รถบรรทุก 6 ล้อเล็ก ใหม่ ราคาเท่าไหร่? เลือกรุ่นไหนดี เหมาะกับงานอะไร?


สวัสดีจ้าพ่อแม่พี่น้อง! วันนี้เราจะมาเม้าท์มอยเรื่องรถคู่ใจสายทำมาหากิน นั่นก็คือ รถบรรทุก 6 ล้อเล็ก นั่นเอง! ใครที่กำลังเล็งๆ อยากจะมีรถ 6 ล้อไว้เสริมทัพธุรกิจ ไม่ว่าจะขนของ ขนสินค้า หรือจะไปลุยงานสมบุกสมบัน มามุงทางนี้เลยจ้า เพราะเราจะมาเจาะลึกให้ฟังแบบหมดเปลือก ทั้งเรื่องราคา เลือกรุ่นไหนดี แล้วเหมาะกับงานอะไรบ้าง รับรองว่าอ่านจบปุ๊บ ได้ไอเดียไปถอยรถคู่ใจแน่นอน! เตรียมตัวให้พร้อม แล้วไปลุยกันเลย!
1. รถ 6 ล้อเล็ก นี่มันคืออะไรกันนะ? เหมาะกับใครบ้าง?
เอาล่ะ เริ่มต้นกันที่ว่าเจ้า รถบรรทุก 6 ล้อเล็ก นี่มันคือรถแบบไหน? พูดง่ายๆ มันก็คือรถบรรทุกที่มี 6 ล้อนั่นแหละ แต่เป็นขนาดที่ไม่ได้ใหญ่ยักษ์เหมือนพวกรถสิบล้อ เหมาะสำหรับงานที่ต้องการขนของในปริมาณที่มากขึ้นกว่ารถกระบะ 4 ล้อ แต่ยังต้องการความคล่องตัวในการวิ่งเข้าซอกซอย หรือในพื้นที่ที่รถใหญ่เข้าลำบากนั่นเองจ้า
แบรนด์ดังๆ ในไทยที่เห็นวิ่งกันเกลื่อนถนนเลยก็หนีไม่พ้นขาใหญ่อย่าง ISUZU, HINO, และ FUSO (Mitsubishi Fuso) ซึ่งแต่ละแบรนด์ก็มีประวัติยาวนานในวงการรถบรรทุกระดับโลก โดยเฉพาะ ISUZU กับ HINO นี่คือตัวตึงเรื่องความทนทานและประหยัดน้ำมันในตลาดไทยเลย
แล้วรถ 6 ล้อเล็กเหมาะกับใคร? บอกเลยว่าเหมาะกับผู้ประกอบการหลากหลายรูปแบบมากๆ ไม่ว่าจะเป็น:
- ธุรกิจขนส่งสินค้าทั่วไป: ที่ไม่ได้ขนหนักเว่อร์วังอลังการมากนัก เช่น สินค้าอุปโภคบริโภค อุปกรณ์ต่างๆ
- ธุรกิจก่อสร้างขนาดเล็ก-กลาง: ใช้ขนส่งวัสดุก่อสร้างที่ไม่เยอะมาก หรือเข้าพื้นที่จำกัด
- ธุรกิจเกษตรกรรม: ขนผลผลิตทางการเกษตร
- ธุรกิจบริการขนย้าย: เหมาะสำหรับขนย้ายของในเมือง หรือเข้าพื้นที่แคบๆ
สรุปคือ ถ้างานของคุณต้องการขนของเยอะกว่า 4 ล้อ แต่ยังอยากได้ความคล่องตัว ไม่ต้องเข้าตรอกออกซอยยากลำบาก เจ้า 6 ล้อเล็กนี่แหละคือคำตอบที่ใช่เลยจ้า!
2. ราคาในตลาดไทยเป็นยังไงบ้าง?
มาถึงเรื่องสำคัญที่ทุกคนอยากรู้ใจจะขาด นั่นก็คือ "ราคา" นั่นเอง! สำหรับรถบรรทุก 6 ล้อเล็กป้ายแดง ราคาเนี่ยขึ้นอยู่กับหลายปัจจัยมากๆ เลยนะ ทั้งยี่ห้อ รุ่นย่อย ขนาดเครื่องยนต์ และที่สำคัญคือ "ตัวถัง" ที่ต่อเพิ่มเข้าไป ไม่ว่าจะเป็นกระบะคอก กระบะพื้นเรียบ ตู้แห้ง ตู้เย็น หรือรถดั้มพ์ ราคาก็จะแตกต่างกันไปลิบลับเลยจ้า
จากที่ส่องๆ ดูตามแหล่งต่างๆ ราคาเริ่มต้นของรถ 6 ล้อเล็กป้ายแดงในไทย โดยส่วนใหญ่จะอยู่ในช่วงประมาณ 1 ล้านบาทต้นๆ ไปจนถึงเกือบๆ 1.5 ล้านบาท (สำหรับหัวแชสซีส์ หรือพร้อมกระบะพื้นเรียบ/คอกแบบมาตรฐาน)
- อย่าง ISUZU NMR 130 แรงม้า (ช่วงยาว 3 เมตร) เฉพาะหัวแชสซีส์ ราคาเริ่มต้นประมาณ 1,033,000 บาท ถ้าเป็นรุ่น Euro 5 Max ราคาอาจจะขยับขึ้นไปหน่อย รุ่นอื่นๆ อย่าง NPR หรือ NQR ที่เป็น 6 ล้อขนาดกลางของ ISUZU ราคาก็จะสูงขึ้นไปอีก เริ่มต้นตั้งแต่ 1.3 ล้านปลายๆ ไปจนถึง 1.4 ล้านกว่าบาท
- ทางฝั่ง HINO เองก็มีรุ่น 6 ล้อขนาดเล็กและขนาดกลางให้เลือก อย่าง HINO 300 INNOVATOR หรือ HINO 500 DOMINATOR ราคาเริ่มต้นของ 6 ล้อขนาดกลางบางรุ่นก็อยู่ประมาณ 1,490,000 บาท ส่วนรุ่นเล็กอย่าง HINO XZU 150 แรงม้า ก็มีให้เห็นในตลาดเช่นกัน ราคาป้ายแดงอาจจะต้องสอบถามที่ศูนย์ฯ โดยตรง แต่มักจะอยู่ในช่วงใกล้เคียงกัน
- ส่วน FUSO ก็เป็นอีกตัวเลือกที่น่าสนใจ มีทั้งรุ่นขนาดกลางและใหญ่ อย่างรุ่น FK ก็ได้รับความนิยมในตลาดเช่นกัน เรื่องราคาอาจจะมีความหลากหลาย แต่ก็ถือเป็นอีกแบรนด์ที่มีรถบรรทุกให้เลือกใช้งานในหลายช่วงราคา
ราคาที่ยกมาเป็นเพียงราคาเริ่มต้นของ "หัวแชสซีส์" หรือพร้อมตัวถังพื้นฐานนะจ๊ะ ถ้าต้องการต่อตัวถังแบบเฉพาะเจาะจง เช่น ตู้ทึบ ตู้เย็น หรือดั้มพ์ ราคาก็จะบวกเพิ่มไปอีกเยอะเลยทีเดียว ดังนั้นก่อนตัดสินใจซื้อ ต้องระบุความต้องการใช้งานให้ชัดเจน แล้วสอบถามราคาพร้อมตัวถังที่ต้องการจากผู้จำหน่ายโดยตรงจะดีที่สุดจ้า
3. เทียบราคากับรุ่นอื่นในตลาด แล้วน่าสอยไหม?
ถ้าให้เทียบกับรถบรรทุกประเภทอื่น เช่น 4 ล้อจัมโบ้ หรือรถ 10 ล้อ
- เทียบกับ 4 ล้อจัมโบ้: รถ 6 ล้อเล็กราคาจะสูงกว่า 4 ล้อจัมโบ้อย่างแน่นอน แต่สิ่งที่ได้มาคือความสามารถในการบรรทุกน้ำหนักได้มากกว่า และขนาดตัวถังที่ใหญ่กว่า ทำให้ขนของได้ปริมาณเยอะกว่าด้วย ถ้างานของคุณต้องการขนของเกินกำลัง 4 ล้อ แต่ยังไม่ถึงขั้น 10 ล้อล่ะก็ 6 ล้อเล็กนี่แหละคือจุดกึ่งกลางที่คุ้มค่า
- เทียบกับ 10 ล้อ: รถ 6 ล้อเล็กราคาถูกกว่า 10 ล้อเยอะเลยจ้า แน่นอนว่าความสามารถในการบรรทุกน้ำหนักก็ต่างกันด้วย 10 ล้อขนได้หนักกว่าและเยอะกว่า แต่ข้อดีของ 6 ล้อเล็กที่เหนือกว่าคือเรื่อง "ความคล่องตัว" และ "ข้อจำกัดในการวิ่งในเมือง" ที่น้อยกว่ารถ 10 ล้อ ทำให้เข้าถึงพื้นที่ในเมืองได้ง่ายกว่ามาก นอกจากนี้ ค่าใช้จ่ายในการดูแลรักษาก็อาจจะน้อยกว่ารถ 10 ล้อด้วยนะ
สรุปคือ การเลือกรถ 6 ล้อเล็กนั้นเป็นการตัดสินใจที่ขึ้นอยู่กับ "ประเภทของงาน" และ "ปริมาณน้ำหนัก" ที่บรรทุกเป็นหลัก ถ้างานอยู่กึ่งกลางระหว่าง 4 ล้อกับ 10 ล้อ เจ้า 6 ล้อเล็กนี่แหละคือตัวเลือกที่น่าสอยมากๆ ในแง่ของความคุ้มค่าและการใช้งานที่หลากหลาย
4. ซื้อรถป้ายแดง ได้อะไรมาบ้างนะ?
เวลาถอยรถบรรทุก 6 ล้อเล็กป้ายแดง สิ่งที่คุณจะได้รับหลักๆ เลยก็คือ:
- ตัวรถ (หัวแชสซีส์): นี่คือโครงสร้างหลักของรถเลย
- เครื่องยนต์และระบบส่งกำลัง: หัวใจหลักในการขับเคลื่อน
- ตัวถัง (ขึ้นอยู่กับการตกลง): อันนี้สำคัญมากๆ บางราคาเป็นแค่หัวแชสซีส์ แล้วเราต้องไปต่อตัวถังเองข้างนอก หรือบางทีราคาก็รวมตัวถังพื้นฐานมาให้แล้ว เช่น กระบะพื้นเรียบ หรือกระบะคอก ต้องสอบถามให้ชัดเจนก่อนจ้า
- การรับประกัน: อันนี้เป็นจุดเด่นของการซื้อรถใหม่เลย! โดยทั่วไปแล้วรถบรรทุกป้ายแดงจะมี การรับประกันตัวรถ ตามเงื่อนไขของบริษัทผู้ผลิต ซึ่งมักจะครอบคลุมระยะเวลาหลายปี หรือตามระยะทางที่กำหนด (เช่น 5 ปี ไม่จำกัดระยะทางสำหรับบางรุ่น) อันนี้สบายใจได้เลยเรื่องการซ่อมบำรุงในช่วงแรก
- สมุดคู่มือและเอกสารการจดทะเบียน: ได้รับเอกสารครบถ้วน พร้อมนำไปจดทะเบียนได้เลย
- ค่าจัดส่ง: ถ้าซื้อกับผู้จำหน่ายในพื้นที่ มักจะไม่มีค่าจัดส่ง หรืออาจจะมีบริการส่งรถให้ถึงที่ แต่อันนี้ก็ต้องคุยรายละเอียดกับผู้ขายอีกทีนะจ๊ะ
- ของแถม/โปรโมชั่น: อันนี้แล้วแต่ช่วงและแล้วแต่ผู้จำหน่ายเลย บางทีอาจจะมีแถมประกันภัยชั้น 1 ฟรีค่าบำรุงรักษาตามระยะทาง หรือส่วนลดเงินดาวน์ ดอกเบี้ยพิเศษ หรือบางทีอาจจะได้ของแถมเล็กๆ น้อยๆ เช่น ฟิล์มกรองแสง พรมปูพื้น (อันนี้แล้วแต่ดีลจริงๆ)
5. มีช่วงไหนน่าซื้อเป็นพิเศษมั้ย? และหาโปรโมชั่นได้จากไหน?
ถ้าอยากได้รถ 6 ล้อเล็กในราคาดีๆ พร้อมโปรโมชั่นโดนๆ เนี่ย ก็ต้องหมั่นอัปเดตข่าวสารจากผู้จำหน่ายอย่างใกล้ชิดเลยจ้า!
- ช่วงจัดงานอีเวนท์รถยนต์/รถบรรทุก: งานใหญ่ๆ อย่าง Motor Expo หรือ Motor Show มักจะมีโปรโมชั่นพิเศษจากค่ายรถต่างๆ รวมถึงรถบรรทุกด้วยนะ
- ช่วงปลายปี หรือต้นปีงบประมาณใหม่: บางทีผู้จำหน่ายอาจจะมีโปรโมชั่นเคลียร์สต็อก หรือกระตุ้นยอดขายในช่วงนี้
- ช่วงเทศกาลสำคัญ: แม้จะไม่ตรงกับ 12.12 แบบสินค้าทั่วไปเป๊ะๆ แต่บางผู้จำหน่ายก็อาจจะใช้โอกาสช่วงเทศกาลปีใหม่ หรือเทศกาลอื่นๆ จัดโปรโมชั่นส่งเสริมการขายได้เหมือนกัน
- โปรโมชั่นจากสถาบันการเงิน/ลีสซิ่ง: การซื้อรถบรรทุกส่วนใหญ่จะใช้บริการสินเชื่อจากสถาบันการเงิน หรือบริษัทลีสซิ่ง ซึ่งพวกนี้แหละตัวจัดโปรฯ เลย! ทั้งดอกเบี้ยพิเศษ ดาวน์น้อย ผ่อนนาน หรือโปรแกรมขับฟรีช่วงแรก ลองสอบถามจากผู้จำหน่ายที่ร่วมกับสถาบันการเงินต่างๆ ดูนะจ๊ะ
แล้วจะไปหาโปรโมชั่นได้จากไหน?
- เว็บไซต์ผู้ผลิต/ผู้จำหน่ายอย่างเป็นทางการ: เข้าไปเช็คหน้าเว็บไซต์ของ ISUZU TRUCKS THAILAND HINO THAILAND หรือ FUSO THAILAND เลยจ้า เค้ามักจะอัปเดตโปรโมชั่นล่าสุดไว้ที่นี่
- ศูนย์บริการ/ผู้จำหน่ายทั่วประเทศ: อันนี้คือแหล่งรวมโปรโมชั่นแบบ On Ground เลย! ลองโทรสอบถาม หรือเข้าไปคุยกับฝ่ายขายโดยตรง เค้าจะมีข้อมูลโปรโมชั่นที่ตรงกับพื้นที่ของคุณ
- Facebook Page ของผู้จำหน่ายต่างๆ: ผู้จำหน่ายรถบรรทุกหลายแห่งมีเพจใน Facebook และมักจะโพสต์โปรโมชั่น หรือรถใหม่ รถมือสอง พร้อมโปรโมชั่นต่างๆ อยู่ตลอด
- เว็บไซต์รวมรถบรรทุกมือสอง/ใหม่: บางเว็บไซต์ที่รวบรวมการซื้อขายรถบรรทุกก็มักจะมีข้อมูลโปรโมชั่นจากผู้ขายมาลงไว้ด้วยเช่นกัน
สรุปคือ ถ้าอยากได้โปรดีๆ ต้องขยันหาข้อมูลจากหลายๆ แหล่ง และถ้าไม่รีบมาก การรอช่วงที่มีโปรโมชั่นใหญ่ๆ ก็ช่วยเซฟเงินในกระเป๋าไปได้เยอะเลยจ้า!
6. รีวิวและฟีดแบ็กจากผู้ใช้ในไทยเป็นยังไงบ้าง?
จากที่ส่องๆ ดูตามเว็บบอร์ด หรือสอบถามจากผู้ที่ใช้งานจริงในไทย เสียงตอบรับเกี่ยวกับรถบรรทุก 6 ล้อเล็ก ส่วนใหญ่ไปในทิศทางที่ดีเลยนะ โดยเฉพาะรุ่นยอดนิยมอย่าง ISUZU และ HINO
- ความทนทาน: อันนี้คือจุดเด่นที่คนไทยชื่นชมมากๆ! รถบรรทุกพวกนี้ถูกออกแบบมาให้รองรับงานหนักอยู่แล้ว ผู้ใช้หลายคนบอกว่าอึด ถึก ทน ใช้งานได้ยาวนาน ไม่จุกจิก (ถ้าดูแลรักษาตามระยะนะ!)
- ประหยัดน้ำมัน: สำหรับสายขนส่ง ต้นทุนค่าน้ำมันเป็นเรื่องใหญ่ ซึ่งรถ 6 ล้อเล็กสมัยใหม่หลายรุ่นถูกพัฒนาให้ประหยัดน้ำมันมากขึ้น ผู้ใช้หลายคนพอใจกับอัตราสิ้นเปลืองที่ช่วยลดภาระค่าใช้จ่ายได้
- หาอะไหล่และศูนย์บริการง่าย: แบรนด์ยอดนิยมอย่าง ISUZU และ HINO มีศูนย์บริการและร้านอะไหล่รองรับทั่วประเทศ ทำให้เวลาซ่อมบำรุง หรือต้องการอะไหล่ ไม่ต้องกังวลว่าจะหาไม่ได้ หรือต้องรอนาน
- ราคาขายต่อดี: รถบรรทุก ISUZU และ HINO มีชื่อเสียงในไทย ทำให้มีตลาดรองรับที่ดี ราคาขายต่อค่อนข้างแข็ง เมื่อเทียบกับยี่ห้ออื่น อันนี้ก็เป็นอีกปัจจัยที่ทำให้หลายคนตัดสินใจเลือกรุ่นเหล่านี้
- คล่องตัว เหมาะกับงานในเมือง: ผู้ใช้ที่วิ่งงานในเมือง ชื่นชอบความคล่องตัวของ 6 ล้อเล็กที่สามารถเข้าซอย หรือพื้นที่จำกัดได้ดีกว่ารถใหญ่
แต่ก็มีฟีดแบ็กที่ต้องพิจารณาเหมือนกันนะ เช่น เรื่องน้ำหนักบรรทุกที่ต้องระมัดระวังไม่ให้เกินพิกัดตามกฎหมาย และการจัดเรียงสินค้าบนรถ 6 ล้อเล็กที่อาจจะมีพื้นที่จำกัดกว่ารถใหญ่ ทำให้ต้องวางแผนดีๆ
7. แล้วจะไปหาซื้อรถ 6 ล้อเล็กได้ที่ไหนล่ะทีนี้?
ช่องทางการซื้อรถบรรทุก 6 ล้อเล็กป้ายแดงหลักๆ ก็คือ:
- ศูนย์บริการ/ผู้จำหน่ายอย่างเป็นทางการ: อันนี้คือช่องทางที่แนะนำและน่าเชื่อถือที่สุด! คุณจะได้รถใหม่แกะกล่อง มีการรับประกันเต็มรูปแบบ และบริการหลังการขายครบวงจร สามารถเข้าไปดูรถ สอบถามรายละเอียด ขอทดลองขับ และปรึกษาเรื่องไฟแนนซ์ได้เลย มีอยู่ทั่วประเทศ
- เว็บไซต์ผู้ผลิต/ผู้จำหน่าย: บางทีสามารถเข้าไปดูข้อมูลเบื้องต้น รุ่นรถ สเปก และราคาบนเว็บไซต์ได้เลย บางแห่งอาจจะมีช่องทางให้สอบถามข้อมูล หรือขอใบเสนอราคาออนไลน์ได้ด้วย
- งานแสดงรถยนต์/รถบรรทุก: อย่างที่บอกไปว่างานพวกนี้มักจะมีโปรโมชั่นดีๆ การซื้อในงานก็เป็นอีกทางเลือกที่น่าสนใจ
ส่วนช่องทางออนไลน์อย่าง Lazada หรือ Shopee เนี่ย ส่วนใหญ่จะเน้นขายรถยนต์นั่งส่วนบุคคล หรืออุปกรณ์เกี่ยวกับรถมากกว่า การซื้อรถบรรทุกป้ายแดงโดยตรงผ่านแพลตฟอร์มพวกนี้ยังไม่เป็นที่นิยมนะจ๊ะ แต่ถ้าเป็น รถบรรทุกมือสอง อันนี้สามารถหาได้ตามเว็บไซต์รวมประกาศขายรถมือสองเฉพาะทาง หรือกลุ่มซื้อขายในโซเชียลมีเดีย
8. สรุปแล้วน่าซื้อไหม? เลือกรุ่นไหนดี? เหมาะกับงานอะไร?
มาถึงบทสรุปแล้วจ้า! ถามว่า รถบรรทุก 6 ล้อเล็กป้ายแดง ยังน่าซื้ออยู่ไหมในปีนี้? คำตอบคือ น่าซื้อมากๆ เลยจ้า ถ้าคุณเป็นผู้ประกอบการที่ต้องการขยายธุรกิจ หรือต้องการรถคู่ใจที่บรรทุกของได้มากกว่ารถกระบะ มีความคล่องตัวสูง และเน้นใช้งานในระยะกลาง-สั้น หรือในเมือง
แล้วจะเลือกรุ่นไหนดี? อันนี้ขึ้นอยู่กับ "ประเภทของงาน" และ "งบประมาณ" ของคุณเลยจ้า
- ถ้าเน้น ประหยัดน้ำมัน ทนทาน อะไหล่หาง่าย ราคาขายต่อดี แบรนด์ยอดนิยมอย่าง ISUZU และ HINO คือตัวเลือกอันดับต้นๆ เลย ลองดูรุ่นเล็กสุดของ 6 ล้ออย่าง ISUZU NMR 130 แรงม้า หรือ HINO XZU ถ้างานไม่ได้หนักมาก เน้นขนของปริมาณกลางๆ รุ่นพวกนี้ก็เพียงพอและคุ้มค่ามากๆ
- ถ้าต้องการ กำลังเครื่องยนต์ที่มากขึ้น หรือขนาดตัวถังที่ใหญ่ขึ้นมาหน่อย ก็ขยับขึ้นมาดูรุ่นกลางอย่าง ISUZU NPR 150 แรงม้า หรือ NQR 175 แรงม้า หรือ HINO FC รุ่นเหล่านี้จะให้สมรรถนะที่ดีขึ้น รองรับน้ำหนักได้มากขึ้น เหมาะกับงานที่หลากหลายขึ้น
- ถ้าเน้น ความคุ้มค่าด้านราคา แบรนด์อื่นๆ เช่น FUSO ก็เป็นอีกตัวเลือกที่น่าพิจารณา ลองเปรียบเทียบสเปกและราคาดูว่าตรงกับความต้องการของคุณหรือไม่
- ส่วนเรื่อง ประเภทของตัวถัง ก็ต้องเลือกให้เหมาะสมกับสินค้าที่จะขนส่งด้วยนะจ๊ะ จะเป็นกระบะคอก พื้นเรียบ ตู้แห้ง ตู้เย็น หรือดั้มพ์ ก็เลือกให้ตรงกับงานของเราเลย
เหมาะกับงานอะไร?
- งานขนส่งสินค้าทั่วไป/โลจิสติกส์ระยะสั้น-กลาง: เหมาะมากๆ กับ 6 ล้อเล็กแบบตู้แห้ง หรือกระบะคอก
- งานก่อสร้างขนาดเล็ก: เหมาะกับ 6 ล้อเล็กแบบดั้มพ์ หรือกระบะพื้นเรียบขนวัสดุ
- งานเกษตรกรรม: เหมาะกับกระบะคอก หรือกระบะพื้นเรียบ
- งานบริการขนย้าย: เหมาะกับแบบตู้ทึบ หรือกระบะคอก
ก่อนตัดสินใจซื้อจริงๆ จังๆ แนะนำให้ เข้าไปปรึกษาผู้จำหน่าย เลยจ้า เล่ารายละเอียดงานของคุณให้เค้าฟัง เค้าจะช่วยแนะนำรุ่นรถและรูปแบบตัวถังที่เหมาะสมกับงานและงบประมาณของคุณได้ดีที่สุด พร้อมคำนวณไฟแนนซ์และแจ้งโปรโมชั่นให้ครบถ้วนเลยนะ
หวังว่าบทความนี้จะเป็นประโยชน์กับทุกคนที่กำลังมองหา รถบรรทุก 6 ล้อเล็ก คู่ใจคันใหม่นะจ๊ะ ขอให้ได้รถที่ถูกใจ เสริมธุรกิจให้ปังๆ รวยๆ กันทุกคนจ้า! บ๊ายบายยย!
วิดีโอที่เกี่ยวข้อง
- #มีเงิน7_8แสนบาทจะซื้อรถดั้มรุ่นไหนดี.#ถึงจะเหมาะสมกับงานบ่อดิน ...
- เทียบขนาด และ น้ำหนักบรรทุก หกล้อเล็ก กับ หกล้อกลาง NMR 130 ...
- รีวิว ISUZU FRR รถบรรทุกขนาดกลางรุ่นใหม่ 2022 รองรับงานหนัก ...
- รีวิวรถบรรทุก 6 ล้อสุดคุ้มค่าจาก เล็กออโต้พาร์ท
- พาชม ใหม่ล่าสุด! หกล้อรุ่นเล็กสุดของ ISUZU รุ่น NMR 130 แรงม้า ตัว ...
แนะนำสำหรับคุณ
รีโนเวทบ้านเก่า ราคาถูก งบจำกัด ปี 2025 ทำเองได้ง่ายๆ เปลี่ยนบ้านให้เหมือนใหม่
กางเกงยีนส์ Denim Co ราคาเท่าไหร่? ยีนส์ H&M คุณภาพดี ราคาเข้าถึงง่าย
ลำโพงบลูทูธ Ultimate Ears Wonderboom ราคาล่าสุดปี 2025 เสียงดี กันน้ำไหม?
ปืนยาว .22 CZ 457 MTR ราคาล่าสุดปี 2025 ปืนแม่นยำสำหรับยิงเป้า
ราคายางรถยนต์ Yokohama ปี 2025 ยางสปอร์ต นุ่มเงียบ รุ่นไหนน่าใช้?
Router D-Link DSL-2730U ราคาเท่าไหร่? เราเตอร์ ADSL คุณภาพดี ราคาเบาๆ