logo

USB-C Adapter ราคาเท่าไหร่? เลือกแบบไหนให้ตรงใจ พร้อมชี้เป้าร้านคุ้ม

user avatar
รัฐพล จิตต์มั่นคง·07/05/2025 15:49
点赞
USB-C Adapter ราคาเท่าไหร่? เลือกแบบไหนให้ตรงใจ พร้อมชี้เป้าร้านคุ้ม

สวัสดีค่าเพื่อนๆ นักช้อปออนไลน์และเหล่ามนุษย์แกดเจ็ตทั้งหลาย! วันนี้เราจะมาเม้าท์มอยเรื่องไอเทมชิ้นเล็กๆ แต่โคตรสำคัญสำหรับคนยุคใหม่ นั่นก็คือ USB-C Adapter หรือ ฮับ USB-C นั่นเอง! ใครที่กำลังงงๆ ว่ามันคืออะไร? ราคาเท่าไหร่? แล้วจะเลือกซื้อแบบไหนดีให้ตรงใจ แถมด้วยชี้เป้าร้านที่อาจจะเจอดีลเด็ดๆ ขอบอกเลยว่าห้ามพลาดบทความนี้เด็ดขาดจ้า! เตรียมตังค์ในกระเป๋าให้พร้อม แล้วไปตะลุยโลกของ USB-C กันเล้ยยย!

1. เจ้า USB-C Adapter นี่มันคืออะไรกันแน่?

เอาล่ะ มาทำความรู้จักกับพระเอกของเรากันก่อน เจ้า USB-C Adapter หรือบางทีก็เรียก USB-C Hub เนี่ย พูดง่ายๆ มันก็คือ ตัวแปลงร่าง หรือ ศูนย์รวมพอร์ต สารพัดประโยชน์นั่นแหละจ้า! นึกภาพสมัยก่อนโน้นนน ที่คอมพิวเตอร์หรือโน้ตบุ๊กของเรามีพอร์ตเยอะแยะไปหมด ทั้ง USB-A, HDMI, SD Card Reader, Ethernet (สายแลน) ฯลฯ แต่พอมายุคหลังๆ โดยเฉพาะพวกโน้ตบุ๊กหรือแท็บเล็ตที่เน้นความบางเบา เค้าก็มักจะใส่พอร์ตมาให้น้อยลงมากๆ บางรุ่นให้มาแค่พอร์ต USB-C เพียวๆ เลยก็มี!

แล้วไงล่ะทีนี้? อ้าว! แล้วจะต่อเมาส์ คีย์บอร์ด external harddisk โปรเจคเตอร์ หรือเสียบ SD Card จากกล้องยังไงล่ะเนี่ย? นี่แหละคือหน้าที่ของเจ้า USB-C Adapter เลยจ้า มันจะมาช่วย ขยายขีดความสามารถ ของพอร์ต USB-C ที่มีอยู่น้อยนิด ให้กลายเป็นสารพัดพอร์ตที่เราคุ้นเคย ทั้ง USB-A หลายๆ ช่อง, HDMI หรือ DisplayPort สำหรับต่อจอเสริม, ช่องอ่าน SD Card และ MicroSD Card, ช่องเสียบสายแลน (Ethernet) หรือบางทีก็มีพอร์ต USB-C Power Delivery (PD) มาให้เสียบชาร์จไฟไปพร้อมๆ กับใช้งานพอร์ตอื่นได้ด้วยนะ!

เหมาะมากๆ สำหรับ นักเรียน นักศึกษา คนทำงาน หรือใครก็ตามที่ใช้อุปกรณ์ที่เน้นพอร์ต USB-C เป็นหลัก เช่น MacBook, iPad Pro/Air, โน้ตบุ๊ก Windows รุ่นใหม่ๆ หรือแม้กระทั่งมือถือบางรุ่น! แบรนด์ที่ทำพวกนี้ก็มีเยอะแยะมากมายเลยจ้า ตั้งแต่แบรนด์ดังๆ อย่าง Apple (มีของตัวเองแต่ราคาก็แรงใช่ย่อย!), Samsung หรือแบรนด์ที่เน้นทำอุปกรณ์เสริมโดยเฉพาะอย่าง Anker, Satechi, UGREEN, Baseus, Aukey และอีกเพียบเลยจ้า ส่วนใหญ่ก็เป็นแบรนด์ต่างประเทศที่เค้าเชี่ยวชาญด้านแกดเจ็ตนี่แหละ กำลังได้รับความนิยมเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ในตลาดไทยของเรา เพราะชีวิตมันขาดพอร์ตไม่ได้จริงๆ! อิอิ


2. ราคาในตลาดไทยเป็นยังไงบ้าง?

มาถึงเรื่องราคาที่ทุกคนอยากรู้! สำหรับ USB-C Adapter เนี่ย ต้องบอกเลยว่าราคามีตั้งแต่หลักร้อยไปจนถึงหลักพันปลายๆ เลยจ้า ขึ้นอยู่กับชนิดของ Adapter และจำนวนพอร์ตที่ให้มา

ถ้าเป็นแค่ Adapter ง่ายๆ ที่แปลงจาก USB-C เป็น USB-A ช่องเดียว หรือเป็น HDMI อย่างเดียว ราคาก็จะสบายกระเป๋าหน่อย เริ่มต้นตั้งแต่ประมาณ 300 - 800 บาท (฿)

แต่ถ้าเป็นพวก USB-C Hub สารพัดพอร์ต ที่มีทั้ง USB-A หลายช่อง, HDMI, SD Card Reader, Ethernet, และ PD ด้วย อันนี้ราคาก็จะสูงขึ้นตามความสามารถเลยจ้า มีตั้งแต่ประมาณ หลักพันต้นๆ ไปจนถึง 3,000 - 5,000 บาท (฿) หรือมากกว่านั้นก็มีนะ ถ้าเป็นแบรนด์พรีเมียมมากๆ หรือมีฟังก์ชันเฉพาะทาง

แหล่งช้อปปิ้งยอดฮิตในไทยที่เราจะเจอเจ้าพวกนี้เยอะมากๆ ก็คือแพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซอย่าง Lazada กับ Shopee นี่แหละจ้า มีร้านค้าofficial ร้านตู้ ร้านเล็ก ร้านน้อย เอามาขายกันเพียบ! ราคาก็จะแข่งขันกันดุเดือดมากๆ ลองพิมพ์ชื่อรุ่นหรือยี่ห้อที่สนใจ หรือแค่คำว่า "USB-C Hub" หรือ "Adapter Type C" เข้าไปค้นหาดูนะ รับรองว่าตาลายแน่นอน!

ส่วนร้านกล้องหรือร้านไอทีใหญ่ๆ อย่าง JIB, Banana IT, Power Buy เค้าก็มีขายเหมือนกันนะ ส่วนใหญ่จะเป็นแบรนด์ดังๆ หรือแบรนด์ที่เค้าเป็นตัวแทนจำหน่ายอย่างเป็นทางการ ข้อดีคือมั่นใจเรื่องคุณภาพและการรับประกันได้มากกว่า แต่ราคาก็อาจจะสูงกว่าร้านในออนไลน์เล็กน้อยนะจ๊ะ ส่วนพวก Central, Big C, The Mall ก็อาจจะมีขายบ้างในโซนเครื่องใช้ไฟฟ้าหรือแผนกไอที แต่ตัวเลือกอาจจะไม่เยอะเท่าร้านเฉพาะทางจ้า

เรื่องส่วนต่างอัตราแลกเปลี่ยนกับราคาต่างประเทศเนี่ย บางทีสินค้าพวกนี้พอเข้ามาขายในไทยก็อาจจะมีบวกเพิ่มค่าต่างๆ เข้าไปบ้าง ทำให้ราคาแพงกว่าที่เห็นในเว็บต่างประเทศเล็กน้อย แต่ก็ไม่ได้เยอะจนน่าตกใจอะไรมากมายนะ ถ้าเทียบกับความสะดวกในการซื้อและการรับประกันในไทย


3. เปรียบเทียบราคากับสินค้าประเภทเดียวกัน?

ถ้าให้เปรียบเทียบราคา USB-C Adapter กับสินค้าประเภทเดียวกันในตลาดเนี่ย ต้องดูที่ "จำนวนและชนิดของพอร์ต" เป็นหลักเลยจ้า สมมติว่าเราต้องการ Hub ที่มี USB-A 3 ช่อง, HDMI 1 ช่อง, และช่องอ่าน SD Card

Hub ของแบรนด์ UGREEN รุ่นที่มีสเปกประมาณนี้ อาจจะมีราคาอยู่ที่ประมาณ 1,000 - 1,500 บาท ในขณะที่ Hub ของแบรนด์ Anker ที่มีสเปกใกล้เคียงกัน อาจจะมีราคาอยู่ที่ประมาณ 1,500 - 2,000 บาท

อันนี้ก็ขึ้นอยู่กับหลายปัจจัยนะ ทั้งชื่อเสียงของแบรนด์ วัสดุที่ใช้ คุณภาพชิปเซ็ตภายใน และฟีเจอร์เพิ่มเติมอื่นๆ เช่น รองรับความละเอียด HDMI ได้สูงแค่ไหน (4K@30Hz vs 4K@60Hz) หรือรองรับ USB Power Delivery ได้กี่วัตต์ (60W vs 100W)

บางแบรนด์เน้นความคุ้มค่า ฟังก์ชันครบครันในราคาที่จับต้องได้ ส่วนบางแบรนด์อาจจะเน้นคุณภาพระดับพรีเมียม ใช้วัสดุดีไซน์หรูหรา ทนทานกว่า ก็ต้องยอมจ่ายแพงขึ้นหน่อยจ้า ไม่มีอันไหนดีกว่าอันไหนเป๊ะๆ หรอก ขึ้นอยู่กับงบและความต้องการของเราล้วนๆ เลย


4. ซื้อแล้วได้อะไรมาบ้างนะ?

เวลาซื้อ USB-C Adapter หรือ Hub เนี่ย สิ่งที่เราจะได้หลักๆ ก็คือตัว Adapter หรือ Hub นั่นแหละจ้า แต่สิ่งที่ควรเช็คให้ดีคือ:

  • ตัว Adapter/Hub: แน่นอนว่าต้องได้ตัวนี้มา!
  • คู่มือ: บางทีก็มี บางทีก็เป็นแค่แผ่นกระดาษเล็กๆ หรือไม่มีเลยก็มีจ้า
  • กล่อง: ถ้าซื้อของใหม่ก็มักจะมีกล่องมาให้เรียบร้อย
  • การรับประกัน: อันนี้แหละสำคัญสุดๆ สำหรับคนไทยที่ใส่ใจเรื่องบริการหลังการขาย! ส่วนใหญ่สินค้าพวกนี้จะมีการรับประกันให้นะ ระยะเวลาก็แตกต่างกันไปแล้วแต่แบรนด์และร้านค้า บางแบรนด์ให้ประกันเป็นปี บางแบรนด์ให้แค่ 3 เดือน หรือ 6 เดือน ต้องสอบถามให้ชัดเจนนะจ๊ะ ถ้าซื้อจากร้านค้าทางการหรือร้านใหญ่ๆ มักจะมั่นใจเรื่องการเคลมได้มากกว่า
  • ค่าจัดส่ง: ถ้าซื้อออนไลน์ ส่วนใหญ่จะมีค่าส่งนะจ๊ะ นอกจากร้านค้าจะจัดโปรโมชั่น ส่งฟรี! อันนี้ต้องดูเงื่อนไขดีๆ บางทีอาจจะต้องซื้อยอดถึงเท่าไหร่ถึงจะส่งฟรี หรือมีโค้ดส่วนลดค่าส่งให้ใช้
  • ของแถม/คูปอง: อันนี้แล้วแต่ดวงแล้วแต่โปรโมชั่นเลยจ้า บางร้านอาจจะมีแถมถุงผ้าเล็กๆ ไว้ใส่ Hub หรือมีคูปองส่วนลดสำหรับซื้อครั้งต่อไป ก็ลองดูรายละเอียดหน้าร้านดีๆ นะ

โดยรวมแล้ว ของที่ได้ก็ไม่ได้มีอะไรหวือหวามากนักจ้า เน้นที่ตัวสินค้าและการรับประกันนี่แหละสำคัญสุด!


5. มีช่วงไหนน่าซื้อเป็นพิเศษมั้ย?

ถ้าอยากได้ USB-C Adapter หรือ Hub ในราคาที่คุ้มค่าโดนใจล่ะก็ ต้องจับตาดูช่วง โปรโมชั่น เลยจ้า! แพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซใหญ่อย่าง Lazada กับ Shopee นี่เค้าจัดหนักจัดเต็มแทบจะทั้งปีเลย โดยเฉพาะช่วง Double Digit Sale ยอดฮิต เช่น 4.4, 5.5, 6.6, 7.7, 9.9, 10.10, 11.11 (อันนี้คือพีคสุด!) และ 12.12 ช่วงเหล่านี้มักจะมีโปรโมชั่นลดราคาจากร้านค้าเยอะมากๆ แถมยังมีโค้ดส่วนลดจากแพลตฟอร์มเองอีกเพียบ ทั้งโค้ดส่วนลดร้านค้า โค้ดส่งฟรี โค้ดรับเงินคืน (Cashback) คุ้มสุดๆ ไปเลย!

นอกจากนี้ ช่วง เทศกาลสำคัญของไทย อย่าง ปีใหม่ไทย (สงกรานต์) หรือช่วง สิ้นปี/ปีใหม่ ร้านค้าหลายๆ ร้านก็มักจะจัดโปรโมชั่นลดราคาเพื่อกระตุ้นยอดขายนะ ก็เป็นอีกช่วงที่น่าสนใจในการช้อปปิ้งจ้า

ร้านค้าที่เป็น Official Store หรือ LazMall / Shopee Mall ของแบรนด์ดังๆ มักจะมีโปรโมชั่นประจำเดือน หรือโปรโมชั่นพิเศษเฉพาะร้านด้วยนะ ลองเข้าไปกดติดตามร้านโปรดไว้ได้เลย เวลามีโปรฯ ใหม่ๆ จะได้ไม่พลาด!

สรุปคือ ถ้าไม่รีบใช้มากๆ แนะนำให้ รอช่วงโปรโมชั่นใหญ่ๆ จะมีโอกาสได้ของดีในราคาที่ถูกลงเยอะเลยจ้า บางทีได้ส่วนลดรวมๆ กันแล้วประหยัดไปได้หลายร้อยบาทเลยนะ!


6. รีวิวและฟีดแบ็กจากผู้ใช้ในไทยเป็นยังไงบ้าง?

จากที่ลองไปส่องๆ ดูตามรีวิวใน Lazada/Shopee หรือตามเว็บบอร์ดต่างๆ ของคนไทยเนี่ย เสียงตอบรับเกี่ยวกับ USB-C Adapter/Hub ส่วนใหญ่ก็ไปในทิศทางที่ดีนะ จุดที่คนไทยมักจะเน้นและให้ความสำคัญมากๆ คือ:

  • ความเสถียรในการเชื่อมต่อ: อันนี้สำคัญมาก! ใช้แล้วสัญญาณไม่หลุด ต่อจอนอกแล้วภาพไม่กระพริบ เสียบ External Harddisk แล้วมองเห็นปกติ
  • ความเร็วในการถ่ายโอนข้อมูล: โดยเฉพาะพอร์ต USB-A ที่ได้ความเร็วเต็มที่ตามสเปก (USB 3.0/3.1/3.2) และช่องอ่าน SD Card ที่อ่านเขียนได้เร็ว
  • การรองรับ USB Power Delivery (PD): หลายคนต้องการชาร์จแบตโน้ตบุ๊กหรือแท็บเล็ตผ่าน Hub ได้ด้วย ก็จะดูว่ารองรับกำลังไฟสูงสุดกี่วัตต์
  • วัสดุและความทนทาน: อยากได้แบบที่ดูแข็งแรงทนทาน ใช้ได้นานๆ ไม่ใช่ใช้แป๊บเดียวพัง ส่วนใหญ่ก็จะชอบแบบที่เป็นอลูมิเนียม เพราะระบายความร้อนได้ดีและดูพรีเมียม
  • ขนาดกะทัดรัด พกพาง่าย: อันนี้สำคัญสำหรับคนที่ต้องพกไปใช้งานนอกสถานที่
  • ราคาคุ้มค่า: จ่ายเงินไปแล้วรู้สึกว่าได้รับของที่มีคุณภาพและฟังก์ชันครบครันตามราคา

ส่วนใหญ่รีวิวในแง่ลบก็มักจะเกี่ยวกับสินค้าไม่ได้มาตรฐาน ใช้งานแล้วมีปัญหา เสียบแล้วไม่ติด หรือวัสดุบอบบางพังง่าย ซึ่งมักจะเจอกับพวกแบรนด์โนเนมราคาถูกมากๆ ดังนั้น การเลือกร้านค้าที่น่าเชื่อถือก็สำคัญไม่แพ้การเลือกสินค้าเลยนะจ๊ะ


7. แล้วจะไปหาซื้อได้ที่ไหนล่ะทีนี้?

ช่องทางการซื้อ USB-C Adapter/Hub ที่แนะนำในไทยก็มีหลายทางจ้า:

  • แพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซใหญ่ในไทย: Shopee และ Lazada อันนี้คือแหล่งใหญ่สุด! มีร้านค้าเยอะมากๆ ทั้ง Official Store ของแบรนด์ดังๆ และร้านค้ารายย่อย ข้อดีคือตัวเลือกเยอะ ราคาแข่งขันกันสูง มีโปรโมชั่นและโค้ดส่วนลดให้ใช้เพียบ ช้อปสะดวก ส่งถึงบ้าน แต่ต้องเลือกร้านดีๆ ดูรีวิวร้าน ดูคะแนนร้านค้า และอ่านรีวิวสินค้าจากผู้ซื้อคนอื่นประกอบการตัดสินใจด้วยนะจ๊ะ ระบบหลังการขายก็ขึ้นอยู่กับแต่ละร้าน ถ้าเป็น LazMall/Shopee Mall มักจะมีนโยบายคืนสินค้าที่ชัดเจนกว่า
  • ร้านค้าไอทีชั้นนำ: JIB, Banana IT, Power Buy ร้านพวกนี้ก็มี USB-C Hub ขายนะ ข้อดีคือเราสามารถไป ดูของจริง สัมผัสของจริงได้เลย พนักงานให้คำแนะนำได้ มั่นใจเรื่องคุณภาพและ การรับประกันศูนย์ไทย หรือการรับประกันจากร้านได้มากกว่า แต่ข้อเสียคือตัวเลือกแบรนด์และรุ่นอาจจะไม่เยอะเท่าในออนไลน์ และราคาก็อาจจะสูงกว่านิดหน่อยนะ บางทีร้านพวกนี้ก็มีจัดโปรโมชั่นร่วมกับบัตรเครดิต หรือจัดโปรฯ ลดราคาตามเทศกาลด้วย ลองเช็คหน้าร้านหรือเว็บไซต์ของเค้าดูก่อนก็ได้
  • ร้านค้าทางการ (Official Website): แบรนด์ดังๆ บางแบรนด์อาจจะมีเว็บไซต์ของตัวเองที่เปิดให้สั่งซื้อออนไลน์ได้ ข้อดีคือมั่นใจว่าเป็นของแท้แน่นอน ได้รับการบริการหลังการขายโดยตรงจากแบรนด์ แต่ราคาก็อาจจะเป็นราคาเต็มๆ ไม่มีโปรโมชั่นลดโหดเหมือนในพวกอีคอมเมิร์ซนะ

สำหรับคนที่เน้นความสะดวกและราคาคุ้มค่า Lazada กับ Shopee นี่แหละตอบโจทย์สุดๆ แต่ถ้าเน้นความสบายใจ ได้เห็นของจริง และมั่นใจเรื่องประกัน ก็ไปดูที่ร้านไอทีอย่าง JIB, Banana IT, Power Buy ได้เลยจ้า


8. สรุปแล้วน่าซื้อไหม? เลือกแบบไหนดี?

มาถึงช่วงสรุปปิดท้ายแล้วจ้า! ถามว่า USB-C Adapter/Hub น่าซื้อไหม? ถ้าคุณกำลังใช้อุปกรณ์ที่มีพอร์ต USB-C น้อยนิด และต้องการเชื่อมต่ออุปกรณ์เสริมต่างๆ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงานหรือการใช้งานอื่นๆ คำตอบคือ น่าซื้อมากๆ และถือเป็นอุปกรณ์ที่ จำเป็น ด้วยซ้ำไปในยุคนี้!

สำหรับใครที่เหมาะจะซื้อเจ้าพวกนี้:

  • คนที่มีโน้ตบุ๊ก/แท็บเล็ต/มือถือ ที่มีแค่พอร์ต USB-C และต้องการต่ออุปกรณ์เสริมอื่นๆ เช่น เมาส์ คีย์บอร์ด จอเสริม External Harddisk
  • คนที่ทำงานหรือเรียนที่ต้องพรีเซนต์งานบ่อยๆ และต้องการต่อโปรเจคเตอร์หรือจอใหญ่ๆ
  • ช่างภาพ/นักตัดต่อวิดีโอ ที่ต้องโอนรูป/วิดีโอจากการ์ด SD/MicroSD เข้าคอมพิวเตอร์บ่อยๆ
  • คนที่ต้องการเพิ่มพอร์ต USB-A ให้กับอุปกรณ์ที่มีแต่ USB-C

แล้วจะเลือกแบบไหนดีล่ะ? ง่ายๆ เลยจ้า ให้พิจารณาจากความต้องการใช้งานจริงของคุณ

  • ถ้าแค่ต้องการต่อเมาส์หรือคีย์บอร์ดแบบมีสาย ก็ซื้อแค่ Adapter แปลง USB-C to USB-A ช่องเดียว ราคาหลักร้อยก็พอแล้ว
  • ถ้าต้องการต่อจอเสริมด้วย ก็มองหาแบบที่มี พอร์ต HDMI หรือ DisplayPort เพิ่มเข้ามา
  • ถ้าต้องใช้หลายอย่างพร้อมกัน ทั้งต่อเมาส์ คีย์บอร์ด External Harddisk และชาร์จไฟไปด้วย ก็จัด USB-C Hub ที่มีหลายๆ พอร์ต รวมถึงพอร์ต USB-C PD ด้วย
  • ถ้าทำงานเกี่ยวกับรูปภาพ/วิดีโอ ก็เลือก Hub ที่มี ช่องอ่าน SD Card และ MicroSD Card

ไม่ต้องซื้อสเปกสูงเกินความจำเป็น จะได้ประหยัดงบด้วยนะจ๊ะ เลือกรุ่นที่มีฟังก์ชันที่เราต้องใช้จริงๆ ก็พอแล้วจ้า! ส่วนเรื่องราคา ก็อย่างที่บอกไป เลือกซื้อช่วงโปรโมชั่นในออนไลน์ รับรองว่าคุ้มค่าโดนใจแน่นอนจ้า!

หวังว่าบทความนี้จะเป็นประโยชน์ในการตัดสินใจซื้อ USB-C Adapter/Hub ของเพื่อนๆ ทุกคนนะจ๊ะ ขอให้ได้อุปกรณ์ที่ตรงใจ ใช้งานได้ลื่นไหล ชีวิตง่ายขึ้นเยอะเลยจ้า! วันนี้ไปก่อนแล้ว บ๊ายบายยย!

วิดีโอที่เกี่ยวข้อง

บทความล่าสุดดูเพิ่มเติม

สวัสดีพี่น้องคอหวยทุกท่าน! วันนี้เราจะมาเจาะลึกเรื่องที่หลายคนอยากรู้ใจจะขาด นั่นก็คือ "อัตราจ่ายหวยลาว" หรือที่บางคนเรียกกันว่า หวยพัฒนา ของประเทศเพื่อนบ้านเรานี่แหละ ที่เค้าให้เราได้ลุ้นรวยกันบ่อยกว่าหวยไทยอีกนะ! ใครที่กำลังเล็งๆ อยากจะลอ
อัปเดตอัตราจ่าย หวยลาว บาทละเท่าไหร่ ลุ้นรวยทุกวัน
สวัสดีค่าทุกคนนน! วันนี้เราจะมาคุยกันเรื่องที่อาจจะฟังดูไม่หวือหวาเท่าไหร่ แต่บอกเลยว่าสำคัญกับใครหลายๆ คนมากๆ นั่นก็คือเรื่อง กาวติดฟันปลอม Polident นั่นเอง! หลายคนอาจจะมีคุณพ่อคุณแม่ คุณปู่คุณย่าตายาย หรือคนใกล้ตัวที่ต้องใช้ฟันปลอม แล้วก็
กาวติดฟันปลอม Polident ราคาเท่าไหร่? ซื้อได้ที่ไหน? วิธีใช้ง่ายๆ
สวัสดีค่าาา พ่อบ้านแม่บ้าน หรือใครที่กำลังมีแพลนจะต่อเติมบ้าน เพิ่มพื้นที่ใช้สอย ไม่ว่าจะทำโรงจอดรถ ต่อครัวหลังบ้าน หรือทำกันสาดเล็กๆ หน้าบ้าน แล้วกำลังเล็งๆ หาวัสดุมุงหลังคาที่ให้แสงสว่างได้อยู่ใช่ไหมคะ? วันนี้เราจะมาเม้าท์มอยเรื่อง กระเบื
ราคาอัปเดต กระเบื้องใสลอนเล็ก เหมาะกับงานต่อเติมแค่ไหน?

บทความยอดนิยม

บทความที่แนะนำ