ราคา iPad Air 9.7 นิ้ว มือสอง รุ่นไหนดี ความจุเท่าไหร่พอ


สวัสดีค่าทุกคนนน! วันนี้มาเอาใจสายแท็บเล็ตที่กำลังมองหาไอแพดคู่ใจในราคาเป็นมิตรกับกระเป๋าสตางค์กันหน่อย เราจะมาเจาะลึกเรื่อง iPad Air หน้าจอ 9.7 นิ้ว มือสอง กัน! ใครที่กำลังลังเลว่าจะสอยรุ่นนี้ดีไหม? ความจุเท่าไหร่ถึงจะพอใช้? มาค่ะ มามุงตรงนี้ เราจะเล่าให้ฟังแบบหมดเปลือก สไตล์คนกันเอง เข้าใจง่าย แถมอาจจะมีมุมให้ขำเบาๆ ด้วยนะจ๊ะ เตรียมตัวให้พร้อม แล้วไปดูกันเลยว่าเจ้า iPad Air ตัวเก๋าของเราเนี่ย ยังน่าเล่นอยู่รึเปล่า!
1. เจ้า iPad Air 9.7 นิ้ว นี่มันคืออะไรกันนะ?
มาทำความรู้จักเจ้า iPad Air 9.7 นิ้ว กันก่อนเลยค่ะ พูดง่ายๆ มันก็คือ แท็บเล็ต จอใหญ่พอดีมือ จากแบรนด์ระดับโลกอย่าง Apple นั่นเอง! ใครๆ ก็รู้จัก Apple เนอะ เค้าดังเรื่องดีไซน์สวยงาม ใช้งานง่าย และระบบนิเวศที่เชื่อมต่อกันหมด รุ่น iPad Air หน้าจอ 9.7 นิ้วเนี่ย เป็นรุ่นที่ออกมาพักใหญ่แล้วค่ะ แต่ความสามารถยังไม่ตกยุคซะทีเดียว เหมาะมากๆ สำหรับคนที่อยากได้แท็บเล็ตไว้ใช้ดูหนัง ดูซีรีส์ เล่นโซเชียล อ่านอีบุ๊ก เล่นเกมนิดๆ หน่อยๆ หรือจะเอามาทำงานเอกสารเบาๆ ก็พอไหวอยู่จ้า ด้วยขนาดหน้าจอ 9.7 นิ้วเนี่ย กำลังพอดีเลยค่ะ ไม่ใหญ่เทอะทะเกินไป แถมยัง น้ำหนักเบา ตามชื่อรุ่น "Air" เค้าแหละ พกพาสะดวกสุดๆ ถือไปถือมาไม่เมื่อยมือแน่นอน! เหมาะกับนักเรียน นักศึกษา หรือคนทำงานที่ต้องการอุปกรณ์คู่ใจที่ไม่หนัก ไม่ใหญ่เกินกว่าจะใส่กระเป๋าพกพาไปไหนมาไหนได้ง่ายๆ ในตลาดมือสองของไทยเนี่ย เจ้าตัวนี้ยังได้รับความนิยมอยู่นะ เพราะด้วยชื่อชั้นของ Apple และราคาที่จับต้องง่ายขึ้นเยอะเลยเมื่อเป็นมือสองค่ะ
2. ราคาในตลาดมือสองไทยเป็นยังไงบ้าง?
มาถึงเรื่องที่ทุกคนอยากรู้ที่สุด นั่นก็คือ "ราคา" นั่นเอง! สำหรับ iPad Air 9.7 นิ้ว มือสอง เนี่ย ต้องบอกเลยว่าราคาในตลาดบ้านเรามีความหลากหลายมากๆ ค่ะ ขึ้นอยู่กับ สภาพเครื่อง (มีรอยเยอะมั้ย จอมีเดดพิกเซลหรือจอเหลืองรึเปล่า แบตเตอรี่เสื่อมแค่ไหน) และ ความจุ ของเครื่องด้วยจ้า ส่วนใหญ่ที่เราจะเจอในตลาดก็จะมีหลายความจุเลย ทั้ง 16GB, 32GB, 64GB, และ 128GB แน่นอนว่าความจุเยอะ ราคาก็จะสูงขึ้นตามไปด้วย
ราคาคร่าวๆ ในตลาดมือสองไทยตอนนี้ (ก.ค. 2568) นะคะ อาจจะประมาณ 3,000 บาท (฿) ไปจนถึง 7,000 บาท (฿) โดยประมาณค่ะ
- รุ่น 16GB อาจจะเริ่มต้นที่ 3,000 - 4,000 บาท
- รุ่น 32GB หรือ 64GB จะขยับขึ้นมาหน่อย ประมาณ 4,500 - 6,000 บาท
- รุ่น 128GB ซึ่งค่อนข้างหายากกว่า ราคาอาจจะไปถึง 6,000 - 7,000 บาท หรือสูงกว่านั้นถ้าสภาพดีมากๆ
ราคานี้เป็นแค่การประเมินคร่าวๆ นะคะ ต้องลองไปเช็คตามแหล่งต่างๆ ดูอีกที แหล่งยอดฮิตที่เรามักจะเจอ iPad มือสองก็คือ Lazada กับ Shopee ค่ะ ลองเสิร์ชดูว่า "iPad Air 9.7 มือสอง" จะมีร้านค้าหรือผู้ใช้ทั่วไปเอามาลงขายเพียบเลย นอกจากนี้ในกลุ่มซื้อขาย gadget หรือ Apple มือสองใน Facebook ก็เป็นอีกแหล่งที่ดีมากๆ ที่สำคัญคือ ราคาในไทย เนี่ย ไม่ได้อิงกับราคาต่างประเทศโดยตรงแล้วนะคะ เพราะเป็นตลาดมือสองล้วนๆ ราคาจะขึ้นอยู่กับกลไกตลาดในบ้านเรา สภาพเครื่อง และความหายากของแต่ละรุ่น/ความจุเป็นหลักค่ะ ส่วนร้านใหญ่ๆ อย่าง JIB, Banana IT, Power Buy เนี่ย เค้าจะเน้นขายเครื่องใหม่เป็นหลัก ถ้าจะหามือสองจริงๆ ต้องพึ่งช่องทางออนไลน์หรือร้านตู้มือสองเฉพาะทางจ้า
3. แล้วเทียบกับแท็บเล็ตตัวอื่นล่ะ ราคาโอเคมั้ย?
ถ้าเทียบกับแท็บเล็ต Android แบรนด์อื่นๆ ในช่วงราคาเดียวกันที่ยังเป็นมือหนึ่งอยู่เนี่ย iPad Air 9.7 นิ้ว มือสอง ถือว่ายังมีความน่าสนใจในแง่ของ ประสิทธิภาพและความเสถียร ของระบบปฏิบัติการ iOS นะคะ ถึงแม้สเปกจะเก่ากว่าแท็บเล็ต Android รุ่นใหม่ๆ ในราคาใกล้เคียงกัน แต่การใช้งานทั่วไปยังลื่นไหลพอสมควร แอปเปิลยังคงอัปเดตซอฟต์แวร์ให้ iPad รุ่นเก่าๆ อยู่บ้าง ทำให้ยังเข้าถึงแอปพลิเคชันใหม่ๆ ได้ แต่ก็ต้องทำใจว่าอาจจะไม่ได้เร็วแรงเท่ารุ่นใหม่ๆ นะจ๊ะ
ถ้าเทียบกับ iPad รุ่นใหม่กว่าที่ยังขายมือหนึ่งอยู่ ราคาก็ต่างกันคนละเรื่องเลยค่ะ iPad รุ่นใหม่เริ่มต้นก็เหยียบหมื่นปลายๆ หรือสองหมื่นอัปแล้ว ซึ่งแน่นอนว่าได้สเปกที่ดีกว่ามากๆ แต่ถ้า งบจำกัด และต้องการแค่แท็บเล็ตไว้ใช้งานพื้นฐาน iPad Air 9.7 นิ้ว มือสอง ในราคาไม่กี่พันบาท ถือว่า คุ้มค่า มากๆ เลยค่ะ ได้ความเป็น Apple ในราคาที่จับต้องง่าย
4. ซื้อแล้วได้อะไรมาบ้างนะ?
อันนี้สำคัญมากกกก! เวลาซื้อ iPad Air 9.7 นิ้ว มือสอง เนี่ย สิ่งที่ได้มาจะไม่เหมือนกับการซื้อมือหนึ่งแกะกล่องนะคะ ต้องสอบถามผู้ขายให้ละเอียดเลยว่าได้อะไรมาบ้าง สิ่งที่ควรเช็คเลยก็คือ:
- ตัวเครื่อง iPad: แน่นอนว่าต้องได้ตัวเครื่องมา! เช็คสภาพภายนอกให้ดี มีรอยบุบ รอยตกมั้ย จอมีปัญหาอะไรหรือเปล่า ปุ่มโฮม ปุ่มปรับเสียง ยังใช้งานได้ปกติมั้ย
- ที่ชาร์จและสายชาร์จ: ส่วนใหญ่ผู้ขายมักจะแถมมาให้ค่ะ แต่ต้องเช็คว่าเป็นของแท้หรือของเทียบ คุณภาพเป็นยังไง บางทีได้สายชาร์จที่สภาพย่ำแย่ก็มีนะ!
- กล่อง: บางคนยังเก็บกล่องเดิมไว้อยู่ ซึ่งถ้ามีกล่องครบก็จะดูน่าเชื่อถือขึ้นค่ะ
- คู่มือ: อันนี้ไม่ค่อยสำคัญเท่าไหร่ เพราะส่วนใหญ่อ่านในเน็ตได้
- ประกัน: หัวข้อนี้คนไทยให้ความสำคัญมาก! ขอบอกตรงๆ ว่า iPad Air 9.7 นิ้วเนี่ย ไม่มีประกันศูนย์ Apple แล้ว 100% นะคะ เพราะเป็นรุ่นที่ออกมานานมากๆ แล้ว ถ้าผู้ขายบอกว่ามีประกันศูนย์ คือไม่จริงค่ะ! สิ่งที่อาจจะมีคือ ประกันใจ จากผู้ขาย (เช่น ถ้ามีปัญหาภายใน 7 วันคืนเงินให้) หรือถ้าซื้อจากร้านตู้/ร้านออนไลน์ที่ขายมือสองโดยเฉพาะ เค้าอาจจะมี ประกันร้าน ให้สั้นๆ เช่น 7 วัน หรือ 30 วัน อันนี้ต้องสอบถามและตกลงกันให้ชัดเจนก่อนซื้อนะคะ สำคัญมากๆ เลย
- ของแถมอื่นๆ: อาจจะมีแถมเคส ฟิล์มกันรอย หูฟัง (ส่วนใหญ่จะไม่มีมาให้) อันนี้แล้วแต่ผู้ขายเลยจ้า
ส่วนเรื่อง ค่าจัดส่ง ถ้าซื้อออนไลน์ส่วนใหญ่จะมีค่าส่งนะคะ หรือบางร้านอาจจะมีโปรโมชั่นส่งฟรี ก็ต้องลองดูเงื่อนไขค่ะ
5. มีช่วงไหนน่าซื้อเป็นพิเศษมั้ย?
อยากได้ของถูกและดี ต้องใจเย็นๆ รอช่วง โปรโมชั่น จ้า! ถึงแม้จะเป็นของมือสอง แต่บนแพลตฟอร์มออนไลน์ใหญ่ๆ อย่าง Lazada กับ Shopee เค้าก็มีแคมเปญลดราคาตลอดปีนะ โดยเฉพาะช่วง Double Digit Sale ยอดฮิต เช่น 8.8, 9.9, 10.10, 11.11, 12.12 หรือช่วงเทศกาลใหญ่ๆ ของไทยอย่าง สงกรานต์ หรือ ปีใหม่ ค่ะ
ร้านค้าที่ขาย iPad มือสองบนแพลตฟอร์มเหล่านี้บางร้านอาจจะเข้าร่วมโปรโมชั่นด้วยนะ หรือบางทีแพลตฟอร์มเองก็จะมีโค้ดส่วนลดพิเศษ หรือโค้ดส่งฟรีให้ใช้ ซึ่งโค้ดพวกนี้แหละค่ะที่จะช่วยให้เราประหยัดเงินในการซื้อ iPad มือสองได้เยอะเลย! แนะนำให้ กดติดตามร้านค้า ที่สนใจไว้ แล้วคอยดูการแจ้งเตือนเวลาเค้ามีโปรโมชั่นใหม่ๆ นะจ๊ะ สรุปคือ ถ้าไม่รีบใช้มากๆ รอซื้อช่วงโปรโมชั่น มีโอกาสได้ราคาดีกว่าเดิมแน่นอนค่ะ! ส่วนร้านค้า Apple Official Store บน Lazada/Shopee จะไม่ขายรุ่นนี้แล้วนะคะ เน้นหาร้านทั่วไปหรือร้านมือสองบนแพลตฟอร์มแทนค่ะ
6. คนไทยใช้แล้วรู้สึกยังไงกันบ้างนะ?
จากที่ไปส่องตามเว็บบอร์ดหรือรีวิวต่างๆ ของคนไทยที่เคยใช้หรือยังใช้ iPad Air 9.7 นิ้ว อยู่เนี่ย เสียงตอบรับส่วนใหญ่ก็ถือว่า แฮปปี้ตามราคา นะคะ จุดที่คนไทยชอบมากๆ เลยก็คือ:
- ราคาถูก: อันนี้ยืนหนึ่งเลยจ้า ด้วยราคาไม่กี่พันบาท ได้ iPad มาใช้ ถือว่าคุ้มค่ามากๆ
- ใช้งานง่าย: ระบบ iOS ใครๆ ก็ว่าใช้ง่ายค่ะ ไม่ซับซ้อน เหมาะกับทุกเพศทุกวัย
- พกพาสะดวก: เบาและบางจริงอะไรจริง ถือสบาย ใส่กระเป๋าไม่หนัก
- ดูหนังฟังเพลง เล่นเน็ตโอเค: การใช้งานพื้นฐานพวกนี้ยังทำได้ดีอยู่ค่ะ หน้าจอสวย ดูยูทูป ดูเน็ตฟลิกซ์ เพลินๆ
- แอปเปิลยังอัปเดตให้อยู่บ้าง: แม้จะไม่ใช่เวอร์ชันล่าสุดสุดๆ แต่อย่างน้อยก็ยังได้รับการอัปเดตบางส่วน ทำให้ยังลงแอปใหม่ๆ ที่รองรับได้อยู่
- ทนทาน (ถ้าเจอเครื่องดี): iPad ขึ้นชื่อเรื่องความทนทานอยู่แล้วค่ะ ถ้าเจอเครื่องที่เจ้าของเดิมดูแลดีๆ ก็ใช้งานได้อีกนานเลย
แต่ข้อเสียที่หลายคนพูดถึงก็คือเรื่อง ความจุ 16GB มันน้อยไป ในยุคนี้ลงแอปไม่กี่แอปก็เต็มแล้ว! และเรื่อง แบตเตอรี่ที่อาจจะเสื่อมตามอายุ ค่ะ ถ้าซื้อมาแล้วแบตเสื่อมก็อาจจะต้องมีค่าใช้จ่ายในการเปลี่ยนแบตเพิ่มนะจ๊ะ
7. แล้วจะไปหาซื้อได้ที่ไหนล่ะทีนี้?
อย่างที่เกริ่นๆ ไปแล้วว่าเจ้า iPad Air 9.7 นิ้ว เนี่ย ต้องหาตามตลาดมือสองเป็นหลักนะจ๊ะ แหล่งหลักๆ ที่แนะนำก็คือ:
- Shopee และ Lazada: นี่คือแหล่งใหญ่สุด! มีร้านค้าและผู้ขายรายย่อยเพียบให้เลือกสรร ข้อดีคือ ตัวเลือกเยอะมาก เปรียบเทียบราคาได้ง่าย และมี ระบบการชำระเงินที่ปลอดภัย แถมบางทีมีโปรโมชั่นหรือโค้ดส่วนลดให้ใช้ด้วย แต่ข้อเสียคือเราไม่เห็นของจริง ต้องดูจากรูปและคำอธิบายเท่านั้น ต้อง เช็คเรตติ้งและรีวิวของร้าน/ผู้ขายให้ดีมากๆ ก่อนตัดสินใจซื้อค่ะ
- กลุ่มซื้อขาย Apple/Gadget มือสองใน Facebook: แหล่งนี้มักจะได้ราคาที่ดีกว่าซื้อจากร้านค้า เพราะเป็นผู้ใช้ด้วยกันเองมาปล่อยต่อ สามารถพูดคุยสอบถามรายละเอียด ขอดูรูป/วิดีโอเพิ่มเติมได้โดยตรง แต่ ความเสี่ยงสูงกว่า นะคะ เพราะไม่มีแพลตฟอร์มกลางคอยคุ้มครอง แนะนำให้ นัดเจอผู้ขายเพื่อเช็คสภาพเครื่องและจ่ายเงินด้วยตัวเอง จะปลอดภัยที่สุดจ้า
- ร้านตู้/ร้านมือสองตามห้างไอที: ในกรุงเทพฯ หรือตามต่างจังหวัดที่มีห้างไอที อาจจะมีร้านที่รับซื้อขาย iPad มือสองอยู่ ข้อดีคือเราสามารถ ไปดูเครื่องจริง ลองจับ ลองเช็คสภาพ ได้ด้วยตัวเอง ถามข้อมูลคนขายได้เลย แต่ส่วนใหญ่ราคาจะสูงกว่าซื้อออนไลน์หรือตามกลุ่ม Facebook เล็กน้อยค่ะ
ช่องทาง Official ของ Apple หรือร้านค้าปลีกใหญ่ๆ อย่าง iStudio, Dotlife, JIB, Banana IT, Power Buy เนี่ย จะไม่มี iPad Air 9.7 นิ้ว มือสองขายแล้วนะคะ ต้องพึ่งพิงแหล่งอื่นๆ ที่กล่าวมาข้างต้นจ้า
8. สรุปแล้วน่าซื้อไหม? ความจุเท่าไหร่ถึงจะพอ?
มาถึงบทสรุปแล้วจ้า! ถามว่า iPad Air 9.7 นิ้ว มือสอง ยังน่าซื้ออยู่ไหมในปีนี้? คำตอบคือ น่าซื้อมากๆ เลยค่ะ ถ้าคุณเป็นคนที่:
- มีงบประมาณน้อยมากๆ แต่อยากได้แท็บเล็ตจอใหญ่ ไว้ใช้งานพื้นฐาน
- ต้องการ iPad เครื่องที่สอง ไว้ให้ลูกหลานเรียนออนไลน์ หรือไว้ดูหนังฟังเพลงในห้องนอน
- ไม่ได้เน้นประสิทธิภาพสูงๆ หรือเล่นเกมกราฟิกหนักๆ
- ชอบความเรียบง่าย ใช้งานง่าย ของระบบ iOS
- พกพาไปไหนมาไหนบ่อยๆ เน้นเครื่องเบาๆ
สำหรับคนกลุ่มนี้ เจ้า iPad Air 9.7 นิ้ว มือสอง คือตัวเลือกที่ คุ้มค่าเกินราคา สุดๆ ไปเลยจ้า!
ส่วนเรื่อง ความจุเท่าไหร่ถึงจะพอ? อันนี้สำคัญมากในยุคนี้ค่ะ!
- 16GB: ขอบอกตามตรงว่า น้อยมากๆ ค่ะ! ลงแอปพื้นฐาน เช่น Facebook, Line, YouTube, Netflix ก็แทบจะเต็มแล้ว ถ้าไม่ได้ใช้ทำอะไรนอกจากดูหนัง ฟังเพลง เล่นเน็ตนิดๆ หน่อยๆ อาจจะพอไหว แต่ถ้าคิดจะลงแอปเยอะๆ หรือเก็บรูปเก็บวิดีโอ 16GB ไม่พอแน่นอนค่ะ! แนะนำให้ หลีกเลี่ยงความจุนี้ ถ้าเป็นไปได้
- 32GB: เริ่มต้นที่พอใช้ได้ค่ะ สำหรับการใช้งานพื้นฐานทั่วไป ลงแอปพอประมาณ เก็บรูปนิดหน่อย ถ้าไม่ได้ถ่ายรูปเยอะ หรือลงเกมใหญ่ๆ ความจุ 32GB ก็ถือว่า พอใช้ ค่ะ
- 64GB หรือ 128GB: ถ้าเจอในสภาพดีๆ และราคาไม่แรงมาก จัดเลยค่ะ! ความจุเท่านี้จะทำให้ชีวิตง่ายขึ้นเยอะมากๆ จะลงแอปอะไรก็ได้ที่อยากลง ถ่ายรูปถ่ายวิดีโอได้สบายๆ ไม่ต้องคอยลบให้เสียอารมณ์ ถ้างบถึง แนะนำให้มองหาความจุ 64GB ขึ้นไปจะดีที่สุดค่ะ
สรุปคือ iPad Air 9.7 นิ้ว มือสอง ยังน่าซื้อสำหรับคนงบน้อยที่เน้นใช้งานพื้นฐาน แต่ ความจุ 16GB ควรหลีกเลี่ยง ให้มองหา 32GB ขึ้นไป โดยเฉพาะ 64GB หรือ 128GB ถ้าเจอในราคาที่รับได้จะคุ้มค่ากว่ามากๆ จ้า!
หวังว่าบทความนี้จะช่วยให้ทุกคนตัดสินใจง่ายขึ้นในการเลือกซื้อ iPad Air 9.7 นิ้ว มือสองนะคะ ขอให้ได้เครื่องที่ถูกใจ ใช้งานได้ดี และสนุกกับการใช้ไอแพดคู่ใจค่ะ! บ๊ายบายยย!
วิดีโอที่เกี่ยวข้อง
แนะนำสำหรับคุณ
เพชร Swarovski ราคาเริ่มต้นเท่าไหร่? ซื้อเป็นเครื่องประดับหรือสะสม?
GU Energy Gel ราคาล่าสุด ซื้อรสไหนดี เพิ่มพลังวิ่ง? หาซื้อได้ที่ไหน?
ปุ๋ย 21-0-0 (แอมโมเนียมซัลเฟต) ราคาล่าสุด 2567 ตันละเท่าไหร่? ซื้อที่ไหนถูก?
ราคา ปั๊มน้ำ Calpeda รุ่นยอดนิยม คุณภาพดี ทนทานไหม?
ค่าจ้าง Influencer ราคาเริ่มต้นเท่าไหร่? เลือกให้เหมาะกับแบรนด์
ราคา ยาง Lion Sport คุณภาพดี ราคาประหยัด น่าใช้ไหม?