ราคา EDTA Tube อัปเดตปี 2025 หลอดเก็บเลือดคุณภาพ

สวัสดีค่าทุกคนนน! วันนี้เราไม่ได้จะมารีวิวสกินแคร์หรือแกดเจ็ตใหม่ๆ นะจ๊ะ แต่จะพาไปเจาะลึกเรื่องสำคัญ (สำหรับคนในวงการนะ!) นั่นก็คือออ หลอดเก็บเลือด EDTA Tube คุณภาพดี ประจำปี 2025 นั่นเอง! ฟังดูแล้วอาจจะง่วงหน่อยๆ แต่เชื่อเถอะว่าเรื่องนี้สำคัญกับงานของหลายๆ คนมากๆ โดยเฉพาะสายสุขภาพ ห้องแล็บ หรือคลินิกต่างๆ ใครที่กำลังมองหาข้อมูลอัปเดตราคา หรืออยากรู้ว่าหลอดนี้มันดียังไง มามุงทางนี้เลยจ้า เราจะมาเม้าท์มอยให้ฟังแบบเข้าใจง่ายๆ สไตล์เราเอง!

1. ผลิตภัณฑ์นี้มันคืออะไรกันนะ?

เอาล่ะ มาทำความรู้จักกับพระเอกของเราในวันนี้ก่อน นั่นก็คือ EDTA Tube หรือที่เรียกกันติดปากว่า หลอดเก็บเลือดจุกสีม่วง นั่นแหละจ้า หน้าที่หลักของน้องเค้าก็คือ ใช้สำหรับเก็บตัวอย่างเลือด เพื่อส่งตรวจทางห้องปฏิบัติการ โดยเฉพาะพวกการตรวจความสมบูรณ์ของเม็ดเลือด (Complete Blood Count หรือ CBC) หรือการตรวจทางโลหิตวิทยาต่างๆ.

ความพิเศษของเจ้าหลอดนี้อยู่ตรงที่มีสารกันเลือดแข็งชนิด EDTA (Ethylenediaminetetraacetic acid) เคลือบอยู่ด้านใน. สารตัวนี้จะไปจับกับแคลเซียมไอออนในเลือด ทำให้เลือดไม่แข็งตัว. ลองนึกภาพนะ ถ้าไม่มีสารนี้ เลือดที่เราเจาะออกมาก็จะแข็งตัวเป็นลิ่มทันที แล้วทีนี้จะเอาไปตรวจนับเม็ดเลือด หรือตรวจดูรูปร่างเซลล์ต่างๆ ได้ยังไงล่ะ จริงไหม? เพราะงั้น EDTA Tube นี่แหละคือฮีโร่ตัวจริงสำหรับงานนี้เลย!

กลุ่มผู้ใช้หลักๆ ก็แน่นอนว่าคือ บุคลากรทางการแพทย์ ห้องปฏิบัติการ โรงพยาบาล คลินิกต่างๆ หรือแม้แต่ศูนย์บริจาคเลือด ก็ต้องมีเจ้าหลอดนี้ไว้ใช้งาน. ส่วนประวัติแบรนด์ ถ้าพูดถึงแบรนด์ต่างประเทศดังๆ ในวงการนี้ก็มีหลายเจ้าเลยนะ เช่น Greiner Bio-One จากออสเตรีย หรือบางทีก็มีของจีนที่ได้มาตรฐาน ISO และ CE Mark ด้วยเหมือนกัน. เค้าผลิตมานานแล้ว เพื่อให้มั่นใจได้ว่าเลือดที่เก็บไปจะคงสภาพดีที่สุดก่อนถึงมือหมอแล็บจ้า

2. ราคาในตลาดไทยเป็นยังไงบ้าง?

มาถึงเรื่องที่ทุกคนอยากรู้ นั่นก็คือ "ราคา" นั่นเอง! สำหรับ EDTA Tube เนี่ย ไม่เหมือนพวกสินค้า gadget ที่มีราคาเป็นรุ่นๆ ชัดเจนนะจ๊ะ เพราะส่วนใหญ่เค้าจะขายกันเป็น แพ็ค หรือเป็นกล่องใหญ่ๆ ทีละเยอะๆ เลย ราคาในปี 2025 เนี่ย ก็ยังคงใกล้เคียงกับปีที่ผ่านมา ขึ้นอยู่กับยี่ห้อ คุณภาพ และปริมาณที่ซื้อเป็นหลัก

ราคาคร่าวๆ สำหรับ EDTA Tube ขนาดมาตรฐาน (เช่น 2ml, 3ml) แบบสุญญากาศ (Vacuum Tube) ซึ่งเป็นที่นิยมใช้กันทั่วไป ในแพ็ค 100 หลอด เนี่ย จะอยู่ที่ประมาณ 300 - 700 บาท (฿) ต่อแพ็ค โดยประมาณนะจ๊ะ. ราคานี้เราเจอได้ตามร้านขายอุปกรณ์วิทยาศาสตร์ อุปกรณ์ทางการแพทย์ หรือบนแพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซใหญ่ๆ อย่าง Lazada หรือ Shopee ที่มีร้านค้าเฉพาะทางมาลงขายอยู่.

ลองเสิร์ชหาใน Lazada หรือ Shopee ด้วยคำว่า "หลอดเก็บเลือด EDTA" หรือ "EDTA Vacuum Tube" ดูนะ จะมีให้เลือกหลายร้าน หลายยี่ห้อเลยจ้า บางร้านอาจจะแจ้งราคาต่อแพ็คชัดเจน บางร้านอาจจะต้องทักแชทไปสอบถามราคาสำหรับจำนวนเยอะๆ นะ เพราะอย่างที่บอกว่านี่คืออุปกรณ์สำหรับหน่วยงาน ไม่ใช่สินค้าขายปลีกให้คนทั่วไปซื้อไปใช้ทีละหลอดๆ เหมือนซื้อปากกาลูกลื่นนะจ๊ะ!

ส่วนร้านใหญ่ๆ อย่าง Central, Big C, The Mall นี่ไม่มีขายแน่นอนจ้า เพราะไม่ใช่สินค้าสำหรับผู้บริโภคทั่วไป ส่วนร้าน IT อย่าง JIB, Banana IT, Power Buy นี่ก็ยิ่งคนละเรื่องเลยนะ!

3. แล้วเทียบกับหลอดเก็บเลือดชนิดอื่นล่ะ ราคาโอเคมั้ย?

ถ้าเทียบกับหลอดเก็บเลือดชนิดอื่นๆ ที่ใช้สารกันเลือดแข็งต่างกันไป เช่น หลอดจุกแดง (สำหรับเก็บซีรั่ม), หลอดจุกฟ้า (สำหรับตรวจการแข็งตัวของเลือด), หลอดจุกเขียว (สำหรับเก็บพลาสมา) เนี่ย ราคาต่อหลอดของ EDTA Tube ก็จะอยู่ในช่วงใกล้เคียงกันนะ ไม่ได้ถูกกว่าหรือแพงกว่าแบบมีนัยสำคัญมากนัก.

ความแตกต่างของราคาจะมาจาก คุณภาพของหลอด วัสดุที่ใช้ (พลาสติก PET คุณภาพสูง vs คุณภาพทั่วไป), ความน่าเชื่อถือของแบรนด์ (แบรนด์ยุโรป vs แบรนด์เอเชีย), และ มาตรฐานการผลิต (มี ISO, CE Mark หรือไม่) มากกว่า. ดังนั้น การเลือกซื้อไม่ได้ดูแค่ราคาถูกอย่างเดียวนะ ต้องดูคุณภาพและมาตรฐานประกอบด้วย เพื่อให้มั่นใจว่าตัวอย่างเลือดที่เก็บมาจะได้ผลที่แม่นยำจ้า

4. ซื้อแล้วได้อะไรมาบ้างนะ?

เวลาซื้อ EDTA Tube เนี่ย สิ่งที่เราจะได้หลักๆ เลยก็คือ:

• ตัวหลอด EDTA Tube: มาเป็นแพ็ค แพ็คละ 50 หรือ 100 หลอด ส่วนใหญ่เป็นแบบสุญญากาศ พร้อมจุกสีม่วง.
• สารกันเลือดแข็ง EDTA: เคลือบอยู่ด้านในหลอดเรียบร้อยแล้ว มีทั้งแบบ K2 และ K3 แล้วแต่ความต้องการในการนำไปตรวจ.

สิ่งที่ต้องเช็คเพิ่มเติมก่อนซื้อ (ถ้าซื้อจากร้านค้าโดยตรงหรือผู้จำหน่าย):

• ค่าจัดส่ง: ส่วนใหญ่ถ้าซื้อจำนวนไม่มาก อาจจะมีค่าจัดส่งนะ แต่ถ้าซื้อเยอะๆ ถึงยอดที่ร้านกำหนด มักจะได้ ฟรีค่าจัดส่ง จ้า อันนี้ต้องสอบถามกับร้านค้าโดยตรง.
• ระยะเวลารับประกัน: อุปกรณ์ทางการแพทย์บางชนิดอาจมีการรับประกันนะ แต่สำหรับหลอดเก็บเลือดซึ่งเป็นวัสดุสิ้นเปลือง ส่วนใหญ่จะเน้นที่ มาตรฐานการผลิต และ อายุการใช้งาน (Expiry Date) ที่ระบุไว้บนฉลากมากกว่า. ควรเช็ค Lot Number และวันหมดอายุให้ดีก่อนรับของจ้า บางผู้จำหน่ายอาจมีการรับประกันคุณภาพสินค้าที่เกิดจากการผลิต อันนี้แล้วแต่เงื่อนไขของแต่ละร้านนะ.
• ใบกำกับภาษี: สำหรับหน่วยงานหรือคลินิกที่ต้องใช้เบิก ต้องสอบถามเรื่องการออกใบกำกับภาษีกับร้านค้าให้ชัดเจนนะจ๊ะ.
• ของแถม/โปรโมชั่น: นานๆ ทีอาจจะมีโปรโมชั่นแถมอุปกรณ์เล็กๆ น้อยๆ เช่น ที่วางหลอดทดลอง หรือส่วนลดพิเศษเมื่อซื้อครบจำนวน แต่อันนี้ไม่บ่อยเท่าพวกสินค้า consumer ทั่วไปนะ

5. มีช่วงไหนน่าซื้อเป็นพิเศษมั้ย?

ถ้าพูดถึงช่วงโปรโมชั่นแบบจัดหนักจัดเต็มเหมือนพวกเครื่องใช้ไฟฟ้าหรือเสื้อผ้า อาจจะไม่ตรงเป๊ะนะจ๊ะสำหรับ EDTA Tube แต่ถ้าเป็นการซื้อผ่านแพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซอย่าง Lazada หรือ Shopee เนี่ย ร้านค้าที่ขายอุปกรณ์ทางการแพทย์บางร้านก็อาจจะเข้าร่วมแคมเปญใหญ่ๆ ของแพลตฟอร์มได้นะ เช่น ช่วง 11.11, 12.12 หรือพวกโปรโมชั่นกลางปีต่างๆ. ช่วงเหล่านี้อาจจะมีโค้ดส่วนลดของแพลตฟอร์ม หรือส่วนลดจากร้านค้าเองเพิ่มเติม ทำให้ได้ราคาที่คุ้มค่าขึ้นได้บ้าง.

ส่วนโปรโมชั่นที่อิงกับเทศกาลไทยอย่างสงกรานต์ หรือปีใหม่ อาจจะไม่ค่อยมีสำหรับสินค้าประเภทนี้เท่าไหร่นะ เพราะความต้องการซื้อไม่ได้ผันแปรตามเทศกาล แต่จะขึ้นอยู่กับการใช้งานในแต่ละหน่วยงานมากกว่า

คำแนะนำคือ ถ้าไม่ได้รีบมาก และอยากได้ราคาดีๆ ลองติดตามโปรโมชั่นบนแพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซในช่วงแคมเปญใหญ่ๆ ดูก็ได้นะ หรือถ้าซื้อกับผู้จำหน่ายโดยตรง ลองสอบถามเรื่องส่วนลดเมื่อซื้อจำนวนมากได้เลยจ้า!

6. ผู้ใช้ในไทยใช้แล้วรู้สึกยังไงกันบ้างนะ?

สำหรับฟีดแบ็กจากผู้ใช้งานในไทย (ซึ่งส่วนใหญ่คือบุคลากรทางการแพทย์หรือเจ้าหน้าที่ห้องแล็บ) เกี่ยวกับ EDTA Tube เนี่ย หลักๆ เลยก็จะดูที่:

• คุณภาพของสุญญากาศ: สำคัญมากๆ เพราะถ้าสุญญากาศไม่ดี จะเจาะเลือดเข้าหลอดยาก หรือปริมาณเลือดที่ได้ไม่ถูกต้อง ซึ่งจะส่งผลต่อผลการตรวจนะจ๊ะ.
• คุณภาพของสารกันเลือดแข็ง: ต้องแน่ใจว่า EDTA เคลือบอย่างทั่วถึงและมีประสิทธิภาพในการป้องกันเลือดแข็งตัว.
• ความแข็งแรงของหลอดและจุก: หลอดต้องไม่แตกง่าย จุกต้องปิดสนิท ป้องกันการรั่วซึมของเลือดได้ดี.
• ความชัดเจนของขีดบอกปริมาตร: ช่วยให้มั่นใจได้ว่าเก็บเลือดได้ในปริมาณที่ถูกต้องตามที่กำหนด.
• ราคาต่อหลอด (เมื่อคิดเป็นต่อแพ็ค): แน่นอนว่าเป็นปัจจัยสำคัญในการตัดสินใจซื้อจำนวนมาก.
• ความน่าเชื่อถือของผู้จำหน่าย: ซื้อจากร้านที่เชื่อถือได้ มีมาตรฐาน และมีการบริการที่ดี (เช่น การออกใบกำกับภาษี การจัดส่ง) ก็เป็นเรื่องที่ผู้ใช้ในไทยให้ความสำคัญ.

โดยรวมแล้ว ถ้าเป็นหลอดคุณภาพดี ได้มาตรฐาน ผู้ใช้ก็จะสบายใจในการทำงาน และมั่นใจในผลการตรวจที่ได้จ้า

7. แล้วจะไปหาซื้อได้ที่ไหนล่ะทีนี้?

สำหรับ EDTA Tube เนี่ย ไม่ได้หาซื้อง่ายๆ ตามร้านสะดวกซื้อนะจ๊ะ ช่องทางการซื้อหลักๆ ก็คือ:

• ผู้จำหน่ายอุปกรณ์ทางการแพทย์โดยตรง: เป็นช่องทางที่น่าเชื่อถือที่สุด มีสินค้าหลากหลาย มั่นใจในคุณภาพและมาตรฐานได้ มักจะเหมาะกับการสั่งซื้อจำนวนมากสำหรับโรงพยาบาล คลินิก หรือห้องแล็บใหญ่ๆ. บางเจ้ามีเว็บไซต์หรือร้านค้าออนไลน์ให้เลือกชมสินค้าและสอบถามราคาได้.
• แพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซขนาดใหญ่ (Shopee, Lazada): เป็นอีกช่องทางที่สะดวกมากๆ เพราะมีร้านค้าเฉพาะทางมาลงขายเยอะ ทำให้เปรียบเทียบราคาได้ง่าย. เหมาะสำหรับคลินิกขนาดเล็ก หรือแล็บที่ต้องการซื้อจำนวนไม่มาก หรือต้องการความรวดเร็วในการจัดส่ง ข้อดีคือมักจะมีระบบการชำระเงินที่หลากหลายและปลอดภัยนะจ๊ะ แต่ก็ต้องเลือกร้านที่น่าเชื่อถือ ดูรีวิว หรือเช็คประวัติร้านดีๆ ก่อนซื้อนะ.
• ร้านขายอุปกรณ์วิทยาศาสตร์/ห้องแล็บ: บางร้านก็มีจำหน่ายอุปกรณ์ทางการแพทย์ รวมถึงหลอดเก็บเลือดด้วย อันนี้อาจจะต้องลองสอบถามโดยตรง.

สำหรับร้านค้าปลีกทั่วไป หรือร้านขายยา ส่วนใหญ่มักจะไม่มีหลอดเก็บเลือด EDTA จำหน่ายนะจ๊ะ เพราะเป็นสินค้าเฉพาะทางมากๆ

8. สรุปแล้วน่าซื้อไหม? เหมาะกับใคร?

มาถึงบทสรุป! ถามว่า EDTA Tube น่าซื้อไหม? ถ้าคุณเป็นคนที่ต้องใช้ในงานที่เกี่ยวข้องกับการเก็บตัวอย่างเลือดเพื่อตรวจทางโลหิตวิทยา หรือ CBC เนี่ย จำเป็นต้องซื้อ จ้า! ไม่ได้เป็นสินค้าทางเลือกหรือซื้อตามกระแส แต่เป็นอุปกรณ์พื้นฐานที่ขาดไม่ได้เลย

ส่วนจะเลือกรุ่นไหน ยี่ห้อไหน หรือซื้อจากที่ไหน ก็ขึ้นอยู่กับงบประมาณ ความต้องการปริมาณการใช้งาน และมาตรฐานที่คุณต้องการเลยนะ ถ้าเน้นประหยัด อาจจะมองหาแบรนด์ที่ราคาเป็นมิตรหน่อย แต่ก็ต้องไม่ทิ้งเรื่องคุณภาพและมาตรฐานการผลิตนะจ๊ะ (เช็ค ISO, CE Mark) ถ้าเน้นคุณภาพและความน่าเชื่อถือสูงสุด อาจจะมองหาแบรนด์ที่เป็นที่รู้จักในวงการ หรือซื้อจากผู้จำหน่ายที่ได้รับการแต่งตั้งโดยตรง

สรุปง่ายๆ คือ EDTA Tube เป็นอุปกรณ์สำคัญสำหรับงานเฉพาะทาง คุ้มค่าแน่นอนถ้าซื้องานของคุณต้องใช้ ส่วนความคุ้มค่าด้านราคา ก็ขึ้นอยู่กับการเลือกซื้อจากแหล่งที่น่าเชื่อถือ และพิจารณาจากการซื้อยกแพ็คหรือยกกล่องใหญ่ๆ ซึ่งจะได้ราคาดีกว่าอยู่แล้วจ้า

หวังว่าบทความนี้จะเป็นประโยชน์ในการตัดสินใจซื้อ EDTA Tube ของทุกคนนะจ๊ะ ใครที่ทำงานเกี่ยวข้องกับน้องหลอดม่วงนี้ ก็ขอให้ได้ของดีมีคุณภาพไปใช้งานกันจ้า! บ๊ายบายยย!