logo

เครื่องคั่วกาแฟ ราคาเท่าไหร่? สำหรับใช้ในบ้านหรือธุรกิจขนาดเล็ก

user avatar
นวพร สุวรรณรัตน์·07/03/2025 14:25
点赞
เครื่องคั่วกาแฟ ราคาเท่าไหร่? สำหรับใช้ในบ้านหรือธุรกิจขนาดเล็ก

สวัสดีค่าทุกคนนน! วันนี้เราจะมาเม้าท์มอยเรื่องที่คอกาแฟสายจริงจังต้องร้องว้าว! นั่นก็คือเรื่องของ เครื่องคั่วกาแฟ นั่นเองจ้า! ไม่ใช่แค่ร้านใหญ่ๆ เท่านั้นนะที่คั่วกาแฟเองได้ เดี๋ยวนี้คนรักกาแฟที่บ้าน หรือใครที่อยากเปิดร้านกาแฟเล็กๆ เป็นของตัวเอง ก็เริ่มสนใจอยากจะคั่วกาแฟเองให้หอมฟุ้งกันแล้วใช่ไหมล่ะ? แต่พอพูดถึงเครื่องคั่วกาแฟปุ๊บ หลายคนอาจจะคิดว่า 'โอ้โห! มันจะราคาเท่าไหร่กันนะ แพงลิบลิ่วหรือเปล่า?' ไม่ต้องกังวลจ้า! วันนี้เราจะมาเจาะลึกเรื่องราคาเครื่องคั่วกาแฟสำหรับใช้ในบ้าน หรือธุรกิจขนาดเล็ก ให้ฟังแบบหมดเปลือก พร้อมเทคนิคช้อปยังไงให้โดนใจ เหมือนเดิมจ้า! พร้อมแล้ว ไปดูกันเล้ยยย!

1. เครื่องคั่วกาแฟนี้มันคืออะไรกันนะ?

มาทำความรู้จักเจ้าเครื่องคั่วกาแฟกันก่อนเลยจ้า พูดง่ายๆ มันก็คือเครื่องที่เอา เมล็ดกาแฟสาร (สารกาแฟ หรือเมล็ดกาแฟดิบที่ยังไม่ผ่านการคั่ว) มาทำให้สุกด้วยความร้อนในระดับต่างๆ เพื่อดึงกลิ่นและรสชาติที่เป็นเอกลักษณ์ของกาแฟออกมานั่นเองจ้า การคั่วกาแฟเนี่ย ถือเป็นหัวใจสำคัญมากๆ ในการชงกาแฟให้อร่อยเลยนะ เพราะระดับการคั่วที่ต่างกัน ก็จะให้รสชาติและกลิ่นที่ต่างกันไปด้วย

สำหรับเครื่องคั่วกาแฟที่เรากำลังจะคุยถึงวันนี้ จะเน้นไปที่รุ่น สำหรับใช้ในบ้าน หรือธุรกิจขนาดเล็ก นะจ๊ะ กลุ่มผู้ใช้ที่เหมาะมากๆ ก็คือ:

  • คอกาแฟตัวยงที่บ้าน: อยากทดลองคั่วกาแฟเอง ชงเอง สัมผัสประสบการณ์กาแฟแบบ Personalize สุดๆ
  • เจ้าของร้านกาแฟเล็กๆ: อยากสร้างความแตกต่าง อยากนำเสนอ Single Origin หรือ Blend พิเศษๆ ที่คั่วเองกับมือ
  • คนที่ทำธุรกิจกาแฟออนไลน์เล็กๆ: คั่วขายเอง แพ็คเอง สร้างแบรนด์ตัวเอง

แบรนด์เครื่องคั่วกาแฟเนี่ยมีเยอะแยะมากมายเลยจ้า ทั้งแบรนด์ไทยและแบรนด์ต่างประเทศ บางแบรนด์ก็มีประวัติมายาวนานในวงการกาแฟ เป็นที่ยอมรับในคุณภาพและความทนทาน ซึ่งแน่นอนว่าชื่อเสียงของแบรนด์ก็มีผลต่อราคาด้วยนะเออ!


2. ราคาในตลาดไทยเป็นยังไงบ้าง?

มาถึงเรื่องที่ทุกคนอยากรู้ที่สุด นั่นก็คือ "ราคา" นั่นเอง! สำหรับเครื่องคั่วกาแฟสำหรับใช้ในบ้านหรือธุรกิจขนาดเล็กเนี่ย ราคาจะมีความหลากหลายมากๆ จ้า ขึ้นอยู่กับหลายปัจจัยเลย เช่น ขนาด (คั่วได้ครั้งละกี่กรัม/กี่กิโลกรัม), ระบบการคั่ว (ใช้ลมร้อน หรือใช้ดรัม), ฟังก์ชันพิเศษต่างๆ, วัสดุที่ใช้, และแน่นอน... แบรนด์จ้า!

ราคาในตลาดไทยตอนนี้ (เท่าที่ส่องๆ ดูนะ) สามารถแบ่งคร่าวๆ ได้ประมาณนี้:

  • เครื่องคั่วขนาดเล็กมากๆ สำหรับใช้ในบ้าน (คั่วได้ครั้งละประมาณ 50-100 กรัม): กลุ่มนี้ราคาจะน่ารักหน่อย เริ่มต้นตั้งแต่ประมาณ 5,000 บาท (฿) ไปจนถึง 20,000 บาท (฿) ขึ้นอยู่กับแบรนด์และฟังก์ชันนะ บางรุ่นก็เป็นเหมือนเครื่องทำป๊อปคอร์นดัดแปลงเลยก็มี หรือบางรุ่นก็ออกแบบมาเพื่อคั่วกาแฟโดยเฉพาะ
  • เครื่องคั่วขนาดกลางสำหรับใช้ในบ้านจริงจัง หรือธุรกิจขนาดเล็ก (คั่วได้ครั้งละประมาณ 100 กรัม - 1 กิโลกรัม): กลุ่มนี้แหละที่เป็นที่นิยมสำหรับคนที่อยากคั่วจริงจัง หรือเปิดร้านเล็กๆ ราคาจะกระโดดขึ้นมาหน่อยจ้า เริ่มต้นตั้งแต่ประมาณ 30,000 บาท (฿) ไปจนถึงหลักแสนบาท (฿) เลยก็มี ถ้าเป็นรุ่นที่มีระบบควบคุมอุณหภูมิแม่นยำ มีโปรไฟล์การคั่วให้ตั้งค่าได้ ราคาก็จะสูงขึ้นไปอีก
  • เครื่องคั่วขนาดใหญ่ขึ้นมาหน่อยสำหรับธุรกิจขนาดเล็กที่เน้นปริมาณ (คั่วได้ครั้งละ 1 กิโลกรัมขึ้นไป): กลุ่มนี้ราคาก็จะสูงขึ้นตามขนาดและกำลังการผลิตเลยจ้า มีตั้งแต่หลักแสนบาทปลายๆ ไปจนถึงหลายแสนบาทเลยทีเดียว

แล้วจะไปหาดูราคาได้ที่ไหนบ้างนะ? แหล่งช้อปปิ้งออนไลน์ยอดฮิตอย่าง Lazada และ Shopee นี่แหละคือแหล่งรวมเลยจ้า มีร้านค้าทั้ง Official Store ของแบรนด์นำเข้า หรือร้านที่นำเข้ามาขายเอง ลองใช้คีย์เวิร์ดว่า "เครื่องคั่วกาแฟ" หรือ "coffee roaster" ดูนะ จะเจอตัวเลือกเพียบเลย สามารถเปรียบเทียบราคาจากหลายๆ ร้านได้ง่ายมากๆ

นอกจากนี้ยังมี ร้านอุปกรณ์กาแฟโดยเฉพาะ ตามย่านที่มีร้านกาแฟเยอะๆ หรือในห้างใหญ่ๆ บางทีก็มีมุมขายอุปกรณ์กาแฟครบวงจร ซึ่งอาจจะมีเครื่องคั่วกาแฟขนาดเล็กไปจนถึงขนาดกลางให้เลือกดูและสัมผัสของจริงได้ แต่ราคาก็อาจจะสูงกว่าซื้อออนไลน์เล็กน้อยนะ

ส่วนเรื่องราคาจากต่างประเทศแล้วมาขายในไทยเนี่ย บางทีก็จะเห็นส่วนต่างของราคาอยู่บ้างเหมือนกันนะ เพราะต้องบวกค่าขนส่ง ค่าภาษีนำเข้า และค่าดำเนินการต่างๆ เข้าไปด้วย ก็เป็นเรื่องปกติจ้า ไม่ต้องตกใจไป!


3. แล้วเทียบกับสินค้าประเภทเดียวกันล่ะ ราคาโอเคมั้ย?

ถ้าให้เทียบราคาเครื่องคั่วกาแฟแต่ละรุ่น แต่ละแบรนด์เนี่ย ต้องดูที่ขนาดและฟังก์ชันเป็นหลักเลยจ้า เครื่องคั่วขนาดเท่ากัน ฟังก์ชันใกล้เคียงกัน แต่คนละแบรนด์ ราคาก็อาจจะต่างกันได้นะ บางแบรนด์ที่เน้นความพรีเมียม วัสดุดีเยี่ยม มีฟังก์ชันไฮเทคเยอะๆ ราคาก็อาจจะสูงกว่าอีกแบรนด์ที่เน้นความคุ้มค่า ใช้งานง่ายๆ ทั่วไป

ยกตัวอย่างง่ายๆ สมมติว่าเครื่องคั่วขนาด 500 กรัม แบรนด์ A ราคา 80,000 บาท แต่มีระบบควบคุมอุณหภูมิที่แม่นยำมากๆ ตั้งโปรไฟล์การคั่วได้ละเอียด วัสดุดูแข็งแรงทนทาน กับอีกแบรนด์ B ขนาด 500 กรัมเหมือนกัน ราคา 50,000 บาท ฟังก์ชันอาจจะไม่ได้เยอะเท่า แต่ก็คั่วกาแฟได้คุณภาพดีใช้ได้ แบบนี้ก็ต้องมานั่งชั่งใจดูแล้วจ้าว่าเราเน้นความแม่นยำ ฟังก์ชันขั้นสูง หรือเน้นความคุ้มค่าในราคาที่จับต้องได้มากกว่ากัน

บางทีการเลือกซื้อเครื่องคั่วกาแฟก็เหมือนการเลือกซื้อรถยนต์นั่นแหละจ้า! รถยนต์ขนาดเท่ากัน อาจจะมีทั้งรุ่นที่เน้นสมรรถนะสูง ดีไซน์หรูหรา ราคาแพง กับรุ่นที่เน้นใช้งานทั่วไป ประหยัดน้ำมัน ราคาเป็นมิตร ก็ขึ้นอยู่กับความต้องการและงบประมาณของเราเนอะ


4. อุปกรณ์เสริมและบริการที่รวมมา

เวลาจะซื้อเครื่องคั่วกาแฟเนี่ย ต้องเช็คดีๆ เลยนะว่าเค้าให้อะไรมากับเครื่องบ้าง ไม่ใช่แค่ตัวเครื่องเปล่าๆ นะจ๊ะ สิ่งที่ควรเช็คเลยก็คือ:

  • ค่าขนส่ง: ส่วนใหญ่ถ้าซื้อออนไลน์ ร้านค้ามักจะมีโปรโมชั่น ส่งฟรี เมื่อซื้อถึงยอดที่กำหนดนะ แต่บางร้านก็อาจจะมีค่าส่งต่างหาก ก็ต้องลองดูรายละเอียดดีๆ จ้า ถ้าเครื่องใหญ่ๆ หนักๆ ค่าส่งก็อาจจะแพงหน่อย
  • ระยะเวลารับประกันและรายละเอียด: อันนี้สำคัญมากๆ สำหรับคนไทยที่ค่อนข้างให้ความสำคัญกับการรับประกัน เพราะเครื่องใช้ไฟฟ้าถ้ามีปัญหาขึ้นมา การซ่อมก็เป็นเรื่องใหญ่อยู่เหมือนกันนะเออ! ส่วนใหญ่เครื่องคั่วกาแฟจะมี การรับประกัน ตั้งแต่ 6 เดือน ไปจนถึง 1 ปี หรือบางแบรนด์อาจจะให้มากกว่านั้นก็มีนะ ต้องเช็คให้ละเอียดว่ารับประกันครอบคลุมอะไรบ้าง (เช่น มอเตอร์ ฮีตเตอร์ แผงควบคุม) และเงื่อนไขการเคลมเป็นยังไง
  • ของแถม: บางร้านอาจจะมีของแถมเล็กๆ น้อยๆ ให้ เช่น เมล็ดกาแฟสารสำหรับทดลองคั่ว, อุปกรณ์ตักเมล็ด, หรือคู่มือการคั่วเบื้องต้น
  • อุปกรณ์เสริมอื่นๆ: บางรุ่นอาจจะมีถาดพักเมล็ดหลังคั่วมาให้ หรือมีระบบเก็บเปลือกกาแฟ (Chaff Collector) มาพร้อมเลย ก็จะสะดวกในการใช้งานมากขึ้น
  • คูปองหรือโปรโมชั่น: เวลาซื้อออนไลน์ อย่าลืมมองหาคูปองส่วนลดของร้านค้า หรือคูปองจากแพลตฟอร์ม Lazada/Shopee ด้วยนะ บางทีลดได้เยอะเลยจ้า

จำไว้ว่า ยิ่งการรับประกันนานเท่าไหร่ ก็ยิ่งสบายใจมากขึ้นเท่านั้นจ้า!


5. โปรโมชั่นและคำแนะนำการซื้อ

อยากได้เครื่องคั่วกาแฟในราคาดีๆ ต้องรอช่วงไหนนะ? บอกเลยว่า ช่วงโปรโมชั่น นี่แหละคือโอกาสทองจ้า! ประเทศไทยเรามีเทศกาลและวันสำคัญที่ร้านค้าออนไลน์และห้างร้านต่างๆ จัดโปรโมชั่นลดราคาแบบจัดหนักจัดเต็มเพียบเลยนะ เช่น:

  • ช่วงเทศกาลปีใหม่/คริสต์มาส: มักจะมีโปรโมชั่นลดราคาเพื่อเป็นของขวัญให้ลูกค้า
  • ช่วงสงกรานต์ (ปีใหม่ไทย): เป็นช่วงที่คนไทยเดินทางท่องเที่ยวและจับจ่ายใช้สอยกันเยอะ ก็มีโปรโมชั่นตามมาเพียบ
  • ช่วง Double Digit Sale (11.11, 12.12): นี่คือมหกรรมช้อปปิ้งออนไลน์ที่ใหญ่ที่สุดเลยจ้า Lazada กับ Shopee เค้าจัดเต็ม ส่วนลดเพียบ มีโค้ดลดเพิ่ม มีเงินคืน คุ้มสุดๆ!
  • ช่วง Black Friday / Cyber Monday: แม้จะเป็นเทศกาลของฝรั่ง แต่ร้านค้าออนไลน์ในไทยหลายๆ ร้านก็นำมาจัดโปรโมชั่นด้วยนะ

นอกจากนี้ ร้านค้าระดับ แฟลกชิพสโตร์ (Flagship Store) หรือร้าน Official บน Lazada/Shopee เค้าก็มักจะมีโปรโมชั่นลดราคา หรือจัดแคมเปญร่วมกับแพลตฟอร์มอยู่บ่อยๆ นะเออ ไม่ต้องรอแค่ช่วงเทศกาลใหญ่ๆ หรอก ลองเข้าไปเช็คเข้าไปส่องดูเรื่อยๆ ก็ได้จ้า

คำแนะนำก็คือ ถ้าไม่ได้รีบใช้แบบด่วนจี๋อะไรนัก รอช่วงโปรโมชั่น เนี่ย คุ้มค่ากว่าเยอะเลยนะจ๊ะ บางทีได้ส่วนลดหลายพันบาทเลย หรือได้ของแถมดีๆ เพิ่มขึ้นมาอีก!


6. รีวิวและฟีดแบ็กจากผู้ใช้ในไทย

ก่อนจะตัดสินใจซื้ออะไร โดยเฉพาะของที่ราคาไม่ใช่บาทสองบาทอย่างเครื่องคั่วกาแฟเนี่ย การอ่าน รีวิวจากผู้ใช้จริงในไทย สำคัญมากๆ เลยนะ! ลองเข้าไปดูตาม Lazada, Shopee ในหน้ารีวิวสินค้า หรือไปดูตามกลุ่มคนรักกาแฟใน Facebook ก็ได้จ้า จะได้เห็นประสบการณ์ตรงจากคนที่เค้าใช้จริงๆ ว่าเป็นยังไงบ้าง

เท่าที่ลองส่องๆ ดู รีวิวจากผู้ใช้ในไทยเกี่ยวกับเครื่องคั่วกาแฟขนาดเล็ก/กลาง ส่วนใหญ่ก็จะพูดถึงประเด็นเหล่านี้:

  • ใช้งานง่าย: หลายคนบอกว่าเครื่องคั่วสมัยนี้ใช้งานง่าย ไม่ซับซ้อนเกินไป เหมาะสำหรับมือใหม่ที่เพิ่งเริ่มต้น
  • คั่วกาแฟได้คุณภาพดี: คั่วแล้วได้กลิ่นหอม รสชาติดี ตรงตามความต้องการ
  • ขนาดกะทัดรัด: เหมาะสำหรับวางในบ้านหรือในร้านเล็กๆ ไม่เปลืองพื้นที่
  • ราคาคุ้มค่า: เมื่อเทียบกับคุณภาพของกาแฟที่ได้ หรือการลงทุนที่ไม่สูงจนเกินไปสำหรับธุรกิจขนาดเล็ก
  • ความทนทาน: บางคนใช้มานานแล้วก็บอกว่ายังใช้งานได้ดี ไม่มีปัญหาจุกจิก (แต่ก็อย่างที่บอก ขึ้นอยู่กับการดูแลรักษาด้วยนะ!)
  • ข้อเสนอแนะ: บางรีวิวก็อาจจะมีข้อเสนอแนะเล็กๆ น้อยๆ เช่น เสียงดังไปหน่อย หรือต้องใช้เวลาในการเรียนรู้การควบคุมไฟ/อุณหภูมิ

การอ่านรีวิวเนี่ยจะช่วยให้เราเห็นภาพรวมได้ดีมากๆ เลยจ้า ว่าเครื่องรุ่นที่เราสนใจมีข้อดีข้อเสียอะไรบ้าง และตรงกับความต้องการของเราหรือเปล่า


7. ช่องทางการซื้อที่แนะนำ

แล้วจะไปสอยเจ้าเครื่องคั่วกาแฟนี้ได้ที่ไหนดีล่ะ?

  • ช่องทางออนไลน์ขนาดใหญ่: Shopee และ Lazada คือตัวเลือกอันดับต้นๆ เลยจ้า ข้อดีคือมีตัวเลือกเยอะมากๆ เปรียบเทียบราคาได้ง่าย มีระบบป้องกันผู้ซื้อที่ดี (ถ้าไม่ได้รับสินค้า หรือสินค้ามีปัญหา สามารถทำเรื่องคืนเงินได้) และมักจะมีโปรโมชั่นหรือโค้ดส่วนลดให้ใช้ ข้อเสียคือต้องพึ่งพารูปภาพและรายละเอียดจากผู้ขาย และไม่สามารถเห็นของจริงก่อนซื้อได้ ต้องเลือกร้านที่น่าเชื่อถือ มีรีวิวดีๆ นะจ๊ะ
  • ร้านค้าอุปกรณ์กาแฟโดยเฉพาะ: ถ้าอยากเห็นของจริง อยากลองสัมผัส อยากสอบถามรายละเอียดจากผู้เชี่ยวชาญ การไปร้านอุปกรณ์กาแฟก็เป็นทางเลือกที่ดีจ้า อาจจะได้คำแนะนำดีๆ ในการเลือกซื้อด้วย แต่ราคาก็อาจจะสูงกว่าออนไลน์เล็กน้อย
  • ช่องทางทางการ (เว็บไซต์แบรนด์ หรือตัวแทนจำหน่ายอย่างเป็นทางการ): ถ้าเป็นแบรนด์ที่มี Official Store หรือตัวแทนจำหน่ายในไทย การซื้อผ่านช่องทางเหล่านี้ก็มั่นใจได้เรื่องของแท้ การรับประกัน และบริการหลังการขาย แต่ราคาก็อาจจะสูงกว่าร้านค้ารายย่อย

สำหรับเครื่องคั่วกาแฟสำหรับใช้ในบ้านหรือธุรกิจขนาดเล็กเนี่ย ช่องทางออนไลน์อย่าง Lazada และ Shopee ดูจะเป็นที่นิยมมากๆ เลยจ้า เพราะมีตัวเลือกหลากหลาย ราคาเข้าถึงง่าย และสะดวกในการเปรียบเทียบ


8. สรุปหรือคำแนะนำเรื่องราคา

มาถึงบทสรุปกันแล้วจ้า! ถามว่าการลงทุนซื้อเครื่องคั่วกาแฟสำหรับใช้ในบ้านหรือธุรกิจขนาดเล็กเนี่ย คุ้มค่าไหม? ถ้าคุณเป็นคอกาแฟตัวจริงที่อยากเข้าถึงรสชาติกาแฟในแบบที่คุณชอบ หรืออยากสร้างความแตกต่างให้กับร้านกาแฟเล็กๆ ของคุณ บอกเลยว่า คุ้มค่ามากๆ จ้า!

มันคือการลงทุนในประสบการณ์และคุณภาพของกาแฟที่คุณจะได้ดื่ม หรือนำเสนอให้กับลูกค้าของคุณ แทนที่จะซื้อกาแฟคั่วสำเร็จรูปที่อาจจะไม่ตรงใจ 100% เราสามารถควบคุมทุกขั้นตอนได้เอง ตั้งแต่การเลือกสารกาแฟไปจนถึงระดับการคั่ว

แล้วควรซื้อรุ่นไหนดีล่ะ? รุ่นสูงหรือรุ่นต่ำ? อันนี้ก็ขึ้นอยู่กับ:

  • งบประมาณ: กำหนดงบประมาณในใจไว้ก่อนเลย จะช่วยจำกัดตัวเลือกให้แคบลงได้เยอะ
  • ปริมาณการคั่ว: คาดว่าจะคั่วบ่อยแค่ไหน ครั้งละกี่กรัม/กี่กิโลกรัม ถ้าคั่วแค่ดื่มเองที่บ้าน คั่วทีละน้อยๆ รุ่นเล็กๆ ราคาน่ารักๆ ก็พอแล้วจ้า แต่ถ้าจะใช้ในร้าน หรือคั่วขายด้วย ก็ต้องเลือกรุ่นที่ขนาดใหญ่ขึ้นมาหน่อยที่รองรับปริมาณที่เราต้องการได้
  • ความจริงจัง: อยากได้เครื่องคั่วที่มีฟังก์ชันครบครัน ควบคุมอุณหภูมิได้แม่นยำ ตั้งโปรไฟล์การคั่วได้ละเอียดไหม? ถ้าใช่ ก็อาจจะต้องมองหารุ่นที่ฟังก์ชันเยอะขึ้นมาหน่อย ซึ่งราคาก็จะสูงขึ้นตามไปด้วย

สรุปง่ายๆ คือ ถ้าเพิ่งเริ่มต้น งบไม่เยอะมาก อยากลองคั่วเล่นๆ ที่บ้าน เลือกรุ่นเล็กๆ ที่ราคาเริ่มต้นไม่กี่พันบาทก็พอแล้วจ้า แต่ถ้าจะใช้ทำธุรกิจจริงจัง หรือเป็นคอกาแฟตัวยงที่อยากคั่วให้ได้คุณภาพสูงสุด ก็อาจจะต้องลงทุนกับรุ่นที่ขนาดใหญ่ขึ้น มีฟังก์ชันมากขึ้นหน่อยนะจ๊ะ

หวังว่าข้อมูลเรื่องราคาเครื่องคั่วกาแฟนี้จะเป็นประโยชน์กับทุกคนที่กำลังมองหาเครื่องคั่วคู่ใจนะจ๊ะ ขอให้ได้เครื่องที่ถูกใจ คั่วกาแฟได้อร่อยหอมฟุ้ง ดื่มด่ำกับกาแฟแก้วโปรดที่คั่วเองกับมือกันทุกคนจ้า! บ๊ายบายยย!

วิดีโอที่เกี่ยวข้อง

บทความล่าสุดดูเพิ่มเติม

สวัสดีค้าบทุกคนนน! วันนี้เราจะมาคุยกันเรื่องกล้องวงจรปิดแบบเจาะลึก โดยเฉพาะแบรนด์ที่วงการกล้องเค้ารู้จักกันดีอย่าง Pelco ที่บอกเลยว่าไม่ใช่กล้องไก่กาอาราเล่ แต่เป็นระดับโปรฯ เค้าใช้กัน! ใครที่กำลังมองหากล้องดีๆ สักชุดมาดูแลบ้าน ช่อง กิจการ
ราคาล่าสุด กล้องวงจรปิด Pelco รุ่นยอดนิยม พร้อมคู่มือเลือกซื้อระบบ CCTV ที่ดีที่สุด
สวัสดีจ้าทุกคนนน! วันนี้เราจะพาทุกคนไปส่องเครื่องชงกาแฟที่ดูคลาสสิก มีความวิทย์ๆ หน่อยๆ แถมชงออกมาแล้วกาแฟหอมกรุ่นชื่นใจ นั่นก็คือ Hario Syphon Coffee Maker หรือที่บางคนเรียกว่าเครื่องชงกาแฟแบบสุญญากาศนั่นเอง! ใครที่กำลังเล็งๆ อยากได้เครื่อ
ราคาล่าสุด Hario Syphon Coffee Maker (เครื่องชงกาแฟ) วิธีใช้งาน และแหล่งซื้อ
สวัสดีค่าเพื่อนๆ พี่ๆ น้องๆ และทุกคนที่กำลังเผชิญปัญหาชีวิตติดๆ ดับๆ เรื่อง "ไฟ" อยู่ตอนนี้! ไม่ว่าจะไฟตก ไฟดับ ไฟกระชาก หรือแม้แต่ฟ้าผ่าลงหม้อแปลงใกล้บ้านจนคอมพ์คู่ใจเกือบไปเฝ้าพระอินทร์ วันนี้เราจะมาคุยกันเรื่องฮีโร่ผู้กอบกู้ชีวิตอุปกรณ์ไ
ราคาล่าสุด APC (เครื่องสำรองไฟ/ป้องกันไฟกระชาก) รุ่นไหนดี เหมาะกับบ้านและออฟฟิศ

บทความที่แนะนำ