รวม ราคา รถบรรทุก Hino ทุกรุ่น มือหนึ่ง/มือสอง สำหรับธุรกิจ ขนส่ง

สวัสดีจ้าพี่ๆ น้องๆ ชาวขนส่งที่น่ารักทุกคนนน! วันนี้เราจะมาเม้าท์มอยเรื่องรถบรรทุกคู่ใจของใครหลายๆ คนอย่าง Hino กัน ใครที่กำลังมองหารถบรรทุกคันใหม่ ไม่ว่าจะเป็นมือหนึ่งป้ายแดง หรือมือสองสภาพดีพร้อมลุย มามุงทางนี้เลยจ้า เพราะเราจะมาเจาะลึกเรื่อง "ราคา" กันให้เห็นภาพชัดๆ พร้อมคำแนะนำแบบบ้านๆ สไตล์คนวงการขนส่ง เตรียมตัวให้พร้อม แล้วไปดูกันเลยว่าเจ้า Hino เนี่ย เค้ามีอะไรเด็ดๆ ในเรื่องราคาบ้าง!

1. Hino เค้าคือใคร? แล้วรถเค้าเอาไว้ทำอะไรกันนะ?

มาเริ่มต้นกันที่ทำความรู้จักกับ Hino กันก่อน Hino เนี่ยเค้าเป็นแบรนด์รถบรรทุกยักษ์ใหญ่จากประเทศญี่ปุ่นนะจ๊ะ มีประวัติยาวนานมากๆ ในวงการรถบรรทุกทั่วโลก รวมถึงในประเทศไทยด้วย ชื่อเสียงของ Hino เนี่ย เค้าขึ้นชื่อเรื่อง ความถึก ความทนทาน และ ความน่าเชื่อถือ ใช้กันยาวๆ ไม่มีงอแงง่ายๆ ทำให้เป็นที่นิยมมากๆ ในหมู่ผู้ประกอบการธุรกิจขนส่งบ้านเราเลยล่ะ

แล้วรถ Hino เค้าเอาไว้ทำอะไรน่ะเหรอ? ง่ายๆ เลยก็คือ ขนของ ขนสินค้า จ้า ตั้งแต่รถบรรทุก 4 ล้อเล็กๆ ที่วิ่งส่งของในเมือง รถ 6 ล้อขนาดกลางที่ขนส่งระหว่างจังหวัด ไปจนถึงรถ 10 ล้อ หรือรถหัวลากขนาดใหญ่ที่วิ่งขนส่งสินค้าหนักๆ ข้ามภาค หรือข้ามประเทศกันเลยทีเดียว ไม่ว่าธุรกิจขนส่งของคุณจะเล็กหรือใหญ่ Hino เค้าก็มีรถให้เลือกใช้ให้เหมาะกับงานได้เลยล่ะ กลุ่มผู้ใช้หลักๆ ก็คือ บริษัทขนส่งต่างๆ, บริษัทโลจิสติกส์, เกษตรกรที่ต้องการขนผลผลิต, เจ้าของธุรกิจที่ต้องขนส่งสินค้าของตัวเอง หรือแม้แต่หน่วยงานราชการที่ต้องใช้รถบรรทุกเฉพาะทาง Hino เค้าครอบคลุมหมดจ้า

2. เรื่องราคา Hino ในตลาดไทย (มือหนึ่ง/มือสอง) เป็นยังไงบ้าง?

มาถึงเรื่องที่ทุกคนอยากรู้ใจจะขาด นั่นก็คือ "ราคา" นั่นเอง! ต้องบอกก่อนว่าราคา Hino เนี่ย เค้ามีหลายรุ่น หลายขนาดมากๆ ราคาเลยจะแตกต่างกันไปตามรุ่น ปีที่ผลิต และสภาพรถนะจ๊ะ เราจะแบ่งคร่าวๆ เป็นรถมือหนึ่งกับมือสองให้เห็นภาพง่ายๆ ละกันนะ

สำหรับรถ Hino มือหนึ่งป้ายแดง:

• รถบรรทุก 4 ล้อเล็ก: รุ่นยอดนิยมสำหรับวิ่งในเมือง ขนของไม่หนักมาก ราคาเริ่มต้นจะอยู่ที่ประมาณ 8 แสน - 1 ล้านบาท (฿) โดยประมาณนะจ๊ะ ขึ้นอยู่กับรุ่นย่อยและออปชัน
• รถบรรทุก 6 ล้อขนาดกลาง: รุ่นนี้จะหลากหลายหน่อย มีทั้งแบบพื้นเรียบ คอก หรือติดตู้ทึบ ราคาเริ่มต้นจะกระโดดมาอยู่ที่ประมาณ 1.3 ล้าน - 2 ล้านบาท (฿) ขึ้นไปเลย ขึ้นอยู่กับขนาดของรถ น้ำหนักบรรทุก และประเภทของกระบะ/ตู้
• รถบรรทุก 10 ล้อ หรือรถหัวลากขนาดใหญ่: อันนี้คือตัวท็อปสำหรับงานหนัก ราคาก็จะสูงตามไปด้วยเลยจ้า เริ่มต้นตั้งแต่ประมาณ 2.5 ล้านบาท (฿) ไปจนถึง 3 ล้านบาทปลายๆ หรืออาจจะมากกว่านั้น สำหรับรุ่นพิเศษ หรือรุ่นหัวลากที่ต้องต่อพ่วงนะจ๊ะ

ราคาที่บอกมาเนี่ยเป็นราคาคร่าวๆ ณ ตอนที่เขียนนะจ๊ะ แนะนำให้เช็คกับผู้จำหน่าย Hino อย่างเป็นทางการอีกที เพราะอาจจะมีโปรโมชั่น หรือส่วนลดพิเศษที่แตกต่างกันไปในแต่ละช่วงและแต่ละสาขาจ้า

สำหรับรถ Hino มือสอง:

อันนี้แหละคือแหล่งขุมทรัพย์สำหรับคนงบน้อยแต่อยากได้รถดีๆ ใช้! ราคา Hino มือสองเนี่ย หลากหลายมากๆ ไม่มีราคาตายตัว ขึ้นอยู่กับ:

• รุ่นและปีที่ผลิต: รุ่นใหม่ๆ ปีใหม่ๆ ราคาก็จะสูงหน่อย รุ่นเก่าหน่อย ราคาก็ลงมาเยอะ
• สภาพรถ: อันนี้สำคัญสุดๆ! สภาพเครื่องยนต์ ช่วงล่าง ตัวถัง ภายใน ว่าดูแลมาดีแค่ไหน มีตำหนิอะไรบ้าง สภาพดีมาก ราคาก็สูงตาม สภาพโทรมหน่อย ราคาก็จะถูกลงเยอะ
• ระยะทางการใช้งาน (เลขไมล์): รถที่วิ่งมาเยอะ ราคาก็จะถูกกว่ารถที่วิ่งน้อย
• ประวัติการใช้งาน: เคยมีอุบัติเหตุหนักมาหรือเปล่า หรือผ่านงานหนักมาเยอะแค่ไหน
• แหล่งที่ซื้อ: ซื้อจากเต็นท์รถมือสองโดยตรง หรือซื้อจากเจ้าของเดิมโดยตรง ราคาก็อาจจะต่างกัน

ราคา Hino มือสองเนี่ยอาจจะเริ่มต้นตั้งแต่หลัก 4-5 แสนบาท (฿) สำหรับรถ 6 ล้อรุ่นเก่าๆ สภาพตามอายุการใช้งาน ไปจนถึงหลัก 1 ล้านบาทปลายๆ หรือ 2 ล้านต้นๆ สำหรับรถ 10 ล้อ หรือหัวลากที่ปีใหม่ขึ้นมาหน่อย หรือสภาพดีมากๆ ก็มีนะจ๊ะ แหล่งที่เจอบ่อยๆ ก็ตามเต็นท์รถบรรทุกมือสอง หรือตามเว็บไซต์/เพจซื้อขายรถบรรทุกมือสองต่างๆ ลองเข้าไปส่องๆ ดูนะจ๊ะ

3. แล้วเทียบกับแบรนด์อื่นล่ะ ราคาเป็นไง?

ในตลาดรถบรรทุกบ้านเรา คู่แข่งหลักๆ ของ Hino ก็หนีไม่พ้นแบรนด์ใหญ่ๆ อย่าง Isuzu และ Fuso (ซึ่งเป็นแบรนด์ลูกของ Daimler) นั่นเองจ้า ถ้าให้เทียบกันแบบหมัดต่อหมัด เรื่องราคาเนี่ย โดยทั่วไปแล้ว ราคา Hino มือหนึ่ง มักจะอยู่ในช่วงที่ใกล้เคียงกับ Isuzu หรืออาจจะสูงกว่าเล็กน้อยในบางรุ่นนะจ๊ะ ทั้งสองแบรนด์นี้เค้าแข่งกันดุเดือดมากๆ ทั้งในเรื่องราคา โปรโมชั่น และบริการหลังการขาย

ส่วน Fuso เองก็เป็นอีกตัวเลือกที่น่าสนใจ มีทั้งรถบรรทุกและรถหัวลาก แต่ในแง่ของจำนวนรถที่วิ่งบนถนนในไทย Hino กับ Isuzu จะมีจำนวนที่เยอะกว่า ทำให้การหาอะไหล่ หรือศูนย์บริการอาจจะสะดวกกว่าเล็กน้อยในบางพื้นที่นะจ๊ะ

แต่จุดที่ทำให้ Hino ได้ใจผู้ประกอบการหลายๆ คนก็คือ ความทนทานของเครื่องยนต์และโครงสร้าง ที่ได้รับการยอมรับมานาน ทำให้หลายคนยอมจ่ายแพงกว่านิดหน่อยเพื่อแลกกับความอุ่นใจในการใช้งานระยะยาว และที่สำคัญคือ ราคาขายต่อ (Resale Value) ของ Hino เนี่ยถือว่าค่อนข้างดีเลยนะ ถ้าดูแลรักษาดีๆ เวลาจะขายต่อก็ยังได้ราคาดีอยู่จ้า ซึ่งอันนี้เป็นข้อได้เปรียบที่สำคัญเมื่อเทียบกับการลงทุนในรถบรรทุกนะ

4. ซื้อแล้วได้อะไรมาบ้าง? (ของแถม/ประกัน)

เวลาซื้อ Hino มือหนึ่งจากผู้จำหน่ายอย่างเป็นทางการเนี่ย เค้าก็จะมีแพ็กเกจมาตรฐานมาให้ประมาณนี้นะจ๊ะ:

• ตัวรถ: ได้ตัวรถบรรทุก Hino ป้ายแดงเอี่ยมๆ พร้อมกระบะ/ตู้ ตามที่เราเลือกสั่งเลยจ้า
• การรับประกัน: อันนี้สำคัญมากๆ! Hino เค้าให้ ระยะเวลารับประกันคุณภาพ สำหรับรถใหม่ด้วยนะ ส่วนใหญ่จะอยู่ที่ประมาณ 2-3 ปี หรือตามระยะทางที่กำหนด (แล้วแต่เงื่อนไขของแต่ละรุ่นและโปรโมชั่นในตอนนั้น) การรับประกันครอบคลุมเรื่องเครื่องยนต์ ระบบส่งกำลัง และโครงสร้างหลักๆ ทำให้เราอุ่นใจได้เยอะเลยหากรถมีปัญหาจากการผลิตในช่วงระยะเวลาประกันจ้า ควรสอบถามรายละเอียดเงื่อนไขการรับประกันให้ชัดเจนตอนซื้อนะ
• ฟรีค่าแรงเช็คระยะ: ส่วนใหญ่ผู้จำหน่ายเค้าจะมีโปรแกรมเช็คระยะฟรีค่าแรงให้ในช่วงกี่กิโลเมตรแรก ก็ต้องสอบถามตอนซื้อนะจ๊ะ
• ของแถม/โปรโมชั่น: อันนี้ขึ้นอยู่กับแต่ละผู้จำหน่ายเลยจ้า บางทีอาจจะมีแถมประกันภัยชั้น 1 ให้ในปีแรก, ส่วนลดเงินสด, ชุดแต่งเล็กๆ น้อยๆ, ฟิล์มกรองแสง, หรืออุปกรณ์เสริมอื่นๆ ก็ต้องลองต่อรอง หรือสอบถามโปรโมชั่นช่วงนั้นๆ ดูนะ
• ค่าจัดส่ง: ถ้าซื้อรถใหม่ ส่วนใหญ่ก็ไปรับรถที่ศูนย์บริการเลย ไม่ค่อยมีเรื่องค่าจัดส่งเหมือนซื้อของออนไลน์ทั่วไปนะจ๊ะ แต่ถ้าเป็นรถเฉพาะทางที่ต้องดัดแปลงเป็นพิเศษ อาจจะมีค่าใช้จ่ายในการขนส่งจากโรงงานมาที่ศูนย์ หรือจากศูนย์ไปอู่ต่อตัวถัง ก็ต้องสอบถามดูนะ

ส่วนถ้าซื้อ Hino มือสอง เนี่ย สิ่งที่ได้มาก็จะแตกต่างกันไปมากๆ จ้า:

• ตัวรถ: ได้ตัวรถพร้อมกระบะ/ตู้ตามสภาพเลย
• การรับประกัน: ส่วนใหญ่ ไม่มีประกันศูนย์ แล้วนะจ๊ะ! อาจจะมี ประกันจากเต็นท์ ให้เล็กน้อย เช่น รับประกันเครื่องยนต์ 7 วัน หรือ 1 เดือน (ต้องอ่านเงื่อนไขให้ดีๆ) หรือถ้าซื้อจากเจ้าของโดยตรง ก็ไม่มีประกันเลย ต้องเช็คสภาพให้ละเอียดมากๆ
• ของแถม: แทบไม่มีของแถมเลยจ้า นอกจากผู้ขายใจดีอาจจะแถมแม่แรง หรือยางอะไหล่มาให้ ก็แล้วแต่ตกลงกัน

5. มีช่วงไหนน่าซื้อเป็นพิเศษมั้ย? (โปรโมชั่น)

สำหรับ Hino มือหนึ่ง เนี่ย โปรโมชั่นมักจะไม่ได้มาเป็นช่วงเทศกาลแบบ 12.12 หรือสงกรานต์เป๊ะๆ เหมือนสินค้าอุปโภคบริโภคนะจ๊ะ แต่เค้ามักจะมีโปรโมชั่นตามรอบบัญชีของผู้จำหน่าย หรือโปรโมชั่นส่งเสริมการขายของ Hino มอเตอร์ส ประเทศไทยเอง ซึ่งอาจจะจัดในช่วงเวลาที่แตกต่างกันไป

เคล็ดลับคือ:

• สอบถามผู้จำหน่ายหลายๆ ที่: แต่ละสาขา หรือแต่ละดีลเลอร์ อาจจะมีโปรโมชั่นที่ไม่เหมือนกัน ลองเช็คราคาและโปรโมชั่นจากหลายๆ ที่เพื่อเปรียบเทียบนะจ๊ะ
• ติดตามข่าวสารจาก Hino โดยตรง: เว็บไซต์ หรือโซเชียลมีเดียของ Hino อาจจะมีการประกาศโปรโมชั่นพิเศษ
• ช่วงปลายปีงบประมาณ: บางทีผู้จำหน่ายอาจจะจัดโปรโมชั่นแรงๆ เพื่อเคลียร์สต็อก หรือทำยอดช่วงปลายปี
• งานแสดงรถยนต์/รถเพื่อการพาณิชย์: ถ้ามีการจัดงานใหญ่ๆ แบบนี้ Hino มักจะไปร่วมงานและมีโปรโมชั่นพิเศษเฉพาะในงานด้วยนะ

สำหรับ Hino มือสอง เนี่ย โปรโมชั่นอาจจะไม่มีชัดเจนเท่ามือหนึ่งนะจ๊ะ ส่วนใหญ่จะเป็นการต่อรองราคากับผู้ขายโดยตรง หรือบางทีเต็นท์รถมือสองอาจจะมีจัดโปรโมชั่นลดราคา หรือฟรีดาวน์ในช่วงเวลาที่ต้องการกระตุ้นยอดขาย ก็ต้องหมั่นเข้าไปดูเข้าไปเช็คตามแหล่งต่างๆ ที่ขายรถมือสองนะจ๊ะ

6. คนไทยใช้แล้วฟีดแบ็กเป็นยังไงบ้างนะ?

จากที่ลองฟังเสียงพี่ๆ น้องๆ ในวงการขนส่ง หรือดูตามเว็บบอร์ดต่างๆ เนี่ย ฟีดแบ็กส่วนใหญ่เกี่ยวกับ Hino ในไทยคือ ดีงามตามท้องเรื่อง เลยจ้า!

จุดที่คนใช้ Hino ชอบมากๆ คือ:

• ความทนทาน Reliability: อันนี้มาอันดับ 1 เลยจ้า ใช้บรรทุกหนักๆ วิ่งทางไกลๆ เค้าก็ยังไหว ไม่ค่อยมีปัญหาจุกจิกกวนใจ ทำให้ธุรกิจไม่สะดุด
• เครื่องยนต์แรง อึด: กำลังดี เหมาะกับสภาพถนนและการขนส่งในบ้านเรา
• หาอะไหล่ไม่ยาก: เนื่องจากมีรถวิ่งเยอะ ศูนย์บริการและร้านอะไหล่ก็หาง่ายตามไปด้วย
• ราคาขายต่อดี: อันนี้เป็นข้อดีมากๆ สำหรับผู้ประกอบการ เพราะเหมือนเป็นการลงทุนอย่างหนึ่ง เวลาจะเปลี่ยนรถใหม่ ก็ยังได้ราคาดีกลับมา
• ศูนย์บริการได้มาตรฐาน: ศูนย์บริการ Hino มีอยู่ทั่วประเทศ ให้บริการได้ค่อนข้างดี

ส่วนข้อคิดเห็นอีกมุมนึงก็อาจจะมีเรื่อง ราคาที่อาจจะสูงกว่าคู่แข่งเล็กน้อย ในบางรุ่น หรือเรื่อง ออปชันภายในห้องโดยสาร ที่บางคนอาจจะรู้สึกว่าเรียบง่ายเกินไปเมื่อเทียบกับรถเก๋ง แต่โดยรวมแล้ว ความคุ้มค่าในระยะยาวและความทนทานของ Hino ทำให้คนไทยส่วนใหญ่ที่ใช้งานจริงค่อนข้างพอใจและไว้ใจในแบรนด์นี้มากๆ เลยจ้า

7. แล้วจะไปหาซื้อ Hino ได้ที่ไหนล่ะ?

ถ้าอยากได้ Hino มือหนึ่งป้ายแดง ช่องทางหลักและเป็นทางการคือ:

• ผู้จำหน่ายรถบรรทุก Hino อย่างเป็นทางการ (ดีลเลอร์): อันนี้คือช่องทางที่ดีที่สุดและปลอดภัยที่สุดเลยจ้า มีสาขาอยู่ทั่วประเทศ สามารถเข้าไปดูรถ ลองนั่ง สอบถามรายละเอียด สเปกรถ โปรโมชั่น และไฟแนนซ์ ได้ครบวงจร แถมยังได้การรับประกันและบริการหลังการขายจากศูนย์โดยตรงด้วย
• เว็บไซต์ Hino มอเตอร์ส ประเทศไทย: ในเว็บไซต์หลักของ Hino จะมีข้อมูลรุ่นรถ สเปก และรายชื่อผู้จำหน่ายอย่างเป็นทางการ สามารถเข้าไปหาข้อมูลเบื้องต้นได้เลยจ้า

สำหรับ Hino มือสอง ช่องทางที่แนะนำคือ:

• เต็นท์รถบรรทุกมือสองโดยเฉพาะ: มีอยู่หลายแห่งทั่วประเทศ โดยเฉพาะตามต่างจังหวัดที่เป็นแหล่งรวมรถบรรทุกมือสอง ข้อดีคือมีรถให้เลือกดูหลายคัน หลายยี่ห้อในที่เดียว สามารถเข้าไปดูสภาพรถจริงได้ แต่ก็ต้องเลือกเต็นท์ที่น่าเชื่อถือนะจ๊ะ
• เว็บไซต์/แพลตฟอร์มออนไลน์ซื้อขายรถยนต์มือสอง: มีหลายเว็บเลยที่คนเอามาลงขาย ทั้งเต็นท์และเจ้าของรถโดยตรง ข้อดีคือมีรถให้เลือกเยอะมากๆ ดูรูป เปรียบเทียบราคาได้ง่าย แต่ต้องระวังเรื่องมิจฉาชีพ และควรนัดดูรถจริงก่อนตัดสินใจซื้อ
• กลุ่มซื้อขายรถบรรทุกมือสองใน Social Media (เช่น Facebook): เป็นอีกแหล่งยอดนิยมที่มีผู้ขายรายย่อยเยอะ สามารถพูดคุย สอบถามกับเจ้าของโดยตรงได้ อาจจะได้ราคาดี แต่ก็ต้องระวังและเช็คประวัติผู้ขายให้ดีก่อนนะจ๊ะ

การซื้อรถบรรทุก ไม่ว่ามือหนึ่งหรือมือสอง แนะนำให้ ไปดูรถจริง และ ทดลองขับ ถ้าเป็นไปได้นะจ๊ะ จะได้เช็คสภาพและความพร้อมของรถก่อนตัดสินใจ

8. สรุปแล้ว Hino น่าซื้อไหม? เหมาะกับใคร?

มาถึงบทสรุปแบบฟันธงกันเลย! ถามว่า Hino น่าซื้อไหมสำหรับธุรกิจขนส่ง? คำตอบคือ น่าซื้อมากๆ และเป็นตัวเลือกอันดับต้นๆ ที่ควรพิจารณาเลยจ้า!

Hino เหมาะมากๆ สำหรับ:

• ผู้ประกอบการธุรกิจขนส่งทุกขนาด: ตั้งแต่รายเล็กที่ต้องการรถ 4 ล้อส่งของในเมือง ไปจนถึงรายใหญ่ที่ต้องการรถหัวลากขนสินค้าข้ามประเทศ Hino มีไลน์อัพรถที่หลากหลายรองรับทุกความต้องการ
• คนที่เน้นความทนทาน ใช้งานหนัก ไม่จุกจิก: ถ้ามองหารถคู่ใจที่พร้อมลุยงานหนักๆ ได้ทุกวัน ไม่ต้องเข้าอู่บ่อยๆ Hino ตอบโจทย์แน่นอน
• คนที่มองหาความคุ้มค่าในระยะยาว: แม้ราคาเริ่มต้นอาจจะไม่ได้ถูกที่สุด แต่ด้วยความทนทาน ค่าบำรุงรักษาที่ไม่สูงเกินไป และราคาขายต่อที่ดี ทำให้ Hino คุ้มค่ากับการลงทุนในระยะยาว
• คนที่ต้องการความสบายใจเรื่องบริการหลังการขาย: เครือข่ายศูนย์บริการ Hino ที่มีอยู่ทั่วประเทศ ช่วยให้มั่นใจได้ว่าหากรถมีปัญหา จะได้รับการดูแลอย่างรวดเร็ว

ส่วนจะเลือกรถ มือหนึ่ง หรือ มือสอง ดีนั้น ขึ้นอยู่กับงบประมาณและความต้องการเลยจ้า

• ถ้ามีงบถึง และต้องการความสบายใจสูงสุด ได้รถใหม่เอี่ยม มีการรับประกันเต็มรูปแบบ ใช้งานได้ยาวๆ ไม่มีประวัติการใช้งานของคนอื่น ก็จัด มือหนึ่ง ไปเลยจ้า เหมือนได้คู่หูใหม่ที่พร้อมลุยไปด้วยกันแบบไร้กังวล
• ถ้ามีงบจำกัด หรืออยากได้รถในราคาที่เข้าถึงง่ายขึ้น และพอมีประสบการณ์ในการดูรถ หรือมีช่างที่ไว้ใจช่วยเช็คสภาพได้ การเลือก Hino มือสอง สภาพดีๆ ก็เป็นตัวเลือกที่น่าสนใจมากๆ เหมือนได้รถคู่ใจในราคาที่ถูกลงเยอะ แต่ก็ต้องละเอียดรอบคอบในการเลือกซื้อมากๆ นะจ๊ะ

ไม่ว่าจะเป็นมือหนึ่งหรือมือสอง Hino ก็ยังคงเป็นแบรนด์รถบรรทุกที่แข็งแกร่งและเป็นที่ยอมรับในวงการขนส่งไทยเสมอจ้า หวังว่าข้อมูลนี้จะเป็นประโยชน์ในการตัดสินใจของพี่ๆ น้องๆ ทุกคนนะจ๊ะ ขอให้ได้รถคู่ใจที่เหมาะสมกับธุรกิจขนส่งของคุณ ประสบความสำเร็จ ร่ำรวย เฮงๆ กันทุกคนจ้า! บ๊ายบายยย!

วิดีโอที่เกี่ยวข้อง

• ขาย HINO 6 ล้อ กระบะบรรทุก มือสอง ปี 39
• Hino 500 Victor Euro 5 รถบรรทุกเพื่อการพาณิชย์แบบมืออาชีพ
• รถบรรทุกซิ่ง HINO 10 ล้อ ลากจูง 380 แรงม้า ปี 56 ราคา 1,200,000.-
• ขายรถบรรทุก HINO 10 ล้อ กระบะดั้มพ์ ปี56 และ ปี57
• รถบรรทุกมือสอง มีให้เลือกมากมาย จากผู้ขายใน Truck2Hand ...