ราคา Air Vent (ช่องระบายอากาศ) สำหรับรถยนต์ รุ่นไหนดี? ราคาเท่าไหร่ พร้อมวิธีเลือก


สวัสดีค่าาา สายซิ่ง สายช้อปปิ้งออนไลน์ทั้งหลายยย! วันนี้เราจะมาเม้าท์มอยกันถึงไอเทมเด็ดที่คนมีรถต้องมี นั่นก็คือ ที่วางโทรศัพท์ในรถแบบเสียบช่องแอร์ นั่นเองงง! หลายคนอาจจะเคยหงุดหงิดเวลาขับรถแล้วต้องคอยมองโทรศัพท์ที่วางไว้เกะกะ หรือต้องถือไว้ตอนดู Google Maps ใช่ไหมล่ะ? ปัญหานี้จะหมดไปค่ะ! เพราะเจ้าที่วางโทรศัพท์ช่องแอร์นี่แหละคือผู้ช่วยชีวิต! มาดูกันว่าทำไมมันถึงฮิต แล้วจะเลือกซื้อยังไงให้ได้ของดีราคาโดนใจ ไปลุยยย!
1. ที่วางโทรศัพท์ช่องแอร์คืออะไร ทำไมต้องมี?
เอาล่ะ มาทำความรู้จักกับเจ้าสิ่งนี้กันก่อน หน้าตาของมันก็ตรงตัวเลยค่ะ มันคืออุปกรณ์สำหรับ ยึดโทรศัพท์มือถือของเราไว้กับช่องแอร์ในรถยนต์ นั่นเอง ฟังก์ชันหลักๆ ก็คือ ทำให้เราสามารถ วางโทรศัพท์ให้อยู่ในระดับสายตา ขณะขับรถได้ ไม่ต้องก้มๆ เงยๆ ให้เสียสมาธิ ซึ่งจะช่วยเพิ่มความปลอดภัยในการขับขี่ได้เยอะเลยค่ะ เหมาะมากๆ สำหรับคนที่ต้องใช้ GPS นำทาง ดูแจ้งเตือนต่างๆ หรือรับสายแบบแฮนด์ฟรี (แต่ขับรถอยู่ก็ระวังๆ กันด้วยนะ!) กลุ่มผู้ใช้ก็ชัดเจนเลยค่ะ คือ คนขับรถยนต์ทุกเพศทุกวัยที่ต้องการความสะดวกและความปลอดภัยในการใช้โทรศัพท์ขณะเดินทาง
ส่วนแบรนด์ที่ทำที่วางโทรศัพท์แบบนี้ก็มีเยอะแยะมากมายเลยค่ะ ตั้งแต่แบรนด์จีนราคาเบาๆ ไปจนถึงแบรนด์Gadget ชื่อดัง บางแบรนด์ก็มาจากต่างประเทศ อย่าง Baseus, UGREEN, HOCO, Joyroom หรือแบรนด์พรีเมียมอย่าง Peak Design แต่ละแบรนด์ก็งัดไม้เด็ดมาสู้กัน ทั้งเรื่องวัสดุ ดีไซน์ และความแน่นหนึบในการยึดเกาะค่ะ
2. ราคาในตลาดไทยเป็นยังไงบ้าง?
มาถึงเรื่องที่ทุกคนอยากรู้! ราคาของที่วางโทรศัพท์ช่องแอร์นี่บอกเลยว่ามีตั้งแต่หลักสิบไปจนถึงหลักพันเลยค่ะ! ราคาจะขึ้นอยู่กับหลายปัจจัย ทั้งแบรนด์ วัสดุ ดีไซน์ และฟังก์ชันเสริมต่างๆ
ถ้าเป็นแบบพื้นฐานเลย เน้นแค่หนีบช่องแอร์แล้วก็หนีบโทรศัพท์ได้ ราคาเริ่มต้นนี่เบามากกกก บางทีเจอโปรโมชั่นใน Lazada หรือ Shopee เหลือแค่ ไม่ถึงร้อยบาท (฿) ก็มีนะ! อันนี้คือแบบราคาเป็นมิตรกับกระเป๋าสุดๆ
ขยับขึ้นมาหน่อย เป็นรุ่นที่วัสดุดูดีขึ้น แข็งแรงขึ้น อาจจะมีระบบหนีบแบบอัตโนมัติ หรือเป็นแบบแม่เหล็ก ราคาก็จะอยู่ประมาณ หลักร้อยบาทต้นๆ ไปจนถึงกลางๆ (฿100 - ฿500) พวกแบรนด์ที่คนคุ้นเคยหน่อยอย่าง Baseus, HOCO, UGREEN ก็จะอยู่ในช่วงนี้ค่ะ
ส่วนรุ่นท็อปๆ หรือรุ่นที่มีฟังก์ชันพิเศษ อย่างเช่น มีที่ชาร์จไร้สาย (Wireless Charger) ในตัว หรือเป็นแบรนด์พรีเมียมที่เน้นดีไซน์และวัสดุเกรดสูงมากๆ ราคาก็อาจจะพุ่งไปถึง หลักพันบาทได้เลย (฿1,000+) ค่ะ
แหล่งช้อปปิ้งหลักๆ ในไทยที่เราจะเจอเจ้าพวกนี้ก็หนีไม่พ้น Lazada กับ Shopee นี่แหละค่ะ มีร้านค้าให้เลือกเยอะมากๆ ทั้งร้าน Official ของแบรนด์เอง หรือร้านค้าย่อยทั่วไป ราคาในสองแพลตฟอร์มนี้มักจะมีการแข่งขันสูง ทำให้เรามีโอกาสเจอสินค้าราคาดีๆ ได้ง่ายค่ะ
ร้านค้าปลีกใหญ่ๆ อย่าง Central หรือ The Mall อาจจะมีบ้างในโซนอุปกรณ์ประดับยนต์ แต่ก็อาจจะไม่ได้มีตัวเลือกหลากหลายเท่าออนไลน์ และราคาก็อาจจะไม่ได้ถูกเท่า ส่วนร้าน Gadget อย่าง JIB หรือ Banana IT เนี่ย เค้าจะเน้นพวกอุปกรณ์ไอทีใหญ่ๆ มากกว่า ที่วางโทรศัพท์ช่องแอร์นี่ไม่ใช่ไลน์สินค้าหลักค่ะ
3. แล้วเทียบกับที่วางมือถือแบบอื่นล่ะ ราคาโอเคมั้ย?
จริงๆ ที่วางโทรศัพท์ในรถไม่ได้มีแค่แบบเสียบช่องแอร์นะ ยังมีแบบอื่นๆ อีก เช่น แบบติดกระจก, แบบติดคอนโซลรถ, แบบติดช่องวางแก้ว หรือแบบแม่เหล็กที่ติดได้หลายจุด ถ้าเทียบราคากันแล้วเนี่ย ที่วางโทรศัพท์ช่องแอร์แบบพื้นฐานมักจะมีราคาถูกที่สุด ค่ะ เพราะกลไกไม่ซับซ้อนมาก
ส่วนแบบอื่นๆ ราคาก็จะแตกต่างกันไปค่ะ เช่น แบบติดกระจกหรือคอนโซลบางรุ่นที่เน้นความแข็งแรงของตัวดูดสุญญากาศ หรือวัสดุที่ใช้ ก็อาจจะมีราคาสูงกว่าแบบช่องแอร์นิดหน่อย แต่ถ้าเป็นแบบที่มีฟังก์ชันเสริมอย่างชาร์จไร้สาย ไม่ว่าจะเป็นแบบติดช่องแอร์ คอนโซล หรือแบบอื่นๆ ราคาก็จะใกล้เคียงกันคืออยู่ในช่วงหลักร้อยปลายๆ ถึงหลักพันค่ะ
สรุปง่ายๆ คือ ถ้าเน้นราคาเบาๆ ใช้งานง่ายๆ แบบช่องแอร์พื้นฐานคือตัวเลือกที่คุ้มค่ามากๆ ค่ะ
4. ซื้อแล้วได้อะไรมาบ้างนะ?
โดยทั่วไปแล้ว ถ้าซื้อที่วางโทรศัพท์ช่องแอร์ สิ่งที่เราจะได้มาหลักๆ เลยก็คือ:
- ตัวที่วางโทรศัพท์แบบเสียบช่องแอร์: อันนี้แน่นอนอยู่แล้วค่ะ
- ตัวหนีบ/ขาเกี่ยวช่องแอร์: บางรุ่นอาจจะมีมาให้หลายขนาดเพื่อรองรับช่องแอร์ดีไซน์ต่างๆ กัน
- แผ่นเหล็ก (สำหรับรุ่นแม่เหล็ก): ถ้าเป็นแบบแม่เหล็ก เค้าจะมีแผ่นเหล็กบางๆ มาให้ติดหลังเคสโทรศัพท์ หรือใส่ไว้ในเคสค่ะ
- สายชาร์จ (สำหรับรุ่นชาร์จไร้สาย): ถ้าเลือกรุ่นที่มีฟังก์ชันชาร์จไร้สาย ก็จะมีสาย USB มาให้สำหรับต่อไฟเข้าที่วางค่ะ
ส่วนเรื่องบริการอื่นๆ ล่ะ? ส่วนใหญ่ที่วางโทรศัพท์ราคาไม่สูงมาก มักจะไม่มีการรับประกันที่ยาวนาน ค่ะ บางร้านอาจจะมีประกันร้านให้สั้นๆ เช่น 7 วัน หรือ 30 วัน ก็ต้องลองสอบถามดูดีๆ แต่ถ้าเป็นแบรนด์ที่มีราคาสูงขึ้นมาหน่อย หรือซื้อจากร้าน Official Store บนแพลตฟอร์มออนไลน์ ก็อาจจะได้การรับประกันที่นานขึ้นค่ะ
เรื่อง ค่าขนส่ง ถ้าช้อปออนไลน์ ส่วนใหญ่จะมีค่าส่งค่ะ แต่! ข่าวดีคือ บน Shopee และ Lazada มักจะมี โค้ดส่งฟรี หรือโปรโมชั่นส่งฟรีขั้นต่ำอยู่บ่อยๆ อันนี้ต้องหมั่นเข้าไปเช็คและเก็บโค้ดไว้นะคะ จะช่วยประหยัดไปได้เยอะเลย
ของแถมอื่นๆ เช่น สติกเกอร์ หรือถุงผ้าเล็กๆ อันนี้แล้วแต่ร้านเลยค่ะ บางทีอาจจะมีโปรโมชั่นแถมมาให้บ้าง
5. มีช่วงไหนน่าซื้อเป็นพิเศษมั้ย?
แน่นอนว่าถ้าอยากได้ของดีราคาโดน ช่วง โปรโมชั่น นี่แหละคือเวลาทองเลยจ้า! แพลตฟอร์มออนไลน์อย่าง Lazada และ Shopee เค้าจัดหนักจัดเต็มตลอดทั้งปี โดยเฉพาะช่วงเทศกาลช้อปปิ้งใหญ่ๆ อย่าง:
- Double Digit Sale: เช่น 4.4, 5.5, 6.6, 7.7, 8.8, 9.9, 10.10, 11.11 (ใหญ่สุด!) และ 12.12 (ปิดท้ายปี!) ช่วงนี้แหละค่ะที่ของจะลดเยอะ โค้ดส่วนลดเพียบ!
- เทศกาลสำคัญของไทย: เช่น สงกรานต์ (ปีใหม่ไทย) หรือช่วงปลายปีเข้าสู่ปีใหม่ ก็มักจะมีโปรโมชั่นออกมาด้วยค่ะ
- Mid Year Sale / Year End Sale: ลดกลางปี ลดปลายปี อันนี้ก็ลดเยอะไม่แพ้กัน
ร้านค้าที่เป็น Official Store หรือร้านใหญ่ๆ บนแพลตฟอร์มเหล่านี้ก็มักจะมีโปรโมชั่นของตัวเองออกมาเรื่อยๆ อยู่แล้วค่ะ ถ้าไม่ได้รีบใช้มากๆ การรอซื้อในช่วงโปรโมชั่นจะช่วยให้ได้ราคาที่คุ้มค่ากว่าเดิมแน่นอน เพราะนอกจากส่วนลดจากร้านค้าแล้ว เรายังสามารถใช้โค้ดส่วนลดจากแพลตฟอร์มร่วมด้วยได้อีก เพียบ!
6. คนไทยใช้แล้วรู้สึกยังไงกันบ้างนะ?
จากที่ไปส่องๆ ดูตามรีวิวของคนไทยใน Shopee, Lazada หรือตามกระทู้ Pantip เนี่ย เสียงตอบรับส่วนใหญ่เกี่ยวกับที่วางโทรศัพท์ช่องแอร์ก็หลากหลายปนๆ กันไปค่ะ
ข้อดีที่คนไทยชอบ:
- ราคาถูก/คุ้มค่า: อันนี้มาเป็นอันดับต้นๆ เลยค่ะ โดยเฉพาะรุ่นราคาเบาๆ
- ติดตั้งง่าย: เสียบเข้าช่องแอร์ก็ใช้ได้เลย ไม่ต้องติดกาวให้เลอะเทอะ
- ไม่บังสายตา: ถ้าเทียบกับแบบติดกระจกหรือคอนโซล บางคนมองว่าแบบช่องแอร์ไม่ค่อยบังวิวเท่าไหร่ (แต่อันนี้แล้วแต่ดีไซน์ช่องแอร์และตำแหน่งที่ติดด้วยนะ)
- หลากหลายรุ่น: มีให้เลือกเยอะมากก ทั้งแบบหนีบ แบบแม่เหล็ก
ข้อกังวล/ข้อติที่เจอได้บ้าง:
- ความแน่นหนา: บางรุ่นที่ราคาถูกมากๆ อาจจะหนีบช่องแอร์ได้ไม่แน่นพอ หรือตัวหนีบโทรศัพท์ไม่แข็งแรง โทรศัพท์มีสิทธิ์หลุดได้ โดยเฉพาะเวลาขับรถตกหลุมหรือถนนขรุขระ อันนี้ต้องเช็คดูรีวิวดีๆ เลย
- บังลมแอร์: ข้อเสียที่หลายคนพูดถึงคือ มันจะไปบังลมแอร์ ทำให้ลมเย็นมาไม่ถึง หรือแอร์ออกไม่เต็มที่
- ทำให้ช่องแอร์เสียหาย: ถ้าหนีบแน่นเกินไป หรือวัสดุที่หนีบไม่ดี อาจทำให้ช่องแอร์เป็นรอยหรือหักได้ค่ะ
- โทรศัพท์ร้อน: ถ้าเปิดแอร์แล้วลมผ่านที่วางพอดี โทรศัพท์อาจจะเย็น แต่ถ้าลมไม่ผ่านตรงๆ ประกอบกับมีการชาร์จไปด้วย โทรศัพท์อาจจะร้อนได้ค่ะ
สรุปคือ ที่วางโทรศัพท์ช่องแอร์เป็นที่นิยมเพราะราคาเข้าถึงง่าย ติดตั้งง่าย แต่ก็ต้องเลือกดีๆ เรื่องความแน่นหนาและความแข็งแรงค่ะ!
7. แล้วจะไปหาซื้อได้ที่ไหนล่ะทีนี้?
ช่องทางหลักและสะดวกที่สุดในการซื้อที่วางโทรศัพท์ช่องแอร์ในไทยตอนนี้ก็คือ แพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซขนาดใหญ่ อย่าง Shopee และ Lazada เลยค่ะ
- Shopee และ Lazada: เป็นแหล่งรวมสินค้าที่เยอะที่สุด มีร้านค้าให้เลือกเพียบ ทั้งร้าน Official ของแบรนด์ต่างๆ (เช่น Baseus Official Store) หรือร้านค้าย่อยทั่วไป ข้อดีคือ ตัวเลือกเยอะ ราคาแข่งขันสูง หาโปรโมชั่นได้ง่าย มีระบบรีวิวจากผู้ใช้จริงให้เราอ่านประกอบการตัดสินใจได้เยอะมากๆ การชำระเงินก็ปลอดภัย มีระบบคุ้มครองผู้ซื้อค่ะ
- ร้านค้าออนไลน์อื่นๆ: อาจจะมีเว็บไซต์ของร้านประดับยนต์ หรือร้านขาย Gadget ออนไลน์บ้าง แต่ตัวเลือกอาจจะไม่หลากหลายเท่า Shopee/Lazada
- ร้านค้าปลีก: ตามห้างสรรพสินค้า หรือร้านขายอุปกรณ์ประดับยนต์บางแห่งก็มีขายค่ะ ข้อดีคือ ได้เห็นของจริง ลองจับลองเทียบได้ แต่ราคาก็อาจจะสูงกว่าซื้อออนไลน์นิดหน่อย
แนะนำว่าถ้าอยากได้ราคาดีๆ และมีตัวเลือกเยอะๆ พุ่งตรงไปที่ Shopee หรือ Lazada เลยค่ะ อย่าลืมใช้ฟิลเตอร์ค้นหา และอ่านรีวิวจากผู้ซื้อคนไทยก่อนตัดสินใจซื้อนะคะ!
8. สรุปแล้วน่าซื้อไหม? เหมาะกับใคร?
สรุปเลยนะ! ที่วางโทรศัพท์ในรถแบบเสียบช่องแอร์เนี่ย น่าซื้อมากๆ ค่ะ ถ้าคุณเป็นคนที่:
- ต้องการที่วางโทรศัพท์ในรถในงบประมาณจำกัด: รุ่นพื้นฐานราคาดีงามเป็นมิตรกับเงินในกระเป๋า
- ชอบความติดตั้งง่าย ไม่ยุ่งยาก: เสียบเข้าช่องแอร์แป๊บเดียวก็พร้อมใช้งาน
- ไม่ได้ต้องการฟังก์ชันหวือหวามากมาย: เน้นแค่วางโทรศัพท์ให้มั่นคง ดูแผนที่สะดวก
- มีพื้นที่บนคอนโซลหรือกระจกจำกัด: แบบช่องแอร์ก็เป็นอีกทางเลือกที่ดีที่ไม่ไปบังส่วนอื่นๆ
เจ้าที่วางโทรศัพท์ช่องแอร์นี่เหมาะกับทุกคนที่มีรถและใช้โทรศัพท์มือถือขณะขับรถค่ะ มันช่วยเพิ่มความสะดวกและความปลอดภัยได้จริงๆ
ส่วนจะเลือกรุ่นราคาถูกหรือรุ่นแพงดี? ถ้า งบน้อย หรือแค่อยากลองใช้ดู รุ่นราคาหลักสิบหลักร้อยต้นๆ ก็เพียงพอสำหรับการใช้งานทั่วไปแล้วค่ะ แต่ให้เน้นดูรีวิวว่ามันหนีบแน่นดีไหม วัสดุแข็งแรงทนทานหรือเปล่า
แต่ถ้า มีงบมากขึ้นหน่อย หรือต้องการความมั่นคงแข็งแรงเป็นพิเศษ อยากได้วัสดุดีๆ ไม่ต้องกังวลว่าโทรศัพท์จะหล่น หรือต้องการฟังก์ชันเสริมอย่างชาร์จไร้สาย ก็ขยับไปดูรุ่นที่มีราคาสูงขึ้นมาอีกนิดค่ะ พวกแบรนด์ที่น่าเชื่อถือหน่อยก็จะอยู่ในช่วงราคาหลักร้อยกลางๆ ไปจนถึงหลักพันต้นๆ อันนี้ก็ถือว่าคุ้มค่ากับการลงทุนเพื่อความปลอดภัยและฟังก์ชันที่ครบครันขึ้นนะ
สุดท้ายแล้ว ไม่ว่าคุณจะเลือกรุ่นไหน ราคาเท่าไหร่ สิ่งสำคัญที่สุดคือ เลือกที่วางที่หนีบได้แน่นมั่นคงกับช่องแอร์รถของคุณ และ หนีบโทรศัพท์ของคุณได้อย่างมั่นคง ไม่หลุดง่ายเวลาขับรถนะคะ! ขอให้ทุกคนขับขี่ปลอดภัย และสนุกกับการช้อปปิ้งค่ะ! บ๊ายบายยย!
วิดีโอที่เกี่ยวข้อง
แนะนำสำหรับคุณ
ราคา iPhone 14 Plus ล่าสุดปี 2025 มือหนึ่ง/มือสอง ราคาลงเยอะแค่ไหน?
ราคา ยาทาเล็บ อัปเดตปี 2025 พร้อมเทคนิคเลือกสีให้ปัง
ราคา ซอสมะเขือเทศ โรซ่า อัปเดตปี 2025 ซื้อที่ไหนถูก?
Glenfiddich 30 Years ราคาล่าสุดปี 2025 วิสกี้หายากสำหรับนักสะสม
ราคาหอยเชลล์สด/แช่แข็ง วันนี้ อัปเดตจากตลาด/ห้างสรรพสินค้า ทำเมนูไหนดี?
นาฬิกาข้อมือรัสเซีย Aviator ราคาล่าสุดปี 2025 ดีไซน์นักบิน คุณภาพดีไหม?