ราคาทีวีเชื่อม Wifi ปี 2025 Smart TV รุ่นไหนน่าซื้อ ภาพชัด เสียงดี ราคาไม่แพง?

สวัสดีค่าาา เหล่าบรรดาพ่อบ้านแม่บ้านยุคดิจิทัลทั้งหลาย! วันนี้เราจะมาเม้าท์มอยกันเรื่องเครื่องใช้ไฟฟ้าที่ขาดไม่ได้สำหรับบ้านยุค 5G อย่าง Smart TV ที่เชื่อม Wifi ได้ นี่แหละ! ปี 2025 แล้ว ทีวีธรรมดามันเอ้าท์ไปแล้วนะ ต้องมีสมองกลเชื่อมเน็ตได้ถึงจะเก๋! ใครกำลังมองหาทีวีเครื่องใหม่ ภาพชัด เสียงดี ดู Netflix, YouTube แบบฟินๆ แถมราคาไม่แรง วันนี้เรามีไกด์ไลน์แซ่บๆ มาฝากจ้า เตรียมตัวกำเงินให้แน่น แล้วไปดูกันเลย!

1. Smart TV มันคืออะไรกันนะ? ทำไมต้องมี?

อธิบายง่ายๆ เลยนะ Smart TV ก็คือทีวีที่ฉลาดกว่าทีวีรุ่นเก่าๆ ที่ทำได้แค่รับสัญญาณช่องฟรีทีวี (เดี๋ยวนี้ก็ดูผ่านดิจิทัลได้แล้วแหละ) แต่เจ้าสมาร์ททีวีเนี่ย มันเหมือนเอาคอมพิวเตอร์หรือสมาร์ทโฟนมายัดใส่ไว้ในทีวีเลยจ้า มันเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตผ่าน Wifi ได้ ทำให้เราดูหนัง ดูซีรีส์ ฟังเพลง เล่นอินเทอร์เน็ต เล่นเกม หรือแม้แต่สั่งงานเครื่องใช้ไฟฟ้าอื่นในบ้านผ่านทีวีได้เลย สะดวกสบายสุดๆ! เหมาะกับใครน่ะเหรอ? ก็เหมาะกับทุกคนในครอบครัวนั่นแหละ! คุณพ่อดูข่าว คุณแม่ดูละครย้อนหลัง ลูกๆ ดูการ์ตูน เล่นเกม วัยรุ่นดู Netflix, YouTube, TikTok (ถ้าทีวีมันแรงพอ!) คือตอบโจทย์ทุกไลฟ์สไตล์จริงๆ

ส่วนแบรนด์ดังๆ ในตลาด Smart TV ในไทยก็มีเพียบเลยนะ ทั้งแบรนด์เจ้าถิ่นอย่าง LG, Samsung, Sony ที่มาจากเกาหลีกับญี่ปุ่น ซึ่งเป็นเจ้าตลาดมานาน คุณภาพดี ไว้ใจได้ แล้วก็มีแบรนด์จีนที่มาแรงมากๆ คุณภาพดีขึ้นเรื่อยๆ แถมราคาเป็นมิตรสุดๆ อย่าง TCL, Hisense, Xiaomi พวกนี้เค้าก็มีประวัติยาวนานเหมือนกันนะ อย่าง TCL เนี่ยเป็นแบรนด์อิเล็กทรอนิกส์ใหญ่จากจีน Hisense ก็เหมือนกัน ส่วน Xiaomi นี่เรารู้จักกันดีอยู่แล้วจากมือถือและสารพัดแกดเจ็ต เค้าก็ทำทีวีออกมาดีงามไม่แพ้กันเลยล่ะ

2. ราคาในตลาดไทยปี 2025 เป็นยังไงบ้าง?

มาถึงเรื่องที่ทุกคนรอคอย นั่นก็คือ "ราคา" นั่นเอง! สำหรับ Smart TV ปี 2025 เนี่ย ราคามันก็มีตั้งแต่หลักพันกลางๆ ไปจนถึงหลักแสนเลยนะ ขึ้นอยู่กับขนาดหน้าจอ เทคโนโลยีภาพ (LED, QLED, OLED) และฟังก์ชันเสริมต่างๆ

ถ้าเอาแบบที่คนส่วนใหญ่มองหา ฟังก์ชันครบๆ ภาพชัดๆ เสียงดีๆ ไม่ต้องถึงขั้นเทพ แต่ดูสบายตา ขนาดจอประมาณ 43 นิ้ว ไปจนถึง 65 นิ้ว เนี่ย ราคาจะอยู่ในช่วงประมาณนี้เลยจ้า:

• ขนาด 43 นิ้ว: เริ่มต้นประมาณ 7,xxx - 1x,xxx บาท (฿)
• ขนาด 55 นิ้ว: เริ่มต้นประมาณ 1x,xxx - 2x,xxx บาท (฿) (รุ่นเริ่มต้นถึงกลางๆ) ถ้าจอเทพๆ หน่อยก็มีไปถึง 4x,xxx - 9x,xxx บาท (฿)
• ขนาด 65 นิ้ว: เริ่มต้นประมาณ 1x,xxx - 2x,xxx บาท (฿) (รุ่นเริ่มต้นถึงกลางๆ) ถ้าจอดีๆ ฟังก์ชันแน่นๆ ก็มีตั้งแต่ 2x,xxx - 9x,xxx ไปจนถึงหลักแสน (฿) เลยก็มีจ้า

ลองไปส่องๆ ดูในแพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซเจ้าใหญ่ในไทยอย่าง Lazada กับ Shopee ดูสิ มีให้เลือกเยอะมากๆ ทั้งร้านค้าทางการ (Official Store) ของแต่ละแบรนด์ หรือร้านตัวแทนจำหน่าย บางทีก็มีโปรโมชั่นลดราคาเด็ดๆ ด้วยนะ ส่วนร้านเครื่องใช้ไฟฟ้าชื่อดังอย่าง Power Buy หรือร้านไอทีอย่าง JIB, Banana IT ก็มี Smart TV ขายเหมือนกัน แต่ราคาอาจจะแตกต่างกันไปบ้าง ต้องลองเปรียบเทียบดูนะ

เรื่องราคาเนี่ย บางทีรุ่นเดียวกันแต่คนละร้าน ราคาก็ไม่เท่ากันแล้ว ยิ่งถ้ามีโปรโมชั่นหรือโค้ดส่วนลดอะไรอีกนะ ราคาอาจจะว้าวไปเลย! ส่วนเรื่องอัตราแลกเปลี่ยนเนี่ย ถ้าไม่ใช่รุ่นท็อปสุดๆ ที่เพิ่งเปิดตัว ราคาในไทยก็มักจะมีการปรับให้เข้ากับตลาดอยู่แล้ว ไม่ได้แพงโดดจากราคาต่างประเทศมากนัก แต่ก็ต้องเช็คดีๆ ก่อนซื้อนะจ๊ะ

3. แล้วเทียบกับทีวีธรรมดากับ Smart TV รุ่นอื่นล่ะ?

ถ้าเทียบกับทีวีธรรมดาที่ไม่มีฟังก์ชัน Smart เลยเนี่ย แน่นอนว่า Smart TV แพงกว่าอยู่แล้ว แต่ฟังก์ชันที่ได้มามันคนละโลกเลยนะ เหมือนเทียบกับฟีเจอร์โฟนปุ่มกดกับสมาร์ทโฟนนั่นแหละ! Smart TV มันทำอะไรได้มากกว่าเยอะมากๆ ยอมจ่ายเพิ่มนิดหน่อยแต่ได้ความสะดวกสบายและความบันเทิงที่ครบครันกว่าถือว่าคุ้มมากๆ

ส่วนการเทียบกับ Smart TV แบรนด์อื่นๆ หรือรุ่นใกล้เคียงกันเนี่ย ก็ต้องมาดูกันที่ "ความคุ้มค่า" กับ "ความหรูหรา" เลยจ้า แบรนด์เกาหลี ญี่ปุ่น อย่าง Samsung, LG, Sony เค้าอาจจะเน้นเรื่องเทคโนโลยีภาพและเสียงที่ล้ำกว่า ฟังก์ชัน AI ที่ฉลาดกว่า วัสดุพรีเมียมกว่า ทำให้ราคาสูงกว่าหน่อย แต่ถ้าเน้นเรื่องราคาเป็นมิตร คุณภาพดีใช้ได้ ดูหนังฟังเพลงทั่วไปฟินแล้ว แบรนด์จีนอย่าง TCL, Hisense, Xiaomi ก็เป็นตัวเลือกที่น่าสนใจมากๆ ให้สเปกมาแน่นในราคาที่เข้าถึงง่ายกว่าเยอะ บางทีฟังก์ชันพื้นฐานเหมือนกันเลย แต่ได้ในราคาที่ถูกกว่า ก็ถือว่าคุ้มค่ามากๆ แล้วนะ

4. ซื้อแล้วได้อะไรมาบ้าง? มีประกันมั้ย?

เวลาซื้อ Smart TV หลักๆ ที่จะได้มาก็คือตัวทีวี รีโมทคอนโทรล (บางรุ่นเป็น Magic Remote ที่ใช้งานง่ายเหมือนเม้าส์) สายไฟ ขาตั้งทีวี หรืออุปกรณ์สำหรับติดตั้งกับผนัง (บางรุ่นอาจจะต้องซื้อแยก) และคู่มือการใช้งาน

เรื่อง การรับประกัน เนี่ย สำคัญมากๆ สำหรับคนไทยที่ค่อนข้างกังวลเรื่องซ่อม! Smart TV ส่วนใหญ่ในไทยจะมีการรับประกันศูนย์นะ ระยะเวลาก็แตกต่างกันไปแล้วแต่แบรนด์และรุ่น ส่วนใหญ่จะประมาณ 1-3 ปี รุ่นพรีเมียมมากๆ อาจจะมีการรับประกันที่ยาวนานกว่านั้น หรือมีบริการซ่อมถึงบ้านด้วยนะ ต้องสอบถามกับผู้ขายให้ละเอียดเลย

ส่วน ของแถม อุปกรณ์เสริม คูปอง หรือโปรโมชั่น อันนี้แล้วแต่ร้านและช่วงโปรโมชั่นเลยจ้า บางร้านอาจจะมีแถมสาย HDMI คุณภาพดีๆ แถมบริการติดตั้งฟรี แถมคูปองส่วนลดสำหรับซื้อครั้งต่อไป หรือจัดโปรโมชั่นร่วมกับบัตรเครดิต ได้เงินคืน ได้แต้มพิเศษ ต้องหมั่นติดตามโปรโมชั่นของแต่ละร้านดีๆ นะ! ส่วนใหญ่ถ้าซื้อจากร้านค้าทางการ (Official Store) บน Lazada/Shopee หรือร้านใหญ่ๆ อย่าง Power Buy ก็มักจะมีโปรโมชั่นพวกนี้แหละ

เรื่อง ค่าจัดส่ง ถ้าซื้อออนไลน์ส่วนใหญ่ก็มีบริการจัดส่งฟรีถึงบ้านนะ โดยเฉพาะร้านค้าใหญ่ๆ แต่ก็ต้องเช็คเงื่อนไขพื้นที่บริการจัดส่งดีๆ ด้วยล่ะ บางทีพื้นที่ห่างไกลอาจจะมีค่าส่งเพิ่มเติมนะ

5. ช่วงไหนน่าช้อป Smart TV ที่สุด?

ถ้าอยากได้ Smart TV ในราคาดีๆ ต้องรอช่วง โปรโมชั่น เลยจ้า! ช่วงที่ลดราคากระหน่ำที่สุดก็หนีไม่พ้นเทศกาลช้อปปิ้งออนไลน์ระดับโลกอย่าง 11.11 (วันที่ 11 เดือน 11) และ 12.12 (วันที่ 12 เดือน 12) นี่แหละ สองวันนี้ Lazada กับ Shopee เค้าจัดเต็มทั้งส่วนลดจากร้านค้า โค้ดส่วนลดจากแพลตฟอร์ม โปรโมชั่นร่วมกับพาร์ทเนอร์ต่างๆ คือเป็นช่วงที่ของลดราคาเยอะและคุ้มค่ามากๆ

นอกจากนี้ ช่วงเทศกาลสำคัญๆ ของไทยอย่าง สงกรานต์ หรือช่วง Black Friday, Cyber Monday (ซึ่งเดี๋ยวนี้ร้านค้าในไทยก็ร่วมด้วยเยอะขึ้นเรื่อยๆ) หรือแม้แต่ช่วง ครบรอบวันเกิดของแพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซ หรือ ครบรอบของร้านค้าเอง ก็มักจะมีโปรโมชั่นลดราคา Smart TV ด้วยนะ

ร้านค้าที่เป็น Official Store บน Lazada/Shopee เนี่ย เค้าก็มักจะมีโปรโมชั่นของตัวเองออกมาเรื่อยๆ อยู่แล้ว แต่ช่วงเทศกาลใหญ่ๆ จะยิ่งจัดหนักจัดเต็มกว่าปกติเยอะเลย ดังนั้น ถ้าไม่รีบมากๆ แนะนำให้อดใจรอช้อปช่วงโปรโมชั่นใหญ่ๆ จะคุ้มค่ากว่าเยอะเลยจ้า!

6. คนไทยใช้แล้วเป็นยังไงบ้าง? (แอบส่องรีวิว)

จากที่ลองไปส่องๆ ดูตามรีวิวในกลุ่มรีวิวสินค้า หรือคอมเมนต์ใน Shopee/Lazada เนี่ย คนไทยที่ซื้อ Smart TV มาใช้ส่วนใหญ่ก็แฮปปี้กันนะ! จุดที่เค้าชมกันเยอะๆ ก็คือ:

• ภาพชัด สีสวยถูกใจ: หลายคนบอกว่า Smart TV รุ่นใหม่ๆ ภาพคมชัด สีสันสดใส ดูหนังฟินมากๆ
• ใช้งานง่าย ไม่ซับซ้อน: ระบบปฏิบัติการของ Smart TV ส่วนใหญ่ใช้งานง่าย ไม่ว่าจะเป็น Android TV, Google TV, WebOS, Tizen ทำให้คนทุกวัยในบ้านเข้าถึงได้ง่าย
• เชื่อมต่อง่าย ดูออนไลน์สะดวก: จุดเด่นของ Smart TV คือเชื่อม Wifi ดู Netflix, YouTube ได้เลย อันนี้คือฟังก์ชันที่คนไทยใช้บ่อยสุดๆ แล้วก็ชอบมากๆ เพราะสะดวก ไม่ต้องต่อกล่องอะไรให้วุ่นวาย
• ราคาคุ้มค่ากับฟังก์ชันที่ได้: หลายคนมองว่าเมื่อเทียบราคากับทีวีธรรมดา Smart TV มันคุ้มค่ากว่าเยอะ เพราะได้ฟังก์ชันเสริมมาเพียบ ในราคาที่จับต้องได้
• เสียงดีใช้ได้: แม้ลำโพงทีวีส่วนใหญ่จะไม่เทียบเท่า Soundbar แต่ Smart TV รุ่นใหม่ๆ ก็พัฒนาเรื่องเสียงมาเยอะ มีระบบเสียง Dolby อะไรพวกนี้ ทำให้เสียงดูมีมิติมากขึ้น

ส่วนเรื่องที่อาจจะเจอบ้างก็มีเรื่องความทนทานของบางแบรนด์ที่ราคาไม่สูงมาก (อันนี้แล้วแต่ดวงและการใช้งานด้วยนะ) หรือบางทีระบบปฏิบัติการอาจจะช้าหน่วงบ้างในรุ่นเริ่มต้นๆ แต่โดยรวมแล้ว คนไทยส่วนใหญ่พอใจกับ Smart TV ที่ซื้อมานะ เห็นบอกว่าทำให้การดูทีวีที่บ้านสนุกขึ้นเยอะเลย!

7. จะไปหาซื้อ Smart TV ได้ที่ไหนบ้างนะ?

ช่องทางซื้อ Smart TV มีหลากหลายมากๆ เลยจ้า สะดวกแบบไหนก็ไปแบบนั้นเลย:

• แพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซเจ้าใหญ่: Lazada กับ Shopee นี่คือแหล่งรวม Smart TV เลย! มีร้านค้าทางการของแบรนด์ดังๆ เกือบทั้งหมด และร้านตัวแทนจำหน่ายให้เลือกเพียบ ข้อดีคือสะดวกสบาย สั่งออนไลน์รอรับที่บ้านได้เลย มีโปรโมชั่นเยอะ เปรียบเทียบราคาได้ง่าย มีรีวิวจากผู้ใช้จริงให้อ่านเยอะแยะเลยจ้า
• ร้านเครื่องใช้ไฟฟ้า/ไอทีขนาดใหญ่: อย่าง Power Buy, JIB, Banana IT ก็มี Smart TV ให้เลือกซื้อนะ ข้อดีคือเราสามารถไป ดูของจริง ทดลองใช้งาน ได้เลย ได้สอบถามข้อมูลจากพนักงานโดยตรง บางทีก็มีโปรโมชั่นหรือของแถมเฉพาะร้านด้วยนะ
• เว็บไซต์ทางการของแบรนด์: บางแบรนด์ก็มีเว็บไซต์ของตัวเองให้สั่งซื้อโดยตรง ข้อดีคือมั่นใจได้ว่าเป็นของแท้ ได้โปรโมชั่นตรงจากแบรนด์ แต่อาจจะไม่ได้มีโปรโมชั่นหลากหลายเท่าบนแพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซใหญ่ๆ
• ห้างสรรพสินค้า / ซูเปอร์มาร์เก็ต: อย่าง Central, Big C, The Mall ก็มีแผนกเครื่องใช้ไฟฟ้าที่มี Smart TV ขายเหมือนกันนะ บางทีก็มีโปรโมชั่นผ่อน 0% หรือโปรโมชั่นร่วมกับบัตรเครดิตต่างๆ

สำหรับราคาเนี่ย บางทีซื้อออนไลน์ก็ถูกกว่านะ เพราะมีโค้ดส่วนลด ค่าส่งฟรีอะไรพวกนี้ แต่บางทีร้านออฟไลน์เค้าก็มีโปรโมชั่นหน้าร้านเด็ดๆ เหมือนกัน ต้องลองเช็คและเปรียบเทียบหลายๆ ที่ก่อนตัดสินใจนะจ๊ะ

8. สรุปแล้ว Smart TV ปี 2025 น่าซื้อไหม? เหมาะกับใคร?

ถามว่า Smart TV ปี 2025 น่าซื้อไหม? ตอบเลยว่า น่าซื้อมากๆ จ้า! ยิ่งถ้างบถึง Smart TV มันเปิดโลกความบันเทิงในบ้านได้จริงๆ

เหมาะกับใครน่ะเหรอ? เหมาะกับ ทุกบ้านที่อยากอัปเกรดประสบการณ์ความบันเทิง ให้ทันสมัย ดูหนัง ฟังเพลง เล่นเน็ตสะดวกสบาย โดยเฉพาะบ้านที่ชอบดูสตรีมมิ่งอย่าง Netflix, YouTube, Disney+ เป็นชีวิตจิตใจ คือถ้าไม่มี Smart TV มันเหมือนขาดอะไรไปเลยนะ

ส่วนจะเลือกรุ่นไหนดี ภาพชัด เสียงดี ราคาไม่แพง เนี่ย ก็ต้องมาดูงบและความต้องการเลยจ้า

• ถ้างบจำกัดมากๆ อยากได้แค่ฟังก์ชัน Smart พื้นฐาน ดู YouTube, Netflix ได้ ก็เลือกรุ่นเริ่มต้น ขนาดจอไม่ต้องใหญ่มาก อย่าง 43 นิ้ว แบรนด์จีนราคาเป็นมิตรอย่าง TCL, Hisense, Xiaomi ก็เป็นตัวเลือกที่คุ้มค่ามากๆ
• ถ้าอยากได้ภาพชัดขึ้น เสียงดีขึ้นอีกนิด ขนาดจอใหญ่ขึ้นมาหน่อย 55 นิ้ว หรือ 65 นิ้ว รุ่นระดับกลางๆ ของแบรนด์ยอดนิยมอย่าง LG, Samsung, Sony ก็จะตอบโจทย์ได้ดีขึ้น อาจจะต้องเพิ่มงบอีกหน่อย แต่คุณภาพที่ได้ก็จะดีขึ้นตามไปด้วย
• ถ้าเป็นสายเน้นคุณภาพภาพและเสียงขั้นสุด อยากได้จอเทพๆ อย่าง OLED หรือ QLED ฟังก์ชัน AI ฉลาดๆ ระบบเสียงกระหึ่มเหมือนโรงหนัง งบไม่ใช่ปัญหา ก็จัดรุ่นท็อปของแบรนด์ดังๆ ไปเลย รับรองไม่ผิดหวัง (แต่ราคาก็แรงตามไปด้วยนะ!)

สรุปคือ Smart TV ปี 2025 เนี่ย มีตัวเลือกเยอะมากๆ ในทุกช่วงราคา ถ้ากำลังมองหาทีวีใหม่ อยากได้ฟังก์ชันครบๆ ทันสมัย เราว่า Smart TV คือสิ่งที่ควรมีมากๆ เลยนะ ลองดูงบประมาณ ความต้องการใช้งาน แล้วเลือกดูรุ่นที่ใช่ แบรนด์ที่ชอบ เปรียบเทียบราคาตามช่องทางต่างๆ ที่แนะนำไป รับรองว่าได้ Smart TV ภาพชัด เสียงดี ราคาโดนใจกลับบ้านแน่นอนจ้า! ขอให้ทุกคนสนุกกับการช้อปปิ้งและมีความสุขกับการดูทีวีเครื่องใหม่นะค้าาา!

วิดีโอที่เกี่ยวข้อง

• วิธีเลือกซื้อทีวีฉบับเข้าใจง่าย !!! ในปี 2025
• 10 ทีวี 4K ยี่ห้อไหนดี | ล่าสุด 2025 | @thailand_smile
• สรุป 10 ทีวีที่ดีที่สุดแห่งปี 2024-2025 | คัดให้เน้นๆ ซื้อตามได้เลย
• แนะนำ สมาร์ททีวีน่าใช้ในปี 2025 ขนาด 30 - 60 นิ้ว ราคา 4000 ...
• สรุป 10 ทีวีที่ดีที่สุดแห่งปี 2023-2024 | ซื้อตามได้เลย