรีค่าบำรุงรักษาในช่วงปีแรกๆ, หรือออปชันเสริมฟรีอะไรทำนองนี้ก็ได้

แนะนำว่าถ้ายังไม่รีบใช้งานมากๆ ลอง หมั่นติดตามข่าวสารจากเว็บไซต์ หรือเพจโซเชียลมีเดียของบริษัทลิฟต์ที่สนใจ หรือจะ Walk-in เข้าไปสอบถามที่ Showroom ของเค้าเลยก็ได้นะ บางทีโปรโมชั่นดีๆ อาจจะไม่ได้ประกาศใหญ่โต แต่มีให้สำหรับคนที่สอบถามโดยตรงก็ได้จ้า การซื้อในช่วงที่มีโปรโมชั่นก็น่าจะช่วยประหยัดงบไปได้พอสมควรนะ

6. คนไทยใช้แล้วรู้สึกยังไงกันบ้าง? (แอบส่องรีวิวฉบับมโน)

ถ้าลองจินตนาการถึงรีวิวจากผู้ใช้งานจริงในไทยเกี่ยวกับลิฟต์บ้าน (เพราะสินค้ามันแพงและเฉพาะทาง เลยไม่ค่อยมีรีวิวใน Shopee/Lazada แบบสินค้าทั่วไปนะ) จุดที่คนไทยน่าจะปลื้มมากๆ เลยก็คือเรื่องของ:

• ความปลอดภัย: อันนี้คือมาวิน! การมีลิฟต์ช่วยลดความเสี่ยงในการพลัดตกบันไดได้อย่างดีเยี่ยม โดยเฉพาะบ้านที่มีผู้สูงอายุ ฟีเจอร์ความปลอดภัยต่างๆ เช่น เซ็นเซอร์กันหนีบ ระบบเบรกฉุกเฉิน หรือแม้แต่การทำงานได้แม้ไฟดับ น่าจะถูกใจคนไทยที่ห่วงใยความปลอดภัยของคนในครอบครัวมากๆ
• สะดวกสบายขึ้นเยอะ: ไม่ต้องเหนื่อยเดินขึ้นลงบันไดแล้วจ้า จะขนของ จะพยุงผู้ใหญ่ ก็ทำได้ง่ายสบายขึ้นเยอะ
• ประหยัดพื้นที่ (สำหรับบางรุ่น): หลายคนอาจจะคิดว่าติดลิฟต์ต้องใช้พื้นที่เยอะ แต่ลิฟต์บ้านสมัยใหม่ โดยเฉพาะระบบสกรู ไม่ต้องขุดบ่อ ไม่ต้องมีห้องเครื่อง ก็ช่วยประหยัดพื้นที่ได้เยอะเลย เหมาะกับบ้านในเมืองที่พื้นที่ค่อนข้างจำกัด
• ใช้งานง่าย: ปุ่มกดไม่ซับซ้อน ผู้สูงอายุก็น่าจะใช้งานได้ไม่ยาก
• เงียบและนุ่มนวล: ลิฟต์บ้านดีๆ มักจะทำงานได้ค่อนข้างเงียบและเคลื่อนที่นุ่มนวล ไม่รบกวนคนในบ้าน อันนี้ก็น่าจะเป็นอีกจุดที่หลายคนชอบ
• ดีไซน์สวย เข้ากับบ้าน: ลิฟต์บ้านเดี๋ยวนี้มีดีไซน์ให้เลือกเยอะมาก ทั้งแบบมีปล่องกระจก หรือแบบที่บิวท์อินไปกับตัวบ้านได้เลย ไม่ได้ดูเป็นแค่เครื่องจักร แต่เป็นเหมือนเฟอร์นิเจอร์ชิ้นหนึ่งเลย
• คุ้มค่าในระยะยาว: แม้ราคาเริ่มต้นจะสูง แต่เมื่อเทียบกับความปลอดภัย ความสะดวก และการที่ผู้สูงอายุสามารถอยู่บ้านหลังเดิมได้อย่างมีความสุขโดยไม่ต้องย้ายไปอยู่ชั้นล่างอย่างเดียว คนส่วนใหญ่จะมองว่าเป็นการลงทุนที่คุ้มค่า

แต่ก็อาจจะมีฟีดแบ็กเรื่อง ค่าบำรุงรักษาต่อปี ที่อาจจะดูสูงบ้างนะ เพราะต้องจ่ายเป็นประจำ หรือเรื่องความจำเป็นในการเตรียมพื้นที่ หรือการปรับปรุงโครงสร้างบ้านเล็กน้อยในการติดตั้ง

7. อยากได้ลิฟต์บ้าน ต้องไปหาซื้อที่ไหนดี?

อย่างที่บอกไปว่าลิฟต์บ้านไม่ใช่สินค้าที่ขายเกลื่อนตามร้านทั่วไปนะ ช่องทางหลักๆ ที่เราจะไปหาซื้อและติดตั้งลิฟต์บ้านได้ก็คือ:

• บริษัทตัวแทนจำหน่าย หรือบริษัทที่เป็นสาขาของแบรนด์โดยตรง: นี่คือช่องทางหลักและน่าเชื่อถือที่สุดเลยจ้า แบรนด์ลิฟต์บ้านดังๆ จากต่างประเทศมักจะมีบริษัทที่เป็นตัวแทนในไทย เราสามารถติดต่อบริษัทเหล่านี้โดยตรงเพื่อขอคำปรึกษา ดูรุ่นสินค้า นัดหมายเข้าสำรวจพื้นที่ และขอใบเสนอราคาได้
• Showroom ลิฟต์บ้าน: บริษัทตัวแทนจำหน่ายส่วนใหญ่มักจะมี Showroom ให้เราเข้าไปดู ไปสัมผัสลิฟต์จริงก่อนตัดสินใจ แนะนำว่าถ้ามีเวลา ควรไปดูของจริงที่ Showroom เพื่อให้เห็นภาพและเข้าใจการทำงานมากขึ้นนะ
• ช่องทางออนไลน์ของบริษัทลิฟต์: บริษัทลิฟต์ส่วนใหญ่จะมีเว็บไซต์ของตัวเอง ให้ข้อมูลเกี่ยวกับรุ่นสินค้า ระบบการทำงาน และช่องทางการติดต่อ บางทีก็มีข้อมูลราคาเริ่มต้น หรือโปรโมชั่นอยู่ในเว็บไซต์ด้วยนะ

ส่วนแพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซใหญ่ๆ อย่าง Lazada หรือ Shopee อาจจะไม่ใช่แหล่งหลักในการซื้อลิฟต์บ้านแบบครบวงจรพร้อมติดตั้งนะ อาจจะมีขายเป็นอะไหล่ หรือลิฟต์ขนาดเล็กมากๆ สำหรับงานอุตสาหกรรมบางประเภท แต่ไม่ใช่ลิฟต์บ้านสำหรับคนทั่วไปจ้า

8. สรุปแล้วลิฟต์บ้านน่าซื้อไหม? เหมาะกับใคร?

ฟันธงเลยว่า ลิฟต์บ้านน่าซื้อมาก ถ้าอยู่ในกลุ่มคนที่ต้องการความสะดวกและความปลอดภัยในการใช้ชีวิตในบ้านหลายชั้น โดยเฉพาะบ้านที่มีผู้สูงอายุ หรือผู้ที่มีปัญหาด้านการเคลื่อนไหว มันคือการลงทุนเพื่อยกระดับคุณภาพชีวิตให้กับคนที่เรารัก และตัวเราเองในอนาคตด้วยนะ

ส่วนจะเลือกรุ่นไหนดี หรือราคาประมาณไหนถึงจะคุ้ม ก็ต้องกลับมาดูที่ งบประมาณและความต้องการจริงจัง ของเรานั่นแหละจ้า

• ถ้าเน้นที่ ฟังก์ชันการใช้งานพื้นฐาน ความปลอดภัย และงบประมาณจำกัด ลิฟต์บ้านกลุ่มเริ่มต้นหรือราคากลางๆ ก็เพียงพอแล้วนะ อาจจะเลือกระบบที่เหมาะกับพื้นที่บ้านเรามากที่สุด เช่น ระบบสกรูถ้าไม่อยากปรับปรุงโครงสร้างเยอะ
• ถ้า มีงบประมาณสูงขึ้นมาหน่อย และให้ความสำคัญกับดีไซน์ เทคโนโลยี ฟีเจอร์เสริม หรือต้องการรองรับการใช้งานที่หนักขึ้น ลิฟต์บ้านกลุ่มราคากลางๆ ไปจนถึงพรีเมี่ยมจากแบรนด์ดังๆ ก็น่าสนใจจ้า ได้ทั้งความสวยงาม ความทันสมัย และความน่าเชื่อถือเรื่องบริการหลังการขาย

ที่สำคัญคือ ไม่ว่าจะเลือกรุ่นไหน แบรนด์อะไร อย่าลืม สอบถามเรื่องการรับประกันและสัญญาบำรุงรักษา ให้ละเอียดถี่ถ้วนนะจ๊ะ เพราะนี่คือหัวใจหลักของการมีลิฟต์บ้านที่ใช้งานได้อย่างปลอดภัยและยาวนานเลย

หวังว่าบทความนี้จะช่วยให้ทุกคนที่กำลังเล็งๆ ลิฟต์บ้านอยู่ ได้ข้อมูลไปประกอบการตัดสินใจได้ง่ายขึ้นนะจ๊ะ ขอให้ได้ลิฟต์บ้านที่ตอบโจทย์ ทำให้บ้านของเราเป็นพื้นที่ที่สะดวกสบายและปลอดภัยสำหรับทุกคนในครอบครัวจ้า!

วิดีโอที่เกี่ยวข้อง

• เลือกลิฟท์บ้าน ราคาไม่เกิน 1500000 แบบไหนถึงเหมาะสมที่สุด l ...
• ลิฟท์บ้านเลือกยังไง? เคล็ดลับเลือกให้คุ้มค่าและตอบโจทย์บ้านของคุณ
• ติดลิฟต์ในบ้าน: คุ้มค่าไหมและค่าใช้จ่ายเท่าไหร่?
• ลิฟท์บ้านราคาหลักแสนมีคุณสมบัติอะไรบ้าง มาดูกัน !! | YOUR LIFT
• มีลิฟท์ในบ้าน ค่าไฟต่อเดือนเท่าไหร่ ??💸💸#ลิฟท์บ้าน ...