ราคา นาฬิกา TAG Heuer S4000 รุ่น... มือหนึ่ง/มือสอง

สวัสดีจ้า พ่อแม่พี่น้องที่กำลังมองหานาฬิกาสวิสดีๆ สักเรือน แต่ก็ไม่อยากให้งบประมาณกระเด็นไปไกลถึงดาวอังคาร วันนี้เราจะมาเจาะลึกนาฬิกา TAG Heuer รุ่น S4000 ที่หลายคนเล็งๆ ไว้ว่าจะสอยมาประดับข้อมือกัน! บอกเลยว่ารุ่นนี้ไม่ใช่รุ่นใหม่แกะกล่องนะจ๊ะ แต่เป็นรุ่นเก๋าในตำนานที่ยังมีคนตามหาเพียบ โดยเฉพาะในตลาดมือสองของไทยเรานี่แหละ ถ้าอยากรู้ว่าเจ้าเรือนนี้มันมีดีอะไร ราคาแรงแค่ไหน ซื้อมือหนึ่งยังมีอยู่มั้ย หรือซื้อมือสองต้องดูตรงไหนบ้าง มาค่ะ! มาอ่านบทความนี้แบบจัดเต็ม ไม่มีกั๊ก ไม่มีอวย แต่เน้นความจริงแบบฮาๆ สไตล์เรา!

1. เจ้า TAG Heuer S4000 นี่มันคืออะไรกันแน่?

ก่อนอื่นเลย ขอทำความเข้าใจกันก่อนว่าเจ้า TAG Heuer S4000 เนี่ย จริงๆ แล้วมันเป็นส่วนหนึ่งของตระกูลเก่าแก่ของแบรนด์ TAG Heuer เค้าล่ะ แบรนด์นี้มาจากสวิตเซอร์แลนด์นะจ๊ะ ดังเรื่องความเที่ยงตรงและเชื่อมโยงกับวงการมอเตอร์สปอร์ตมานานนม เค้าผลิตนาฬิกามาตั้งแต่ปี ค.ศ. 1860 โน่นแน่ะ! ส่วนรุ่น S4000 ที่เราพูดถึงเนี่ย มักจะหมายถึงนาฬิกาในซีรีส์ที่เรียกว่า S/el (Sports and Elegance) ซึ่งเป็นรุ่นยอดฮิตในยุค 80s-90s เอกลักษณ์ของรุ่นนี้ที่ใครเห็นก็ร้องอ๋อ คือสายนาฬิกาดีไซน์คล้ายๆ "ก้างปลา" นี่แหละ มันดูสปอร์ตผสมความหรูหราหน่อยๆ ตามชื่อซีรีส์เลย รุ่นนี้ออกมาหลายแบบ หลายขนาด ทั้งของผู้ชาย (Man Size), ขนาดกลาง (Boy Size), และของผู้หญิง (Lady Size) มีทั้งระบบควอตซ์ (ใส่ถ่าน) และระบบออโตเมติก เหมาะสำหรับคนที่อยากได้นาฬิกาแบรนด์หรูคุณภาพดีสักเรือน ใส่ได้ทุกวัน ไม่ว่าจะลุยๆ หรือออกงานเบาๆ ก็เอาอยู่ และที่สำคัญคืออยากได้นาฬิกาที่มีประวัติ มีสตอรี่หน่อยๆ ไม่ใช่รุ่นที่ใครๆ ก็ใส่กัน (แต่จริงๆ รุ่นก้างปลาก็ฮิตมากนะในยุคนึง!)

2. ราคาในตลาดไทยเป็นยังไงบ้างจ๊ะ?

มาถึงเรื่องที่ทุกคนตั้งใจอ่าน! ราคา TAG Heuer S4000 (หรือ S/el) ในตลาดไทยเนี่ย ต้องบอกเลยว่าส่วนใหญ่ที่เราจะเจอกันคือนาฬิกาแบบมือสองนะจ๊ะ เพราะรุ่นนี้เค้าเลิกผลิตไปนานแล้ว (กลายเป็นรุ่น Link ไปตั้งแต่ปี 1999) เพราะฉะนั้น ลืมเรื่องราคามือหนึ่งไปได้เลยจ้า!

สำหรับราคามือสองในตลาดไทย ราคาจะมีความหลากหลายมากๆ ขึ้นอยู่กับหลายปัจจัยสุดๆ ทั้งสภาพนาฬิกา (มีรอยเยอะมั้ย? เดินตรงมั้ย?), อุปกรณ์ครบหรือเปล่า (มีกล่องเดิม ใบรับประกันมั้ย?), ขนาดของหน้าปัด (Lady Size, Boy Size, Man Size), และรุ่นย่อยๆ (ระบบควอตซ์หรือออโต้ สองกษัตริย์หรือสแตนเลสล้วน)

เท่าที่ส่องๆ ดูตามแหล่งต่างๆ ในไทยนะจ๊ะ ราคาคร่าวๆ จะอยู่ประมาณนี้:

• Lady Size (ขนาดเล็กประมาณ 24-28 มม.): ราคาจะน่ารักหน่อย เริ่มต้นที่ประมาณ 8,000 - 15,000 บาท (฿) โดยประมาณ บางทีเจอสภาพดีๆ มีกล่องมีใบอาจจะขยับไปถึง 20,000 บาทได้เหมือนกัน
• Boy Size หรือ Man Size (ขนาดประมาณ 34-38 มม. ขึ้นไป): ราคาจะสูงขึ้นมาอีกนิด เริ่มต้นที่ประมาณ 15,000 - 25,000 บาท (฿) หรืออาจจะสูงกว่านี้ถ้ารุ่นเป็นออโต้ สภาพสวยกริบ หรือเป็นรุ่นพิเศษ

ลองไปดูตามแพลตฟอร์มออนไลน์ใหญ่ๆ อย่าง Shopee หรือ Lazada จะมีร้านค้าที่ขายนาฬิกามือสองเอามาลงเยอะเลยนะ หรือจะเป็นร้านนาฬิกามือสองเฉพาะทางทั้งแบบออนไลน์และมีหน้าร้านจริง เช่น Radium Watch, TimeThai by Tag, K-Heuer, Komehyo Thailand ก็มีให้เลือกเพียบ ส่วนห้างใหญ่ๆ อย่าง Central, Siam Paragon มักจะเป็นช็อป TAG Heuer Official ซึ่งจะเน้นขายรุ่นใหม่ๆ เป็นหลัก ไม่น่าจะมีรุ่น S4000 มือหนึ่งแล้วจ้า

เรื่องส่วนต่างอัตราแลกเปลี่ยนระหว่างราคานานาชาติกับราคาขายในไทย สำหรับรุ่นมือสองเก่าๆ แบบนี้ ราคาในตลาดโลกก็ใกล้เคียงกัน ไม่ได้มีส่วนต่างหวือหวาเหมือนของมือหนึ่งรุ่นใหม่ๆ ที่ต้องคิดเรื่องภาษีหรือค่าการตลาดอะไรมากมายนะจ๊ะ

3. เทียบราคากับนาฬิกาอื่นๆ แล้วเป็นไงบ้าง?

ถ้าเทียบกับนาฬิกา TAG Heuer รุ่นใหม่ๆ มือหนึ่งในปัจจุบัน อย่างพวก Carrera, Aquaracer, Formula 1 หรือ Link รุ่นปัจจุบันเนี่ย ราคาต่างกันลิบลับเลยจ้า รุ่นใหม่ๆ เริ่มต้นก็มีตั้งแต่ 50,000 บาท ไปจนถึงหลายแสนบาทเลยนะ การซื้อ TAG Heuer S4000 มือสองในราคาหลักหมื่นต้นๆ ถึงสองหมื่นกว่าๆ ถือเป็นการเข้าถึงแบรนด์หรูระดับโลกอย่าง TAG Heuer ได้ในงบที่จับต้องง่ายมากๆ เลยล่ะ เปรียบเทียบกับแบรนด์สวิสอื่นๆ ในระดับราคาใกล้เคียงกันในตลาดมือสอง เช่น Tissot, Longines รุ่นเก่าๆ ในราคาหลักหมื่น เจ้า TAG Heuer S/el ก็ถือว่ามีความคุ้มค่าในแง่ของแบรนด์เนมและดีไซน์ที่เป็นเอกลักษณ์มากๆ เลยนะ บางคนอาจจะมองว่าราคานี้ไปเล่นพวกนาฬิกาญี่ปุ่นตัวท็อปๆ ได้เลย แต่ถ้าใจรักแบรนด์สวิส ชอบดีไซน์ก้างปลา และอยากได้ชื่อชั้น TAG Heuer ติดข้อมือ รุ่นนี้ก็เป็นตัวเลือกที่น่าสนใจมากๆ เลยล่ะ!

4. ซื้อมาแล้วได้อะไรมาบ้างนะ?

อันนี้สำคัญมากๆ เลยนะสำหรับนาฬิกามือสอง! สิ่งที่ควรจะได้มาและต้องเช็คให้ดีคือ:

• ตัวนาฬิกา: แน่นอน! ต้องได้นาฬิกามา แต่ต้องดูสภาพดีๆ ด้วยนะ มีรอยหนักมั้ย? กระจกเป็นรอยหรือเปล่า? (ส่วนใหญ่ S/el ใช้กระจกแซฟไฟร์ กันรอยขีดข่วนได้ดี)
• สายนาฬิกา: เช็คว่าสายยังยาวพอดีข้อมือเรามั้ย? หรือมีข้อสายสำรองมาให้ด้วยหรือเปล่า? รุ่น S/el ถ้าใช้ไปนานๆ สายอาจจะย้วยได้ ต้องลองเช็คดูนะ
• กล่องและใบรับประกันเดิม: อันนี้ถ้ามีมาด้วยคือดีงามมากๆ! ช่วยเพิ่มมูลค่าและความมั่นใจว่าเป็นของแท้ แต่ส่วนใหญ่นาฬิกามือสองเก่าๆ มักจะไม่มีกล่องใบเดิมแล้วนะจ๊ะ
• กล่องอื่น: บางร้านอาจจะมีกล่องแทนสวยๆ แถมมาให้
• ใบรับประกันร้าน: อันนี้แหละที่คนไทยให้ความสำคัญ! ควรสอบถามให้ชัดเจนว่ามีการรับประกันจากร้านผู้ขายมั้ย? ส่วนใหญ่ร้านนาฬิกามือสองจะรับประกันตัวเครื่องให้ประมาณ 6 เดือน - 1 ปี หรือบางร้านที่ขายระบบควอตซ์ อาจจะมีรับประกันเปลี่ยนถ่านฟรีตลอดอายุการใช้งานให้ด้วยนะ ต้องสอบถามเงื่อนไขให้ละเอียด!
• ค่าจัดส่ง: ถ้าซื้อออนไลน์ ส่วนใหญ่ร้านค้าจะฟรีค่าจัดส่งให้นะ โดยเฉพาะสินค้ามูลค่าสูงแบบนี้
• ของแถม/โปรโมชั่น: แล้วแต่ร้านเลย อาจจะมีผ้าเช็ดนาฬิกา หรือน้ำยาล้างเครื่องประดับเล็กๆ น้อยๆ แถมมาให้ด้วย

5. ช่วงไหนน่าซื้อเป็นพิเศษ มีโปรโมชั่นโดนๆ ไหม?

สำหรับนาฬิกาหรูมือสองแบบนี้ โปรโมชั่นลดราคาแบบจัดหนักจัดเต็มเหมือนตอนซื้อมือหนึ่ง หรือเหมือนตอนช้อปสินค้าทั่วไปอาจจะไม่เยอะเท่าไหร่นะจ๊ะ แต่ก็ยังมีโอกาสได้ของดีราคาดีในช่วง:

• เทศกาลช้อปปิ้งออนไลน์ใหญ่ๆ: ช่วง Double Digit Sale อย่าง 11.11 หรือ 12.12 บน Lazada หรือ Shopee เนี่ย แม้ร้านที่ขายจะเป็นร้านมือสอง แต่แพลตฟอร์มอาจจะมีโค้ดส่วนลด หรือโปรโมชั่นส่งฟรีที่ใช้กับสินค้าในร้านพวกนี้ได้ ก็ช่วยประหยัดไปได้อีกนะ
• ช่วงเทศกาลไทย: บางร้านอาจจะมีโปรโมชั่นเล็กๆ น้อยๆ ช่วงเทศกาลสำคัญๆ อย่างสงกรานต์ หรือปีใหม่ ลองติดตามร้านที่สนใจดูนะ
• โปรโมชั่นจากร้านนาฬิกามือสองเอง: ร้านค้าเฉพาะทางบางทีเค้าก็มีจัดโปรโมชั่นของตัวเอง เช่น ลดราคาช่วงเปิดร้านใหม่ ลดเคลียร์สต็อก หรือมีส่วนลดพิเศษสำหรับลูกค้าเก่า ต้องหมั่นติดตามเพจหรือเว็บไซต์ของร้านเหล่านั้นไว้ให้ดีจ้า

สรุปคือ ถ้าไม่รีบมาก การรอช่วงโปรโมชั่นก็อาจจะช่วยให้ได้ราคาที่ดีขึ้น หรือได้ของแถมที่น่าสนใจนะ

6. คนไทยใช้แล้วรู้สึกยังไงกันบ้างนะ? (อิงจากรีวิวสไตล์คนไทย)

เท่าที่เห็นคนไทยรีวิวหรือพูดถึง TAG Heuer S/el (S4000) ในเว็บบอร์ดหรือกลุ่มต่างๆ เนี่ย เสียงตอบรับส่วนใหญ่ค่อนข้างดีเลยนะ โดยเฉพาะในแง่ของความคุ้มค่าเมื่อซื้อมือสอง จุดที่โดนใจคนไทยก็คือ:

• แบรนด์ดี มีชื่อเสียง: ใครๆ ก็รู้จัก TAG Heuer ใส่ออกมาแล้วดูดี มีภูมิฐาน เป็นที่ยอมรับ
• ดีไซน์ก้างปลาคลาสสิก ไม่ตกยุค: สายที่เป็นเอกลักษณ์ทำให้คนรู้ทันทีว่าเป็น TAG Heuer ใส่ได้เรื่อยๆ ไม่เชย
• ทนทานสมชื่อแบรนด์สวิส: หลายคนที่ใช้มานานบอกว่ามันค่อนข้างทนไม้ทนมือ ใช้ได้ดีไม่มีปัญหาจุกจิก (ถ้าได้รับการดูแลรักษาตามสมควรนะ)
• ราคาจับต้องได้ในตลาดมือสอง: เมื่อเทียบกับราคามือหนึ่งของแบรนด์นี้ การได้เป็นเจ้าของ TAG Heuer ในราคาหลักหมื่นถือว่าคุ้มมากๆ สำหรับหลายคน
• มีอะไหล่หาง่าย (สำหรับบางชิ้น): อย่างสายก้างปลา หรือเครื่องควอตซ์ ETA ที่ใช้ในบางรุ่น ยังพอหาซ่อมหรือเปลี่ยนได้อยู่

แต่ก็มีข้อที่ต้องพิจารณาสำหรับมือสองรุ่นเก่าแบบนี้ เช่น อาจจะไม่มีกล่องใบครบ ทำให้เช็คประวัติยากหน่อย หรือต้องระวังเรื่องของปลอม และค่าบำรุงรักษาในระยะยาวนะ

7. แล้วจะไปหาซื้อได้ที่ไหนดีล่ะ?

อย่างที่เน้นย้ำไปว่าส่วนใหญ่เป็นตลาดมือสองนะจ๊ะ ช่องทางที่แนะนำในไทยก็จะมี:

• ร้านนาฬิกามือสองโดยเฉพาะ: อันนี้เป็นช่องทางที่ดีที่สุดถ้าอยากเห็นของจริง ลองใส่ และได้สอบถามข้อมูลกับผู้เชี่ยวชาญ มีทั้งร้านที่มีหน้าร้านจริงในกรุงเทพฯ และต่างจังหวัด (เช่น ร้านในห้าง Big C ลาดพร้าว, ร้านในตึกแดง) และร้านค้าออนไลน์ที่น่าเชื่อถือ ข้อดีคือมักจะมีการตรวจสอบว่าเป็นของแท้ และบางร้านมีประกันร้านให้ด้วย
• แพลตฟอร์ม E-commerce ใหญ่ๆ (Shopee, Lazada): มีร้านค้าและผู้ขายรายย่อยลงขายเยอะมากๆ ข้อดีคือตัวเลือกเยอะ ราคาหลากหลาย เปรียบเทียบง่าย และมีระบบคุ้มครองผู้ซื้อ แต่ต้องเลือกซื้อจากร้านที่น่าเชื่อถือ มีรีวิวดีๆ นะจ๊ะ
• กลุ่มซื้อขายนาฬิกามือสองใน Facebook หรือเว็บบอร์ดนาฬิกา (เช่น Expert Watch): เป็นแหล่งที่ผู้ใช้เอามาลงขายเอง บางทีอาจจะได้ราคาดีกว่าร้าน แต่ก็มีความเสี่ยงสูงกว่า ต้องเช็คประวัติผู้ขายให้ดี หรือนัดเจอเพื่อตรวจสอบสินค้าก่อนจ่ายเงินจะปลอดภัยที่สุด
• ร้านรับซื้อขายของหลุดจำนำ หรือร้านที่ขายสินค้ามือสองแบรนด์เนมอื่นๆ: บางทีอาจจะมีนาฬิกา TAG Heuer หลุดมาบ้าง แต่ต้องมีความรู้ในการตรวจสอบสินค้าพอสมควรนะ

ส่วนร้านตัวแทนจำหน่ายอย่างเป็นทางการของ TAG Heuer ในห้างใหญ่ๆ อันนั้นไว้ไปดูรุ่นใหม่ๆ จ้า

8. สรุปแล้วเจ้า TAG Heuer S4000 นี้น่าซื้อไหม? เหมาะกับใครกันนะ?

สรุปเลยนะจ๊ะ ถ้าถามว่า TAG Heuer S4000 (หรือ S/el) ยังน่าซื้ออยู่ไหมในปีนี้? คำตอบคือ น่าซื้อมากๆ เลยถ้าอยู่ในงบและรับได้กับการเป็นนาฬิกามือสอง! มันเหมาะมากๆ สำหรับคนที่:

• อยากได้นาฬิกาแบรนด์หรูจากสวิตเซอร์แลนด์ ในราคาที่เป็นมิตรกับกระเป๋าสตางค์
• ชอบดีไซน์คลาสสิก "ก้างปลา" ที่เป็นเอกลักษณ์ ไม่เหมือนใคร
• ต้องการนาฬิกาที่ทนทาน ใช้เป็น Everyday Watch ได้
• มองหานาฬิกาที่มีประวัติ มีคุณค่าทางกาลเวลา

การซื้อรุ่นนี้คือการได้เป็นเจ้าของนาฬิกาจากแบรนด์ระดับโลกในราคาที่เข้าถึงได้ง่ายมากๆ เมื่อเทียบกับรุ่นปัจจุบัน มันคือความคุ้มค่าในอีกรูปแบบหนึ่งเลยล่ะ

ถามว่าควรซื้อรุ่นสูง (ใหม่ๆ) หรือรุ่นต่ำ (เก่าๆ มือสอง) ดี? ถ้างบไม่ใช่ปัญหา อยากได้ฟังก์ชันใหม่ล่าสุด ได้นาฬิกาที่เพิ่งออกจากช็อป มีใบรับประกันศูนย์เต็มๆ ก็จัดรุ่นใหม่ไปเลยจ้า คุณภาพและความมั่นใจมาเต็ม แต่ถ้างบจำกัด หรืออยากได้นาฬิกาที่มีเรื่องราว มีดีไซน์คลาสสิกที่เลิกผลิตไปแล้ว การมองหา TAG Heuer S/el (S4000) มือสองสภาพดีนี่แหละคือคำตอบที่คุ้มค่าสุดๆ แล้วนะ!

ข้อควรระวังในการซื้อมือสองคือต้องตรวจสอบสภาพให้ดี และเลือกร้านค้าหรือผู้ขายที่น่าเชื่อถือนะจ๊ะ ถ้าให้ชัวร์ ลองเข้าร้านนาฬิกามือสองที่มีหน้าร้านจะอุ่นใจกว่า หรือถ้าซื้อออนไลน์ก็ดูรีวิวเยอะๆ ถามข้อมูลให้ละเอียด ขอรูปขอวิดีโอหลายๆ มุมนะจ๊ะ

หวังว่าข้อมูลนี้จะเป็นประโยชน์กับทุกคนที่กำลังลังเลว่าจะสอยเจ้า TAG Heuer S4000 (ก้างปลา) ดีมั้ยนะ ขอให้ได้นาฬิกาที่ถูกใจ ใส่แล้วหล่อ ใส่แล้วสวย เฮงๆ รวยๆ กันทุกคนจ้า!

วิดีโอที่เกี่ยวข้อง

• THE OAK WATCH | TAG HEUER Boy Size ราคา 13,900 บาท ...
• ❌ขายแล้วค่ะ❌ขอบคุณมากนะคะ😊🙏🙏 ⌚️Tag Heuer S4000 ...
• THE OAK WATCH | ✨️ส่งงานลูกค้ชุบทองฉ่ำๆเลย 5ไมครอน ...
• THE OAK WATCH | GUCCI 5500m ราคา 7,500.- ✅️ ขนาด ...
• TAG HEUER ข้อมือหน้าปแดงสวยจัดแท้ 100%