logo

รีวิว Nissan Navara Black Edition แต่งหล่อ ดุดัน พร้อมลุย

user avatar
กฤตภาส ศรีสมวงศ์·07/08/2025 12:40
点赞
รีวิว Nissan Navara Black Edition แต่งหล่อ ดุดัน พร้อมลุย

ว่าด้วยเรื่องรถกระบะแต่งหล่อมาจากโรงงาน นาทีนี้ชื่อของ Nissan Navara Black Edition ต้องเด้งขึ้นมาในหัวหลายคนแน่นอน! เห็นหน้าเห็นตาตามท้องถนนแล้วมันช่างเย้ายวนชวนให้เสียตังค์ซะจริงจริ๊งงงง! ด้วยชุดแต่งโทนดำที่จัดเต็มรอบคัน ไม่ต้องไปทำเพิ่มให้วุ่นวาย ไม่ต้องกลัวโดนตำรวจเรียก แค่ออกศูนย์ก็หล่อ ดุดัน พร้อมลุย!

แต่ประเด็นคือ...ความหล่ออย่างเดียวมันพอเหรอ? ขับดีมั้ย? เครื่องแรงจริงดิ? ออปชันครบหรือเปล่า? คุ้มมั้ยที่จะสอยมาไว้ในครอบครองช่วงนี้ที่เศรษฐกิจกำลังฟื้นตัวหลังช่วงหยุดยาว? วันนี้เราจะพาไปล้วงตับ ไส้พุง คันเร่ง เบรก ของเจ้านาวาร่า แบล็ค อิดิชั่น ตัวเป็นๆ มารีวิวให้ดูกันแบบหมดเปลือก สไตล์บ้านๆ เข้าถึงง่าย จะได้ตัดสินใจถูกว่าคันนี้ใช่เนื้อคู่หรือเปล่า ไปลุย!


1. ภาพรวมของสินค้า: รู้จักเจ้า Navara Black Edition กันก่อน

ไอ้เจ้า Nissan Navara Black Edition เนี่ย มันคือการเอา Navara รุ่นปกติมาเสริมหล่อ เติมความเข้มแบบจัดเต็มมาจากโรงงานเลย ทำให้คนที่ชอบรถกระบะสไตล์สปอร์ต ดุดัน แต่อยากได้ความจบ ไม่ต้องไปวุ่นวายหาของแต่งเอง ถูกใจสิ่งนี้แน่นอน

  • แบรนด์: Nissan
  • รุ่น: Navara Black Edition (อิงจากรุ่น Calibre ยกสูง ขับ 2)
  • ปีที่วางขาย: มีการปรับปรุงและออกรุ่นพิเศษ Black Edition มาต่อเนื่อง โดยรุ่นปัจจุบันอิงจาก MY2024 ที่มีการอัปเดตภายในและเครื่องยนต์ Euro 5
  • ช่วงราคาขาย: ประมาณ 859,000 - 944,000 บาท ขึ้นอยู่กับตัวถัง (King Cab หรือ Double Cab)

การวางตำแหน่งสินค้า: เป็นรุ่นพิเศษที่มาเติมเต็มช่องว่างระหว่างรุ่นพื้นฐานกับรุ่นท็อปอย่าง PRO-2X/PRO-4X เน้นความหล่อ ดุดัน ในราคาที่เข้าถึงง่ายขึ้น เหมาะกับคนที่ชอบรถสไตล์สปอร์ต ใช้ในเมืองเป็นหลัก แต่อยากได้ความสามารถในการลุยได้บ้าง และไม่ชอบแต่งรถเอง

สรุปจุดเด่นหลัก:

  • หล่อเข้ม จบจากโรงงาน: ชุดแต่งสีดำรอบคัน ไม่ต้องแต่งเพิ่ม
  • เครื่องยนต์ดีเซลเทอร์โบคู่: ให้กำลังสูงสุด 190 แรงม้า แรงบิด 450 นิวตันเมตรในรุ่นเกียร์อัตโนมัติ ขับสนุก
  • ช่วงล่างขึ้นชื่อ: นุ่มนวล ขับสบายตามสไตล์ Navara
  • ภายในอัปเกรด: ได้คอนโซลและหน้าจอใหม่ รองรับ Apple CarPlay/Android Auto แบบไร้สาย
  • คุ้มค่าตัว: ได้ชุดแต่งและออปชันที่เพิ่มขึ้นในราคาที่ไม่แรงเกินไปเมื่อเทียบกับการไปแต่งเอง

2. ดีไซน์ & รูปลักษณ์ภายนอก: หล่อ ดุดัน พร้อมลุย!

แค่เห็นก็รู้เลยว่าคันนี้ไม่ธรรมดา! จุดเด่นคือชุดแต่งสีดำที่จัดมาให้รอบคัน ตั้งแต่กระจังหน้าแบบ Interlock สีดำ ที่ดูดุดันกว่าเดิม ตัดกับไฟหน้า LED Projectors Quad-eyes ดีไซน์ใหม่ เท่สุดๆ กระจกมองข้างสีดำ มือจับประตูสีดำ กันชนหน้าด้านล่างสีดำ มือเปิดกระบะท้ายสีดำ ปิดท้ายด้วยคิ้วซุ้มล้อสีดำ ที่ทำให้ตัวรถดูบึกบึนขึ้นไปอีก

วัสดุที่ใช้: ส่วนใหญ่เป็นพลาสติกและไฟเบอร์สีดำเงา/ด้าน คุณภาพดี ดูแข็งแรง ล้ออัลลอยขนาด 18 นิ้ว สีดำ เข้ากับชุดแต่งได้อย่างลงตัว

ขนาดและน้ำหนัก: ตัวถัง Double Cab มีความยาว 5,260 มม., กว้าง 1,850 มม., สูง 1,830-1840 มม. เป็นขนาดมาตรฐานของกระบะ 4 ประตู ทำให้ดูใหญ่เต็มตา แต่ก็ยังมีความคล่องตัวพอประมาณสำหรับใช้งานในเมือง

สีที่มีให้เลือก: ส่วนใหญ่สำหรับรุ่น Black Edition จะมีสีตัวถังให้เลือกไม่มากนัก มักจะเป็นสีพื้นฐานที่เข้ากับชุดแต่งสีดำได้ดี เช่น สีขาว, สีดำ, สีเทา, สีเงิน

อุปกรณ์เสริมในกล่อง: ในฐานะรถยนต์ อุปกรณ์หลักๆ ก็จะเป็นพวก คู่มือประจำรถ, แม่แรง, เครื่องมือประจำรถพื้นฐานต่างๆ ไม่ได้มีอุปกรณ์เสริมพิเศษเฉพาะรุ่น Black Edition มาให้เป็นกล่องแยก


3. ประสบการณ์ในการใช้งานฟังก์ชันหลัก: เครื่องแรง ขับดี พร้อมลุย

หัวใจหลักของรุ่นเกียร์อัตโนมัติคือเครื่องยนต์ดีเซล 2.3 ลิตร เทอร์โบคู่ รหัส YS23DDTT ที่ให้กำลังสูงสุด 190 แรงม้า และแรงบิดสูงสุด 450 นิวตันเมตร ตัวเลขนี้ถือว่าไม่ธรรมดาเลยสำหรับกระบะยกสูงขับสอง

อัตราเร่ง: ลองขับออกตัวช่วงรถติดๆ ในกรุงเทพฯ หรือตอนเร่งแซงบนถนนใหญ่ช่วงจะกลับบ้านต่างจังหวัด ตัวรถมีพละกำลังให้ใช้เหลือเฟือ กดคันเร่งแล้วมาตามเท้าได้ทันใจ อาจมีช่วงรอรอบเล็กน้อยถ้ากดคันเร่งแบบปุบปับ แต่ถ้าค่อยๆ เติม ก็ไหลลื่นดี ระบบเกียร์อัตโนมัติ 7 จังหวะ ทำงานได้ค่อนข้างนุ่มนวล เปลี่ยนเกียร์ได้ตามจังหวะที่เหมาะสม

ช่วงล่าง: จุดเด่นที่คนพูดถึงกันเยอะของ Navara คือช่วงล่าง สำหรับ Black Edition ที่เป็น Calibre ยกสูง ขับบนถนนปกติถือว่านั่งสบาย นุ่มนวลซับแรงสะเทือนได้ดี ขับผ่านลูกระนาดหรือทางขรุขระก็ไม่กระด้างจนเกินไป ทำให้ขับทางไกลไม่เหนื่อย

อัตราสิ้นเปลือง: ตัวเลขจากสเปคและการทดสอบต่างๆ จะแตกต่างกันไป แต่โดยรวมแล้ว ด้วยเครื่องยนต์ 2.3 ลิตร เทอร์โบคู่ และน้ำหนักตัวรถ อัตราสิ้นเปลืองอาจจะไม่ได้ประหยัดจ๋าเท่าพวกรถเครื่องเล็กกว่า แต่ก็อยู่ในเกณฑ์ที่รับได้สำหรับการใช้งานทั่วๆ ไป ขึ้นอยู่กับลักษณะการขับขี่เป็นหลัก รองรับน้ำมันดีเซล B7, B10, B20 ได้สบาย

ระบบอื่นๆ: ระบบเบรกมั่นใจได้ พวงมาลัยให้ความรู้สึกกำลังดี ไม่เบาหรือหนักเกินไป ควบคุมรถได้ง่าย


4. ประสบการณ์การใช้งาน & ความง่ายในการใช้: หน้าจอใหม่ ใช้งานง่ายขึ้นเยอะ

การใช้งานในชีวิตประจำวันถือว่าง่าย ไม่ได้ซับซ้อนอะไร คนที่ขับกระบะอยู่แล้วปรับตัวไม่ยาก

ความง่ายในการใช้: ขนาดตัวรถอาจจะดูใหญ่ แต่การควบคุมถือว่าง่าย ขับในเมืองก็พอไหว ที่จอดรถตามห้างก็ไม่ได้ลำบากจนเกินไป ระบบต่างๆ ในรถออกแบบมาให้ใช้งานได้ง่าย ปุ่มกดต่างๆ วางตำแหน่งเหมาะสม

ระบบซอฟต์แวร์ & หน้าจอ: รุ่น MY2024 ได้อัปเกรดมาใช้หน้าจอสัมผัสขนาด 9 นิ้ว ดีไซน์ใหม่ ใช้งานลื่นไหลกว่าเดิม ที่สำคัญคือรองรับ Apple CarPlay และ Android Auto แบบไร้สายแล้ว! ต่อมือถือใช้งาน Google Maps ฟังเพลงผ่านแอปต่างๆ ได้สะดวกสุดๆ มีเมนูภาษาไทยให้เลือกด้วย

เสียงดังมั้ย ร้อนเร็วมั้ย สบายเวลาถือ/สวมใส่หรือไม่: เรื่องเสียงรบกวนภายนอก ห้องโดยสารถือว่าเก็บเสียงได้ค่อนข้างดี ขับเร็วๆ เสียงลม เสียงเครื่องยนต์อาจจะเข้ามาบ้างแต่ไม่ถึงกับรบกวน แอร์เย็นฉ่ำหายห่วงสำหรับอากาศเมืองไทย เบาะนั่งออกแบบมาให้นั่งสบาย รองรับสรีระได้ดี ขับทางไกลไม่เมื่อยเท่าไหร่


5. แบตเตอรี่ / พลังงาน / ความคุ้มค่าในระยะยาว: ค่าน้ำมันตามเท้า ค่าบำรุงรักษาตามมาตรฐาน

ระยะเวลาการใช้งานต่อการชาร์จ 1 ครั้ง (อิงจากถังน้ำมัน): ถังน้ำมันขนาด 80 ลิตร ด้วยอัตราสิ้นเปลืองเฉลี่ย ถ้าขับทางไกลก็วิ่งได้หลายร้อยกิโลเมตรอยู่ ขับในเมืองก็จะลดลงตามสภาพจราจรและการเร่งเครื่อง

ความเร็วในการชาร์จ / เติมพลังงาน: เติมน้ำมันดีเซลตามปั๊มทั่วไป ใช้เวลาไม่นาน

ค่าใช้จ่ายระยะยาว: ค่าบำรุงรักษาตามระยะทางตามคู่มือ อะไหล่รถ Nissan หาไม่ยาก มีศูนย์บริการค่อนข้างเยอะ ราคาอะไหล่ก็ถือว่าอยู่ในเกณฑ์มาตรฐานของรถกระบะญี่ปุ่น

วิเคราะห์ความคุ้มค่า: ถ้าเทียบกับราคารุ่นปกติแล้ว รุ่น Black Edition เพิ่มเงินมาประมาณ 30,000 - 40,000 บาท เพื่อแลกกับชุดแต่งรอบคันและออปชันที่เพิ่มขึ้น ถ้าคุณชอบสไตล์นี้และกะว่าจะเอาไปแต่งแนวนี้อยู่แล้ว การซื้อรุ่น Black Edition ถือว่าคุ้มค่ากว่ามาก เพราะได้ของแท้จากโรงงาน ไม่ต้องวุ่นวายหาของแต่งเอง แถมยังครอบคลุมอยู่ในเงื่อนไขการรับประกันด้วย


6. ข้อดี-ข้อเสีย: ชั่งใจก่อนตัดสินใจ

ไม่มีรถคันไหนที่สมบูรณ์แบบ Navara Black Edition ก็เช่นกัน มาดูข้อดีข้อเสียกันแบบตรงไปตรงมา

ข้อดี:

  • หล่อ ดุดัน จบจากโรงงาน: จุดเด่นที่สุด ไม่ต้องแต่งเพิ่ม ประหยัดเวลา ประหยัดงบ
  • เครื่องยนต์เทอร์โบคู่แรงดี: ขับสนุก อัตราเร่งทันใจ ทั้งในเมืองและนอกเมือง
  • ช่วงล่างนุ่มนวล นั่งสบาย: เหมาะกับการใช้งานหลากหลายรูปแบบ
  • ภายในอัปเกรดทันสมัย: ได้หน้าจอใหม่ รองรับไร้สาย ใช้งานสะดวกขึ้นเยอะ
  • คุ้มค่าเมื่อเทียบกับราคา: ได้ชุดแต่งและออปชันเพิ่มในราคาที่จับต้องได้

ข้อเสีย:

  • อาจจะไม่ได้ประหยัดน้ำมันที่สุดในคลาส: เมื่อเทียบกับคู่แข่งบางรุ่นที่มีเครื่องเล็กกว่า
  • ตัวเลือกสีน้อย: สำหรับรุ่น Black Edition มีสีตัวถังให้เลือกจำกัด
  • พวงมาลัยปรับได้แค่ขึ้น-ลง: ไม่มีระบบปรับระยะเข้า-ออก (Telescopic) อาจจะไม่เหมาะกับทุกคน
  • ออปชันช่วยเหลือการขับขี่อาจจะไม่เยอะเท่ารุ่นท็อปสุด: แม้จะมีระบบความปลอดภัยพื้นฐานครบ แต่รุ่นท็อปกว่านี้อย่าง PRO-4X จะมี ADAS ที่จัดเต็มกว่า

7. เหมาะกับใคร & คำแนะนำในการซื้อ: ใช่คุณหรือเปล่า?

Nissan Navara Black Edition เหมาะกับใครบ้าง?

  • คนที่ชอบรถกระบะแต่งหล่อ แต่ขี้เกียจ/ไม่อยากดัดแปลง: ซื้อคันนี้คือจบเลย หล่อมาจากโรงงาน
  • คนที่ต้องการรถกระบะใช้งานได้หลากหลาย: ทั้งในเมือง ขนของ บรรทุกคน หรือขับไปเที่ยวต่างจังหวัด
  • คนที่มองหารถกระบะยกสูงขับสอง: แต่ต้องการความโดดเด่น มีสไตล์
  • คนวัยรุ่น วัยทำงาน: ที่ต้องการรถที่ตอบโจทย์ทั้งเรื่องฟังก์ชันการใช้งานและเรื่องความหล่อ

ควรซื้อเลยไหม? หรือรอช่วงโปรโมชั่นจะดีกว่า? ราคาก็ถือว่าน่าสนใจอยู่แล้ว แต่ถ้าไม่รีบมากๆ การรอช่วงมอเตอร์โชว์หรืองานอีเวนต์ใหญ่ๆ ของนิสสัน อาจจะมีโปรโมชั่นพิเศษ เช่น ดอกเบี้ยต่ำ, ฟรีประกัน, ของแถมอื่นๆ ซึ่งจะช่วยให้ตัดสินใจได้ง่ายขึ้นไปอีก!


8. เปรียบเทียบกับสินค้าคล้ายๆ กัน: มวยถูกคู่?

ในตลาดรถกระบะยกสูงขับสองแต่งพิเศษ มีคู่แข่งที่น่าสนใจอยู่เหมือนกัน เช่น Isuzu D-Max X-Series หรือ Toyota Hilux Revo Rocco (ในบางรุ่นย่อย)

  • เทียบกับ Isuzu D-Max X-Series: Navara Black Edition ได้เครื่องยนต์ 2.3 เทอร์โบคู่ 190 แรงม้า ซึ่งแรงกว่า D-Max X-Series ที่มักจะมากับเครื่อง 1.9 Ddi 150 แรงม้า Navara ได้เกียร์อัตโนมัติ 7 จังหวะ ขณะที่ X-Series บางรุ่นเป็นเกียร์ธรรมดา Navara ยังมีกล้องรอบคัน 360 องศา และแอร์หลังให้ด้วยในบางรุ่น
  • เทียบกับ Toyota Hilux Revo Rocco: Rocco จะเป็นรุ่นท็อปสุด ได้เครื่องยนต์ที่แรงกว่าในบางรุ่น และออปชันช่วยเหลือการขับขี่ที่จัดเต็มกว่า แต่ราคาก็จะสูงกว่า Navara Black Edition อย่างเห็นได้ชัด ถ้าเน้นความคุ้มค่าและดีไซน์สปอร์ตจากโรงงาน Navara Black Edition เป็นตัวเลือกที่น่าพิจารณา

สรุปคือ ถ้าเน้นความแรงของเครื่องยนต์ ออปชันที่ให้มา และความคุ้มค่า Navara Black Edition สู้กับคู่แข่งได้สบายๆ โดยเฉพาะในเรื่องของเครื่องยนต์และราคา


9. บริการหลังการขายและช่องทางการซื้อ: หายห่วงเรื่องดูแล

การรับประกัน: โดยทั่วไป Nissan Navara MY2024 มาพร้อมการรับประกันคุณภาพตัวรถ 3 ปี หรือ 100,000 กิโลเมตร อย่างไรก็ตาม เคยมีโปรโมชั่นขยายเวลารับประกันเป็น 5 ปี หรือ 150,000 กิโลเมตร สำหรับรุ่น Black Edition ใน MY ก่อนหน้า แนะนำให้สอบถามโปรโมชั่นล่าสุดจากผู้จำหน่ายอีกครั้ง

เครือข่ายการให้บริการ: Nissan มีศูนย์บริการครอบคลุมทั่วประเทศ การนำรถเข้าเช็กระยะหรือซ่อมบำรุงทำได้สะดวก

ช่องทางการซื้อ: สามารถซื้อได้ที่ผู้จำหน่าย Nissan ทั่วประเทศ และอาจจะมีโปรโมชั่นพิเศษในช่องทางออนไลน์ของดีลเลอร์บางรายในช่วงเทศกาลสำคัญต่างๆ

โปรโมชั่นและข้อเสนอทางการเงิน: สอบถามโปรโมชั่นล่าสุดได้ที่ผู้จำหน่าย เช่น ดอกเบี้ยพิเศษ, ฟรีประกันภัยชั้นหนึ่ง, ส่วนลดเงินสด หรือของแถมอื่นๆ มีตัวเลือกการผ่อนชำระผ่านไฟแนนซ์ต่างๆ มากมาย


10. บทสรุปและคำแนะนำในการซื้อ: คันนี้ใช่หรือไม่?

จากที่รีวิวมาทั้งหมด ถ้าคุณเป็นคนหนึ่งที่:

  • ชอบรถกระบะที่ดู หล่อ เท่ ดุดัน โดยไม่ต้องเอาไปแต่งเพิ่ม
  • ต้องการรถที่เครื่องยนต์ แรง ขับสนุก อัตราเร่งดี
  • มองหารถกระบะยกสูงที่ ช่วงล่างนุ่มนวล นั่งสบาย
  • อยากได้รถที่มี ออปชันพื้นฐานครบครัน และมีระบบเชื่อมต่อมือถือแบบไร้สาย
  • พิจารณาเรื่อง ความคุ้มค่า ของราคาและสิ่งที่ได้

Nissan Navara Black Edition ถือเป็นตัวเลือกที่ น่าสนใจมากๆ และแนะนำให้ลองไปสัมผัสตัวจริง!

สำหรับผู้ที่งบประมาณจำกัด หรือไม่เน้นความหล่อแบบจัดเต็มจากโรงงาน อาจจะพิจารณารุ่นย่อยอื่นๆ ของ Navara หรือมองหาโปรโมชั่นพิเศษสำหรับรุ่น Black Edition ในช่วงเวลาที่เหมาะสม

สุดท้ายนี้ การตัดสินใจซื้อรถยนต์เป็นเรื่องใหญ่ ควรไปทดลองขับด้วยตัวเองที่ศูนย์บริการ เพื่อสัมผัสประสบการณ์จริง และเปรียบเทียบกับคู่แข่งในใจของคุณ เพื่อให้ได้รถที่ใช่และตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ของคุณมากที่สุดครับ!

วิดีโอที่เกี่ยวข้อง

บทความที่เกี่ยวข้อง

สวัสดีครับพ่อแม่พี่น้องชาวไทย! วันนี้ผมจะมาเปิดม่านรีวิวรถกระบะแค็บตัวตึงที่คนทำงานหลายคนเล็งแล้วเล็งอีก นั่นก็คือ Nissan Navara King Cab นั่นเอง! เชื่อเลยว่าหลายคนอาจจะกำลังตัดสินใจอยู่ว่าจะถอยเจ้าคันนี้ดีไหม หรือว่ามีตัวเลือกอื่นที่เข้าตา
รีวิว Nissan Navara King Cab: กระบะแคป ตัวเลือกที่น่าสนใจสำหรับคนทำงาน

บทความล่าสุดดูเพิ่มเติม

โอ้โห! วันนี้จะพาไปวาร์ปย้อนยุคกันที่ สวนคุณปู่ Life Museum แหม แค่ชื่อก็กินขาดแล้วป่ะ! หลายคนอาจจะเคยได้ยินชื่อนี้แว่วๆ โดยเฉพาะสายเที่ยว สายคาเฟ่ที่ชอบวิวปังๆ แต่สงสัยกันไหมว่าที่นี่มันมีอะไรดีนอกจากวิวสวยๆ? เป็นแค่ร้านอาหารธรรมดา หรือเป็
รีวิว สวนคุณปู่ สถานที่ท่องเที่ยว/ร้านอาหาร บรรยากาศย้อนยุค
โอ้โห! วันนี้จะมารีวิวซีรีส์ที่แค่ชื่อก็กินขาด แถมยังเป็นกระแสอยู่ช่วงหนึ่งในบ้านเราด้วยนะ กับเรื่อง "Clickbait" ที่เคลมว่าเป็นแนวสืบสวน หักมุม พลิกล็อก ชวนติดหนึบสุดๆ คำถามคาใจคือ...มันจริงเด๊ะ? แล้วมันจะทำให้เราอดหลับอดนอนดูยันเช้าเหมือนท
รีวิว Clickbait: ซีรีส์/ภาพยนตร์แนวสืบสวน หักมุม พลิกล็อก ชวนติดหนึบไหม?
หนีเมืองกรุงไปพักใจริมน้ำ! วันนี้เราจะพาไปส่อง "บ้านเรือ โฮมสเตย์: ที่พักบรรยากาศดีริมน้ำ สไตล์บ้านๆ [ใส่จังหวัด/ที่ตั้ง] น่าไปพักไหม?" ที่พักที่ได้ยินชื่อแล้วต่อมอยากพักผ่อนริมน้ำก็พุ่งกระฉูด! หลายคนอาจจะสงสัยว่า เอ๊ะ...พักบ้านเรือ มันจะโค
รีวิว บ้านเรือ โฮมสเตย์: ที่พักบรรยากาศดีริมน้ำ สไตล์บ้านๆ [ใส่จังหวัด/ที่ตั้ง] น่าไปพักไหม?

บทความที่แนะนำ