Router D-Link DSL-2730U ราคาเท่าไหร่? เราเตอร์ ADSL คุณภาพดี ราคาเบาๆ

สวัสดีจ้าพ่อแม่พี่น้อง! วันนี้เราจะมาเมาท์มอยกันถึงเรื่องราวของอุปกรณ์คู่บ้านคู่เมืองสำหรับหลายๆ คนที่ยังใช้เน็ตบ้านแบบ ADSL กันอยู่ นั่นก็คือ เราเตอร์ D-Link DSL-2730U นั่นเอง! เจ้าตัวนี้เป็นเราเตอร์ ADSL ในตำนานที่บอกเลยว่าคุณภาพดี แถมราคายังน่ารักน่าคบหาอีกด้วยนะ ใครกำลังมองหาเราเตอร์ตัวใหม่มาแทนตัวเก่าที่งอแง หรืออยากได้เราเตอร์สำรองไว้เผื่อฉุกเฉิน มาดูกันเลยว่าเจ้า D-Link DSL-2730U เนี่ย มันมีดีอะไร ทำไมถึงยังเป็นที่พูดถึงกันอยู่!

1. เจ้าเราเตอร์ D-Link DSL-2730U มันคืออะไรกันแน่นะ?

เอาล่ะ มาทำความรู้จักกับพระเอกของเรากันก่อน เจ้า D-Link DSL-2730U เนี่ย มันคืออุปกรณ์ Wireless N150 ADSL2+ Router หรือพูดง่ายๆ ก็คือเป็นทั้งโมเด็ม ADSL และเราเตอร์กระจายสัญญาณ Wi-Fi ในตัวเดียวกันนั่นแหละ! จากแบรนด์ D-Link ซึ่งเป็นแบรนด์ดังจากไต้หวันที่ทำอุปกรณ์เน็ตเวิร์คมานานนม เชื่อถือได้อยู่แล้ว เจ้าตัวนี้เหมาะมากๆ สำหรับบ้านหรือออฟฟิศขนาดเล็กที่ยังใช้บริการอินเทอร์เน็ตแบบ ADSL อยู่ และต้องการแชร์อินเทอร์เน็ตให้หลายๆ อุปกรณ์พร้อมกัน ทั้งแบบใช้สาย LAN และแบบไร้สาย (Wi-Fi) ฟังก์ชันเด่นๆ ก็คือเป็นโมเด็ม ADSL ในตัว รองรับความเร็วในการดาวน์โหลดสูงสุดถึง 24 Mbps มีพอร์ต LAN ให้ 4 พอร์ต และกระจาย Wi-Fi มาตรฐาน 802.11n ความเร็วสูงสุด 150Mbps ซึ่งถือว่าเพียงพอต่อการใช้งานพื้นฐานในปัจจุบัน เช่น เล่นเน็ต ดู YouTube (แบบไม่ความละเอียดสูงมาก) หรือเช็คอีเมล

2. แล้วราคาในตลาดไทยตอนนี้เท่าไหร่กันเชียว?

มาถึงเรื่องที่ทุกคนอยากรู้! สำหรับราคาของ เราเตอร์ D-Link DSL-2730U ในตลาดไทยตอนนี้เนี่ย ต้องบอกว่ามีความหลากหลายพอสมควร เพราะรุ่นนี้ออกมานานแล้ว ส่วนใหญ่ที่เราเห็นกันก็จะมีทั้งของใหม่ที่ยังคงมีสต็อกอยู่บ้าง และของมือสองที่ปล่อยขายกันตามกลุ่มหรือแพลตฟอร์มออนไลน์ต่างๆ

จากที่ไปสำรวจมาตามแหล่งช้อปปิ้งออนไลน์ยอดฮิตอย่าง Shopee และ Lazada รวมถึงร้านค้าไอทีบางแห่ง ราคาของ D-Link DSL-2730U จะอยู่ที่ประมาณ 300 - 800 บาท (฿) โดยประมาณนะ ขึ้นอยู่กับสภาพสินค้าว่าเป็นของใหม่หรือมือสอง มีอุปกรณ์ครบกล่องไหม หรือเป็นการขายแบบตัวเราเตอร์เพียวๆ บางร้านที่ยังขายของใหม่ก็อาจจะมีราคาสูงกว่านี้หน่อยนึง ส่วนร้านไอทีใหญ่ๆ อย่าง JIB หรือ Banana IT อาจจะไม่ค่อยเห็นรุ่นนี้วางขายแล้ว เพราะส่วนใหญ่จะเน้นเราเตอร์รุ่นใหม่ๆ ที่รองรับ Fiber มากกว่า ดังนั้น ถ้าจะหาเจ้าตัวนี้ แหล่งออนไลน์จะสะดวกที่สุดจ้า

เมื่อเทียบกับราคาขายในต่างประเทศ ราคาในไทยก็ถือว่าไม่ต่างกันมากนัก บางทีอาจจะถูกกว่าด้วยซ้ำไป เพราะเป็นรุ่นที่เข้ามาทำตลาดในไทยนานแล้ว และราคาค่อนข้างคงที่จ้า

3. เปรียบเทียบราคากับเราเตอร์ตัวอื่นในตลาด แล้วคุ้มไหม?

ถ้าให้เทียบราคาของ D-Link DSL-2730U กับเราเตอร์ ADSL รุ่นอื่นๆ ที่ยังมีขายอยู่ในตลาด หรือเทียบกับเราเตอร์ Wi-Fi ทั่วไปที่ไม่ได้เป็นโมเด็มในตัวเนี่ย เจ้า D-Link DSL-2730U ถือว่ามีราคาที่ ถูกมากๆ เลยทีเดียว เราเตอร์ ADSL รุ่นใหม่ๆ หรือรุ่นที่มีฟังก์ชันมากกว่านี้ หรือเป็นเราเตอร์ Wi-Fi เพียวๆ ที่ความเร็วสูงกว่า 150Mbps ส่วนใหญ่ก็มีราคาเริ่มต้นตั้งแต่หลักร้อยปลายๆ ไปจนถึงหลักพันเลยทีเดียว

ดังนั้น ถ้าคุณยังใช้เน็ต ADSL อยู่ และต้องการเราเตอร์ที่ทำหน้าที่เป็นทั้งโมเด็มและเราเตอร์ Wi-Fi ได้ในตัว โดยที่ไม่ต้องการความเร็ว Wi-Fi ที่สูงลิ่ว หรือฟังก์ชันซับซ้อนมากมาย D-Link DSL-2730U ในราคาไม่กี่ร้อยบาท ถือเป็นตัวเลือกที่ คุ้มค่า สุดๆ สำหรับการใช้งานพื้นฐานในบ้าน หรือจะซื้อมาเป็นตัวสำรองไว้ก็สบายกระเป๋าเลยจ้า ไม่ต้องลงทุนเยอะเหมือนซื้อเราเตอร์เทพๆ แพงๆ

4. ซื้อแล้วได้อะไรมาบ้าง? มีประกันให้ไหมนะ?

เวลาที่เราซื้อ เราเตอร์ D-Link DSL-2730U โดยเฉพาะถ้าเป็นของใหม่ที่ยังคงมีสต็อกอยู่ ส่วนใหญ่แล้วในกล่องก็จะมีอุปกรณ์พื้นฐานมาให้ครบเลยนะจ๊ะ ได้แก่:

• ตัวเราเตอร์ D-Link DSL-2730U
• หม้อแปลง (Power Adapter) สำหรับจ่ายไฟให้เราเตอร์
• สาย LAN (Ethernet Cable) สำหรับเชื่อมต่อคอมพิวเตอร์กับเราเตอร์แบบใช้สาย
• สายโทรศัพท์ (Phone Cable) สำหรับเชื่อมต่อเราเตอร์เข้ากับ Splitter หรือเต้ารับโทรศัพท์
• Splitter (บางทีก็เรียกว่าตัวแยกสัญญาณ) สำหรับแยกสัญญาณโทรศัพท์กับสัญญาณอินเทอร์เน็ต ADSL ถ้าต้องการใช้โทรศัพท์ด้วย
• คู่มือการติดตั้งเบื้องต้น (Quick Installation Guide)
• แผ่น CD หรือ QR Code สำหรับคู่มือฉบับเต็มหรือโปรแกรมช่วยติดตั้ง (สมัยก่อนนิยมให้ CD มาด้วย)

ส่วนเรื่อง ค่าจัดส่ง ถ้าซื้อออนไลน์ส่วนใหญ่จะมีค่าส่งนะจ๊ะ นอกจากว่าร้านค้าจะมีโปรโมชั่นส่งฟรี ก็ต้องลองเช็คเงื่อนไขหน้าร้านดูดีๆ จ้า

สำหรับเรื่อง การรับประกัน อันนี้สำคัญมากสำหรับคนไทย! ถ้าเป็นเราเตอร์ D-Link DSL-2730U ของใหม่ที่ซื้อจากตัวแทนจำหน่ายอย่างเป็นทางการหรือร้านค้าที่ยังมีสต็อกอยู่ ส่วนใหญ่จะมีการรับประกันสินค้าให้ด้วยนะ แต่ระยะเวลารับประกันอาจจะแตกต่างกันไป ต้องสอบถามกับทางร้านโดยตรง แต่ถ้าเป็นเครื่องมือสองที่ซื้อจากผู้ใช้ด้วยกันเอง ส่วนใหญ่จะ ไม่มีการรับประกัน นะจ๊ะ ต้องทำใจและตรวจสอบสภาพสินค้าให้ดีก่อนซื้อ

ของแถมหรือโปรโมชั่นอื่นๆ สำหรับรุ่นนี้อาจจะไม่ค่อยมีแล้ว เพราะเป็นรุ่นเก่า แต่บางร้านอาจจะมีแถมสาย LAN เพิ่มให้ หรือมีส่วนลดเล็กๆ น้อยๆ ก็ต้องลองสอบถามดูจ้า

5. มีช่วงไหนน่าซื้อเป็นพิเศษ หรือมีโปรโมชั่นเด็ดๆ ไหม?

เนื่องจาก เราเตอร์ D-Link DSL-2730U เป็นรุ่นที่ออกมานานแล้ว โปรโมชั่นแบบจัดเต็มเฉพาะรุ่นนี้โดยตรงอาจจะไม่ค่อยมีให้เห็นแล้วนะจ๊ะ แต่ก็ใช่ว่าจะไม่มีโอกาสได้ของดีราคาโดนนะ!

วิธีที่จะได้ราคาดีๆ สำหรับรุ่นนี้คือการรอช่วง โปรโมชั่นใหญ่ๆ ของแพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซอย่าง Lazada หรือ Shopee เช่น ช่วงเทศกาล Double Digit Sale อย่าง 9.9, 10.10, 11.11, 12.12 หรือช่วงเทศกาลปีใหม่ สงกรานต์ ที่ร้านค้าต่างๆ มักจะจัดโปรโมชั่นลดราคา หรือมีโค้ดส่วนลดให้ใช้ บางทีร้านค้าที่ขายเราเตอร์รุ่นนี้อยู่ก็อาจจะเข้าร่วมโปรโมชั่นด้วย ทำให้เราได้ซื้อในราคาที่ถูกลงไปอีก

นอกจากนี้ ถ้าไปส่องตามกลุ่มซื้อขายอุปกรณ์เน็ตเวิร์ค หรือกลุ่มสินค้าไอทีมือสองใน Facebook อาจจะเจอคนปล่อยเราเตอร์รุ่นนี้ในราคาที่ถูกกว่าปกติก็ได้นะ แต่ก็ต้องระวังเรื่องมิจฉาชีพและตรวจสอบประวัติผู้ขายให้ดีก่อนจ้า

สรุปคือ ถ้าไม่รีบมากๆ และอยากได้ราคาดีสุดๆ ลองรอช้อปช่วงโปรโมชั่นใหญ่ๆ บนแพลตฟอร์มออนไลน์ หรือหมั่นเข้าไปส่องตามกลุ่มมือสองดูนะจ๊ะ

6. ผู้ใช้ในไทยเขาว่ายังไงกันบ้าง? มีฟีดแบ็กอะไรน่าสนใจไหม?

จากที่ลองไปส่องตามกระทู้หรือรีวิวเก่าๆ ของผู้ใช้ในไทยเกี่ยวกับ D-Link DSL-2730U เนี่ย เสียงตอบรับส่วนใหญ่ถือว่าโอเคเลยนะ ในฐานะเราเตอร์ ADSL พื้นฐาน จุดที่คนไทยชอบและพูดถึงบ่อยๆ ก็คือ:

• ความทนทาน: หลายคนบอกว่าเจ้าตัวนี้อึด ถึก ทน ใช้งานได้นานหลายปีโดยไม่มีปัญหาจุกจิก
• ราคาไม่แพง: เมื่อเทียบกับฟังก์ชันที่ได้ ราคาถือว่าคุ้มค่ามากๆ เหมาะสำหรับคนงบน้อย
• ติดตั้งง่าย: การตั้งค่าไม่ซับซ้อนมากนัก คนที่ไม่เก่งเรื่องคอมพิวเตอร์ก็พอจะทำเองได้ตามคู่มือ
• สัญญาณ Wi-Fi ครอบคลุมพื้นที่ขนาดเล็ก: สำหรับห้องพัก คอนโด หรือบ้านหลังเล็กๆ สัญญาณ Wi-Fi ก็ถือว่าใช้ได้ดี

แต่ก็มีบางฟีดแบ็กที่พูดถึงข้อจำกัดของรุ่นนี้บ้าง เช่น ความเร็ว Wi-Fi ที่ 150Mbps อาจจะไม่แรงพอสำหรับบ้านที่มีผู้ใช้หลายคนพร้อมกัน หรือใช้งานที่ต้องการแบนด์วิธสูงๆ อย่างการสตรีมวิดีโอ 4K หรือเล่นเกมออนไลน์หนักๆ และบางทีเมื่อมีอุปกรณ์ Wi-Fi เชื่อมต่อเยอะๆ อาจจะทำให้ความเร็วตกได้บ้าง แต่โดยรวมแล้ว สำหรับการใช้งานทั่วไปในยุคนั้นๆ หรือสำหรับคนที่ยังใช้เน็ต ADSL อยู่ ถือเป็นเราเตอร์ที่ไว้ใจได้ตัวนึงเลยจ้า

7. อยากได้แล้ว! จะไปหาซื้อได้จากช่องทางไหนดีนะ?

สำหรับใครที่อ่านมาถึงตรงนี้แล้วรู้สึกว่าเจ้า เราเตอร์ D-Link DSL-2730U นี่แหละคือสิ่งที่ตามหา! ช่องทางในการหาซื้อหลักๆ ในปัจจุบันก็จะมีตามนี้จ้า:

• แพลตฟอร์มออนไลน์ยอดนิยม: อันนี้สะดวกสุดๆ เลยจ้า เข้าไปที่ Shopee หรือ Lazada แล้วลองค้นหาคำว่า "D-Link DSL-2730U" หรือ "เราเตอร์ ADSL" ได้เลย จะเจอทั้งร้านที่ขายของใหม่ (ที่อาจจะยังมีสต็อกเหลืออยู่) และร้านหรือผู้ใช้ที่ขายมือสอง ข้อดีคือมีตัวเลือกเยอะ เปรียบเทียบราคาได้ง่าย มีระบบชำระเงินที่ปลอดภัย แต่ต้องดูรายละเอียดสินค้าและเครดิตร้านให้ดีนะจ๊ะ
• ร้านค้าไอทีขนาดเล็ก หรือร้านอุปกรณ์คอมพิวเตอร์ท้องถิ่น: บางร้านที่ไม่ได้เป็นเชนใหญ่ๆ อาจจะยังมีเราเตอร์รุ่นเก่าๆ หลงเหลืออยู่บ้าง ลองสอบถามดูได้นะ ข้อดีคืออาจจะได้เห็นสินค้าจริงก่อนซื้อ
• กลุ่มซื้อขายอุปกรณ์เน็ตเวิร์ค หรือกลุ่มสินค้าไอทีมือสองใน Facebook: เป็นอีกแหล่งที่น่าสนใจมากๆ สำหรับการหามือสอง บางทีเจอผู้ใช้ที่ปล่อยต่อในราคาดีๆ แต่ก็ต้องระวังและตรวจสอบให้รอบคอบก่อนตัดสินใจซื้อขายนะจ๊ะ

ช่องทาง Official ของ D-Link ประเทศไทยเอง ตอนนี้อาจจะเน้นไปที่รุ่นใหม่ๆ ที่รองรับเทคโนโลยีปัจจุบันมากกว่า ดังนั้นสำหรับรุ่น DSL-2730U เนี่ย ตลาดออนไลน์และตลาดมือสองจะเป็นแหล่งหลักจ้า

8. สรุปแล้วเจ้า D-Link DSL-2730U น่าซื้อไหม? เหมาะกับใคร?

มาถึงช่วงสรุปกันแล้วนะจ๊ะ สำหรับคำถามที่ว่า เราเตอร์ D-Link DSL-2730U ยังน่าซื้ออยู่ไหมในปีนี้? คำตอบคือ น่าซื้อมากๆ เลยจ้า ถ้าคุณยังใช้บริการอินเทอร์เน็ตแบบ ADSL อยู่ และกำลังมองหาเราเตอร์ที่:

• ราคาเป็นมิตรกับกระเป๋าสตางค์
• ใช้งานง่าย ไม่ซับซ้อน
• มีความทนทาน ไว้ใจได้สำหรับการใช้งานพื้นฐาน
• ต้องการอุปกรณ์ที่เป็นทั้งโมเด็ม ADSL และเราเตอร์ Wi-Fi ในตัว

เจ้า D-Link DSL-2730U ตอบโจทย์เหล่านี้ได้ดีเยี่ยมเลยจ้า เหมาะสำหรับคนที่ต้องการเราเตอร์มาแทนตัวเก่าที่เสีย หรือต้องการเราเตอร์สำรองไว้ใช้ในกรณีฉุกเฉิน หรือสำหรับผู้สูงอายุที่ไม่ต้องการฟังก์ชันซับซ้อน แค่เสียบสายแล้วใช้เน็ตได้เลย

แต่ถ้าคุณใช้เน็ต Fiber แล้ว หรือต้องการความเร็ว Wi-Fi สูงๆ สำหรับการใช้งานหนักๆ เล่นเกมออนไลน์ หรือดูหนัง 4K หรือต้องการฟังก์ชันใหม่ๆ เช่น MU-MIMO, Beamforming หรือพอร์ต Gigabit Ethernet รุ่นนี้ก็อาจจะไม่ตอบโจทย์นะจ๊ะ อาจจะต้องมองหารุ่นที่สูงขึ้นไป หรือเป็นเราเตอร์ที่ออกแบบมาสำหรับ Fiber โดยเฉพาะแทน

แต่ถ้ายังวนเวียนอยู่กับเน็ต ADSL และต้องการเราเตอร์พื้นฐาน คุณภาพดี ราคาเบาๆ D-Link DSL-2730U นี่แหละคือตัวเลือกที่ยังน่าพิจารณาอยู่มากๆ เลยจ้า!

หวังว่าข้อมูลนี้จะเป็นประโยชน์ในการตัดสินใจของทุกคนนะจ๊ะ ขอให้ได้เราเตอร์ที่ถูกใจ และใช้เน็ตกันอย่างมีความสุขค่า!