Honda PGM-FI ระบบหัวฉีดในมอเตอร์ไซค์ Honda ทำงานอย่างไร? ข้อดี-ข้อเสีย และราคาซ่อมบำรุง

สวัสดีครับพี่น้องชาวสองล้อทั้งหลาย! วันนี้เราจะมาคุยกันถึงเรื่องใกล้ตัวที่หลายคนอาจจะเคยได้ยิน แต่ไม่รู้ว่ามันคืออะไร ทำงานยังไง นั่นก็คือระบบ PGM-FI ในมอเตอร์ไซค์ Honda นั่นเองครับ ใครที่กำลังขับขี่มอเตอร์ไซค์ Honda รุ่นใหม่ๆ อยู่เนี่ย รับรองว่ารถของคุณต้องมีเจ้าระบบนี้ติดมาด้วยแน่นอน เตรียมตัวเตรียมใจให้พร้อม แล้วไปทำความรู้จักกับมันแบบเจาะลึกกันเลยดีกว่า!

PGM-FI มันคืออะไร มีดีตรงไหน?

หลายคนอาจจะคุ้นเคยกับมอเตอร์ไซค์รุ่นเก่าๆ ที่ใช้ระบบคาบูเรเตอร์ในการผสมน้ำมันกับอากาศใช่ไหมครับ แต่โลกมันหมุนไปข้างหน้า เทคโนโลยีก็พัฒนาตาม Honda เค้าเลยคิดค้นระบบที่เรียกว่า PGM-FI (Programmed Fuel Injection) ขึ้นมา ซึ่งมันก็คือ ระบบหัวฉีดอิเล็กทรอนิกส์ นั่นแหละครับ พูดง่ายๆ คือมันมาแทนที่คาบูเรเตอร์นั่นเอง

แล้วเจ้า PGM-FI มันดียังไง? คืออย่างนี้ครับ ระบบคาบูเรเตอร์เนี่ยมันจะผสมน้ำมันแบบคร่าวๆ ตามแรงดูดอากาศ แต่ PGM-FI เนี่ยมันจะฉีดน้ำมันเชื้อเพลิงเข้าไปในห้องเผาไหม้โดยตรงแบบ เป๊ะๆ แม่นยำสุดๆ ตามการคำนวณของกล่องสมองกลอัจฉริยะที่เรียกว่า ECU (Engine Control Unit). เจ้า ECU นี่แหละที่คอยรับข้อมูลจากเซ็นเซอร์ต่างๆ ทั่วทั้งคัน ทั้งตำแหน่งคันเร่ง อุณหภูมิเครื่อง อุณหภูมิอากาศ ปริมาณออกซิเจนในไอเสีย แล้วก็ประมวลผลเพื่อสั่งให้หัวฉีดทำงานในจังหวะที่เหมาะสม.

ข้อดีของการที่มันฉีดน้ำมันได้แม่นยำแบบนี้มีเพียบเลยครับพี่น้อง!

• ประหยัดน้ำมันโคตรๆ: อันนี้เรื่องจริง! เพราะมันคำนวณปริมาณน้ำมันได้พอดีกับความต้องการของเครื่องยนต์ ทำให้ใช้น้ำมันได้อย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด. Honda เคลมว่าประหยัดขึ้นกว่าระบบคาบูเรเตอร์ถึง 18% เลยนะ.
• สตาร์ทติดง่าย ไม่มีงอแง: ไม่ว่าอากาศจะหนาว จะชื้นแค่ไหน แค่บิดกุญแจสตาร์ทก็ติดปุ๊บปั๊บ ไม่ต้องดึงโช้คให้วุ่นวายเหมือนสมัยก่อน.
• อัตราเร่งดี บิดติดมือ: การจ่ายน้ำมันที่แม่นยำทำให้เครื่องยนต์ทำงานเต็มที่ ตอบสนองคันเร่งได้ฉับไว ขี่สนุกขึ้นเยอะ.
• ลดมลพิษ เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม: การเผาไหม้ที่สมบูรณ์ขึ้นทำให้ปล่อยไอเสียน้อยลง ช่วยให้โลกของเราน่าอยู่ขึ้นครับ. Honda เค้าตั้งเป้าลดมลพิษมาตั้งแต่ปี 2005 แล้วนะ.
• ดูแลรักษาง่ายกว่า (ในบางแง่): ระบบมันถูกควบคุมด้วยอิเล็กทรอนิกส์ ถ้ามีปัญหา กล่อง ECU มันจะบันทึกรหัสข้อผิดพลาดไว้ ทำให้ช่างหาสาเหตุได้ตรงจุดมากขึ้น.

เหมาะกับใครน่ะเหรอ? เหมาะกับทุกคนที่อยากได้มอเตอร์ไซค์ที่ ประหยัดน้ำมัน ขี่ง่าย สตาร์ทติดชัวร์ๆ และใส่ใจเรื่องสิ่งแวดล้อมครับ เรียกว่าเป็นมาตรฐานใหม่ของมอเตอร์ไซค์ยุคนี้ไปแล้ว. Honda เองก็ประกาศตั้งแต่ปี 2008 ว่าจะใส่ PGM-FI ในมอเตอร์ไซค์ทุกรุ่นที่ขายในไทยเลย.

แล้วค่าซ่อมบำรุงล่ะ แพงจริงไหม?

มาถึงเรื่องที่หลายคนกังวลใจ เรื่องค่าซ่อมบำรุงนี่แหละครับ ต้องยอมรับว่าระบบหัวฉีด PGM-FI เนี่ย มันมีความซับซ้อนมากกว่าคาบูเรเตอร์พอสมควร เพราะมันมีชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์และเซ็นเซอร์ต่างๆ เยอะแยะไปหมด.

ถ้าถามว่าแพงกว่าคาบูเรเตอร์ไหม? โดยทั่วไปแล้ว ถ้าไม่มีอะไรเสีย การดูแลรักษาระบบหัวฉีดจะเน้นไปที่การ เปลี่ยนถ่ายของเหลวตามระยะ เช่น น้ำมันเครื่อง หัวเทียน กรองอากาศ ซึ่งค่าใช้จ่ายก็จะใกล้เคียงกับรถคาบูเรเตอร์ หรืออาจจะแพงกว่าเล็กน้อยในส่วนของหัวเทียนสำหรับระบบหัวฉีดโดยเฉพาะ. แต่ถ้าชิ้นส่วนสำคัญๆ ในระบบหัวฉีดเกิดเสียขึ้นมา เช่น ปั๊มติ๊ก (ปั๊มน้ำมันเชื้อเพลิงแรงดันสูง), หัวฉีด, หรือกล่อง ECU อันนี้ค่าใช้จ่ายจะ สูงกว่าคาบูเรเตอร์อย่างมีนัยสำคัญ เลยครับ.

ราคาซ่อมบำรุงเนี่ยมันขึ้นอยู่กับหลายปัจจัยมากๆ ครับ ทั้งรุ่นรถ ความเสียหาย ชิ้นส่วนที่ต้องเปลี่ยน และอู่ที่ซ่อม.

• ค่าเปลี่ยนหัวฉีด: ถ้าหัวฉีดตันหรือเสีย อาจจะต้องล้างหรือเปลี่ยนใหม่ ค่าหัวฉีดเนี่ยมีตั้งแต่หลักร้อยปลายๆ ถึงหลักพันบาทต่อหัว แล้วแต่รุ่นรถและยี่ห้อชิ้นส่วน (แท้/เทียม). ค่าแรงเปลี่ยนก็อีกส่วนหนึ่งครับ
• ค่าเปลี่ยนปั๊มติ๊ก: ถ้าปั๊มติ๊กมีปัญหา แรงดันน้ำมันไม่พอ อาจจะต้องเปลี่ยนยกชุด อันนี้ก็มีตั้งแต่หลักพันกลางๆ ถึงหลักหลายพันบาท.
• ค่าเปลี่ยนกล่อง ECU: อันนี้คือหนักสุด ถ้ากล่อง ECU เสียขึ้นมาจริงๆ ค่าเปลี่ยนคือแพงที่สุดในบรรดาชิ้นส่วน PGM-FI เลยครับ มีตั้งแต่หลักหลายพันไปจนถึงเหยียบหมื่นหรือมากกว่านั้นในรถบางรุ่น.
• ค่าตรวจเช็คและวิเคราะห์ปัญหา: รถหัวฉีดเวลาเสียมักจะมีไฟรูปเครื่องยนต์โชว์ที่หน้าปัด. การจะรู้ว่าเสียตรงไหนต้องใช้เครื่องมือพิเศษ (Diagnostic Tool) ในการอ่านโค้ดปัญหา ซึ่งตามศูนย์บริการจะมีเครื่องนี้อยู่แล้ว. แต่อู่ข้างนอกบางแห่งอาจจะยังไม่มี ทำให้วินิจฉัยได้ยากหรือวินิจฉัยผิดพลาดได้. ค่าบริการในการใช้เครื่องมือนี้ก็อาจจะมีคิดแยกต่างหากครับ.

สรุปคือ ถ้าดูแลตามระยะ ไม่ไปดัดแปลงอะไรพิเรนทร์ๆ โอกาสที่ชิ้นส่วนแพงๆ จะเสียก็มีน้อยครับ แต่ถ้าเสียขึ้นมาจริงๆ ก็เตรียมงบไว้ได้เลยว่าอาจจะบานปลายกว่ารถคาบูเรเตอร์เยอะ.

แล้วถ้าเทียบกับระบบอื่นล่ะ?

ถ้าเทียบกับระบบคาบูเรเตอร์รุ่นเก่าๆ เนี่ย PGM-FI เหนือกว่าแทบทุกด้าน ทั้งเรื่องความประหยัด อัตราเร่ง มลพิษ และความง่ายในการสตาร์ท. แต่ข้อได้เปรียบของคาบูเรเตอร์คือ ความเรียบง่ายและค่าซ่อมบำรุงที่ถูกกว่า ถ้าเสียซ่อมง่าย อะไหล่ไม่แพงมาก และอู่ทั่วไปซ่อมได้สบายๆ.

ส่วนระบบหัวฉีดของค่ายอื่น อย่าง Yamaha ที่มี YMJET-FI หรือ Suzuki ที่มีระบบของตัวเอง หลักการทำงานก็คล้ายๆ กันคือใช้หัวฉีดควบคุมด้วยอิเล็กทรอนิกส์. ประสิทธิภาพและข้อดีข้อเสียก็ใกล้เคียงกันครับ ส่วนเรื่องค่าซ่อมบำรุงก็ขึ้นอยู่กับนโยบายของแต่ละค่ายและความแพร่หลายของอะไหล่ในตลาดบ้านเราด้วย.

ซื้อรถ PGM-FI ได้อะไรเพิ่มบ้าง?

เวลาเราซื้อรถมอเตอร์ไซค์ Honda ที่เป็นระบบ PGM-FI สิ่งที่เราจะได้มาแน่นอนคือตัวรถที่มีระบบนี้ติดตั้งอยู่ครับ ส่วนใหญ่แล้ว Honda จะให้การรับประกันตัวรถและเครื่องยนต์มาระยะหนึ่ง (ปกติ 3 ปี หรือ 30,000 กิโลเมตร แล้วแต่เงื่อนไข). ซึ่งการรับประกันนี้ครอบคลุมถึงระบบ PGM-FI ด้วย.

นอกจากนี้ การนำรถเข้าเช็คระยะตามศูนย์บริการ Honda ตามที่คู่มือกำหนดก็เป็นสิ่งที่ควรทำอย่างยิ่งครับ เพราะศูนย์ฯ จะมีเครื่องมือและช่างที่ได้รับการฝึกอบรมมาโดยเฉพาะในการดูแลรักษาระบบ PGM-FI. การเข้าเช็คระยะจะช่วยให้ช่างตรวจพบปัญหาเล็กๆ น้อยๆ ก่อนที่จะลุกลามใหญ่โตได้ครับ. ส่วนของแถมหรือโปรโมชั่นต่างๆ ก็ขึ้นอยู่กับรุ่นรถและช่วงเวลาที่ซื้อเหมือนการซื้อรถทั่วไปครับ ไม่ได้เกี่ยวกับระบบหัวฉีดโดยตรง.

มีโปรโมชั่นช่วงไหนน่าจัดรถหัวฉีด?

ถึงแม้ PGM-FI จะเป็นเทคโนโลยีที่ติดมากับรถ ไม่ได้มีโปรโมชั่นแยกต่างหาก แต่ตัวมอเตอร์ไซค์ Honda รุ่นต่างๆ ที่ใช้ระบบนี้ก็มักจะมีโปรโมชั่นเด็ดๆ ออกมาให้เห็นตลอดครับ

• ช่วงเทศกาลใหญ่: ไม่ว่าจะเป็นปีใหม่ สงกรานต์ หรือช่วงแคมเปญช้อปปิ้งออนไลน์ยักษ์ใหญ่แบบ 11.11 หรือ 12.12 ตัวแทนจำหน่ายมอเตอร์ไซค์ Honda หรือร้านค้าในแพลตฟอร์มออนไลน์อย่าง Lazada หรือ Shopee ก็มักจะมีโปรโมชั่นลดราคา ดาวน์ต่ำ ผ่อนสบาย หรือของแถมพิเศษออกมาดึงดูดลูกค้าอยู่แล้วครับ
• โปรโมชั่นตามรุ่นรถ: บางช่วงบางรุ่นอาจจะมีโปรโมชั่นเฉพาะของรุ่นนั้นๆ เช่น ออกรุ่นใหม่มาแล้วมีโปรโมชั่นเปิดตัว หรือรุ่นเก่าหน่อยมีโปรโมชั่นเคลียร์สต็อก อันนี้ต้องคอยติดตามข่าวสารจากหน้าแฟนเพจ Honda Motorcycle (Thailand) หรือสอบถามจากผู้จำหน่ายใกล้บ้านครับ.

ถ้าไม่ได้รีบใช้รถมาก การรอซื้อในช่วงที่มีโปรโมชั่นก็ช่วยให้ประหยัดเงินในกระเป๋าได้ไม่น้อยเลยครับ!

คนไทยใช้แล้วฟีดแบ็กเป็นยังไงบ้าง?

จากเสียงส่วนใหญ่ของคนไทยที่ใช้มอเตอร์ไซค์ Honda ระบบ PGM-FI เนี่ย บอกเลยว่าค่อนข้างพอใจมากๆ ครับ.

• เรื่องความประหยัดน้ำมัน: อันนี้เป็นจุดที่คนใช้พูดถึงเยอะสุดๆ เพราะช่วยลดภาระค่าน้ำมันไปได้เยอะ ยิ่งยุคน้ำมันแพงแบบนี้ยิ่งเห็นผลชัดเจน.
• สตาร์ทง่าย: หลายคนชอบมาก เพราะรถสตาร์ทติดง่าย ไม่ต้องมานั่งยุ่งยากกับโช้ค โดยเฉพาะตอนเช้าๆ หรือช่วงที่อากาศเย็นๆ.
• อัตราเร่งดี ขี่สนุก: ระบบหัวฉีดทำให้เครื่องยนต์ตอบสนองได้ดี บิดเป็นมา ขี่ในเมืองก็คล่องตัว ออกตัวไว.
• ความทนทาน: โดยทั่วไปแล้ว ระบบ PGM-FI ค่อนข้างทนทานถ้าดูแลตามระยะ ไม่ค่อยมีปัญหาจุกจิก. ปัญหาที่เจอส่วนใหญ่มักจะมาจากปัจจัยอื่น เช่น การไม่ดูแลรักษา หรือไปดัดแปลงที่ไม่ถูกต้อง.

แต่ก็มีข้อกังวลอยู่บ้างเหมือนกันครับ โดยเฉพาะเรื่องค่าซ่อม ถ้าเกิดเสียขึ้นมานอกระยะประกัน ค่าใช้จ่ายอาจจะสูง. บางคนก็ยังไม่คุ้นเคยกับระบบอิเล็กทรอนิกส์และกังวลว่าจะซ่อมเองไม่ได้เหมือนคาบูเรเตอร์.

จะซ่อมบำรุงหรือซื้ออะไหล่ PGM-FI ได้ที่ไหน?

สำหรับเรื่องการซ่อมบำรุงและอะไหล่ของระบบ PGM-FI ในมอเตอร์ไซค์ Honda ช่องทางที่ดีที่สุดและแนะนำที่สุดคือการไปที่ ศูนย์บริการ Honda Wing Center ครับ.

• ศูนย์บริการ Honda Wing Center: เป็นช่องทางทางการของ Honda เค้าเลยครับ ข้อดีคือมีช่างที่ได้รับการฝึกอบรมมาโดยเฉพาะ มีเครื่องมือพิเศษในการตรวจเช็คระบบหัวฉีดโดยเฉพาะ และมั่นใจได้ว่าใช้อะไหล่แท้ที่ได้มาตรฐาน. ถ้าตัวรถยังอยู่ในระยะประกัน การเข้าซ่อมที่ศูนย์ฯ เป็นสิ่งจำเป็นเพื่อรักษาสิทธิ์ในการรับประกันด้วยครับ.
• อู่ซ่อมมอเตอร์ไซค์ทั่วไป: อู่บางแห่งก็สามารถซ่อมรถระบบหัวฉีดได้ครับ แต่ก็ต้องเลือกอู่ที่มีความรู้ความชำนาญและมีเครื่องมือที่จำเป็นสำหรับการซ่อมระบบหัวฉีดโดยเฉพาะ. อะไหล่บางชิ้นอาจจะมีของเทียบหรือของเทียมในราคาที่ถูกกว่าอะไหล่แท้ แต่คุณภาพก็อาจจะไม่เท่าของแท้นะครับ. ถ้าเป็นปัญหาที่ไม่ซับซ้อนมาก อู่นอกอาจจะเป็นตัวเลือกที่ประหยัดกว่า แต่ถ้าเป็นปัญหาใหญ่ๆ โดยเฉพาะที่เกี่ยวกับกล่อง ECU หรือระบบไฟฟ้าซับซ้อน แนะนำเข้าศูนย์ฯ ดีกว่าครับ.
• แหล่งซื้ออะไหล่ออนไลน์: ปัจจุบันสามารถหาซื้ออะไหล่บางชิ้นของระบบ PGM-FI ได้ตามแพลตฟอร์มออนไลน์อย่าง Lazada หรือ Shopee. แต่ก็ต้องระวังเรื่องคุณภาพของอะไหล่ที่ไม่ใช่ของแท้ และควรปรึกษาช่างผู้ชำนาญก่อนตัดสินใจซื้อมาเปลี่ยนเองครับ.

จำไว้ว่าระบบ PGM-FI มันซับซ้อนกว่าคาบูเรเตอร์เยอะ ถ้าไม่มั่นใจจริงๆ ให้ช่างผู้ชำนาญดูแลดีกว่าครับ.

สรุปแล้ว PGM-FI น่าใช้ไหม? ค่าซ่อมแพงจริงดิ?

มาถึงบทสรุปกันแล้วครับ สำหรับระบบหัวฉีด PGM-FI ในมอเตอร์ไซค์ Honda เนี่ย ถามว่าน่าใช้ไหม? น่าใช้มากๆ ครับ! เพราะข้อดีเรื่องความประหยัดน้ำมัน อัตราเร่งที่ดีขึ้น สตาร์ทง่าย และลดมลพิษ มันเป็นสิ่งที่ตอบโจทย์การใช้งานในชีวิตประจำวันยุคนี้ได้ดีสุดๆ ไปเลย.

ส่วนเรื่องค่าซ่อมบำรุงที่หลายคนกังวลว่าแพงเนี่ย มันก็มีส่วนจริงครับว่าถ้าชิ้นส่วนสำคัญอย่างหัวฉีด ปั๊มติ๊ก หรือกล่อง ECU เสียขึ้นมาจริงๆ ค่าซ่อมจะสูงกว่ารถคาบูเรเตอร์แน่นอน. แต่ถ้าเรา ดูแลรักษาตามระยะทางที่กำหนดอย่างเคร่งครัด ไม่ไปละเลย ไม่ใช้น้ำมันคุณภาพต่ำ หรือไปดัดแปลงระบบต่างๆ โอกาสที่จะเกิดปัญหาใหญ่ๆ ก็มีน้อยมากๆ ครับ. Honda เองก็ให้การรับประกันระบบ PGM-FI มาระยะหนึ่งด้วย.

เหมาะกับใครน่ะเหรอ? เหมาะกับ ทุกคนที่กำลังจะซื้อมอเตอร์ไซค์ Honda รุ่นใหม่ๆ ครับ เพราะส่วนใหญ่ก็เป็นระบบหัวฉีดหมดแล้ว. ถ้าคุณเป็นคนที่เน้นความสะดวกสบาย ประหยัดน้ำมัน อยากให้รถสตาร์ทติดง่ายๆ ไม่ต้องมาปรับจูนอะไรบ่อยๆ PGM-FI คือคำตอบครับ.

ส่วนคนที่ยังรักคาบูเรเตอร์ อาจจะเพราะชอบความเรียบง่าย ซ่อมง่าย อะไหล่ถูก หรือชอบการปรับจูนเอง ก็อาจจะต้องไปหามอเตอร์ไซค์รุ่นเก่าๆ มือสองแทนครับ เพราะรถใหม่ๆ ส่วนใหญ่เป็นหัวฉีดกันหมดแล้ว.

โดยรวมแล้ว การมี PGM-FI ถือเป็น ความคุ้มค่าในระยะยาว ครับ แม้ค่าซ่อมเมื่อมีปัญหาอาจจะสูงกว่า แต่ความประหยัดน้ำมันที่ได้มาตลอดการใช้งานก็อาจจะชดเชยส่วนนี้ได้ แถมยังเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมมากกว่าด้วยครับ. แค่หมั่นดูแลรักษาตามระยะทางที่ศูนย์บริการแนะนำ ก็สบายใจหายห่วงได้เลยครับ!

หวังว่าบทความนี้จะช่วยให้พี่น้องชาวสองล้อเข้าใจระบบ PGM-FI ในมอเตอร์ไซค์ Honda มากขึ้นนะครับ ใครมีคำถามเพิ่มเติม ถามมาได้เลย!

วิดีโอที่เกี่ยวข้อง

• เครื่องยนต์หัวฉีด PGM-FI มันดียังไง : Car of Know
• การทำงานระบบจ่ายน้ำมันแบบหัวฉีด PGM FI
• การทำงานระบบจ่ายน้ำมันแบบหัวฉีด PGM FI | วันนี้ทางร้านมีสาระดีๆ ...
• การทำงานระบบหัวฉีดPGM-FI
• เรื่องของการทำงานของหัวฉีด