ค่าจ้าง Influencer ราคาเริ่มต้นเท่าไหร่? เลือกให้เหมาะกับแบรนด์

เรียนผู้ใช้, ขอบคุณสำหรับคำขอค่ะ อย่างไรก็ตาม มีความขัดแย้งกันระหว่างหัวข้อบทความที่คุณต้องการ ("ค่าจ้าง Influencer ราคาเริ่มต้นเท่าไหร่? เลือกให้เหมาะกับแบรนด์") กับโครงสร้างและตัวอย่างบทความที่คุณให้มาค่ะ โครงสร้างและตัวอย่างที่คุณให้มานั้น (เกี่ยวกับการรีวิวกล้อง Olympus PEN Lite E-PL6) ถูกออกแบบมาเฉพาะสำหรับการเขียนบทความเกี่ยวกับ **สินค้าที่เป็นวัตถุ** เช่น กล้อง ซึ่งมีรายละเอียดเกี่ยวกับ: * การแนะนำสินค้า (ฟังก์ชัน, กลุ่มผู้ใช้, ประวัติแบรนด์) * ช่วงราคาสินค้าในร้านค้าต่างๆ (Lazada, Shopee, Central, JIB, Banana IT, Power Buy) * การเปรียบเทียบราคากับสินค้าประเภทเดียวกัน * อุปกรณ์เสริม การรับประกัน ของแถม * โปรโมชั่นตามเทศกาล (12.12, สงกรานต์) * รีวิวผู้ใช้เกี่ยวกับตัวสินค้า (ความทนทาน ขนาด) * ช่องทางการซื้อ (ออนไลน์, ร้านค้าปลีก) รายละเอียดเหล่านี้ **ไม่สามารถนำมาใช้โดยตรง** กับหัวข้อ "ค่าจ้าง Influencer" ได้ เนื่องจาก Influencer เป็นบริการทางการตลาด ไม่ใช่สินค้าที่วางขายในร้านค้าไอทีอย่าง JIB หรือมีรุ่น Standard/Pro มีเลนส์ มีแบตเตอรี่ หรือมีโปรโมชั่นลดราคาช่วง 12.12 แบบเดียวกับสินค้าทั่วไปค่ะ หากต้องการให้สร้างบทความเกี่ยวกับ "ค่าจ้าง Influencer" โดยยังคงใช้ภาษาไทยที่เข้าใจง่าย สนุกสนาน และตรงไปตรงมา ตามสไตล์ที่คุณต้องการ รวมถึงอยู่ในรูปแบบ HTML (ใช้ `

`, `

`, ``) และหลีกเลี่ยงการอ้างอิงข้อมูล/แหล่งที่มาต่างๆ **สามารถทำได้ค่ะ** แต่จำเป็นต้องปรับเปลี่ยนหัวข้อย่อยและเนื้อหาในแต่ละส่วนให้เหมาะสมกับหัวข้อเรื่อง Influencer แทนที่จะใช้โครงสร้างแบบบทความรีวิวสินค้าค่ะ ตัวอย่างการปรับหัวข้อให้เข้ากับเรื่อง Influencer: 1. Influencer คืออะไร? ทำไมแบรนด์ต้องสนใจ? 2. ค่าจ้าง Influencer คิดจากอะไรบ้าง? (ปัจจัยที่ส่งผลต่อราคา) 3. ช่วงราคาค่าจ้าง Influencer ในไทย (แบ่งตามระดับ เช่น Nano, Micro, Macro, Mega) 4. สิ่งที่แบรนด์จะได้จากค่าจ้างนั้นๆ (รูปแบบคอนเทนต์, ระยะเวลา, สิทธิ์ในการนำไปใช้) 5. เปรียบเทียบกับการตลาดแบบอื่นๆ (สั้นๆ) 6. วิธีการเลือก Influencer ให้เหมาะกับงบประมาณและเป้าหมายของแบรนด์ 7. รีวิวและฟีดแบ็ก (อาจปรับเป็นการดูผลงานที่ผ่านมา หรือเคสตัวอย่างที่ประสบความสำเร็จในไทย) 8. สรุป: จ้าง Influencer คุ้มค่าไหม? ใครควรจ้างระดับไหน? โปรดแจ้งให้ทราบว่าต้องการให้ดำเนินการอย่างไรต่อไปค่ะ * เขียนบทความเกี่ยวกับ **ค่าจ้าง Influencer** โดยปรับโครงสร้างหัวข้อให้เข้ากับเนื้อหา (แต่ยังคงใช้ภาษาและรูปแบบ HTML ตามที่คุณกำหนด) * หรือเขียนบทความเกี่ยวกับ **กล้อง Olympus PEN Lite E-PL6** โดยใช้โครงสร้างและเนื้อหาตามตัวอย่างที่คุณให้มา

**แน่นอนค่ะ เข้าใจเลยค่ะว่าต้องการเขียนบทความในสไตล์สนุกสนาน เข้าใจง่าย และอิงกับบริบทไทย โดยใช้โครงสร้างและรูปแบบ HTML ที่กำหนด แต่ปรับเนื้อหาให้เข้ากับเรื่องค่าจ้าง Influencer แทน งั้นเรามาลุยกันเลยค่ะ!

สวัสดีจ้าทุกคนนน! วันนี้เราจะมาเม้าท์มอยเรื่องร้อนๆ ในวงการการตลาดออนไลน์ นั่นก็คือเรื่องของ "ค่าจ้าง Influencer" นั่นเอง! ใครที่กำลังเป็นเจ้าของแบรนด์ มีสินค้าหรือบริการเด็ดๆ แต่อยากหากระบอกเสียงปังๆ มาช่วยดันยอดขาย หรือสร้างภาพลักษณ์ให้แบรนด์ดูน่าเชื่อถือ มามุงทางนี้เลยจ้า เพราะเราจะมาเจาะลึกเรื่องเรทค่าตัวอินฟลูฯ ในไทย ว่าเริ่มต้นเท่าไหร่ ต้องเลือกแบบไหนให้เหมาะกับงบและเป้าหมายของเรา เตรียมตัวให้พร้อม แล้วไปลุยกันเลย!

1. Influencer นี่มันคือใคร? ทำไมแบรนด์ต้องตามจีบ?

เอาล่ะ เริ่มต้นกันที่ว่าเจ้า "Influencer" นี่มันคือใคร? พูดง่ายๆ ก็คือ ผู้ทรงอิทธิพลบนโลกออนไลน์ นั่นแหละจ้า! คนเหล่านี้เค้าจะมีผู้ติดตามเยอะแยะมากมายบนแพลตฟอร์มโซเชียลต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น Facebook, Instagram, TikTok, YouTube หรือแม้แต่ Twitter และสิ่งที่ทำให้พวกเค้าสำคัญก็คือ ผู้ติดตามเหล่านี้มักจะเชื่อและคล้อยตาม สิ่งที่อินฟลูฯ พูดหรือแนะนำมากๆ เหมือนเพื่อนสนิทมาป้ายยาอะไรแบบนั้นเลย!

แล้วทำไมแบรนด์ต้องตามจีบล่ะ? ก็เพราะในยุคนี้ที่ใครๆ ก็ไถฟีดอยู่ตลอดเวลา การใช้อินฟลูฯ มาช่วยพูดถึงสินค้าหรือบริการของเรา มันเหมือนกับการเอาสินค้าไปวางไว้ตรงหน้าคนที่เค้าสนใจในเรื่องนั้นๆ โดยตรง แถมยังช่วยเพิ่มความน่าเชื่อถือให้แบรนด์ดูเป็นมิตร เข้าถึงง่าย ไม่เหมือนโฆษณาแข็งๆ ทื่อๆ ที่ยิงตรงอย่างเดียว ยิ่งอินฟลูฯ คนไหนมีกลุ่มผู้ติดตามที่ตรงกับกลุ่มเป้าหมายของแบรนด์เราด้วยนะ โอ้โห บอกเลยว่าปังไม่ไหว!

2. ค่าจ้าง Influencer คิดจากอะไรบ้าง? (ไม่ได้มีแค่ยอด Follow นะจ๊ะ!)

มาถึงเรื่องสำคัญที่ทุกคนอยากรู้ นั่นก็คือ "ราคา" หรือ "ค่าจ้าง" นั่นเอง! ต้องบอกก่อนว่าค่าจ้างอินฟลูฯ เนี่ยมันไม่ได้มีราคากลางที่ตายตัวเป๊ะๆ นะจ๊ะ มันขึ้นอยู่กับหลายปัจจัยมากๆ เลย หลักๆ เลยก็จะมี:

• จำนวนผู้ติดตาม (Followers): อันนี้เป็นปัจจัยเบสิกที่สุด ยิ่งผู้ติดตามเยอะ ค่าตัวก็ยิ่งสูงเป็นเงาตามตัว เค้าจะแบ่งเป็นระดับๆ ไป ตั้งแต่ Nano ไปจนถึง Mega Influencer (เดี๋ยวจะบอกเรทราคาให้ดูนะใจเย็นๆ)
• อัตราการมีส่วนร่วม (Engagement Rate): อันนี้สำคัญไม่แพ้ยอดผู้ติดตามเลยนะจ๊ะ ต่อให้ผู้ติดตามเยอะเป็นล้าน แต่ถ้ากดไลก์ คอมเมนต์ แชร์กันน้อยมากๆ ก็อาจจะไม่ได้ผลเท่าที่ควร แบรนด์ฉลาดๆ จะดูที่ Engagement นี่แหละว่าผู้ติดตามเค้ามีปฏิสัมพันธ์กับอินฟลูฯ มากน้อยแค่ไหน ยิ่ง Engagement สูง ค่าตัวก็มีแนวโน้มจะสูงขึ้นไปด้วย
• แพลตฟอร์มโซเชียลมีเดีย: ค่าจ้างบนแต่ละแพลตฟอร์มก็ไม่เท่ากันนะจ๊ะ อย่าง TikTok หรือ YouTube อาจจะมีเรทราคาที่แตกต่างจาก Instagram หรือ Facebook เพราะลักษณะคอนเทนต์และการเข้าถึงมันต่างกัน
• รูปแบบและขอบเขตของงาน (Scope of Work): อันนี้ก็มีผลมากๆ จะให้โพสต์รูปอย่างเดียว? ทำวิดีโอรีวิว? ไลฟ์สด? เขียนแคปชันยาวแค่ไหน? ต้องถ่ายทำที่ไหน? มีความยากง่ายในการผลิตคอนเทนต์แค่ไหน? พวกนี้คิดเป็นค่าใช้จ่ายหมดนะจ๊ะ
• ประเภทสินค้าหรือธุรกิจ (Niche/Industry): อินฟลูเอนเซอร์บางกลุ่มที่มีความเชี่ยวชาญเฉพาะด้าน หรืออยู่ในวงการที่มีการแข่งขันสูง ค่าตัวก็อาจจะแพงกว่าปกติ เช่น อินฟลูฯ สายบิวตี้ ไอที การเงิน หรือสายท่องเที่ยว
• ชื่อเสียงและความนิยม: อินฟลูฯ บางคนอาจจะไม่ได้มีผู้ติดตามเยอะที่สุดในโลก แต่มีภาพลักษณ์ที่ดี มีความน่าเชื่อถือ หรือกำลังเป็นกระแสมากๆ ในช่วงนั้นๆ ค่าตัวก็อาจจะพุ่งสูงขึ้นตามไปด้วย
• ค่าลิขสิทธิ์ในการนำเนื้อหาไปใช้: ถ้าแบรนด์อยากจะเอาคอนเทนต์ที่อินฟลูฯ ทำไปใช้ต่อในช่องทางของตัวเองนานๆ อันนี้ก็ต้องมีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมนะจ๊ะ

3. เปิดโพยเรทราคา Influencer ในไทย (ฉบับประมาณการณ์)

เอาล่ะ มาถึงช่วงที่หลายคนรอคอย! "แล้วมันเท่าไหร่ล่ะ?" ต้องย้ำอีกครั้งว่าตัวเลขเหล่านี้เป็นเพียง **ค่าประมาณการ** จากแหล่งข้อมูลต่างๆ ในไทยนะจ๊ะ **ราคาจริงอาจแตกต่างไปตามปัจจัยที่เราคุยกันไปข้างบน** แต่มีไว้เป็นไกด์ไลน์ในการตั้งงบประมาณได้แน่นอนจ้า เค้าจะแบ่งอินฟลูฯ ตามจำนวนผู้ติดตามได้ประมาณนี้:

• Nano Influencer: ผู้ติดตามประมาณ 1,000 - 10,000 คน
  เรทราคาเริ่มต้นเบาๆ เลยจ้า อยู่ที่ประมาณ หลักร้อยถึงหลักพันบาทต่อโพสต์ (บางแหล่งเริ่มที่หลักสิบ!) ไปจนถึงประมาณ 3,700 - 15,000 บาท ขึ้นอยู่กับแพลตฟอร์ม เช่น บน TikTok อาจจะเริ่มที่ 190-930 บาท หรือ Instagram/Facebook เริ่มที่ 1,000-5,000 บาท กลุ่มนี้เหมาะกับแบรนด์ที่มีงบจำกัด อยากเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายเฉพาะกลุ่มมากๆ
• Micro Influencer: ผู้ติดตามประมาณ 10,001 - 100,000 คน
  เรทราคาจะขยับขึ้นมาหน่อย อยู่ที่ประมาณ หลักพันถึงหลักหมื่นบาทต่อโพสต์ อาจจะเริ่มตั้งแต่ 740 บาท ไปจนถึง 37,000 - 185,000 บาท หรือมากกว่านั้น กลุ่มนี้มักจะมี Engagement Rate สูง และมีความน่าเชื่อถือในกลุ่มผู้ติดตามของตัวเอง เหมาะกับการสร้างยอดขายและเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายที่มีแนวโน้มเป็นลูกค้าสูง
• Mid-Tier Influencer: ผู้ติดตามประมาณ 100,001 - 500,000 คน
  กลุ่มนี้ค่าตัวเริ่มแตะ หลักหมื่นไปจนถึงหลักแสนบาทต่อโพสต์ ประมาณ 10,000 - 100,000 บาท หรือบางทีอาจถึง 150,000 - 157,300 บาท มักเป็นผู้เชี่ยวชาญเฉพาะด้าน หรือมีผู้ติดตามเฉพาะกลุ่มที่ใหญ่ขึ้น
• Macro Influencer: ผู้ติดตามประมาณ 500,000 - 1,000,000 คน
  กลุ่มนี้ค่าตัวสูงขึ้นไปอีก อยู่ที่ประมาณ หลักหมื่นปลายๆ ไปจนถึงหลักแสนบาทต่อโพสต์ เริ่มตั้งแต่ประมาณ 37,000 บาท ไปจนถึง 200,000 - 300,000 บาท หรือบางแพลตฟอร์มอาจถึง 740,000 บาทเลยก็มี อินฟลูฯ กลุ่มนี้มักจะเป็นที่รู้จักในวงกว้าง สามารถช่วยสร้าง Brand Awareness ได้ดี
• Mega Influencer: ผู้ติดตาม 1,000,000 คนขึ้นไป
  นี่คือตัวท็อป ตัวตึง! ค่าตัวพุ่งแรง อยู่ที่ประมาณ หลักแสนบาทขึ้นไปต่อโพสต์ บางแหล่งเริ่มที่ 74,000 บาท แต่ส่วนใหญ่อยู่ที่ตั้งแต่ 80,000 บาท ไปจนถึง 300,000 บาท หรือทะลุหลักล้านก็มีนะจ๊ะ! กลุ่มนี้คือดารา เซเลบ คนดังระดับประเทศ เหมาะกับการสร้าง Mass Awareness หรือแคมเปญใหญ่ๆ

สรุปเรทราคาคร่าวๆ (อาจแตกต่างกันไปในแต่ละแหล่งข้อมูลและปัจจัยอื่นๆ)

• Nano (1K-10K Followers): ฿ หลักร้อย - หลักพัน (สูงสุดประมาณ 15,000)
• Micro (10K-100K Followers): ฿ หลักพัน - หลักหมื่น (สูงสุดประมาณ 185,000)
• Mid-Tier (100K-500K Followers): ฿ หลักหมื่น - หลักแสน (สูงสุดประมาณ 157,300)
• Macro (500K-1M Followers): ฿ หลักหมื่นปลาย - หลักแสน (สูงสุดประมาณ 740,000)
• Mega (1M+ Followers): ฿ หลักแสน - หลักล้าน

4. เปรียบเทียบการจ้าง Influencer กับการตลาดแบบอื่น (คุ้มไม่คุ้ม?)

ถ้าให้เทียบกับการยิงแอดโฆษณาตรงๆ อินฟลูเอนเซอร์มาร์เก็ตติ้งมีข้อดีตรงที่มันดูเป็นธรรมชาติและเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายได้เนียนกว่า คนมักจะเชื่อสิ่งที่เพื่อนหรือคนที่เค้าชื่นชอบแนะนำมากกว่าโฆษณาที่ยิงมาตรงๆ บางทีงบเท่ากัน การใช้อินฟลูฯ ที่มีผู้ติดตามตรงกลุ่มเป้าหมาย อาจจะสร้างยอดขายหรือสร้างการรับรู้ได้ดีกว่าก็ได้นะจ๊ะ โดยเฉพาะกับแบรนด์เล็กๆ ที่งบไม่เยอะ การเริ่มจาก Nano หรือ Micro Influencer ถือว่าเป็นการลงทุนที่น่าสนใจและจับต้องได้มากๆ อย่างไรก็ตาม การทำการตลาดทุกรูปแบบก็ต้องมีการวางแผนและวัดผลที่ชัดเจนเหมือนกันนะจ๊ะ ไม่ใช่ว่าจ้างอินฟลูฯ แล้วจะปังเสมอไป ต้องเลือกให้ดีและวางแผนให้รอบคอบจ้า

5. จ้างแล้วได้อะไรบ้าง? ต้องดูอะไรเป็นพิเศษ?

เวลาตกลงจ้างอินฟลูเอนเซอร์ สิ่งที่แบรนด์จะได้กลับมาหลักๆ ก็คือ คอนเทนต์รีวิวสินค้าหรือบริการของเรา ในรูปแบบต่างๆ ตามที่ตกลงกัน ไม่ว่าจะเป็นโพสต์รูป, วิดีโอสั้น/ยาว, ไลฟ์สด, หรือการเขียนบล็อก สิ่งสำคัญที่ต้องคุยและตกลงให้ชัดเจนก่อนจ่ายเงินก็คือ:

• จำนวนชิ้นงาน: จะให้โพสต์กี่ครั้ง? ลงในแพลตฟอร์มไหนบ้าง?
• รูปแบบคอนเทนต์: รูปแบบวิดีโอเป็นแบบไหน? ความยาวเท่าไหร่? ต้องพูดถึงอะไรบ้าง?
• ระยะเวลาเผยแพร่: คอนเทนต์จะอยู่บนช่องของอินฟลูฯ นานแค่ไหน?
• สิทธิ์ในการนำคอนเทนต์ไปใช้ต่อ: แบรนด์สามารถนำรูปภาพหรือวิดีโอไปใช้ในช่องทางอื่นๆ ของตัวเองได้ไหม? นานแค่ไหน? ต้องมีค่าลิขสิทธิ์เพิ่มเติมไหม?
• การวัดผลและรายงาน: อินฟลูฯ จะมีรายงานผลลัพธ์ (เช่น ยอดวิว, ยอดไลก์, คอมเมนต์, ยอดคลิก, ยอดขายผ่าน Affiliate Link ถ้ามี) ให้แบรนด์ดูไหม?
• การรับประกัน/แก้ไขงาน: ถ้าคอนเทนต์ที่ออกมาไม่ตรงบรีฟ หรือมีปัญหา จะมีการแก้ไขให้ไหม?

ส่วนเรื่อง ค่าขนส่งสินค้า ที่จะส่งไปให้อินฟลูฯ รีวิว อันนี้ส่วนใหญ่แบรนด์จะเป็นคนรับผิดชอบนะจ๊ะ แต่ก็ขึ้นอยู่กับการตกลง อาจจะมีบางเคสที่อินฟลูฯ ออกเองก็ได้ ส่วน ของแถม หรือ โปรโมชั่นพิเศษ สำหรับผู้ติดตามของอินฟลูฯ อันนี้ก็เป็นอีกหนึ่งลูกเล่นที่แบรนด์นิยมใช้เพื่อกระตุ้นยอดขายด้วยนะจ๊ะ

6. ช่วงไหนน่าจ้าง Influencer เป็นพิเศษ? (อิงจากเทศกาลไทยๆ)

การทำการตลาดผ่านอินฟลูเอนเซอร์ก็มีช่วงเวลาทองเหมือนกันนะจ๊ะ! นอกจากช่วงโปรโมชั่นใหญ่ๆ ของแพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซอย่าง Double Digit Sale (11.11, 12.12) ที่นักช้อปคึกคักมากๆ ช่วง เทศกาลสำคัญของไทย ก็น่าสนใจไม่แพ้กันจ้า!

• ปีใหม่ไทย (สงกรานต์): เป็นช่วงที่คนเดินทาง ท่องเที่ยว กลับบ้าน ซื้อของฝาก อินฟลูฯ สายท่องเที่ยว ไลฟ์สไตล์ บิวตี้ อาจจะเหมาะเป็นพิเศษในช่วงนี้
• วันหยุดยาวอื่นๆ: ไม่ว่าจะเป็นปีใหม่ คริสต์มาส หรือวันหยุดยาวตามประเพณีต่างๆ เป็นช่วงที่คนมีเวลาเล่นโซเชียลมากขึ้น
• ช่วงเปิดเทอม/ปิดเทอม: ถ้าสินค้าหรือบริการเกี่ยวข้องกับนักเรียน นักศึกษา ก็เป็นช่วงที่น่าสนใจ
• เทศกาลกินเจ/เทศกาลอาหารต่างๆ: ถ้าเป็นสินค้าเกี่ยวกับอาหาร เครื่องดื่ม หรือสุขภาพ อินฟลูฯ สายกิน หรือสายสุขภาพ อาจจะปังในช่วงนี้

นอกจากเทศกาลแล้ว การจ้างอินฟลูฯ ช่วงที่แบรนด์มี การออกสินค้าใหม่ หรือมี โปรโมชั่นใหญ่ ก็เป็นเรื่องปกติและมีประสิทธิภาพมากๆ จ้า!

7. รีวิวและฟีดแบ็กจากแบรนด์ที่เคยจ้าง (แอบส่องเค้ามา)

จากเสียงตอบรับของแบรนด์ที่เคยจ้างอินฟลูเอนเซอร์ในไทย ส่วนใหญ่บอกเป็นเสียงเดียวกันว่ามันเป็นกลยุทธ์ที่ ได้ผลจริง นะจ๊ะ! โดยเฉพาะถ้าเลือกอินฟลูฯ ที่ตรงกลุ่มเป้าหมาย จะช่วยให้เข้าถึงลูกค้าได้แบบพุ่งเป้า และสร้างยอดขายได้ดีเลย ข้อดีที่แบรนด์มักจะพูดถึงคือ:

• เข้าถึงกลุ่มเป้าหมายได้ตรงจุด: อินฟลูฯ แต่ละคนจะมีฐานผู้ติดตามที่มีความสนใจเฉพาะด้าน ทำให้แบรนด์เลือกคนที่ใช่ได้ง่าย
• สร้างความน่าเชื่อถือ: ผู้ติดตามมักจะเชื่อคำแนะนำจากอินฟลูฯ ที่เค้าติดตามมากกว่าโฆษณา
• คอนเทนต์ดูเป็นธรรมชาติ: รีวิวจากอินฟลูฯ มักจะไม่แข็งทื่อเหมือนโฆษณา ทำให้คนรู้สึกเข้าถึงง่ายกว่า
• ROI ค่อนข้างดี (ถ้าเลือกถูกคน): การลงทุนกับการตลาดอินฟลูฯ มักจะให้ผลตอบแทนที่คุ้มค่า เมื่อเทียบกับงบประมาณที่ลงไป

แต่ก็มีข้อควรระวังนะจ๊ะ! แบรนด์บางรายอาจจะเจออินฟลูฯ ที่ผู้ติดตามไม่ตรงปก หรือ Engagement ไม่ดีเท่าที่คาดหวัง หรือคอนเทนต์ที่ออกมาไม่เป็นไปตามบรีฟ ดังนั้นการเลือกอินฟลูฯ จึงเป็นขั้นตอนที่สำคัญมากๆ จ้า

8. ช่องทางการหาและจ้าง Influencer ที่แนะนำ

แล้วถ้าอยากจ้างอินฟลูฯ จะไปหาได้จากที่ไหนบ้างล่ะ? มีหลายช่องทางเลยจ้า:

• ติดต่อโดยตรง: ถ้าเล็งอินฟลูฯ คนไหนไว้แล้ว ลองติดต่อไปทางช่องทางติดต่อของเค้าโดยตรง ส่วนใหญ่จะมีอีเมลติดต่องาน หรือ Direct Message ในโซเชียลมีเดีย
• ผ่าน Agency/Platform Influencer Marketing: มีบริษัทหรือแพลตฟอร์มที่เป็นตัวกลางในการเชื่อมต่อแบรนด์กับอินฟลูเอนเซอร์มากมาย ข้อดีคือเค้าจะมีฐานข้อมูลอินฟลูฯ ให้เลือกเยอะ มีการคัดกรองระดับหนึ่ง และช่วยดูแลเรื่องการดีลงาน สัญญา และการวัดผลให้ครบวงจร เหมาะกับแบรนด์ที่อยากได้ความสะดวกและมืออาชีพ
• ค้นหาบน Social Media เอง: แบรนด์สามารถใช้แฮชแท็กที่เกี่ยวข้องกับสินค้าหรืออุตสาหกรรม เพื่อค้นหาอินฟลูเอนเซอร์ที่ทำคอนเทนต์เกี่ยวกับเรื่องนั้นๆ ได้เอง

ช่องทาง "ร้านค้าปลีก" หรือ "แพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซ" อย่าง Lazada หรือ Shopee เนี่ย ไม่ได้เป็นช่องทาง "จ้าง" อินฟลูเอนเซอร์โดยตรงนะจ๊ะ แต่แบรนด์อาจจะไป "ดูรีวิว" สินค้าของตัวเองบนแพลตฟอร์มเหล่านั้น เพื่อหา Micro หรือ Nano Influencer ที่เคยใช้สินค้าจริงๆ แล้วมารีวิว แล้วค่อยติดต่อไปจ้างงานเพิ่มเติมก็ได้จ้า

9. สรุป: จ้าง Influencer คุ้มค่าไหม? เหมาะกับใคร?

มาถึงบทสรุปกันแล้ว! ถามว่า การจ้าง Influencer ยังคุ้มค่าอยู่ไหม? คำตอบคือ คุ้มค่ามากๆ เลยจ้า ถ้าแบรนด์ของคุณ:

• อยากเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายแบบเนียนๆ: ไม่ใช้วิธีโฆษณาตรงๆ อย่างเดียว
• ต้องการสร้างความน่าเชื่อถือให้กับแบรนด์: ให้คนที่มีอิทธิพลช่วยการันตีสินค้า/บริการ
• มีงบประมาณที่หลากหลาย: ตั้งแต่หลักร้อยไปจนถึงหลักล้าน เลือกได้ตามกำลัง
• ต้องการผลลัพธ์ที่จับต้องได้: ทั้งการรับรู้แบรนด์ และการกระตุ้นยอดขาย

แล้วควรจ้าง Influencer ระดับไหนล่ะ? อันนี้ขึ้นอยู่กับ **งบประมาณ** และ **เป้าหมายของแคมเปญ** เลยจ้า:

• ถ้าเน้น **สร้างการรับรู้ในวงกว้าง** หรือแคมเปญใหญ่ๆ ต้องการความปังแบบจุดพลุ อาจจะต้องมองหา Macro หรือ Mega Influencer
• ถ้าเน้น **เจาะกลุ่มเป้าหมายเฉพาะกลุ่ม** ต้องการ Engagement สูงๆ และหวังผลเรื่องยอดขายโดยตรง Micro หรือ Mid-Tier Influencer อาจจะตอบโจทย์กว่าและใช้งบประมาณน้อยกว่า
• ถ้ามี **งบจำกัดมากๆ** แต่อยากเริ่มต้น หรือต้องการเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายที่เฉพาะเจาะจงสุดๆ Nano Influencer คือทางเลือกที่ดีมากๆ และราคาเป็นมิตรสุดๆ จ้า

สิ่งสำคัญคือต้อง **ทำความเข้าใจประเภทของ Influencer** **ศึกษาผลงานที่ผ่านมา** และ **ดู Engagement Rate** ของพวกเค้าประกอบกับยอดผู้ติดตามด้วยนะจ๊ะ ไม่ใช่แค่ดูที่ตัวเลข Follower อย่างเดียว แล้วก็อย่าลืม **ตกลงรายละเอียดงานและค่าตอบแทนให้ชัดเจน** ก่อนเริ่มงานด้วยล่ะ!

หวังว่าบทความนี้จะเป็นประโยชน์กับเจ้าของแบรนด์ทุกท่าน ที่กำลังตัดสินใจว่าจ้าง Influencer คนไหนดีนะจ๊ะ ขอให้เจอคนที่ใช่ งบถึง และปังไปด้วยกันจ้า! บ๊ายบายยย!

**

วิดีโอที่เกี่ยวข้อง

• วิธีตั้งเรทราคาค่าโฆษณาสำหรับอินฟลูฯ: คิดเงินยังไงให้ไม่ถูกกดราคา?
• เรทค่าตัวอินฟลูเอนเซอร์: แนะนำการตั้งงบประมาณที่มีประสิทธิภาพ
• เรทอินฟลูเอนเซอร์ TikTok: ราคาเท่าไหร่? คุยให้เคลียร์
• แนวทางการจ้าง Influencer ในการตลาด
• พอกันทีกับการจ้าง Influencers!