logo

TP-Link WiFi Extender ราคา ตัวขยายสัญญาณไวไฟ คุ้มค่าน่าซื้อ?

user avatar
ภูมิ พงศ์ธนาธิป·07/09/2025T11:12Z
点赞
TP-Link WiFi Extender ราคา ตัวขยายสัญญาณไวไฟ คุ้มค่าน่าซื้อ?

สวัสดีจ้าาา! วันนี้เราจะมาเมาท์มอยเรื่องอุปกรณ์ตัวนึงที่เห็นคนบ่นถึงกันบ่อยๆ นั่นก็คือ TP-Link WiFi Extender หรือที่เรียกบ้านๆ ว่า "ตัวขยายสัญญาณไวไฟ" นั่นเอง! ใครที่เคยหงุดหงิดกับปัญหาเน็ตอืด เน็ตหลุด เน็ตไม่ถึงตามมุมต่างๆ ของบ้าน ยกมือขึ้น! ปัญหานี้เป็นกันเยอะเนอะ วันนี้เราจะมาดูกันว่าเจ้าตัวนี้มันช่วยได้จริงมั้ย แล้วราคาในไทยเป็นยังไง คุ้มค่าน่าโดนหรือเปล่า มาแกะกล่อง เอ้ย! มาเจาะลึกไปพร้อมๆ กันเลยจ้า!

1. ผลิตภัณฑ์นี้มันคืออะไรกันนะ?

เอาล่ะ มาทำความรู้จักเจ้า TP-Link WiFi Extender กันก่อนเลย มันก็คืออุปกรณ์ที่ทำหน้าที่เป็นเหมือนสะพานเชื่อมสัญญาณไวไฟจากเราเตอร์หลักของเรา ไปยังบริเวณที่สัญญาณอ่อนหรือไม่ถึงนั่นเอง ทำให้สัญญาณไวไฟครอบคลุมพื้นที่ในบ้านได้กว้างขึ้น จะเดินไปเข้าห้องน้ำหลังบ้าน จะนอนดูซีรีส์มุมโปรดในสวน ก็ยังเล่นเน็ตได้ลื่นๆ ไม่มีสะดุด

กลุ่มผู้ใช้ที่เหมาะกับเจ้าตัวนี้ก็คือคนที่เจอปัญหา "จุดอับสัญญาณ" ในบ้าน หรือบ้านหลังใหญ่ มีหลายชั้น มีผนังกั้นเยอะๆ หรืออยากให้สัญญาณไวไฟไปถึงนอกบ้านหน่อยๆ พวกคาเฟ่ ร้านอาหารเล็กๆ ที่อยากให้ลูกค้าเล่นไวไฟได้ทั่วถึงก็ใช้ได้นะ

ส่วนแบรนด์ TP-Link เนี่ย เป็นแบรนด์อุปกรณ์เน็ตเวิร์คจากประเทศจีนที่โด่งดังมากๆ ทั่วโลกเลยนะ เค้าทำอุปกรณ์เกี่ยวกับเครือข่ายมานาน มีสินค้าให้เลือกหลากหลาย ตั้งแต่เราเตอร์ ตัวขยายสัญญาณ ไปจนถึงกล้องวงจรปิด เค้าขึ้นชื่อเรื่องคุณภาพดี ฟังก์ชันเยอะ ในราคาที่เข้าถึงง่ายในตลาดโลก และก็เป็นที่นิยมมากๆ ในตลาดไทยด้วยเช่นกันจ้า


2. ราคาในตลาดไทยเป็นยังไงบ้าง?

มาถึงเรื่องราคาที่ทุกคนตั้งตารอ! ราคาของ TP-Link WiFi Extender ในตลาดไทยเนี่ยมีหลากหลายมากๆ เลยนะ ขึ้นอยู่กับรุ่น ความเร็ว และฟังก์ชันต่างๆ เริ่มต้นตั้งแต่หลักร้อยไปจนถึงหลักพันกลางๆ เลยจ้า

รุ่นยอดฮิตที่ราคาเป็นมิตรกับกระเป๋าสตางค์ อย่างรุ่น TL-WA850RE (N300) ความเร็ว 300Mbps เนี่ย ราคาจะอยู่ประมาณ ฿400 - ฿600 บาท ส่วนรุ่นที่ขยับขึ้นมาหน่อย รองรับ Dual Band (2.4GHz และ 5GHz) อย่าง RE200 (AC750) ก็จะอยู่ที่ประมาณ ฿600 - ฿800 บาท รุ่นยอดนิยมอีกตัวคือ RE305 (AC1200) ราคาก็จะประมาณ ฿900 - ฿1,200 บาท และรุ่นที่สเปกสูงขึ้น รองรับ Wi-Fi 6 อย่าง RE505X (AX1500) ก็จะอยู่ที่ประมาณ ฿1,300 - ฿1,500 บาท

เราสามารถหาซื้อได้ตามแพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซหลักๆ เลย ทั้ง Lazada และ Shopee มีร้าน Official Store ของ TP-Link เอง และก็มีร้านตัวแทนจำหน่ายหรือร้านไอทีต่างๆ มาขายเพียบเลย นอกจากนี้ ร้านค้าปลีกสินค้าไอทีชื่อดังอย่าง JIB, Banana IT, และ Power Buy ก็มีวางขายเช่นกันนะ บางทีราคาก็ใกล้เคียงกัน แต่ก็แนะนำให้เช็คโปรโมชั่นของแต่ละที่ก่อนตัดสินใจซื้อนะจ๊ะ ส่วนเรื่องอัตราแลกเปลี่ยนกับราคาต่างประเทศ ส่วนใหญ่ราคาในไทยก็จะมีการบวกภาษี ค่าขนส่ง เข้ามาเป็นเรื่องปกติ ทำให้ราคาอาจจะสูงกว่าที่เห็นในเว็บนอกนิดหน่อยจ้า


3. เปรียบเทียบราคากับสินค้าประเภทเดียวกัน

ถ้าลองเอา TP-Link WiFi Extender ไปเทียบกับตัวขยายสัญญาณไวไฟของแบรนด์อื่นในตลาดไทย อย่าง Mercusys หรือ Xiaomi จะเห็นว่า TP-Link เค้ามีตัวเลือกเยอะมากๆ ตั้งแต่รุ่นเล็กไปจนถึงรุ่นใหญ่ รุ่นเริ่มต้นราคาประหยัดของ TP-Link ก็มีให้เลือกหลายรุ่นเลยนะ ส่วนแบรนด์อื่นๆ บางทีรุ่นเริ่มต้นอาจจะมีราคาถูกกว่า TP-Link เล็กน้อย แต่เมื่อเทียบกับสเปก ความเสถียร และฟังก์ชันเสริมต่างๆ แล้ว TP-Link ก็ยังถือว่าให้ความคุ้มค่าที่น่าสนใจมากๆ เลยนะ

ยกตัวอย่าง TP-Link RE205 (AC750) ราคาประมาณ ฿800 ต้นๆ ขณะที่บางแบรนด์ในสเปกใกล้เคียงกันก็อาจจะมีราคาพอๆ กัน หรือถูกกว่า/แพงกว่าเล็กน้อย แต่ TP-Link เค้ามีรุ่นที่รองรับเทคโนโลยีใหม่ๆ อย่าง Wi-Fi 6 (AX) ในราคาที่เข้าถึงง่ายกว่าบางแบรนด์ด้วยนะ ทำให้เราได้เทคโนโลยีล่าสุดในงบที่ไม่แรงจนเกินไปจ้า!


4. อุปกรณ์เสริมและบริการที่รวมมา

เวลาซื้อ TP-Link WiFi Extender ส่วนใหญ่ในกล่องก็จะมีตัวเครื่อง และคู่มือการติดตั้งฉบับย่อมาให้ ซึ่งก็เพียงพอต่อการใช้งานแล้วจ้า

เรื่อง ค่าจัดส่ง เนี่ย ถ้าซื้อออนไลน์กับร้านค้าใหญ่ๆ หรือ Official Store ส่วนมากจะมีโปรโมชั่น ส่งฟรี เมื่อซื้อครบตามเงื่อนไขนะ อันนี้ก็ช่วยประหยัดไปได้เยอะเลย

สิ่งที่คนไทยให้ความสำคัญมากๆ เลยก็คือ การรับประกัน! TP-Link เค้าก็ใจป้ำสุดๆ เพราะอุปกรณ์เน็ตเวิร์คหลายรุ่น รวมถึงตัวขยายสัญญาณไวไฟเนี่ย เค้ามีการรับประกันแบบ Limited Lifetime Warranty ด้วยนะ นั่นหมายความว่า ตราบใดที่สินค้ายังมีการผลิตและจำหน่ายอยู่ ถ้ามีปัญหาจากการใช้งานปกติก็ส่งเคลมได้เลยจ้า! อันนี้อุ่นใจมากๆ เพราะอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์บางทีก็มีปัญหาจุกจิกได้ การรับประกันยาวๆ แบบนี้คือดีงามพระรามแปดไปเลย!

ส่วน ของแถม คูปอง หรือโปรโมชั่น เนี่ย ขึ้นอยู่กับแต่ละร้านและแต่ละช่วงเลยนะ บางทีซื้อในช่วงจัดโปรฯ อาจจะได้คูปองส่วนลดเพิ่ม หรือมีของแถมเล็กๆ น้อยๆ อย่างสาย LAN มาให้ด้วย ก็ต้องลองส่องๆ ดูดีๆ จ้า


5. โปรโมชั่นและคำแนะนำการซื้อ

ถ้าอยากได้ TP-Link WiFi Extender ในราคาที่คุ้มที่สุด ก็ต้องบอกเลยว่า ช่วงโปรโมชั่น นี่แหละคือเวลาทอง! แพลตฟอร์มอย่าง Lazada และ Shopee เค้าจะมีโปรโมชั่นใหญ่ๆ แทบทุกเดือนเลยนะ โดยเฉพาะช่วง Double Digit Sale อย่าง 9.9, 10.10, 11.11, และ 12.12 ช่วงนี้แหละที่ Official Store ของ TP-Link หรือร้านค้าไอทีต่างๆ จะลดราคาจัดหนักจัดเต็ม มีโค้ดส่วนลดพิเศษ มีแคชแบ็กคืนมาให้ด้วยนะ

นอกจากนี้ ช่วงเทศกาลสำคัญๆ ของไทย อย่าง สงกรานต์ หรือ ช่วงปลายปี ก็มักจะมีโปรโมชั่นลดราคาเพื่อต้อนรับเทศกาลด้วยเช่นกันจ้า การซื้อในช่วงโปรโมชั่นเนี่ย ช่วยให้เราประหยัดเงินไปได้เยอะมากๆ เลยนะ บางทีได้ส่วนลดเป็นหลักร้อยเลยทีเดียว!

คำแนะนำคือ: ถ้าไม่ได้รีบใช้แบบด่วนจี๋จ๋า ให้รอซื้อช่วงโปรโมชั่นจะคุ้มกว่ามากๆ เลยนะ กดติดตามร้านค้า Official Store ของ TP-Link ไว้ใน Lazada หรือ Shopee ก็ได้ เค้าจะมีการแจ้งเตือนเวลาจัดโปรโมชั่น จะได้ไม่พลาดส่วนลดดีๆ จ้า!


6. รีวิวและฟีดแบ็กจากผู้ใช้ในไทย

ลองไปส่องๆ ดูตามรีวิวใน Lazada, Shopee, Pantip หรือ YouTube ของคนไทยที่ใช้ TP-Link WiFi Extender แล้วเนี่ย ฟีดแบ็กส่วนใหญ่ถือว่าดีเลยนะ! จุดที่คนไทยประทับใจมากๆ ก็คือ:

  • ติดตั้งง่าย ตั้งค่าไม่ยุ่งยาก: หลายคนบอกว่าแค่เสียบปลั๊ก กดปุ่ม WPS บนเราเตอร์กับตัว Extender ไม่กี่ทีก็ใช้งานได้แล้ว หรือจะตั้งค่าผ่านแอปฯ TP-Link Tether บนมือถือก็ง่ายมากๆ ไม่ต้องมีความรู้เรื่องเน็ตเวิร์คเยอะก็ทำเองได้สบายๆ
  • ช่วยแก้ปัญหาจุดอับสัญญาณได้จริง: อันนี้คือหัวใจหลักเลย! ผู้ใช้หลายคนยืนยันว่าหลังจากใช้ Extender แล้ว จุดที่เคยไม่มีสัญญาณหรือสัญญาณอ่อนมากๆ ก็มีสัญญาณดีขึ้น เล่นเน็ตได้ไหลลื่นขึ้น
  • ราคาคุ้มค่าเมื่อเทียบกับคุณภาพ: หลายคนมองว่า TP-Link ให้ประสิทธิภาพที่ดี ในราคาที่ไม่แพงจนเกินไป ทำให้เป็นตัวเลือกที่คุ้มค่ามากๆ สำหรับคนทั่วไป
  • ขนาดเล็กกะทัดรัด: ตัว Extender ส่วนใหญ่ออกแบบมาให้เสียบกับปลั๊กไฟได้เลย ขนาดไม่ใหญ่มาก ไม่เกะกะสายตา
  • มีไฟบอกสถานะสัญญาณ: ตัวเครื่องจะมีไฟ LED ที่ช่วยบอกว่าจุดที่เราเสียบ Extender นั้น ได้รับสัญญาณจากเราเตอร์แรงแค่ไหน ควรขยับไปไว้ตรงไหนถึงจะดีที่สุด อันนี้สะดวกมากๆ!

ส่วนข้อสังเกตเล็กๆ น้อยๆ อาจจะมีบ้าง อย่างบางรุ่นที่ไม่ได้เป็น OneMesh ถ้าตั้งชื่อ SSID (ชื่อไวไฟ) เหมือนเราเตอร์หลัก เวลาเครื่องเราย้ายไปมาระหว่างสองสัญญาณ อาจจะมีหน่วงๆ บ้างเล็กน้อย แต่โดยรวมแล้ว คนไทยส่วนใหญ่แฮปปี้กับประสิทธิภาพและความคุ้มค่าของ TP-Link Extender จ้า


7. ช่องทางการซื้อที่แนะนำ

สำหรับช่องทางการซื้อ TP-Link WiFi Extender ในไทย มีหลายทางเลือกเลยนะ:

  • แพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซใหญ่ๆ: อย่าง Lazada และ Shopee อันนี้คือสะดวกสุดๆ เลย มีร้านค้าเยอะมาก ทั้ง Official Store ของ TP-Link และร้านค้าไอทีต่างๆ มีตัวเลือกหลากหลายรุ่น สามารถเปรียบเทียบราคาได้ง่าย มีรีวิวจากผู้ใช้จริงให้ดูเยอะ มีระบบการจ่ายเงินที่ปลอดภัย และมักจะมีโปรโมชั่น ส่วนลด โค้ดส่งฟรีให้ใช้บ่อยๆ ข้อควรระวังคือ ต้องเลือกร้านที่น่าเชื่อถือ ดูคะแนนร้าน ดูรีวิวผู้ขายให้ดีก่อนสั่งนะจ๊ะ
  • ร้านค้าปลีกสินค้าไอที: เช่น JIB, Banana IT, Power Buy, หรือ Advice ข้อดีคือเราสามารถไปดูสินค้าจริง สอบถามพนักงาน ได้คำแนะนำ และมั่นใจเรื่องการรับประกันได้ บางทีราคาก็จัดโปรโมชั่นน่าสนใจไม่แพ้ออนไลน์นะ แต่บางรุ่นอาจจะมีให้เลือกไม่เยอะเท่าบนออนไลน์
  • Official Website ของ TP-Link ประเทศไทย: บนเว็บของ TP-Link เองก็มีข้อมูลสินค้าครบถ้วน แต่อาจจะไม่ได้ขายโดยตรงนะ เค้าจะลิ้งค์ไปยังร้านค้าออนไลน์หรือตัวแทนจำหน่ายต่างๆ มากกว่า

ส่วนช่องทางอื่นๆ เช่น การซื้อขายมือสอง ก็อาจจะมีบ้างตามกลุ่ม Facebook หรือเว็บบอร์ดต่างๆ แต่ก็ต้องพิจารณาความเสี่ยงเรื่องสภาพสินค้าและการรับประกันด้วยนะจ๊ะ แนะนำให้ซื้อกับช่องทางทางการหรือร้านค้าที่มีความน่าเชื่อถือจะสบายใจกว่าจ้า


8. สรุปหรือคำแนะนำเรื่องราคา

สรุปแล้ว TP-Link WiFi Extender ราคาในไทยเนี่ย ถือว่า คุ้มค่าน่าซื้อมากๆ เลยจ้า! โดยเฉพาะถ้าคุณกำลังเจอปัญหาจุดอับสัญญาณไวไฟในบ้าน แล้วไม่อยากเดินสาย LAN ให้ยุ่งยาก หรือไม่อยากลงทุนเปลี่ยนเราเตอร์ใหม่ยกชุด เจ้า Extender นี่แหละคือทางออกที่ ประหยัดและแก้ปัญหาได้ตรงจุด

ความคุ้มค่าของมันอยู่ที่ราคาที่ไม่แพง ฟังก์ชันการใช้งานที่ง่าย ติดตั้งสะดวก และที่เด็ดสุดคือมีการรับประกันแบบ Limited Lifetime Warranty ในหลายๆ รุ่น ทำให้เรามั่นใจได้ในระยะยาว

เหมาะกับใคร? เหมาะมากๆ กับคนที่อยู่บ้านหรือคอนโดที่มีพื้นที่กว้าง หรือมีสิ่งกีดขวางเยอะๆ ที่ทำให้สัญญาณไวไฟจากเราเตอร์หลักไปไม่ถึง หรือคนที่ต้องการขยายสัญญาณไปยังอีกห้อง หรืออีกชั้นนึงแบบง่ายๆ

ส่วนจะเลือกรุ่นไหนดี? ถ้าเน้นประหยัด งบน้อย แค่ต้องการขยายสัญญาณให้พอใช้งานทั่วไป เล่นโซเชียล ดูคลิปนิดหน่อย รุ่นเริ่มต้นอย่าง TL-WA850RE (N300) หรือ RE200 (AC750) ก็เพียงพอแล้ว แต่ถ้าอยากได้ความเร็วที่สูงขึ้น รองรับอุปกรณ์หลายเครื่องพร้อมกัน หรือบ้านใช้เราเตอร์ที่รองรับ Wi-Fi 6 อยู่แล้ว แนะนำให้ขยับไปรุ่นที่สเปกสูงขึ้นหน่อย อย่าง RE305 (AC1200) หรือ RE505X (AX1500) ก็จะตอบโจทย์ได้ดีกว่าจ้า

โดยรวมแล้ว TP-Link WiFi Extender เป็นอุปกรณ์เสริมที่ช่วยให้ชีวิตการใช้อินเทอร์เน็ตในบ้านง่ายขึ้นเยอะ ในราคาที่จับต้องได้ ใครที่กำลังลังเลอยู่ บอกเลยว่า ลองดูเถอะจ้า อาจจะติดใจจนลืมปัญหาเน็ตช้าไปเลยก็ได้นะ! ขอให้ทุกคนสนุกกับการใช้อินเทอร์เน็ตแบบไม่มีสะดุดนะคร้าบ!


วิดีโอที่เกี่ยวข้อง

บทความล่าสุดดูเพิ่มเติม

สวัสดีค่าาา พ่อค้าแม่ค้าออนไลน์ หรือใครที่ชอบห่อของร้อนๆ กลับบ้าน! วันนี้เราจะมาเม้าท์มอยเรื่องไอเทมสำคัญที่ขาดไม่ได้เลย นั่นก็คือ กล่องกระดาษใส่ของร้อน นั่นเองงง! ยิ่งช่วงนี้กระแสลดโลกร้อนมาแรง กล่องกระดาษนี่แหละตัวจี๊ด! แต่จะซื้อยังไงให้ไ
กล่องกระดาษใส่ของร้อน ราคาถูก ซื้อจากโรงงาน แพ็คละเท่าไหร่? ยี่ห้อไหนดี?
สวัสดีค่าสาวๆ หนุ่มๆ และชาวเราที่หลงใหลในมนต์เสน่ห์ของกลิ่นหอมทุกคนนน! วันนี้เราจะมาเจาะลึกกันถึงน้ำหอมตัวดังในตำนานอีกหนึ่งรุ่นที่หลายคนต้องเคยได้ยินชื่อ หรือไม่ก็มีติดโต๊ะเครื่องแป้งไว้ นั่นก็คือตระกูล Bvlgari Omnia นั่นเองจ้า! โอ้โห แค่พ
น้ำหอม Bvlgari Omnia ราคาเคาน์เตอร์ รุ่นไหนหอมติดทนสุด? ซื้อกลิ่นไหนดี?
สวัสดีจ้าสายดูหนัง ฟังเพลง เล่นเกม ที่กำลังมองหาจอใหญ่ยักษ์มาประดับบ้าน! วันนี้เราจะมาเม้าท์มอยถึงทีวีไซส์บิ๊กเบิ้มอย่าง Samsung UA75RU7100KXXT ขนาด 75 นิ้วกันหน่อย รุ่นนี้อาจจะออกมาพักใหญ่แล้วนะ แต่ความใหญ่สะใจกับราคาที่น่ารักน่าลุ้นในปี 2
Samsung UA75RU7100KXXT (ทีวี 75 นิ้ว) ราคาล่าสุด 2567 คุ้มกับขนาดจอใหญ่ไหม?

บทความยอดนิยม

บทความที่แนะนำ