รีวิวซีรีส์ Romance is a Bonus Book ซีรีส์รักใสๆ ดูแล้วฟิน

ช่วงนี้ใครกำลังรู้สึกเหงาๆ อยากหาอะไรมาดูคลายเหงาแบบไม่หนักสมอง เน้นความฟิน ความละมุน อบอุ่นหัวใจเหมือนได้จิบชาอุ่นๆ ในวันฝนพรำ ขอป้ายยาแรงๆ เลยว่าต้องดูเรื่องนี้! "Romance is a Bonus Book" ซีรีส์เกาหลีที่ดูแล้วจะตกหลุมรักตัวละครและบรรยากาศแบบไม่รู้ตัว วันนี้จะมาเม้าท์มอยให้ฟังว่าทำไมเรื่องนี้ถึงเป็นเหมือน 'หนังสือเล่มพิเศษ' ที่อ่านแล้ววางไม่ลงกันค่ะ! รับรองว่าอ่านจบแล้วต้องรีบไปเปิดดูแน่นอน
1. ภาพรวมซีรีส์: รู้จัก "หนังสือโบนัส" เล่มนี้กันก่อน
ชื่อเรื่อง: Romance is a Bonus Book (로맨스는 별책부록) แนว: โรแมนติกคอมเมดี้, ดราม่า, ชีวิต จำนวนตอน: 16 ตอน ช่องทางรับชม: Netflix นักแสดงนำ: อี จงซอก (Lee Jong-suk) รับบท ชา อึนโฮ, อี นายอง (Lee Na-young) รับบท คัง ดันอี ปีที่ออกฉาย: 2019
ตำแหน่งในใจ: ซีรีส์ Feel Good ที่ดูได้เรื่อยๆ เหมาะกับวันที่ต้องการพลังบวกและความอบอุ่นหัวใจ
จุดเด่นคร่าวๆ:
- ความสัมพันธ์แบบ Friend-to-Lover: จากเพื่อนสนิทกลายเป็นคนรัก
- เรื่องราวในวงการสิ่งพิมพ์: ได้เห็นเบื้องหลังการทำหนังสือ
- เคมีพระนางละมุนมาก: ดูแล้วฟิน จิกหมอนขาด!
- ตัวละครสมจริง: สะท้อนชีวิตและการทำงานของผู้หญิงที่ต้องกลับมาเริ่มต้นใหม่
- บรรยากาศอบอุ่น Cozy: เหมือนได้นั่งอยู่ในร้านหนังสือเงียบๆ
2. งานภาพและบรรยากาศ: สบายตา สบายใจ เหมือนเดินเล่นในกองหนังสือ
ซีรีส์เรื่องนี้ภาพสวยมากค่ะ โทนสีอบอุ่น ละมุนตา เห็นแล้วรู้สึกสบายใจ การถ่ายทำเน้นบรรยากาศในบริษัทสำนักพิมพ์ ซึ่งเต็มไปด้วยกองหนังสือ ได้เห็นมุมต่างๆ ของการทำงานในออฟฟิศ ดูแล้วรู้สึกเหมือนได้เข้าไปอยู่ในโลกของคนรักหนังสือจริงๆ คอสตูมของตัวละครก็สวยงาม โดยเฉพาะการแต่งตัวของคังดันอีที่ค่อยๆ ปรับเปลี่ยนไปตามสถานการณ์และหน้าที่การงาน
3. ประสบการณ์การดู: สนุกกับการแกะเรื่องราวชีวิตและความรัก
พล็อตเรื่องหลักๆ คือเรื่องราวของ คัง ดันอี (อีนายอง) ผู้หญิงที่เคยเป็นนักเขียนโฆษณามากฝีมือ แต่ต้องหยุดงานไปเป็นแม่บ้านเต็มตัว พอหย่าแล้วก็หางานทำยากมากเพราะมีช่วงว่างงานนาน เธอเลยต้องโกหกวุฒิเพื่อสมัครเป็นพนักงานสัญญาจ้างชั่วคราวในบริษัทสำนักพิมพ์เดียวกับ ชา อึนโฮ (อีจงซอก) รุ่นน้องที่สนิทกันเหมือนพี่ชาย
ในเรื่องเราจะได้เห็นชีวิตการทำงานของดันอีที่ต้องเผชิญความท้าทายต่างๆ ในฐานะพนักงานน้องใหม่ที่อายุเยอะกว่าเพื่อนร่วมงาน และความสัมพันธ์ของเธอกับอึนโฮที่ค่อยๆ พัฒนาจากเพื่อนสนิทกลายเป็นความรัก ซึ่งเคมีของทั้งคู่ดีมากจริงๆ ค่ะ ดูแล้วเชื่อว่าเค้ารักกันและเป็นห่วงกันมานาน
นอกจากคู่พระนางแล้ว ตัวละครอื่นๆ ในบริษัทสำนักพิมพ์ก็มีเสน่ห์และเรื่องราวของตัวเองที่น่าติดตาม ทำให้ซีรีส์ไม่ได้มีแค่เรื่องรักๆ ใคร่ๆ แต่ยังได้เห็นชีวิตการทำงาน มิตรภาพ และปัญหาในชีวิตจริงที่หลายคนน่าจะอินได้ง่ายๆ
4. ดูง่ายไหม? ใครๆ ก็ดูได้ เพลินๆ ยาวไป!
เรื่องนี้ดูง่ายค่ะ ไม่ซับซ้อน ไม่ต้องคิดเยอะ พล็อตค่อยๆ ดำเนินไปอย่างเป็นธรรมชาติ ไม่ได้มีตัวร้ายหวือหวา หรือดราม่าหนักหน่วงจนเครียด เหมาะกับการดูพักผ่อนสมองมากๆ การแสดงของนักแสดงทุกคนก็ดีงาม ดูแล้วอินตามได้ไม่ยาก ถึงแม้บางช่วงอาจจะรู้สึกว่าดำเนินเรื่องช้าไปหน่อย แต่ก็ไม่ได้น่าเบื่อค่ะ
5. ความคุ้มค่า: 16 ตอนที่เต็มไปด้วยความอบอุ่นและข้อคิดดีๆ
ด้วยความยาว 16 ตอน ถือว่ากำลังดี ไม่ยืดเยื้อจนเกินไป สิ่งที่ได้จากการดูซีรีส์เรื่องนี้ไม่ใช่แค่ความฟินจากคู่พระนาง แต่ยังได้เห็นการเติบโตของตัวละครคังดันอีที่ต้องลุกขึ้นมาเริ่มต้นชีวิตใหม่ ได้เห็นคุณค่าของตัวเอง และการตามหาความฝันอีกครั้ง นอกจากนี้ยังสอดแทรกข้อคิดเกี่ยวกับชีวิต การทำงาน และความสัมพันธ์ต่างๆ ได้อย่างแนบเนียน
เป็นซีรีส์ที่ดูจบแล้วรู้สึกอิ่มเอมใจ ได้รับพลังบวก และอยากกลับไปอ่านหนังสือเลยค่ะ ถ้าใครชอบซีรีส์แนวอบอุ่นหัวใจ ดูได้หลายรอบแบบไม่เบื่อ เรื่องนี้คือคุ้มค่ากับเวลาที่เสียไปแน่นอนค่ะ
6. สรุปข้อดี-ข้อเสีย
ข้อดี:
- เคมีพระนางดีงามมาก ชวนฟินสุดๆ
- พล็อตเรื่องอบอุ่น ไม่หนัก สมอง ดูได้เรื่อยๆ
- ได้เห็นเบื้องหลังวงการหนังสือ น่าสนใจ
- ตัวละครมีมิติ สมจริง relatable
- ให้ข้อคิดดีๆ เกี่ยวกับชีวิตและการเริ่มต้นใหม่
- งานภาพสวย บรรยากาศดี
ข้อเสีย:
- บางคนอาจรู้สึกว่าเนื้อเรื่องดำเนินช้าไปหน่อย
- พล็อตไม่ได้หวือหวา หรือมีจุดหักมุมอะไรใหญ่โต
- สำหรับคนที่ชอบดราม่าหนักๆ หรือปมเยอะๆ เรื่องนี้อาจจะไม่ใช่แนว
7. เหมาะกับใคร & คำแนะนำในการดู
เหมาะกับ: คนที่ชอบซีรีส์แนวโรแมนติกคอมเมดี้, ซีรีส์อบอุ่นหัวใจ, คนที่ชอบอ่านหนังสือ (จะได้อินกับเบื้องหลัง), คนที่กำลังมองหาซีรีส์ดูสบายๆ ไม่เครียด
เหมาะกับการดูแบบไหน: ดูคนเดียวเพลินๆ, ดูเป็นเพื่อนกับคนที่ชอบซีรีส์แนวเดียวกัน, ดูในวันที่อยากพักผ่อน หรือวันที่รู้สึกเหนื่อยๆ ต้องการกำลังใจ
ควรดูเลยไหม? ถ้าอ่านมาถึงตรงนี้แล้วรู้สึกว่าใช่แนว ก็เปิด Netflix ดูเลยค่ะ! ไม่ต้องลังเล เพราะเป็นซีรีส์ที่ดูแล้วใจฟูแน่นอน หรือถ้ายังไม่แน่ใจ ลองดูสัก 2-3 ตอนก่อนก็ได้ค่ะ
8. เทียบกับซีรีส์แนวคล้ายๆ กัน (อันนี้แถมให้!)
ถ้าชอบแนวนี้ อาจจะชอบซีรีส์อย่าง "Search: WWW" ที่นำเสนอเรื่องราวของผู้หญิงเก่งในสายงานอาชีพคล้ายๆ กัน แต่จะมีปมดราม่าและเรื่องการแข่งขันที่เข้มข้นกว่า หรือ "Something in the Rain" ที่เป็นแนว Noona Romance เหมือนกัน แต่โทนเรื่องจะเรียลกว่าและมีประเด็นครอบครัวมาเกี่ยวข้องเยอะกว่าค่ะ
9. ช่องทางรับชม: หาดูได้ที่ไหน?
ซีรีส์ "Romance is a Bonus Book" มีให้ดูแบบถูกลิขสิทธิ์บน Netflix ค่ะ มีทั้งซับไทยและพากย์ไทยครบทุกตอน พร้อมดูแบบยาวๆ ได้เลย
10. บทสรุปส่งท้าย & อยากให้คุณเมนต์!
สรุปแล้ว "Romance is a Bonus Book" เป็นซีรีส์ที่ให้ความรู้สึกเหมือนกับชื่อเรื่องจริงๆ ค่ะ คือเป็นเหมือน "หนังสือเล่มพิเศษ" ที่อ่านแล้วได้รับพลังงานดีๆ ได้ข้อคิด ได้ความอบอุ่นหัวใจ และได้อมยิ้มไปกับความสัมพันธ์น่ารักๆ ของตัวละคร
ถ้าคุณกำลังมองหาซีรีส์ที่ไม่ต้องลุ้นจนเหนื่อย ดูไปยิ้มไป ฮีลใจได้ดีงาม ขอแนะนำเรื่องนี้เลยค่ะ เหมาะสำหรับทุกคนที่ต้องการความละมุนในชีวิต แล้วถ้าดูแล้วเป็นยังไง มาคอมเมนต์เม้าท์มอยกันได้นะคะ!
วิดีโอที่เกี่ยวข้อง
- ลุ้นรักฉบับโบนัส (Romance is a Bonus Book) | ตัวอย่างซีรีส์อย่าง ...
- Romance is a bonus book Trailer | บรรณาธิการสุดหล่อ “อีจงซอก ...
- สปอยหนัง เมื่อเธอแอบมาอาศัยอยู่ในบ้านหนุ่มหล่อ เลยได้เขาเป็นแฟน ...
- สปอยหนัง เมื่อเธอแอบมาอาศัยอยู่ในบ้านหนุ่มหล่อ เลยได้เขาเป็นแฟน ...
- [Podcast] Romance is a Bonus Book ลุ้นรักฉบับโบนัส
แนะนำสำหรับคุณ
Garmin GDR E530 รีวิวกล้องติดรถยนต์: ชัด ทน อุ่นใจทุกการเดินทางไหม?
เที่ยวโตเกียวเดือนตุลาคม: อากาศดีไหม? มีงานอะไรน่าเที่ยว? เตรียมตัวยังไง?
รีวิว X Cute Me: ผลิตภัณฑ์ดูแลเส้นผม ราคาดี คุณภาพเกินคาด
รีวิว กระเป๋าเป้ Anello กันน้ำ: สะพายไปเที่ยว ลุยฝน ของข้างในปลอดภัยจริงหรือ?
รีวิว Brother MFC-J3930DW: ปริ้นเตอร์ Inkjet พิมพ์งานใหญ่ ฟังก์ชันครบ
รีวิว Nutri Master Astaxanthin Plus: อาหารเสริมต้านอนุมูลอิสระ ช่วยบำรุงผิวและสายตา ได้ผลจริงไหม?
