รีวิว Biotherm Blue Therapy Cream-in-Oil ผิวชุ่มชื้น ลดริ้วรอย


สวัสดีค่าทุกคนนน! กลับมาอีกแล้วกับการรีวิวสกินแคร์ตัวดัง ที่เห็นแล้วใจสั่นอยากเสียเงิน เอ้ย! อยากลองใช้ดูสักครั้ง วันนี้ถึงคิวของแบรนด์เวชสำอางสายน้ำแร่จากฝรั่งเศสอย่าง Biotherm ค่ะ ที่บอกเลยว่าไลน์ Blue Therapy ของเขาเนี่ย ตัวปังๆ เพียบ! และที่เราจะมาเม้าท์มอยกันวันนี้ก็คือ Biotherm Blue Therapy Cream-in-Oil ที่เคลมว่าช่วยให้ผิวชุ่มชื้น แถมยังลดริ้วรอยได้อีกด้วย
หลายคนคงเคยได้ยินกิตติศัพท์ความดีงามของ Biotherm มาบ้างแล้วใช่ไหมคะ โดยเฉพาะเรื่องส่วนผสมจาก Life Plankton™ ที่เป็นเอกสิทธิ์เฉพาะของเขา ซึ่งเจ้าครีมตัวนี้ก็มีส่วนผสมนี้อยู่ด้วยเหมือนกัน วันนี้เราจะมาดูกันแบบหมดเปลือกเลยว่า "ครีมในน้ำมัน" ตัวนี้มันดียังไง ใช้แล้วผิวจะเด้งฟู ริ้วรอยจางลงจริงไหม เหมาะกับอากาศเมืองไทยช่วงเทศกาลไหนเป็นพิเศษหรือเปล่า ตามมาดูกันเลย!
1. ภาพรวมผลิตภัณฑ์: น้อง Cream-in-Oil คืออะไรกันนะ?
แบรนด์: Biotherm
ไลน์: Blue Therapy
ชื่อเต็ม: Biotherm Blue Therapy Cream-in-Oil (หรือบางทีก็มีชื่อห้อยท้ายว่า Revitalize Cream-in-Oil นะคะ)
ช่วงราคา: ประมาณ 1,950 - 2,800 บาท (แล้วแต่โปรโมชั่นและแหล่งที่ซื้อค่ะ)
การวางตำแหน่งสินค้า: เป็นครีมบำรุงผิวสำหรับผู้ที่กังวลเรื่องริ้วรอย ผิวแห้ง ขาดความกระชับ และต้องการความเปล่งปลั่งกระจ่างใส
จุดเด่นคร่าวๆ ที่เขาเคลมมา:
- เทคโนโลยี Cream-in-Oil: เนื้อครีมที่แตกตัวเป็นออยล์ ซึมไว ไม่เหนอะหนะ
- มอบความชุ่มชื้นขั้นสุด: ผิวอิ่มฟู ดูฉ่ำน้ำ
- ลดเลือนริ้วรอย: ช่วยให้ผิวดูเรียบเนียน กระชับขึ้น
- ผิวดูเปล่งปลั่ง กระจ่างใส: คืนความสดใสให้ผิวที่ดูเหนื่อยล้า
- ส่วนผสมหลักจากธรรมชาติ: มี Life Plankton™ และสารสกัดจากสาหร่ายสีอำพัน (Amber Algae Extract) รวมถึงน้ำมันจากธรรมชาติอื่นๆ
2. ดีไซน์ & รูปลักษณ์ภายนอก: เรียบหรู ดูแพงตามสไตล์ Biotherm
แพ็กเกจจิ้งของ Biotherm นี่เขาเน้นความเรียบง่ายแต่ดูดี กระปุกเป็นแก้วสีฟ้าไล่เฉด ดูสะอาดตาและแข็งแรง ขนาดกำลังพอดีมือ มีน้ำหนักพอสมควร ตั้งไว้บนโต๊ะเครื่องแป้งแล้วดูสวยงามค่ะ ส่วนตัวชอบดีไซน์แบบนี้ เพราะใช้งานง่าย แค่เปิดฝาก็ใช้ได้เลย ไม่ยุ่งยาก
ในกล่องก็จะมีกระปุกครีม กับคู่มือการใช้นิดหน่อย ไม่ได้มีอุปกรณ์เสริมอะไรพิเศษค่ะ
3. ประสบการณ์ในการใช้งานฟังก์ชันหลัก: ชุ่มชื้นจริงจัง แต่ริ้วรอยล่ะ?
มาถึงเรื่องสำคัญ! เนื้อสัมผัสของ Biotherm Blue Therapy Cream-in-Oil เป็นอะไรที่น่าสนใจมากค่ะ ตอนแรกมันเป็นเนื้อครีมเจลกึ่งๆ ออยล์ใสสีทอง พอลูบลงบนผิวปุ๊บ มันจะเหมือนแตกตัวเป็นน้ำมันบางๆ เคลือบผิว แต่เชื่อไหมว่ามันไม่เหนียวเหนอะหนะเลย! ซึมเข้าผิวค่อนข้างไว ทิ้งไว้แค่ความรู้สึกชุ่มชื้นเคลือบอยู่เบาๆ
ช่วงที่ลองใช้ ตรงกับช่วงที่อากาศค่อนข้างเปลี่ยนแปลง เดี๋ยวร้อน เดี๋ยวเย็น บางวันต้องนอนห้องแอร์ฉ่ำๆ ผิวก็แอบแห้งและมีขุยบ้าง แต่พอโบกตัวนี้เข้าไปคือเอาอยู่! ผิวที่แห้งตึงกลับมานุ่ม อิ่มฟูขึ้นทันที รู้สึกได้เลยว่าผิวได้รับการบำรุงอย่างเต็มที่ ยิ่งวันไหนผิวดูเหนื่อยๆ ใช้แล้วรู้สึกผิวดูสดใสขึ้นค่ะ
ส่วนเรื่องริ้วรอย อันนี้ต้องบอกตามตรงว่าเพิ่งลองใช้ได้ไม่นานนัก ผลลัพธ์เรื่องลดริ้วรอยลึกอาจจะยังเห็นไม่ชัดเจนมากนัก แต่พวกร่องเล็กๆ ที่เกิดจากผิวขาดน้ำ หรือริ้วรอยตื้นๆ เนี่ย รู้สึกได้ว่ามันดูตื้นขึ้น ผิวดูเรียบเนียนขึ้นจริงๆ นะคะ
กลิ่นของครีมตัวนี้จะหอมอ่อนๆ สดชื่นตามสไตล์ Biotherm ไม่ได้ฉุนจนเวียนหัวค่ะ
4. ใช้งานง่ายไหม? สบายผิวแค่ไหน?
ใช้ง่ายมากๆ ค่ะ หลังล้างหน้าและลงเซรั่มเสร็จ ก็ตักครีมมาทาได้เลย ไม่ต้องมีขั้นตอนซับซ้อน เนื้อครีมเกลี่ยง่าย ลื่นผิวดีมาก ไม่ต้องออกแรงถูเลยค่ะ อย่างที่บอกว่าเนื้อเขาจะแตกตัวเป็นออยล์เบาๆ แล้วก็ซึมเข้าผิวไปเลย ไม่ทิ้งความมันเยิ้มไว้กวนใจ ทำให้รู้สึกสบายผิวมากๆ ค่ะ
ไม่ได้มีระบบซอฟต์แวร์อะไรให้ยุ่งยาก เป็นครีมบำรุงที่เน้นผลลัพธ์ที่ผิวสัมผัสโดยตรงค่ะ
5. ความคุ้มค่าและผลลัพธ์ระยะยาว: ลงทุนกับผิวที่กำลังเปลี่ยนแปลง
ราคาของ Biotherm Blue Therapy Cream-in-Oil จัดอยู่ในกลุ่มสกินแคร์เคาน์เตอร์แบรนด์ ซึ่งถือว่ามีราคาสูงพอสมควร แต่ถ้าเทียบกับผลลัพธ์ที่ได้ในเรื่องความชุ่มชื้นและช่วยให้ผิวดูอิ่มฟูขึ้นทันที ก็ถือว่าน่าพอใจค่ะ กระปุกนึง 50 ml. ใช้ได้ค่อนข้างนาน เพราะใช้แค่นิดเดียวก็เกลี่ยได้ทั่วหน้าแล้วค่ะ
ส่วนเรื่องลดริ้วรอยระยะยาว อันนี้อาจจะต้องใช้ต่อเนื่องไปสักพักถึงจะเห็นผลชัดเจนขึ้น แต่ถ้ามองว่าเป็นการลงทุนเพื่อดูแลผิวที่เริ่มมีสัญญาณแห่งวัย หรือผิวที่ต้องการการบำรุงเข้มข้นเป็นพิเศษในช่วงที่อากาศเปลี่ยนแปลง หรือผิวแห้งมากๆ ก็ถือว่าคุ้มค่าค่ะ
เทียบกับครีมที่เน้นแค่ความชุ่มชื้นอย่างเดียว ตัวนี้มีส่วนผสมที่ช่วยเรื่องสัญญาณแห่งวัยด้วย ก็ถือว่าได้ประโยชน์แบบ 2-in-1 นะคะ
6. สรุปข้อดี-ข้อเสีย: ชั่งใจก่อนเปย์
ข้อดี:
- ผิวชุ่มชื้น อิ่มฟูทันที: อันนี้คือจุดเด่นที่สัมผัสได้ชัดเจนมากๆ
- เนื้อสัมผัสดีมาก: เป็นครีมที่แตกตัวเป็นออยล์ ซึมไว ไม่เหนียวเหนอะหนะ สบายผิวสุดๆ
- ช่วยให้ผิวดูเปล่งปลั่งสดใส: ผิวที่ดูเหนื่อยล้ากลับมาดูมีชีวิตชีวาขึ้น
- มีส่วนผสมดูแลเรื่องริ้วรอย: มี Life Plankton™ และสารสกัดอื่นๆ ที่ช่วยฟื้นบำรุงผิว
- กลิ่นหอมอ่อนๆ สดชื่น: ใช้แล้วรู้สึกผ่อนคลาย
ข้อเสีย:
- ราคาสูง: เป็นครีมเคาน์เตอร์แบรนด์ ราคาค่อนข้างสูง ต้องใช้ช่วงโปรโมชั่นถึงจะคุ้ม
- ผลลัพธ์เรื่องริ้วรอยต้องใช้เวลา: การลดเลือนริ้วรอยลึกอาจจะไม่เห็นผลทันที
- บางคนอาจจะยังรู้สึกว่าหนักผิวไปนิด: แม้จะเคลมว่าไม่เหนอะหนะ แต่สำหรับคนผิวมันมากๆ อาจจะยังรู้สึกว่ามีความเคลือบผิวอยู่บ้าง (แต่ส่วนตัวผิวผสมค่อนไปทางแห้ง ใช้แล้วกำลังดีค่ะ)
- มีส่วนผสมของน้ำหอมและแอลกอฮอล์: คนที่ผิวแพ้ง่ายมากๆ อาจจะต้องพิจารณา (แต่ส่วนตัวใช้แล้วไม่แพ้ค่ะ)
7. เหมาะกับใคร & คำแนะนำในการซื้อ: ใครควรสอย ใครควรรอก่อน
เหมาะกับ:
- ผู้ที่มีผิวแห้งถึงผิวผสมค่อนข้างแห้ง
- ผู้ที่กังวลเรื่องริ้วรอยแรกเริ่ม หรือริ้วรอยที่เกิดจากผิวขาดน้ำ
- ผู้ที่ต้องการครีมที่ช่วยให้ผิวดูอิ่มฟู เปล่งปลั่ง อย่างเร่งด่วน
- ผู้ที่มองหาครีมบำรุงที่ให้ความชุ่มชื้นสูง แต่ไม่เหนอะหนะจนเกินไป
สถานการณ์แนะนำ:
- ใช้ในช่วงที่อากาศแห้งมากๆ หรือต้องอยู่ในห้องแอร์นานๆ
- ใช้กู้ผิวโทรมช่วงที่พักผ่อนน้อย หรือผิวดูไม่สดใส
- ใช้เป็นไนท์ครีมเพื่อการบำรุงเข้มข้นในช่วงกลางคืน (แม้จะเป็น Day Cream ก็ใช้กลางคืนได้ค่ะ)
ควรซื้อเลยไหม?
ถ้ากำลังมองหาครีมที่ตอบโจทย์เรื่องความชุ่มชื้นขั้นสุด และพอมีงบประมาณสำหรับสกินแคร์เคาน์เตอร์แบรนด์ และผิวไม่ได้แพ้น้ำหอม/แอลกอฮอล์ ตัวนี้ก็น่าลองมากๆ ค่ะ แต่ถ้าให้แนะนำจริงๆ รอช่วงโปรโมชั่นของห้างสรรพสินค้า หรือร้านค้าออนไลน์ใหญ่ๆ จะคุ้มค่ากว่าค่ะ เพราะมักจะมีส่วนลด ของแถม หรือโปรโมชั่นผ่อน 0%
8. เปรียบเทียบกับสินค้าคล้ายๆ กัน (มุมมองส่วนตัว)
ถ้าเทียบกับครีมบำรุงที่เน้นเรื่องริ้วรอยในเรทราคาใกล้เคียงกัน บางแบรนด์อาจจะเน้นส่วนผสมของเรตินอล หรือเปปไทด์ที่เห็นผลเรื่องริ้วรอยชัดเจนกว่าในระยะเวลาสั้นๆ แต่ Biotherm Blue Therapy Cream-in-Oil จะเน้นไปที่การฟื้นบำรุงผิวให้แข็งแรงจากภายในด้วยส่วนผสมเอกสิทธิ์เฉพาะ และมอบความชุ่มชื้นที่ทำให้ผิวดูอิ่มฟูจนริ้วรอยดูตื้นขึ้นค่ะ.
ถ้าเทียบกับครีมไลน์ Blue Therapy ตัวอื่นๆ ของ Biotherm เอง อย่างตัว Blue Therapy Red Algae Uplift Cream ที่เน้นเรื่องผิวกระชับเป็นพิเศษ เนื้อสัมผัสก็จะแตกต่างกันไปค่ะ ตัว Cream-in-Oil จะมีความเป็นออยล์ผสมมากกว่า ให้ความรู้สึกเคลือบผิวและชุ่มชื้นกว่า ในขณะที่ตัว Red Algae จะเน้นความกระชับและเนื้อครีมจะบางเบากว่านิดหน่อยค่ะ.
9. บริการหลังการขายและช่องทางการซื้อ: ซื้อที่ไหนดีให้คุ้มสุด
ผลิตภัณฑ์ Biotherm หาซื้อได้ไม่ยากในประเทศไทยค่ะ มีเคาน์เตอร์ในห้างสรรพสินค้าชั้นนำทั่วไป และมีร้านค้าออนไลน์อย่างเป็นทางการ รวมถึงร้านค้า Multi-brand บนแพลตฟอร์ม e-commerce ใหญ่ๆ อย่าง Lazada หรือ Shopee ด้วย
คำแนะนำในการซื้อออนไลน์:
- ตรวจสอบร้านค้า: เลือกซื้อจากร้านค้าทางการของ Biotherm หรือร้านค้าที่น่าเชื่อถือ มีรีวิวดี เพื่อให้ได้ของแท้แน่นอนค่ะ
- เปรียบเทียบโปรโมชั่น: ช่วงเทศกาลช้อปปิ้งใหญ่ๆ (เช่น 11.11, 12.12, Payday) มักจะมีส่วนลดพิเศษ โค้ดลดเพิ่ม หรือของแถมค่ะ
- ดูตัวเลือกการผ่อนชำระ: บางแพลตฟอร์มมีบริการผ่อน 0% ช่วยให้เราตัดสินใจซื้อได้ง่ายขึ้น
- เช็คค่าจัดส่ง: บางร้านอาจมีโปรโมชั่นส่งฟรีเมื่อซื้อถึงยอดที่กำหนดค่ะ
การรับประกันสินค้าส่วนใหญ่มักจะอยู่ที่ผู้จำหน่าย แต่ถ้าซื้อจากเคาน์เตอร์ในห้างสรรพสินค้าโดยตรง ก็จะมีพนักงานคอยให้คำแนะนำและบริการหลังการขายได้ค่ะ
10. บทสรุปและคำแนะนำในการซื้อ: คุ้มไหม? ซื้อเลยดีมั้ย?
โดยสรุปแล้ว Biotherm Blue Therapy Cream-in-Oil เป็นครีมบำรุงที่เหมาะมากๆ สำหรับคนที่ผิวแห้งถึงผิวผสมค่อนข้างแห้ง และกังวลเรื่องริ้วรอยที่เกิดจากผิวขาดน้ำ หรือต้องการความชุ่มชื้นแบบจัดเต็มที่ซึมไว ไม่เหนอะหนะ ใช้แล้วรู้สึกได้เลยว่าผิวอิ่มฟู นุ่มเด้ง และดูเปล่งปลั่งขึ้นค่ะ.
ถ้าคุณกำลังมองหาครีมที่ช่วยกู้ผิวโทรม ให้ผิวกลับมาดูสดใสมีชีวิตชีวา และรับได้กับราคาที่เป็นเคาน์เตอร์แบรนด์ แนะนำให้ลองซื้อมาใช้ดูค่ะ โดยเฉพาะอย่างยิ่งถ้าซื้อในช่วงโปรโมชั่น จะรู้สึกว่าคุ้มค่ากับเงินที่จ่ายไปมากๆ เลยค่ะ.
เหมาะสำหรับผู้เริ่มต้น: ถ้าเพิ่งเริ่มมองหาครีมลดริ้วรอยที่เน้นความชุ่มชื้นสบายผิว ตัวนี้เป็นตัวเลือกที่ดีค่ะ
ไม่แนะนำสำหรับ: ผู้ที่มีผิวมันมากๆ หรือผิวที่แพ้น้ำหอม/แอลกอฮอล์ได้ง่ายมากๆ อาจจะต้องทดสอบดูก่อนค่ะ
หวังว่ารีวิวนี้จะเป็นประโยชน์ในการตัดสินใจนะคะ ใครเคยใช้แล้วเป็นยังไง มาเม้าท์มอยกันได้น้าาา!
วิดีโอที่เกี่ยวข้อง
แนะนำสำหรับคุณ
รีวิว Nike Quest 2: รองเท้าวิ่งราคาเข้าถึงง่าย ใส่สบาย เหมาะกับวิ่งเบาๆ หรือใส่เดินไหม?
รีวิว Nutri Master Astaxanthin Plus: อาหารเสริมต้านอนุมูลอิสระ ช่วยบำรุงผิวและสายตา ได้ผลจริงไหม?
รีวิว Argus Car Hire: บริการเช่ารถต่างประเทศ ประสบการณ์เป็นอย่างไร?
รีวิว Xiaomi Air Purifier 2S: เครื่องฟอกอากาศดีไซน์มินิมอล กรองอากาศสะอาด
Garmin GDR E530 รีวิวกล้องติดรถยนต์: ชัด ทน อุ่นใจทุกการเดินทางไหม?
รีวิว iPhone 13 ปี 2025: คุ้มค่าน่าซื้อไหม?