D-Link DWA-123 ราคาล่าสุด: อะแดปเตอร์ไร้สายตัวเล็ก ปี 2025


สวัสดีค่าาา พ่อแม่พี่น้องนักช้อปออนไลน์ทั้งหลาย! วันนี้เรามีไอเทมเด็ดตัวเล็กแต่แจ๋วมาเม้าท์ให้ฟังกัน นั่นก็คือ D-Link DWA-123 นั่นเอง! ใครที่กำลังประสบปัญหาคอมพิวเตอร์ตั้งโต๊ะ (PC) เก่าแล้วไม่มี Wi-Fi ในตัว หรือโน้ตบุ๊ก Wi-Fi พัง อยากจะต่อเน็ตแบบไร้สายให้สบายใจ แต่ไม่อยากเดินสาย LAN ให้ยุ่งยากเกะกะ ลองมาทำความรู้จักเจ้าตัวนี้กันเลย รับรองว่าชีวิตจะง่ายขึ้นเยอะ!
1. เจ้าตัวนี้มันคืออะไรกันนะ?
เอาล่ะ มาดูกันชัดๆ เจ้า D-Link DWA-123 เนี่ย มันคือ อะแดปเตอร์ไร้สายแบบ USB พูดง่ายๆ มันคือตัวรับสัญญาณ Wi-Fi ขนาดจิ๋วที่เราเอาไปเสียบกับพอร์ต USB ของคอมพิวเตอร์เรานี่แหละ แล้วมันก็จะทำหน้าที่รับสัญญาณ Wi-Fi จากเราเตอร์ที่บ้าน หรือที่ทำงาน ทำให้คอมพิวเตอร์ของเราสามารถเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตแบบไร้สายได้ทันที โดยไม่ต้องง้อสาย LAN เลยจ้า
ตัวนี้เป็นเทคโนโลยี Wireless N 150 นะคะ หมายถึงว่ามันรองรับความเร็วสูงสุดที่ 150Mbps ซึ่งก็เพียงพอแล้วสำหรับการใช้งานพื้นฐานทั่วไป เช่น เล่นเน็ต, เช็คอีเมล, ดู YouTube (ความละเอียดปกติ), หรือเล่นโซเชียลมีเดียต่างๆ. กลุ่มคนที่เหมาะกับเจ้าตัวนี้มากๆ ก็คือ คนที่ใช้ PC เครื่องเก่าที่ไม่มี Wi-Fi ในตัว, คนที่โน้ตบุ๊ก Wi-Fi มีปัญหา, หรือคนที่อยากได้ตัวรับ Wi-Fi สำรองไว้ใช้เวลาเดินทาง เพราะมันมีขนาดเล็ก พกพาง่ายสุดๆ.
ส่วนแบรนด์ D-Link เนี่ย หลายคนอาจจะคุ้นชื่ออยู่แล้ว เป็นแบรนด์ระดับโลกจากประเทศไต้หวัน ที่เค้าผลิตอุปกรณ์เน็ตเวิร์คมานานมากๆ ทั้งเราเตอร์, สวิตช์, กล้องวงจรปิด และพวกอะแดปเตอร์ไร้สายนี่แหละ ถือเป็นแบรนด์ที่มีความน่าเชื่อถือในวงการอุปกรณ์เน็ตเวิร์คเลยจ้า.
2. ราคาในตลาดไทยตอนนี้เท่าไหร่กันนะ (ปี 2025)?
มาถึงเรื่องที่นักช้อปอย่างเราต้องรู้! สำหรับราคาของ D-Link DWA-123 ในตลาดไทยปี 2025 เนี่ย ต้องบอกเลยว่ามันเป็นรุ่นที่ออกมานานพอสมควรแล้ว ราคาเลยไม่แรงเลยจ้า ส่วนใหญ่อยู่ในหลัก ร้อยบาทเท่านั้นเอง!
เท่าที่ส่องๆ ดูตามแพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซใหญ่ๆ อย่าง Lazada กับ Shopee เนี่ย จะเจอราคาประมาณ ฿200 - ฿300 บาท โดยประมาณนะ ขึ้นอยู่กับร้านค้าและโปรโมชั่นในช่วงนั้นๆ เลย. อย่างบางร้านใน Shopee ก็เจอราคาประมาณ ฿259 หรือ ฿289. ส่วนใน Lazada ก็มีตั้งแต่ ฿239 ไปจนถึง ฿299 เลย. นอกจากนี้ยังมีร้านค้าออนไลน์อื่นๆ อย่าง Advice หรือ Speed Computer ที่ลงราคาไว้ประมาณ ฿255 - ฿290 ด้วยนะ.
สำหรับร้านไอทีใหญ่ๆ อย่าง JIB, Banana IT, Power Buy เนี่ย อาจจะต้องลองเช็คหน้าร้านหรือเว็บไซต์ของเค้าดูอีกที แต่เนื่องจากเป็นรุ่นเก่าแล้ว อาจจะไม่ได้มีวางขายทุกสาขา หรืออาจจะต้องดูตามร้านออนไลน์ของเค้าแทนนะ. ส่วนเรื่องอัตราแลกเปลี่ยนกับราคานานาชาติเนี่ย ด้วยความที่ราคาในไทยมันถูกมากๆ แล้ว ก็แทบไม่ต้องกังวลเรื่องส่วนต่างอะไรเลยจ้า ซื้อในไทยสบายใจสุดๆ!
3. แล้วเทียบกับตัวอื่นในตลาดล่ะ? คุ้มมั้ย?
ถ้าให้เทียบกับอะแดปเตอร์ไร้สายรุ่นใหม่ๆ ที่มีเทคโนโลยี Wi-Fi 5 (802.11ac) หรือ Wi-Fi 6 (802.11ax) ซึ่งให้ความเร็วสูงกว่ามากๆ เนี่ย ราคาของ DWA-123 ถือว่าถูกกว่าเยอะมากกกกกก! รุ่นใหม่ๆ พวกนั้นราคาเริ่มต้นก็อาจจะหลักหลายร้อยไปจนถึงพันกว่าบาทเลย.
แต่เราต้องดูที่วัตถุประสงค์การใช้งานนะ ถ้าเราแค่อยากต่อ Wi-Fi ให้คอมพิวเตอร์เครื่องเก่าที่ไม่มีพอร์ต LAN หรือแค่ใช้งานพื้นฐานอย่างที่บอกไปตอนแรก เจ้า DWA-123 ในราคาไม่กี่ร้อยบาทนี่ถือว่า คุ้มค่าเงินมากๆ เลยจ้า. คุณภาพสัญญาณ 150Mbps ก็เพียงพอแล้ว ไม่ได้จำเป็นต้องจ่ายแพงเพื่อความเร็วที่สูงเกินความจำเป็นถ้าไม่ได้เอาไปใช้งานหนักๆ เช่น โหลดไฟล์ใหญ่ๆ หรือสตรีมวิดีโอ 4K ตลอดเวลา. เรียกว่าเป็นตัวเลือกที่เน้น ความประหยัด และใช้งานได้จริงสำหรับความต้องการพื้นฐานเลย
4. ซื้อแล้วได้อะไรมาด้วยบ้างนะ?
สำหรับเจ้า D-Link DWA-123 เนี่ย ด้วยความที่เป็นอุปกรณ์ขนาดเล็ก ราคาไม่แรง อุปกรณ์เสริมที่มาในกล่องก็จะไม่ได้อลังการงานสร้างอะไรมากนักนะจ๊ะ หลักๆ ที่จะได้มาก็คือ:
- ตัวอะแดปเตอร์ DWA-123 เองนี่แหละ หน้าตาเหมือนแฟลชไดรฟ์เล็กๆ เสียบ USB ได้เลย.
- แผ่นซีดีไดรเวอร์และคู่มือ (อันนี้สำคัญมาก เพราะบางที Windows อาจจะไม่เจอไดรเวอร์ให้เอง ต้องลงจากแผ่น หรือโหลดจากเว็บ D-Link).
บางร้านอาจจะแถมสายต่อ USB มาให้เล็กน้อย แต่ส่วนใหญ่จะไม่ค่อยมีนะจ๊ะ
เรื่อง การรับประกัน อันนี้คือจุดเด่นที่น่าสนใจสำหรับ D-Link เลยนะ เพราะหลายร้านให้การรับประกันแบบ ตลอดอายุการใช้งาน (Limited Lifetime Warranty - LT). อันนี้คนไทยชอบมาก เพราะสบายใจได้ในระยะยาว ถ้าอุปกรณ์มีปัญหาก็เคลมได้ตามเงื่อนไขการรับประกัน (ซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นการเคลมแบบ Carry-in คือเราต้องนำอุปกรณ์ไปที่จุดรับเคลมเอง).
ส่วนเรื่อง ค่าขนส่ง ถ้าซื้อออนไลน์ก็ต้องดูเงื่อนไขของแต่ละร้าน บางร้านอาจจะมีโปรโมชั่นส่งฟรีเมื่อซื้อครบยอดที่กำหนด แต่ส่วนใหญ่ถ้าซื้อแค่ตัวนี้ตัวเดียว อาจจะมีค่าส่งเพิ่มเติมนะจ๊ะ
ของแถมอื่นๆ หรือคูปองส่วนลด อาจจะต้องดูในช่วงที่มีโปรโมชั่นใหญ่ๆ ของแพลตฟอร์ม หรือของร้านค้านั้นๆ เป็นกรณีไปจ้า
5. ช่วงไหนน่าซื้อที่สุด มีโปรโมชั่นอะไรบ้าง?
ถ้าอยากได้ราคาดีๆ แบบโดนใจ ช่วงเวลาแห่งการช้อปปิ้งออนไลน์ของไทยนี่แหละคือโอกาสทองจ้า! ถึงแม้จะเป็นรุ่นเก่าแล้ว แต่เจ้า D-Link DWA-123 ก็ยังมีโปรโมชั่นให้เห็นอยู่เรื่อยๆ โดยเฉพาะในแพลตฟอร์มใหญ่อย่าง Lazada และ Shopee นะคะ
ช่วงที่มักจะมีโปรโมชั่นจัดหนักจัดเต็มก็หนีไม่พ้นช่วงเทศกาลช้อปปิ้งเลขเบิ้ลทั้งหลาย เช่น 12.12 (ธันวาคม), 1.1 (มกราคม), 2.2 (กุมภาพันธ์) ไปเรื่อยๆ จนถึง 11.11 (พฤศจิกายน). ช่วงนี้ร้านค้าต่างๆ มักจะมีส่วนลดพิเศษ, โค้ดส่วนลดสำหรับสินค้าไอที, หรือโปรโมชั่นส่งฟรีออกมาล่อตาล่อใจเพียบ!.
นอกจากนี้ ช่วงเทศกาลไทยๆ ที่คนไทยชอบช้อปปิ้งกัน เช่น สงกรานต์ (เมษายน) หรือช่วงปลายปี ก็อาจจะมีโปรโมชั่นพิเศษจากร้านค้าออนไลน์ด้วยเหมือนกันนะ. แนะนำว่าให้กดติดตามร้านค้าไอทีที่น่าสนใจใน Lazada หรือ Shopee ไว้ แล้วก็หมั่นเข้าไปส่องแอปบ่อยๆ ในช่วงใกล้เทศกาล รับรองว่ามีโอกาสเจอดีลเด็ดๆ แน่นอนจ้า!
ส่วนร้านค้า Official หรือ Flagship Store ของ D-Link เองใน Lazada หรือ Shopee ส่วนใหญ่อาจจะเน้นสินค้ารุ่นใหม่ๆ มากกว่า แต่ก็ลองเข้าไปดูก่อนได้เผื่อมีโปรโมชั่นรวมๆ ที่ใช้ได้นะ. สรุปคือ ถ้าอยากได้ราคาดีสุดๆ อดใจรอซื้อช่วงโปรโมชั่นเลขเบิ้ล หรือเทศกาลต่างๆ คุ้มกว่าแน่นอนจ้า!
6. คนไทยใช้แล้วรู้สึกยังไง? เสียงตอบรับเป็นไงบ้าง?
จากที่ลองไปดูรีวิวและฟีดแบ็กจากผู้ใช้งานคนไทยที่ซื้อ D-Link DWA-123 มาใช้เนี่ย ส่วนใหญ่ก็จะเป็นไปในทิศทางที่ดีเลยนะ โดยเฉพาะสำหรับคนที่ต้องการอุปกรณ์ง่ายๆ ไม่ยุ่งยาก
จุดที่คนไทยชอบและพูดถึงบ่อยๆ คือ:
- ขนาดเล็กกะทัดรัด: พกพาสะดวกมาก เสียบคาไว้กับโน้ตบุ๊กได้เลย ไม่เกะกะ.
- ติดตั้งง่าย: หลายคนบอกว่าเสียบแล้ว Windows ส่วนใหญ่จะเจอไดรเวอร์อัตโนมัติ หรือถ้าไม่เจอก็ลงจากแผ่นที่ให้มา หรือดาวน์โหลดจากเว็บ D-Link ก็ทำได้ไม่ยาก.
- ใช้งานได้ตามวัตถุประสงค์: สำหรับการใช้งานพื้นฐานทั่วไป เช่น ต่อเน็ตเล่นเว็บ ดูคลิป ก็ถือว่าสัญญาณนิ่งโอเคเลย.
- ราคาถูกมาก: เมื่อเทียบกับฟังก์ชันที่ได้ ถือว่าคุ้มค่ามากๆ สำหรับคนงบน้อย หรือคนที่ต้องการใช้ชั่วคราว.
- รับประกันตลอดอายุการใช้งาน: อันนี้ถูกใจคนไทยสุดๆ เพราะช่วยเพิ่มความมั่นใจในการใช้งานระยะยาว.
แน่นอนว่าด้วยความที่เป็นเทคโนโลยีรุ่นเก่า (N150) ก็อาจจะมีบางคนที่ไม่พอใจเรื่องความเร็ว ถ้าเอาไปใช้งานหนักๆ เช่น ดาวน์โหลดไฟล์ขนาดใหญ่มากๆ หรือสตรีมหนังความละเอียดสูงจัดๆ อาจจะรู้สึกว่าไม่เร็วเท่าที่ควร แต่ถ้าใช้งานทั่วไปคือไม่มีปัญหาจ้า
7. จะไปหาซื้อเจ้าตัวเล็กนี่ได้ที่ไหนดี?
สำหรับ D-Link DWA-123 ในปี 2025 เนี่ย ช่องทางหลักๆ ที่เราแนะนำให้ไปสอยมาใช้งานก็คือ:
- แพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซใหญ่: อันดับหนึ่งเลยก็คือ Lazada และ Shopee นี่แหละ. เป็นแหล่งรวมร้านค้าไอทีและร้านค้าทั่วไปที่ยังมีเจ้าตัวนี้ขายอยู่เพียบ. ข้อดีคือมีตัวเลือกเยอะ, เปรียบเทียบราคาได้ง่าย, มีโปรโมชั่น โค้ดส่วนลดต่างๆ ให้ใช้เรื่อยๆ, มีระบบการจ่ายเงินที่ค่อนข้างปลอดภัย และมีรีวิวจากผู้ซื้อคนอื่นให้อ่านประกอบการตัดสินใจได้.
- ร้านค้าออนไลน์ของดีลเลอร์ไอที: อย่างเช่น Advice หรือ Speed Computer. พวกนี้ก็มีเว็บไซต์ขายของออนไลน์ด้วย ซึ่งบางทีก็ยังมีรุ่นนี้วางขายอยู่ ข้อดีคือเป็นร้านที่น่าเชื่อถือ มีการรับประกันที่ชัดเจน (มักจะเป็นประกัน LT จาก D-Link). ราคาอาจจะไม่ได้ถูกกว่าใน Lazada/Shopee มากนัก แต่ก็เป็นอีกทางเลือกที่สะดวกจ้า
- ร้านไอทีทั่วไป: ร้านคอมพิวเตอร์ตามห้างสรรพสินค้า หรือตามโซนไอที บางร้านอาจจะยังมี DWA-123 เหลืออยู่ในสต็อกนะ แต่อาจจะต้องลองสอบถามดูเป็นพิเศษ เพราะส่วนใหญ่เค้าจะเน้นขายรุ่นใหม่ๆ มากกว่า. ข้อดีของการซื้อหน้าร้านคือได้เห็นของจริง และสอบถามพนักงานได้โดยตรง
ช่องทาง Official ของ D-Link ในไทย อาจจะไม่ได้ขายรุ่นนี้โดยตรงแล้ว แต่ก็เข้าไปดูข้อมูลสินค้าหรือไดรเวอร์ได้นะ.
8. สรุปแล้วน่าซื้อไหม? เหมาะกับใคร?
มาถึงโค้งสุดท้ายกันแล้ว! สรุปเลยว่า D-Link DWA-123 เนี่ย ยังน่าซื้ออยู่มากๆ ในปี 2025 นะจ๊ะ ถ้าคุณ:
- มีคอมพิวเตอร์ตั้งโต๊ะเครื่องเก่า ที่ไม่มี Wi-Fi ในตัว และอยากต่อเน็ตไร้สายแบบง่ายๆ.
- ต้องการตัวรับ Wi-Fi สำรอง ไว้ใช้เวลาเดินทาง หรือเผื่อ Wi-Fi ในโน้ตบุ๊กมีปัญหา.
- มีงบประมาณจำกัดสุดๆ แต่อยากได้อุปกรณ์ที่ใช้งานได้จริงและมีแบรนด์ที่น่าเชื่อถือ.
- ใช้งานอินเทอร์เน็ตทั่วไป ไม่ได้เน้นความเร็วสูงปรี๊ด เช่น เล่นโซเชียล, ดูวิดีโอทั่วไป, เช็คอีเมล.
- ให้ความสำคัญกับการรับประกันตลอดอายุการใช้งาน ในราคาไม่แพง.
เจ้า DWA-123 คือตัวเลือกที่ ตอบโจทย์มากๆ เลยจ้า! มันอาจจะไม่ใช่รุ่นที่เร็วที่สุดในตลาด แต่ถ้าเทียบกับราคาไม่กี่ร้อยบาทที่คุณจ่ายไป ฟังก์ชันที่ได้มาถือว่า คุ้มค่าเกินคาด เหมาะสำหรับคนที่ไม่ต้องการฟังก์ชันหวือหวาอะไรมาก แค่อยากให้คอมต่อเน็ตไร้สายได้แบบสบายๆ
แต่ถ้าคุณต้องการความเร็วสูงมากๆ สำหรับเล่นเกมออนไลน์ที่ต้องการความเสถียรสูง หรือโหลดไฟล์ใหญ่ๆ บ่อยๆ หรือใช้งานกับเราเตอร์ Wi-Fi 5GHz รุ่นใหม่ๆ อันนี้อาจจะต้องมองหารุ่นที่สูงกว่านี้หน่อยนะคะ แต่สำหรับโจทย์พื้นฐานแล้ว DWA-123 ตัวนี้คือ เล็ก พริกขี้หนู จริงๆ จ้า!
หวังว่าบทความนี้จะช่วยให้ทุกคนตัดสินใจได้ง่ายขึ้นนะจ๊ะ ใครที่กำลังมองหาตัวรับสัญญาณ Wi-Fi ตัวเล็ก ราคาเบาๆ ลองพิจารณา D-Link DWA-123 ดูน้า ขอให้สนุกกับการช้อปปิ้งและท่องโลกออนไลน์แบบไร้สายจ้า! ไปแล้วน้า บ๊ายบายยย!
วิดีโอที่เกี่ยวข้อง
แนะนำสำหรับคุณ
น้ำมันเครื่อง Shell 15W-50 ราคาล่าสุด ใช้กับรถประเภทไหน?
คิ้วกันสาด Mazda 2 ของแท้: ราคาล่าสุด ปี 2568 ติดตั้งเองได้ไหม?
ข้อมูลราคา ยา RU 486 ในประเทศไทย ซื้อขายถูกกฎหมายไหม?
Sleep Lab Hostel: ราคาที่พักล่าสุด ปี 2568 และรีวิวจากผู้เข้าพักจริง
ราคา สาย HDMI 4K ยาว 15 เมตร เลือกยี่ห้อไหนดี คุณภาพสัญญาณไม่ตก
ราคา Power Bank Samsung ของแท้ รุ่นไหนดี ความจุเท่าไหร่ ราคาคุ้มค่า