คาดการณ์ราคาทองคำวันนี้และแนวโน้มปี 2025 ลงทุนทองแบบไหนให้ได้กำไร?


สวัสดีนักลงทุนและผู้ที่สนใจทองคำทุกท่าน! วันนี้เราจะมาเจาะลึกเรื่องทองคำ สินทรัพย์ที่หลายคนให้ความสนใจ ไม่ว่าจะในฐานะเครื่องประดับสวยงาม หรือเป็นที่พักเงินยามไม่แน่นอน มาดูกันว่าแนวโน้มราคาทองคำปีนี้และปี 2025 จะเป็นอย่างไร แล้วถ้าอยากลงทุนทองให้ได้กำไร ควรลงทุนแบบไหนดี? เตรียมตัวให้พร้อม แล้วไปหาคำตอบกันเลย!
1. ทองคำคืออะไร ทำไมถึงน่าลงทุน?
ทองคำไม่ใช่แค่โลหะสีเหลืองอร่ามที่เอาไว้ใส่สวยๆ เท่านั้น แต่เป็นสินทรัพย์เพื่อการลงทุนที่ได้รับการยอมรับทั่วโลกมาอย่างยาวนาน โดยเฉพาะในบ้านเราที่ทองคำอยู่คู่กับสังคมไทยมาเนิ่นนาน ทั้งในฐานะเครื่องวัดความมั่งคั่งและเป็นเหมือนหลักประกันในยามฉุกเฉิน คุณสมบัติเด่นของทองคำคือ ความคงทน หายาก และสามารถนำกลับมาใช้ใหม่ได้ ทำให้มีมูลค่าในตัวเองและไม่เสื่อมค่าไปตามกาลเวลา
สำหรับนักลงทุน ทองคำถือเป็น สินทรัพย์ปลอดภัย (Safe Haven Asset) ที่คนนิยมหันมาถือครองในช่วงที่เศรษฐกิจโลกมีความไม่แน่นอน มีความขัดแย้งทางภูมิรัฐศาสตร์ หรือเกิดวิกฤตต่างๆ เพราะทองคำมักจะรักษามูลค่าได้ดี หรือบางครั้งราคาก็ปรับตัวสูงขึ้นสวนทางกับสินทรัพย์เสี่ยงอื่นๆ นอกจากนี้ ทองคำยังช่วย ป้องกันความเสี่ยงจากภาวะเงินเฟ้อได้ดีในระยะยาว เพราะเมื่อเงินเฟ้อสูงขึ้น มูลค่าของเงินลดลง คนก็มักจะหันมาซื้อทองคำเพื่อรักษากำลังซื้อเอาไว้
2. ราคาทองคำในตลาดไทยตอนนี้เป็นยังไง?
ราคาทองคำในประเทศไทยจะอ้างอิงตามราคาในตลาดโลกและอัตราแลกเปลี่ยนค่าเงินบาท โดยคิดเป็นราคาต่อ "บาททองคำ" ซึ่งน้ำหนัก 1 บาททองคำจะเท่ากับ 15.244 กรัม ราคาทองคำมีการเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลาในแต่ละวัน ทั้งราคาซื้อและราคาขายออก
อ้างอิงข้อมูลล่าสุด (วันที่ 3 กรกฎาคม 2568 เวลาประมาณ 16:46 น.) จากสมาคมค้าทองคำ ราคาทองคำแท่ง 96.5% ขายออกอยู่ที่ประมาณ 51,300 บาทต่อบาททองคำ และรับซื้ออยู่ที่ประมาณ 51,200 บาทต่อบาททองคำ ส่วนทองรูปพรรณ 96.5% ขายออกอยู่ที่ประมาณ 52,100 บาทต่อบาททองคำ โดยมีฐานภาษีรับซื้อคืนที่ 50,179.60 บาทต่อบาททองคำ จะเห็นว่าราคาทองคำมีการขยับขึ้นลงอยู่ตลอดเวลาในระหว่างวันทำการ
3. เทียบทองคำกับการลงทุนแบบอื่น น่าสนใจกว่าไหม?
เมื่อเทียบกับสินทรัพย์ลงทุนอื่นๆ เช่น หุ้น พันธบัตร หรืออสังหาริมทรัพย์ ทองคำมีบทบาทและคุณสมบัติที่แตกต่างออกไป ข้อดีของการมีทองคำในพอร์ตคือช่วย กระจายความเสี่ยง เพราะราคาทองคำมักจะไม่เคลื่อนไหวไปในทิศทางเดียวกับตลาดหุ้นหรือสินทรัพย์อื่นๆ ทำให้พอร์ตโดยรวมมีความสมดุลมากขึ้นในยามที่ตลาดผันผวน
อย่างไรก็ตาม ทองคำไม่ได้ให้ผลตอบแทนในรูปของเงินปันผลเหมือนหุ้น หรือดอกเบี้ยเหมือนพันธบัตร ผลตอบแทนจากการลงทุนทองคำจะมาจาก ส่วนต่างของราคาซื้อขาย (Capital Gain) ซึ่งหมายความว่าเราจะได้กำไรก็ต่อเมื่อราคาขายสูงกว่าราคาที่เราซื้อมานั่นเอง ในระยะยาว ทองคำมีโอกาสที่ราคาจะสูงขึ้นได้เรื่อยๆ เนื่องจากเป็นทรัพยากรที่มีจำกัด แต่ก็ต้องยอมรับว่าราคาทองคำมีความผันผวนสูงในระยะสั้น อาจขึ้นแรงและลงแรงได้
4. ลงทุนทองคำมีค่าใช้จ่ายอะไรบ้าง?
การลงทุนทองคำก็มีค่าใช้จ่ายที่เกี่ยวข้องที่เราต้องพิจารณา:
- ค่าส่วนต่างราคา (Spread): คือส่วนต่างระหว่างราคาประกาศรับซื้อกับราคาประกาศขายออก ซึ่งจะมีในทุกการซื้อขายทองคำ
- ค่ากำเหน็จ: เฉพาะกรณีซื้อทองรูปพรรณ จะมีค่าทำรูปพรรณเพิ่มเติมจากราคาทองคำแท่ง ทำให้ราคาซื้อทองรูปพรรณจะสูงกว่าทองคำแท่งในน้ำหนักเท่ากัน และเวลานำไปขายคืน ร้านจะรับซื้อตามน้ำหนักทองคำแท่ง โดยหักค่าเสื่อมสภาพหรือไม่ได้คิดค่ากำเหน็จให้เต็มที่ ทำให้ทองรูปพรรณเหมาะกับการใส่เพื่อความสวยงามหรือสะสมมากกว่าการเก็งกำไรระยะสั้น
- ค่าจัดเก็บ: หากลงทุนในทองคำแท่งปริมาณมาก อาจต้องเสียค่าบริการในการจัดเก็บทองคำในตู้เซฟของธนาคารหรือบริษัทที่ให้บริการ เพื่อความปลอดภัย เนื่องจากเป็นสินทรัพย์ที่จับต้องได้และเสี่ยงต่อการสูญหายหรือถูกขโมย
- ค่าธรรมเนียม: สำหรับการลงทุนในรูปแบบอื่นๆ เช่น กองทุนรวมทองคำ หรือการซื้อขายผ่านแพลตฟอร์มออนไลน์ อาจมีค่าธรรมเนียมการจัดการกองทุน หรือค่าธรรมเนียมการซื้อขายเล็กน้อย
เรื่องการรับประกันเหมือนสินค้าทั่วไปไม่มีในการลงทุนทองคำโดยตรง แต่ความบริสุทธิ์ของทองคำ (เช่น 96.5% สำหรับทองไทย) และน้ำหนักเป็นสิ่งที่ต้องตรวจสอบเมื่อซื้อขายทองคำแท่งหรือทองรูปพรรณจากร้านที่เชื่อถือได้
5. มีช่วงไหนน่าซื้อทองเป็นพิเศษไหม? โปรโมชั่นมีหรือเปล่า?
ราคาทองคำขับเคลื่อนด้วยกลไกตลาดโลกและปัจจัยทางเศรษฐกิจ การเมือง เป็นหลัก จึงไม่ได้มีโปรโมชั่นลดราคาเหมือนสินค้าตามเทศกาล 12.12 หรือสงกรานต์แบบที่เจอในร้านค้าทั่วไป อย่างไรก็ตาม บางร้านทองอาจมีโปรโมชั่นเล็กๆ น้อยๆ เช่น สะสมยอดซื้อ หรือมีของแถมเฉพาะช่วง แต่ไม่ได้มีผลกับราคาตลาดโลกโดยตรง
การตัดสินใจว่าจะซื้อทองคำช่วงไหนนั้นขึ้นอยู่กับกลยุทธ์การลงทุนของแต่ละบุคคลมากกว่า นักลงทุนบางคนอาจเลือกซื้อเมื่อราคาทองคำย่อตัวลง (ซื้อตอนราคาถูก) หรือบางคนอาจใช้วิธีทยอยซื้อสะสมเป็นงวดๆ (Dollar-Cost Averaging) เพื่อถัวเฉลี่ยต้นทุน การติดตามข่าวสารและบทวิเคราะห์เกี่ยวกับปัจจัยที่มีผลต่อราคาทองคำจะช่วยในการตัดสินใจได้มากกว่าการรอโปรโมชั่นแบบสินค้าอุปโภคบริโภค
6. นักลงทุนไทยมองทองคำอย่างไร?
สำหรับนักลงทุนไทย ทองคำยังคงเป็นสินทรัพย์ที่ได้รับความนิยมสูง จากฟีดแบ็กและพฤติกรรมการลงทุน จะเห็นว่าคนไทยจำนวนมากมองว่าทองคำเป็น ที่พึ่งในยามไม่แน่นอน และเป็นวิธี รักษามูลค่าของเงิน ได้ดี ความสะดวกในการซื้อขายแลกเปลี่ยนเป็นเงินสดได้ง่ายตามร้านทองทั่วไปก็เป็นอีกปัจจัยที่ทำให้คนไทยคุ้นเคยและเชื่อมั่นในการลงทุนทองคำ
นอกจากนี้ ด้วยราคาที่ปรับตัวสูงขึ้นอย่างต่อเนื่องในช่วงที่ผ่านมา ทำให้หลายคนมองเห็นโอกาสในการทำกำไรจากการลงทุนทองคำ แม้ว่าบางคนอาจจะกังวลเรื่องความผันผวนของราคาในระยะสั้น แต่ในระยะยาวก็ยังมองว่าทองคำเป็นสินทรัพย์ที่น่าเก็บสะสม
7. อยากลงทุนทองคำ ซื้อได้ที่ไหนบ้าง?
ปัจจุบันมีหลากหลายช่องทางในการลงทุนทองคำในประเทศไทย:
- ร้านทองคำทั่วไป: เป็นช่องทางที่คนไทยคุ้นเคยมากที่สุด สามารถไปซื้อทองคำแท่งหรือทองรูปพรรณได้โดยตรง มีสาขาอยู่ทั่วประเทศ ข้อดีคือได้ถือครองทองคำจริงๆ แต่ต้องมีเงินก้อนและต้องดูแลเรื่องการเก็บรักษาเอง
- แพลตฟอร์มซื้อขายทองคำออนไลน์: หลายร้านทองใหญ่ๆ และบริษัทหลักทรัพย์ได้เปิดให้บริการซื้อขายทองคำออนไลน์ ทำให้สามารถซื้อขายได้สะดวก รวดเร็ว ไม่ต้องเดินทาง อาจเริ่มต้นลงทุนด้วยเงินจำนวนไม่มากได้ และไม่ต้องกังวลเรื่องการเก็บรักษาทองคำจริง
- โปรแกรมออมทอง: คล้ายกับการซื้อทองออนไลน์ แต่เป็นการทยอยซื้อสะสมทองคำเป็นรายวันหรือรายเดือนด้วยเงินจำนวนน้อยๆ จนครบน้ำหนักทองคำที่ต้องการแล้วค่อยถอนเป็นทองคำแท่งออกมาได้ เหมาะสำหรับผู้เริ่มต้นหรือผู้ที่มีเงินลงทุนไม่มาก
- กองทุนรวมทองคำ (Gold Fund): เป็นการลงทุนในกองทุนรวมที่มีนโยบายไปลงทุนในทองคำแท่งในต่างประเทศ หรือหน่วยลงทุนของกองทุนทองคำในตลาดโลก เป็นอีกวิธีที่สะดวก ไม่ต้องเก็บทองเอง มีผู้เชี่ยวชาญดูแล และใช้เงินลงทุนเริ่มต้นไม่สูง
- สัญญาซื้อขายทองคำล่วงหน้า (Gold Futures) ในตลาด TFEX: เป็นการลงทุนในตลาดอนุพันธ์เพื่อเก็งกำไรจากการเปลี่ยนแปลงของราคาทองคำ มีความซับซ้อนและมีความเสี่ยงสูงกว่าการซื้อทองคำแท่งหรือกองทุนรวม เหมาะกับนักลงทุนที่มีความเข้าใจในตลาดฟิวเจอร์ส
8. สรุปและคำแนะนำ: ลงทุนทองแบบไหนดีให้ได้กำไร?
จากแนวโน้มและปัจจัยต่างๆ ที่กล่าวมา ทองคำยังคงเป็นสินทรัพย์ที่น่าสนใจและมีบทบาทสำคัญในการกระจายความเสี่ยงในพอร์ตการลงทุน โดยเฉพาะในช่วงที่เศรษฐกิจโลกยังมีความไม่แน่นอนและความตึงเครียดทางภูมิรัฐศาสตร์
สำหรับแนวโน้มปี 2025 ผู้เชี่ยวชาญส่วนใหญ่คาดการณ์ว่าราคาทองคำอาจยังคงมีศักยภาพในการปรับตัวสูงขึ้นได้ต่อเนื่อง โดยมีปัจจัยหนุนหลักๆ เช่น แนวโน้มการปรับลดอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐฯ (Fed) ในช่วงครึ่งหลังของปี 2025, สถานการณ์เงินเฟ้อที่ยังต้องติดตาม, และความเสี่ยงจากความขัดแย้งในภูมิภาคต่างๆ ทั่วโลก อย่างไรก็ตาม ราคาทองคำก็อาจมีความผันผวนได้เช่นกัน
ถ้าถามว่าลงทุนทองแบบไหนให้ได้กำไร? ไม่มีคำตอบที่ตายตัว เพราะขึ้นอยู่กับ เป้าหมายการลงทุน เงินลงทุน และระดับความเสี่ยงที่ยอมรับได้ ของแต่ละคน:
- ถ้าต้องการ ถือครองทองคำจริงๆ เพื่อเก็บออมระยะยาว หรือเป็นมรดก และมีสถานที่เก็บที่ปลอดภัย การซื้อทองคำแท่ง ที่ร้านทองหรือผ่านแพลตฟอร์มออนไลน์เป็นตัวเลือกที่เหมาะสม
- ถ้ามี เงินลงทุนไม่มาก หรือต้องการทยอยลงทุนสม่ำเสมอ โปรแกรมออมทอง หรือ กองทุนรวมทองคำ เป็นทางเลือกที่สะดวกและเข้าถึงง่าย
- ถ้าต้องการ เก็งกำไรระยะสั้น จากการเปลี่ยนแปลงของราคาทอง และรับความเสี่ยงได้สูง การซื้อขายทองคำผ่านแพลตฟอร์มออนไลน์ ที่มี Spread ต่ำ หรือ Gold Futures อาจเป็นทางเลือก แต่ต้องศึกษาข้อมูลและมีความเข้าใจอย่างรอบด้าน
ไม่ว่าคุณจะเลือกลงทุนทองคำแบบไหน สิ่งสำคัญคือต้อง ศึกษาข้อมูลให้รอบด้าน เข้าใจในปัจจัยที่ส่งผลต่อราคา และพิจารณาถึงความเสี่ยงที่เกี่ยวข้องเสมอ การลงทุนทองคำเป็นการลงทุนระยะยาวที่เน้นการรักษามูลค่าและกระจายความเสี่ยงเป็นหลัก อย่าคาดหวังว่าจะรวยเร็วจากการเก็งกำไรเพียงอย่างเดียว ขอให้ทุกท่านลงทุนอย่างมีสติและประสบความสำเร็จกันทุกคนจ้า!
วิดีโอที่เกี่ยวข้อง
แนะนำสำหรับคุณ
รีโนเวทบ้านเก่า ราคาถูก งบจำกัด ปี 2025 ทำเองได้ง่ายๆ เปลี่ยนบ้านให้เหมือนใหม่
กางเกงยีนส์ Denim Co ราคาเท่าไหร่? ยีนส์ H&M คุณภาพดี ราคาเข้าถึงง่าย
ลำโพงบลูทูธ Ultimate Ears Wonderboom ราคาล่าสุดปี 2025 เสียงดี กันน้ำไหม?
ปืนยาว .22 CZ 457 MTR ราคาล่าสุดปี 2025 ปืนแม่นยำสำหรับยิงเป้า
ราคายางรถยนต์ Yokohama ปี 2025 ยางสปอร์ต นุ่มเงียบ รุ่นไหนน่าใช้?
Router D-Link DSL-2730U ราคาเท่าไหร่? เราเตอร์ ADSL คุณภาพดี ราคาเบาๆ