logo

Media Converter รุ่นไหนดี? เปรียบเทียบสเปกพร้อมราคาล่าสุดปี 2025 ก่อนซื้อ

user avatar
ญาดา วัฒนธร·07/05/2025 14:01
点赞
Media Converter รุ่นไหนดี? เปรียบเทียบสเปกพร้อมราคาล่าสุดปี 2025 ก่อนซื้อ

สวัสดีค่าาา เหล่าช้อปเปอร์ทั้งหลาย! วันนี้ป้าจะพาทุกคนดำดิ่งสู่โลกแห่ง Media Converter หรือเจ้ากล่องแปลงร่างสายสัญญาณเนี่ยแหละจ้า! หลายคนอาจจะเคยเห็นผ่านๆ ตาตามร้านอุปกรณ์เน็ตเวิร์ก หรือตามช็อปออนไลน์ แต่ไม่รู้ว่ามันคืออะไร ใช้ทำอะไร แล้วที่สำคัญ "รุ่นไหนดี ราคาเท่าไหร่ ปี 2025 นี้!" ไม่ต้องกังวลจ้ะ วันนี้ป้าจะมาไขข้อข้องใจให้หมดเปลือก แบบเข้าใจง่าย สไตล์เม้าท์มอยบ้านๆ พร้อมบอกแหล่งช้อปให้ไปตำกันได้แบบไม่หลงทาง! ใครที่กำลังปวดหัวเรื่องเดินสาย LAN ได้ไม่เกิน 100 เมตร แล้วอยากลากยาวไปไกลๆ แบบไม่ต้องต่อหลายทอด มาอ่านนี่เลย รับรองมีประโยชน์!

1. เจ้ากล่องแปลงร่าง Media Converter นี่มันคืออะไรกันแน่นะ?

เอาล่ะ ก่อนจะไปเลือกซื้อ เรามารู้จักหน้าตาและหน้าที่ของเจ้า Media Converter กันก่อนดีกว่า มันก็คืออุปกรณ์ตัวเล็กๆ ที่มีไว้สำหรับ แปลงสัญญาณ จ้ะ แปลงจากสัญญาณแบบหนึ่งไปเป็นอีกแบบหนึ่ง เพื่อให้เราสามารถ ส่งข้อมูลได้ไกลขึ้น หรือเชื่อมต่ออุปกรณ์ที่ใช้สายคนละชนิดกันได้. ส่วนใหญ่ที่เราเห็นกันบ่อยๆ ก็คือการแปลงสัญญาณจากสาย LAN (ทองแดง) ที่เราคุ้นเคยกันดี ให้ไปวิ่งบน สายไฟเบอร์ออปติก (ใยแก้วนำแสง) แทน. ทำไมต้องทำแบบนี้? ก็เพราะสาย LAN เนี่ยเค้ามีข้อจำกัดเรื่องระยะทาง ส่งได้ไกลสุดก็แค่ประมาณ 100 เมตรเท่านั้นเองจ้า ถ้าจะไปให้ไกลกว่านั้น เช่น ข้ามอาคาร หรือเชื่อมต่อระหว่างชั้นไกลๆ เนี่ย สาย LAN เพียวๆ ไม่รอดแน่ๆ. เจ้า Media Converter นี่แหละคือฮีโร่ที่จะมาช่วย เพราะสายไฟเบอร์ออปติกสามารถส่งสัญญาณไปได้ไกลลิบโลก ตั้งแต่หลักกิโลเมตรยันหลายสิบกิโลเมตรเลยทีเดียว!

นอกจากแปลง LAN เป็นไฟเบอร์แล้ว ยังมีแบบอื่นๆ อีกนะ เช่น แปลงสัญญาณภาพและเสียง HDMI ให้ไปวิ่งบนสายไฟเบอร์ได้ด้วย อันนี้พวกงานระบบภาพใหญ่ๆ หรือกล้องวงจรปิด IP Camera นิยมใช้กัน. กลุ่มผู้ใช้หลักๆ ก็หนีไม่พ้นชาวออฟฟิศที่ต้องเชื่อมต่อเครือข่ายระหว่างตึก หน่วยงานราชการ โรงเรียน มหาวิทยาลัย หรือแม้แต่คนทั่วไปที่ต้องการขยายระยะสัญญาณอินเทอร์เน็ตในบ้านหรือที่ทำงานให้ครอบคลุมพื้นที่กว้างๆ จ้ะ ส่วนแบรนด์ดังๆ ในตลาดก็มีหลายเจ้าเลย ทั้งแบรนด์ต่างประเทศที่คุ้นหูอย่าง TP-Link หรือแบรนด์อื่นๆ ที่ทำอุปกรณ์เน็ตเวิร์กโดยเฉพาะ.

2. ราคาในตลาดไทย ปี 2025 เป็นยังไงบ้าง?

มาถึงเรื่องเงินๆ ทองๆ ที่หลายคนอยากรู้! สำหรับราคาของ Media Converter ในตลาดไทยปี 2025 เนี่ย ต้องบอกเลยว่ามีตั้งแต่หลักร้อยไปจนถึงหลักพันปลายๆ เลยนะ ขึ้นอยู่กับสเปกและความสามารถของมันจ้ะ โดยหลักๆ จะแบ่งตามความเร็วในการรับส่งข้อมูล และระยะทางที่รองรับ:

  • รุ่นมาตรฐาน (10/100 Mbps): อันนี้จะเป็นรุ่นเริ่มต้น ราคาเบาๆ เหมาะกับงานทั่วไปที่ไม่ต้องการความเร็วสูงมาก เช่น ระบบกล้องวงจรปิด หรือขยายสัญญาณอินเทอร์เน็ตแบบพื้นฐาน. ราคาจะอยู่ประมาณ ฿200 - ฿600 ต่อคู่ (ต้องใช้คู่กัน ตัวส่ง-ตัวรับ).
  • รุ่น Gigabit (10/100/1000 Mbps): รุ่นนี้จะรองรับความเร็วสูงขึ้น เหมาะกับระบบเครือข่ายที่ต้องการความเร็วระดับ Gigabit Ethernet เพื่อการรับส่งข้อมูลปริมาณมากๆ หรือใช้กับอินเทอร์เน็ตบ้านที่ความเร็วเกิน 100 Mbps. ราคาจะขยับสูงขึ้นมาหน่อย อยู่ที่ประมาณ ฿400 - ฿1,500 ต่อคู่.
  • รุ่นที่รองรับระยะทางไกลพิเศษ หรือมีฟังก์ชันเฉพาะ: เช่น รุ่นที่ส่งได้ไกลหลายสิบกิโลเมตร หรือรุ่น Industrial ที่ทนทานต่อสภาพแวดล้อมโหดๆ ราคาก็จะสูงขึ้นไปอีก อาจจะอยู่ที่ ฿1,000 ปลายๆ ไปจนถึง ฿4,000+ ต่อคู่ เลยก็มี.

แหล่งช้อปปิ้งยอดฮิตที่เจอ Media Converter เยอะๆ เลยก็คือแพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซใหญ่ๆ อย่าง Lazada และ Shopee จ้ะ เข้าไปค้นหาได้เลย มีร้านค้าหลายเจ้ามากๆ ทั้งร้านทางการและร้านค้าทั่วไป. ส่วนร้านอุปกรณ์ไอทีอย่าง JIB หรือ Banana IT ก็มีสินค้ากลุ่มอุปกรณ์เน็ตเวิร์กอยู่บ้าง แต่อาจจะไม่หลากหลายเท่าร้านเฉพาะทาง หรือแพลตฟอร์มออนไลน์. ส่วน Power Buy หรือ Central/Big C/The Mall จะเน้นสินค้าคอนซูเมอร์มากกว่า อาจจะมีน้อยหรือไม่มีเลยสำหรับ Media Converter ที่เป็นอุปกรณ์เฉพาะทางหน่อยๆ จ้ะ

สำหรับเรื่องอัตราแลกเปลี่ยน ถ้าเป็นแบรนด์ต่างประเทศ ราคาก็อาจจะมีความผันผวนตามค่าเงินบ้าง แต่โดยรวมแล้วราคาในไทยก็ถือว่าสมเหตุสมผล ไม่ได้แพงเวอร์เมื่อเทียบกับประสิทธิภาพที่ได้จ้ะ

3. แล้วเทียบกับสินค้าอื่นในหมวดเดียวกันล่ะ เป็นไงบ้าง?

ถ้าให้เทียบกับอุปกรณ์อื่นๆ ที่ใช้ขยายระยะสัญญาณเหมือนกันเนี่ย เจ้า Media Converter ถือเป็นตัวเลือกที่ คุ้มค่า มากๆ โดยเฉพาะเมื่อต้องการส่งสัญญาณใน ระยะทางไกลมากๆ. ลองนึกภาพว่าถ้าเราใช้ Switch Hub เพื่อต่อสัญญาณ LAN ให้ได้ระยะไกลขึ้น ทุกๆ 100 เมตร เราต้องวาง Switch Hub 1 ตัว ซึ่งก็จะมีค่าใช้จ่ายของตัวอุปกรณ์ ค่าติดตั้ง และอาจจะต้องหาที่วาง มีปลั๊กไฟอีก แถมยิ่งต่อหลายทอดความเสถียรก็อาจจะลดลง. การใช้ Media Converter คู่กับสายไฟเบอร์ออปติกเส้นเดียวเนี่ย สามารถลากยาวไปได้เลยหลายกิโลเมตร จบในคู่เดียว!

เมื่อเทียบกับอุปกรณ์ประเภทอื่นๆ ที่แปลงสัญญาณคนละแบบ เช่น ตัวแปลงสัญญาณภาพ HDMI ที่อาจจะมีแบบที่ส่งผ่านสาย LAN ได้เหมือนกัน (HDMI Extender) แต่พวกนี้ก็มีข้อจำกัดเรื่องระยะทางและความละเอียดของภาพ ถ้าต้องการส่งภาพความละเอียดสูงๆ ไปไกลๆ การใช้ Media Converter ที่แปลงเป็น Fiber Optic ก็จะตอบโจทย์กว่า แถมยังมีความเสถียรสูงกว่าด้วยจ้า

4. ซื้อแล้วได้อะไรมาบ้างนะ? (อันนี้ต้องเช็คดีๆ!)

เวลาที่เราซื้อ Media Converter ส่วนใหญ่แล้วสิ่งที่ควรจะได้มาในกล่อง (โดยเฉพาะถ้าซื้อเป็นคู่ A+B) ก็จะมี:

  • ตัว Media Converter: ส่วนใหญ่จะมาเป็นแพ็คคู่ (ตัวส่งและตัวรับ) หรือบางรุ่นอาจจะขายแยกเดี่ยวๆ ก็ได้ อันนี้ต้องดูรายละเอียดสินค้าดีๆ จ้ะ.
  • Adapter/Power Supply: สำคัญมากๆ! เจ้ากล่องพวกนี้ต้องการไฟเลี้ยงนะ ส่วนใหญ่จะใช้ Adapter ขนาดเล็ก 5V หรือ 12V ก็ว่าไป ต้องได้มาครบตามจำนวนตัวอุปกรณ์จ้ะ.
  • คู่มือการติดตั้งเบื้องต้น: ส่วนใหญ่จะมีมาให้ในกล่อง แต่บางทีอาจจะเป็นภาษาอังกฤษทั้งหมด ก็ต้องอาศัยสกิลงูๆ ปลาๆ หน่อย หรือไม่ก็หาดูรีวิวหรือวิธีติดตั้งใน YouTube เอาก็ได้จ้า.
  • ใบรับประกัน: อันนี้คนไทยให้ความสำคัญมากๆ! ระยะเวลารับประกัน สำหรับ Media Converter ทั่วไปจะอยู่ประมาณ 1 ปี. แต่บางแบรนด์อาจจะให้มากกว่านั้น หรือน้อยกว่านั้นก็ได้ ต้องเช็ครายละเอียดสินค้าให้ดีๆ เลยนะ ถ้าสินค้ามีปัญหาจะได้เคลมได้จ้ะ
  • ของแถม/โปรโมชั่นพิเศษ: อันนี้แล้วแต่ร้านเลย บางร้านอาจจะมีแถมสาย Fiber Optic เส้นสั้นๆ มาให้ลอง หรือมีคูปองส่วนลดสำหรับการซื้อครั้งต่อไป ก็ถือเป็นโบนัสเล็กๆ น้อยๆ จ้ะ.

ส่วนเรื่อง ค่าจัดส่ง ถ้าซื้อจาก Lazada หรือ Shopee ส่วนใหญ่จะมีค่าจัดส่งนะจ๊ะ นอกจากร้านจะจัดโปรโมชั่น ส่งฟรี ซึ่งก็มีบ่อยๆ โดยเฉพาะช่วงแคมเปญใหญ่ๆ ก็ต้องคอยสังเกตดีๆ จ้ะ

5. มีช่วงไหนน่าซื้อเป็นพิเศษมั้ย? เตรียมตัวให้พร้อม!

ถ้าอยากได้ Media Converter ในราคาดีๆ แบบสบายกระเป๋าเนี่ย ช่วงเวลา โปรโมชั่น นี่แหละคือโอกาสทอง! แพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซอย่าง Lazada และ Shopee เค้าขยันจัดโปรโมชั่นลดราคาตลอดทั้งปีเลยนะ โดยเฉพาะช่วงเทศกาลช้อปปิ้งใหญ่ๆ ที่คนไทยเรารอคอย:

  • เลขเบิ้ลสุดปัง: เช่น 1.1, 2.2, 3.3, ... ไปจนถึง 12.12 ช่วงนี้แหละที่ร้านค้าจะพร้อมใจกันลดราคา จัดหนัก จัดเต็ม มีทั้งส่วนลดสินค้า โค้ดส่วนลดเพิ่ม และโปรโมชั่นส่งฟรีเพียบ!
  • เทศกาลไทยๆ: ช่วง สงกรานต์ หรือ ปีใหม่ ก็มักจะมีโปรโมชั่นพิเศษตามมาด้วยนะ
  • วัน payday: สิ้นเดือนเงินเดือนออก หลายร้านก็มีโปรโมชั่นยั่วๆ มาให้เสียเงิน เอ้ย! มาให้ช้อปปิ้งกันด้วยนะ

นอกจากนี้ ลองสังเกต ร้านค้าระดับแฟลกชิพ (Flagship Store) หรือ LazMall/Shopee Mall ของแบรนด์อุปกรณ์เน็ตเวิร์กโดยตรง บางทีเค้าก็มีโปรโมชั่นหรือส่วนลดสำหรับสินค้าบางรุ่นอยู่เรื่อยๆ ไม่ต้องรอช่วงแคมเปญใหญ่ก็ได้จ้ะ. สรุปง่ายๆ คือ ถ้าไม่รีบใช้มากนัก การรอซื้อช่วงโปรโมชั่นเนี่ย ช่วยประหยัดเงินในกระเป๋าได้เยอะเลยนะจ๊ะ

6. คนไทยที่เคยใช้ เค้าว่ายังไงกันบ้างนะ? (แอบส่องรีวิวมาให้แล้ว!)

จากที่ลองไปส่องๆ ดูตามรีวิวของคนไทยที่ใช้ Media Converter โดยเฉพาะพวกที่หาซื้อง่ายๆ ใน Shopee/Lazada เนี่ย เสียงตอบรับส่วนใหญ่ถือว่า ใช้งานได้ดี คุ้มค่ากับราคา. จุดที่ผู้ใช้คนไทยมักจะเน้นและรีวิวถึงบ่อยๆ ก็คือ:

  • ราคาถูก หาซื้อง่าย: หลายคนพอใจกับราคาที่ไม่แพง ทำให้เข้าถึงได้ง่ายสำหรับคนทั่วไป.
  • ติดตั้งไม่ยาก: ส่วนใหญ่จะเป็นแบบ Plug and Play คือเสียบสายแล้วใช้งานได้เลย ไม่ต้องตั้งค่าอะไรซับซ้อนมาก.
  • ใช้งานได้จริง ส่งได้ไกล: อันนี้คือจุดประสงค์หลัก และผู้ใช้ส่วนใหญ่ก็ยืนยันว่ามันช่วยขยายระยะสัญญาณได้จริงตามที่ต้องการ.
  • ใช้กับกล้องวงจรปิด IP ได้ดี: อันนี้เป็นกลุ่มผู้ใช้ที่เยอะมากๆ และรีวิวก็บอกว่า Media Converter เป็นตัวช่วยที่ดีในการเดินสายกล้อง IP ระยะไกล ทำให้ภาพไม่กระตุก.
  • ความทนทาน (แล้วแต่แบรนด์แล้วแต่ดวง): บางคนใช้ได้นาน ทนทานไม่มีปัญหา แต่บางคนก็อาจจะเจออาการเสียบ้าง ซึ่งอันนี้ก็เป็นเรื่องปกติของอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ทั่วไปนะจ๊ะ การเช็คเรื่องประกันจึงสำคัญมาก!

โดยรวมแล้ว ฟีดแบ็กจากผู้ใช้ในไทยค่อนข้างเป็นไปในทางบวก เน้นเรื่อง ความคุ้มค่า และ ฟังก์ชันการใช้งานพื้นฐาน ที่ตอบโจทย์ความต้องการได้ดีจ้ะ

7. แล้วจะไปหาซื้อได้ที่ไหนถึงจะชัวร์?

สำหรับช่องทางการซื้อ Media Converter ที่แนะนำในไทยตอนนี้ก็มีหลายทางเลยจ้ะ:

  • แพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซยอดนิยม (Shopee / Lazada): อันนี้คือแหล่งใหญ่ที่สุด มีสินค้าหลากหลายแบรนด์ หลายราคาให้เลือกเยอะมากๆ ข้อดีคือสะดวกสบาย เปรียบเทียบราคาได้ง่าย มีระบบคุ้มครองผู้ซื้อ และมีโปรโมชั่นส่วนลดบ่อยๆ. แต่ข้อควรระวังคือต้องเลือกร้านค้าที่น่าเชื่อถือ ดูคะแนนรีวิวร้าน และอ่านรีวิวจากผู้ซื้อคนอื่นๆ ก่อนตัดสินใจซื้อนะจ๊ะ
  • ร้านค้าออนไลน์เฉพาะทาง: มีร้านค้าออนไลน์หลายร้านที่เน้นขายอุปกรณ์เน็ตเวิร์กโดยเฉพาะ พวกนี้จะมี Media Converter ให้เลือกเยอะ มีรุ่นที่หลากหลายกว่า อาจจะมีข้อมูลทางเทคนิคที่ละเอียดกว่า และคนขายอาจจะให้คำปรึกษาได้ดีกว่าด้วย.
  • ร้านอุปกรณ์ไอที/เน็ตเวิร์ก: บางร้านที่มีแผนกอุปกรณ์เน็ตเวิร์กก็มี Media Converter ขายนะ เช่น JIB หรือร้านอุปกรณ์คอมพิวเตอร์/เน็ตเวิร์กในห้างไอทีต่างๆ. ข้อดีคือเราอาจจะสามารถไปดูสินค้าจริง สอบถามพนักงานได้โดยตรง แต่ตัวเลือกอาจจะไม่เยอะเท่าช่องทางออนไลน์ และราคาอาจจะสูงกว่าเล็กน้อย
  • ร้านค้าตัวแทนจำหน่าย: ถ้าเป็นแบรนด์ใหญ่ๆ บางทีเค้าจะมีตัวแทนจำหน่ายอย่างเป็นทางการในไทย ลองเช็คจากเว็บไซต์ของแบรนด์นั้นๆ ได้เลย การซื้อจากตัวแทนจำหน่ายก็มั่นใจได้ว่าเป็นของแท้ และมีการรับประกันที่แน่นอนจ้ะ.

เลือกช่องทางที่สะดวกและมั่นใจได้เลยนะจ๊ะ!

8. สรุปแล้วน่าซื้อไหม? รุ่นไหนเหมาะกับใคร?

สรุปปิดท้ายกันเลยดีกว่า! ถามว่า Media Converter ยังน่าซื้ออยู่ไหมในปี 2025 นี้? บอกเลยว่า น่าซื้อมากๆ จ้ะ ถ้าคุณมีความจำเป็นต้องขยายระยะสัญญาณเครือข่าย LAN หรือสัญญาณอื่นๆ ให้ไปได้ไกลเกินข้อจำกัดของสายทองแดงเดิมๆ.

ใครที่เหมาะกับ Media Converter:

  • คนที่ต้องการเชื่อมต่อเครือข่ายระหว่างอาคาร หรือระหว่างชั้นที่อยู่ไกลกัน.
  • คนที่ต้องการติดตั้งระบบกล้องวงจรปิด IP Camera ในระยะไกลๆ.
  • คนที่ต้องการขยายสัญญาณอินเทอร์เน็ตในบ้านหรือที่ทำงานให้ครอบคลุมพื้นที่กว้างๆ.
  • คนที่ต้องการความเสถียรในการรับส่งข้อมูลในระยะไกล มากกว่าการต่อ Switch Hub หลายๆ ทอด.

แล้วเลือกรุ่นไหนดีล่ะ?

  • ถ้าเน้นงานทั่วไป ใช้งานพื้นฐาน ไม่ต้องการความเร็วสูงมาก (เช่น กล้อง IP ทั่วไป หรืออินเทอร์เน็ตไม่เกิน 100 Mbps) เลือกรุ่น 10/100 Mbps ก็เพียงพอแล้วจ้ะ ราคาเป็นมิตรสุดๆ.
  • ถ้าต้องการความเร็วสูง ใช้กับอินเทอร์เน็ตบ้านความเร็วสูง หรือระบบเครือข่ายที่รับส่งข้อมูลปริมาณมากๆ เลือกรุ่น Gigabit (10/100/1000 Mbps) ไปเลย จะได้ไม่คอขวด.
  • ส่วนเรื่องระยะทางที่รองรับ ก็เลือกตามความเหมาะสมกับหน้างานของเราเลย มีตั้งแต่ไม่กี่กิโลเมตรไปจนถึงหลายสิบกิโลเมตร.

สำหรับรุ่นที่มีฟังก์ชันพิเศษอื่นๆ เช่น เป็นแบบ Industrial ที่ทนทาน หรือมีระบบ Management สำหรับการจัดการเครือข่าย ก็เหมาะกับงานเฉพาะทางที่ต้องการความเสถียรสูง หรือต้องติดตั้งในสภาพแวดล้อมที่ไม่เป็นมิตรจ้ะ.

โดยรวมแล้ว Media Converter เป็นอุปกรณ์ที่ คุ้มค่า ในการลงทุน ถ้ามีความจำเป็นต้องใช้งานตามที่กล่าวมา เลือกสเปกให้เหมาะกับงาน งบประมาณ และอย่าลืมเช็คเรื่อง การรับประกัน ให้ดีก่อนซื้อนะจ๊ะ! ขอให้ทุกคนได้ Media Converter ที่ถูกใจ และเชื่อมต่อโลกออนไลน์ได้อย่างไม่มีสะดุดจ้า!


วิดีโอที่เกี่ยวข้อง

บทความล่าสุดดูเพิ่มเติม

สวัสดีปี 2025 จ้าาา! ใครที่กำลังมองหาทางชุบชีวิตบ้านเก่าให้กลับมาปิ๊งปั๊งเหมือนใหม่ แต่ว่างบในกระเป๋าค่อนข้างจำกัด วันนี้เรามีเคล็ดลับและไอเดีย รีโนเวทบ้านเก่า ราคาถูก งบจำกัด ทำเองได้ง่ายๆ มาฝากกัน บอกเลยว่าทำได้จริง ไม่ต้องขายไต ไม่ต้องกู
รีโนเวทบ้านเก่า ราคาถูก งบจำกัด ปี 2025 ทำเองได้ง่ายๆ เปลี่ยนบ้านให้เหมือนใหม่
สวัสดีค่าาา เหล่าสายแฟชั่นนิสต้าและเพื่อนๆ นักช้อปออนไลน์ทุกคน! วันนี้เราจะมาเจาะลึกเรื่องยีนส์ที่ฮิตติดลมบน แถมราคายังเป็นมิตรกับกระเป๋าตังค์สุดๆ อย่าง กางเกงยีนส์ Denim Co จาก H&M กันค่ะ! ใครกำลังมองหายีนส์คู่ใจตัวใหม่ที่ใส่ได้บ่อยๆ แ
กางเกงยีนส์ Denim Co ราคาเท่าไหร่? ยีนส์ H&M คุณภาพดี ราคาเข้าถึงง่าย
สวัสดีครับทุกคนนน! วันนี้เราจะมาพูดถึงไอเทมสุดฮิตที่ขาดไม่ได้สำหรับสายปาร์ตี้ สายเที่ยว หรือแค่สายชิลล์ๆ ฟังเพลงอยู่บ้าน นั่นก็คือ ลำโพงบลูทูธ Ultimate Ears Wonderboom นั่นเองงง! ใครที่กำลังมองหาลำโพงคู่ใจ เสียงดี พกพาง่าย แถมลุยได้ทุกสถานก
ลำโพงบลูทูธ Ultimate Ears Wonderboom ราคาล่าสุดปี 2025 เสียงดี กันน้ำไหม?

บทความยอดนิยม

บทความที่แนะนำ